Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ปลาใหญ่ ปลาเล็ก ติดต่อทีมงาน

ถ้าเปรียบหุ้นทั้งหมดในตลาดเป็น "ปลา" ที่แหวกว่ายไปมารอให้คนมาซื้อ สิ่งที่เราในฐานะนักลงทุนทำก็คือ ซื้อปลามาเพื่อเลี้ยงและขายต่อให้ได้ราคาดีๆ

ผมคงต้องยอมรับว่าเป็นคนไม่ชอบลงทุนกับ "ปลาใหญ่" แม้จะรู้ว่าปลาใหญ่แข็งแรงกว่า ทนกว่า และเนื้อเยอะกว่า ในทางตรงข้ามผมกลับชอบซื้อ "ปลาเล็ก" ที่แคล่วคล่องว่องไวและมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีกมาก แต่นี่ก็เป็นเพียงแค่ความชอบส่วนตัวเท่านั้น

ที่จริงแล้วสำหรับคนที่เลือกปลาเก่งๆ ไม่ว่าปลาจะตัวใหญ่หรือตัวเล็กก็สามารถทำกำไรได้ทั้งสิ้น

ปลาใหญ่


ปลาใหญ่ หรือ หุ้นตัวใหญ่ จำพวกที่อยู่ใน SET50 หรือ SET100 นั้นเป็นที่หมายปองของนักลงทุนอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น "ขาเล็ก" อย่างพวกรายย่อย หรือ "ขาใหญ่" อย่างนักลงทุนสถาบัน

นักลงทุนสถาบัน เช่น ผู้จัดการกองทุน หรือเฮ็ดจ์ฟันด์ต่างๆ มักมีข้อจำกัดที่ทำให้พวกเขาต้องจดจ่ออยู่กับหุ้นตัวใหญ่ แม้ที่จริงในกรณีของเฮ็ดจ์ฟันด์จะสามารถดิ้นไปลงทุนใน "อะไรก็ได้" แต่การจับหุ้นตัวเล็กก็ทำให้พวกเขามีอาวุธไม่ครบมือ อย่างน้อยก็ไม่สามารถช็อตเซลล์ (short sell) หุ้นก่อน แล้วค่อยไปซื้อกลับในราคาถูกๆ เพื่อทำกำไร ด้วยเหตุนี้นักลงทุนขาใหญ่จึงถูกบังคับให้ซื้อ "ปลาใหญ่" ไปอย่างช่วยไม่ได้

แต่ในมุมของนักลงทุนรายย่อยนั้นแตกต่างออกไป พวกเขาสามารถ "เลือก" ปลาใหญ่หรือปลาเล็กก็ได้ อย่างไรก็ตาม ผมจะพูดถึงพวกที่ชอบปลาใหญ่ก่อนก็แล้วกัน

ในรายที่เลือกซื้อปลาใหญ่ หลายคนเลือกเพราะความเชื่อใจและความสบายใจ ความเชื่อใจที่ว่านี้ก็คือ หุ้นตัวใหญ่ หรือ หุ้นบลูชิป เป็นหุ้นดีและปลอดภัย พวกเขาตัดสินใจซื้อแม้จะไม่รู้ตื้นลึกหนาบางเกี่ยวกับธุรกิจของมันเลย รู้แต่ว่า "ปลาใหญ่ไม่มีวันจม" และ "หุ้นบลูชิปไม่มีวันเจ๊ง"

ขณะที่รายย่อยอีกหลายคนก็พยายาม "เล่นหุ้น" แบบเน้นคุณค่า พวกเขาเข้าใจว่านักลงทุนแบบ VI ต้องซื้อหุ้นแล้วถือยาว ต้องซื้อหุ้นพื้นฐานดี แล้วก็เข้าใจต่อไปว่าหุ้นบลูชิปคือหุ้นพื้นฐานดี ก็เลยสรุปว่า "เป็น VI ต้องซื้อหุ้นบลูชิปแล้วถือยาว" ...ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิดเพี้ยนไปมาก

ปลาใหญ่อาจไม่ทำกำไรก็ได้ หากว่ามัน "ป่วย" หลังจากที่คุณซื้อมา การอนุมานว่าปลาใหญ่ต้องแข็งแรงจึงไม่ถูกต้องเสมอไป

นอกจากนี้ปลาใหญ่นั้นมักจะโตมาเป็นเวลายาวนานแล้ว โอกาสที่เลี้ยงไปแล้วมันจะโตขึ้นก็มีอยู่จำกัด อีกทั้งปลาใหญ่ย่อมเป็นที่หมายตาของนักลงทุนทั้งขาใหญ่ขาเล็ก โอกาสที่เราจะได้ซื้อมันในราคา "เจ๋งๆ" ก็มีอยู่ไม่มาก ผมจึงมองว่าทั้ง "ศักยภาพ" และ "โอกาส" ไม่ค่อยเอื้อให้กับนักลงทุนรายเล็กๆ อย่างผมสักเท่าใดนัก ผมเลยมักจะเบี่ยงตัวเองออกไปมองหาปลาเล็กเสียมากกว่า

ปลาเล็ก


การมองหาปลาเล็กถือได้ว่าเป็นเรื่องสนุกกว่ากันมาก แต่เมื่อไหร่ที่คุณมองเห็นปลาเล็กตัวแจ๋วๆ รับรองว่ามันจะทำกำไรให้คุณได้ชนิดอ้าปากตาค้างเลยล่ะ

ปลาเล็ก หรือ หุ้นตัวเล็ก อยู่นอกจอเรดาร์ของเหล่าผู้จัดการกองทุน ซึ่งมักมีข้อจำกัดในการเลือกตัวหุ้น "โอกาส" ของเราที่จะซื้อมันได้ในราคาดีๆ จึงมีอยู่เสมอ นอกจากนี้ปลาเล็กยังมี "ศักยภาพ" ที่จะเติบโตได้อีกมาก ถ้าเราสามารถเลือกปลาเล็กที่แข็งแรงและโตไว

อย่างไรก็ตาม การเลือกซื้อหุ้นตัวเล็กมีข้อควรระวังอยู่มากเหมือนกัน ข้อแรก คือ คุณภาพของมัน หุ้นตัวใหญ่จัดได้ว่าผ่านร้อนผ่านหนาวพิสูจน์ตัวเองมาปีแล้วปีเล่า จนกลายเป็นบริษัทใหญ่อย่างในทุกวันนี้ ในขณะที่หุ้นตัวเล็กอาจแทบไม่เคยผ่านศึกหนักมาเลย การมองหาหุ้นตัวเล็กที่เจ๋งจริงๆ จึงต้องใช้สายตาที่แหลมคมอยู่พอสมควร

ข้อสอง ความที่หุ้นตัวเล็กเป็นการ "เล่นกันเอง" ในระหว่างรายย่อยด้วยกัน สภาพคล่องของหุ้นจึงค่อนข้างน้อย แม้กระทั่งรายย่อยที่มีเม็ดเงินมากหน่อยก็อาจกลายเป็น "เจ้ามือหุ้น" ที่สามารถลากหรือทุบราคาหุ้นได้แล้ว เราจึงต้องระวังไม่เข้าไปเล่นในเกมเดียวกับเจ้ามือหุ้นเหล่านั้น

ข้อสาม สืบเนื่องจากสภาพคล่องที่ค่อนข้างน้อย การซื้อหรือขายหุ้นอย่างรวดเร็วอาจทำให้เราได้ราคาแย่กว่าที่ควร เพราะช่วงห่างระหว่างราคา bid กับ offer ที่ห่างกันมาก ในเวลาที่จะซื้อถ้าเราอ้อยอิ่งใจเย็นเกินไป ราคาหุ้นก็ขยับขึ้นทุกวัน เราก็อาจต้องตามซื้อในราคาที่แพงอย่างนี้เป็นต้น ซึ่งนั่นก็ส่งผลเสียต่อต้นทุนของเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ข้อสุดท้าย ผมขอย้อนกลับไปในกรณีที่เราพลาดไปซื้อ "ปลาป่วย" หากเป็นเคสของปลาใหญ่เรายังตัดใจขายทิ้งได้ทันทีโดยไม่เจ็บปวดมากนัก แต่ในเคสของปลาเล็ก เราอาจ "โดน" ตั้งแต่ข้อแรกจนถึงข้อสามกลับมาเล่นงานอ่วมได้ เพราะตลาดของปลาเล็กนั้นจัดว่าเป็น niche market หรือตลาดที่มีความเฉพาะเจาะจงสูง

ด้วยเหตุนี้ผมจึงเตือนตัวเองเสมอว่า "รักจะซื้อปลาเล็ก สายตาต้องแหลมคม" และ "ต้องเฉียบคมขึ้นอยู่เสมอ" จะหยุดพัฒนาตัวเองไม่ได้เลย

นี่คือข้อคิดที่อยากฝากไว้สำหรับคนรักปลาเล็กทุกคนครับ

------------------------------------------------------------

เครดิต http://www.monkeyfreetime.com/2012/08/blog-post_20.html

 
 

จากคุณ : Antonio at MonkeyFreeTime
เขียนเมื่อ : 20 ส.ค. 55 01:13:40




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com