ความคิดเห็นที่ 1 ไม่ถูกต้องครับ 1. KFSDIV และอื่นๆประกาศก่อนเสมอว่าวันไหน เรารู้ล่วงหน้า และคำนวณล่วงหน้าได้ด้วยว่าจะได้ปันผลเท่าไหร่ ส่วนมาก 50 สตางค์ต่อหน่วย ก่อนหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% 2. ในวันที่ปิดสมุดเพื่อคำนวณ วันนั้น หรือ เย็นวันนั้น ซื้อขายไม่ได้ครับ คุณทำได้ ก่อนวันนั้น หรือ หลังวันนั้นเท่านั้น ถ้าคุณขายก่อน คุณก็ไม่ได้รับเงินปันผล แต่ถ้าคุณขายวันหลัง คุณได้ปันผล แต่ NAV มันลดลงไปแล้วหน่วยละ 50 สตางค์ คุณขายได้เงินคืนน้อยลง ถามว่า คุณสามารถหาวิธีกำไร 2 ต่อ ได้ทั้งปันผล ได้ทั้งราคาขายก่อน NAV ลดลง เป็นไปได้หรือไม่ คำตอบคือไม่ได้ครับ ถามว่า ถ้าขายก่อนได้ปันผล แล้วหลังวันปันผล ซื้อกลับไปใหม่ เพราะ NAV ราคาลดลง       เทียบกับ       ได้ปันผล    อะไรดีกว่า คำตอบคือ ไม่แน่   เพราะปันผล คุณถุกหัก ณ ที่จ่ายไป 10%  NAV หายไป 50 สตางค์  กลายเป็นปันผล ขณะที่ถ้าคุณขายออก แล้วซื้อคืนที่ราคาถูกลง 50 สตางค์ คุณไม่เสียภาษี แต่คุณมีค่าธรรมเนียมซื้อขาย   สามวันที่ต่างกัน ราคา NAV ขึ้นกับผลประกอบการ ถ้าโชคดี คุณขายแพงซื้อถูก หรือไม่ก็กลับกัน ถ้าซื้อยาวเฉลี่ยสะสม ผมแนะนำว่าซื้อยาวเก็บยาวดีกว่าครับ อย่าเพิ่งคิดเรื่องซื้อขายเลย จนกว่าคุณเริ่มรู้มากขึ้น จากคุณ : kriengchai เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 14:12:15

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้าซื้อยาวจริงๆ ไม่ต้องกังวลครับ ^_^ นอกจากซื้อผิดเวลามากๆ ... บุญรักษาครับ : ) จากคุณ : Bother Boy ! เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 15:30:24

ความคิดเห็นที่ 3 แนะนำวิธีที่ทำแล้วกันนะครับ สะสมหน่วยลงทุนตอนตลาดตกหนักๆ ใน 1 ปี ลงทุนไม่บ่อย หรือ ไม่ลงทุนเลย ถ้ามองว่าราคายังไม่ถูกโดนใจก็ไม่ลงทุน ส่วนเงินปันผลที่ได้รับระหว่างปีก็นำไปลงทุนต่อแบบทบต้นพร้อมกับงบประมาณในการลงทุนในปีนั้นๆ รวมไปถึงงบประมาณจากปีก่อนที่ไม่ได้ลงทุน นำมารวมกันแล้วลงทุน (Re-Invesment) มีผลทำให้ต้นทุนลดลงในระยะยาว และ ถือเป็นการสร้างส่วนเผื่อความปลอดภัยเวลาราคาผันผวน หรือ ราคาตกหนักๆ มากกว่าที่ควรจะเป็น เพราะต้นทุนลดลงเรื่อยๆ ตามระยะเวลา ส่วนเผื่อความปลอดภัยควรมีมากกว่าราคาปัจจุบันที่รับรู้ราคากันโดยทั่วไปจึงจะดีที่สุด ส่วนตัวมองว่าช่วงตลาดขาขึ้นก็ควรมีความสุขกับการได้รับเงินปันผล (ไม่ขายหน่วยลงทุน) ส่วนตลาดขาลงก็ควรมีความสุขกับการได้ช๊อปปิ้งของราคาถูกๆ คนส่วนมากในตลาดทุนมีความสุขแค่ 30% จากช่วงขาขึ้น ส่วน 70% มีความทุกข์จากช่วงตลาดทุนในขาลง ระยะยาวแล้วผลตอบแทนของคนส่วนมากจึงไม่ดีเท่าที่ควร เนื่องจากเข้า-ออก ในการลงทุนบ่อยเกินไป เราควรมีความสุขของทุกช่วงในธรรมชาติของตลาดทุน WIN WIN ANYTIME ดีกว่าครับ จากคุณ : กองทุนหุ้นปันผล เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 15:52:22

ความคิดเห็นที่ 4 อย่าโลภทั้งสองด้านดิ ถ้าคิดจะเอาปันผล เลือกกองทุนที่พอใจกับเงินปันผลที่สุด แล้วไม่ต้องสนใจ nav คนที่ลงกองทุน คือ มีเงินเหลือจากส่วนอื่นๆ คิดว่า ไม่จำเป็นต้องขาย ไม่ว่า nav จะเป็นเท่าไร มันก็คล้ายๆกับฝากประจำกินดอกเบี้ยสูงๆ แต่กองทุน ดีกว่าตรงที่มีโอกาสขายเมื่อต้องการ ดังนั้น ก็ปล่อย nav ไป ให้มันขึ้นๆลงๆไปงั้นแหละ มาคอยกินปันผลแต่ละปีดีกว่า ถ้าเงินเหลือจริงๆ แทนที่จะเอาไปฝากออมทรัพย์ ก็ซื้อหน่วยลงทุนเพิ่ม ปันผลมันก็เพิ่มไปเรื่อยๆ ถ้าอยากได้ปันผลมาก ก็ใช้วิธีเอาเงินเดิม แค่สลับกองตามจังหวะปันผล เสียค่าธรรมเนียมนิดหน่อย แก้ไขเมื่อ 27 ส.ค. 55 16:22:56 จากคุณ : *Cookies* เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 16:19:16

ความคิดเห็นที่ 5 kfsdiv ขอเปรียบเทียบจากราคา bid ละกันนะ เพราะเวลาขายเราใช้ราคานี้ ก่อน xd 9/8/12   bid  = 14.1917 หลัง xd 14/8/12  bid = 13.7400 -->ลดลง 0.4517 ปัจจุบัน 24/8/12  bid = 14.1848  --> เท่ากับได้ปันผลฟรีแล้วตอนนี้ ถ้าขายวันที่ 9 ถึงตอนนี้ยังซื้อคืนหน่วยเท่าเดิมไม่ได้เลย แถมต้องซื้อราคา offer (- -') และปันผลก็ไม่ได้ ตลาดขาขึ้นก็งี้แหละ ขาลงก็อย่าไปตกใจ จะซื้อเพื่อปันผล ก็รอรับปันผลตามวาระ สบาย ๆ .... จากคุณ : Bg-view เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 16:50:11

ความคิดเห็นที่ 6 ได้ความรู้ดีมากค่ะกระทู้นี้. เข้าใจขึ้นเยอะเลยเรื่องกองทุน^^ จากคุณ : amlee เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 17:44:13

ความคิดเห็นที่ 7 ถ้าจะซื้อเก็บยาว... จำนวนหน่วยลงทุน กับ ระยะเวลา คือ ตัวสร้างความแตกต่างของ return ครับ..ลองดูครับ จากคุณ : หมูอวบ เขียนเมื่อ : 27 ส.ค. 55 19:09:50