ความคิดเห็นที่ 1 ผมก็ไม่ทราบรายละเอียดมาก แต่มีความเห็นอย่างนี้คับ เค้าต้องการขยายสาขา โดยไม่ใช้ทุนตัวเองครับ พื้นที่ไหนดี ก็ตาม พื้นที่ไหนแย่ คนซื้อแฟรนไชก็รับไป ^^ เพื่อนที่เคยซื้อแฟรนไชก็บอกว่าจริงๆ แล้วรู้สึกไม่คุ้มเหมือนกันครับ มาซื้อหุ้นคงคุ้มกว่าจริงๆ จากคุณ : tonmai08 เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 55 03:23:23

ความคิดเห็นที่ 2 ทราบมาคร่าวๆ ว่า นอกจากต้นทุนทุกอย่างที่เราต้องแบกรับเอง ยังต้องแบ่งกำไรให้ทาง 7-11 อีกไม่แน่ใจว่าจำนวนเท่าไหร่ แต่ไงเราก็ไม่ได้กำไร 100% จากการขายน่ะค่ะ ส่วนตัวคิดว่า สู้เปิดร้านสะดวกซื้อเสียเองเลยดีกว่า แต่จะไม่ได้เรื่องแบรนด์ และความเป็นระบบ แต่ถ้ามีวิธีบริหารจัดการได้เอง ก็ไม่มีปัญหา เพิ่มเติม---- คนที่คิดนำเงินมาลงเปิด 7-11 ส่วนใหญ่คงไม่ได้เล่นหุ้นมั้งคะ แต่อยากจะมีกิจการของตัวเอง เชื่อว่าถ้าเขารู้จักการลงทุนผ่านหุ้น เขาคงเลือกที่จะมาลงทุนในหุ้นมากกว่า แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 55 04:58:35 จากคุณ : nannan47 เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 55 04:54:51

ความคิดเห็นที่ 3 ...กฏ...20:80..... ....ใช้ได้กับทุกเรื่อง... จากคุณ : หุ้นเดียวกัน เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 55 05:48:14

ความคิดเห็นที่ 4 รู้จักกันมั๊ยกับกฎ 80:20 http://ba.bu.ac.th/ejournal/HR/HR6/HR6.htm จากคุณ : C_yada เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 55 06:08:58

ความคิดเห็นที่ 5 ผมก็ไม่ทราบรายละเอียดของเฟรนไชน์เหมือนกันครับ แถวบ้านผมมีโลตัสเอ็กเพรส เปิดติดกับเซเว่น ผมมักจะแอบเข้าโลตัสเอ็กเพรสเพื่อไปดูความแตกต่างจากเซเว่น และรู้สึกว่าของมีให้เลือกเยอะหลากหลายกว่า ใหญ่กว่า แต่เ่ท่าที่สังเกตุการบริหารจัดการ ยังห่างไกลเซเว่นมากครับ ไม่ว่าจะเป็นการจัดวางเชลส์ ป้ายราคา อัธยาศรัยของ พนง. ระบบ audit  ระบบ QC ความสำนึกต่อองค์การ ต่อร้าน ต่อลูกค้า ต่อสินค้า ต่ำกว่าเซเว่นอย่างเทียบกันไม่ติด เซเว่นแต่ละร้าน แต่ละจังหวัด แต่ละภูมิภาค มีการแข่งขันกันเองระหว่าง พนง.ของแต่ละร้าน พนง.เซเว่นไม่ได้คิดจะแข่งกับโลตัสหรือ Convenience store ใด ๆ แต่คิดจะแข่งกันเองกับร้านเซเว่นข้าง ๆ มาแต่ไหนแต่ไร เพื่อความก้าวหน้าทางการงานที่เซเว่นสร้างเป็นแรงจูงใจไว้ให้พนง. เซเว่นปลูกฝั่งค่านิยมในงานบริการให้ พนง.ได้เป็นอย่างดี พร้อมกับใช้งาน พนง.คุ้มค่าจ้าง น้ำหวานเกาะเครื่องสเลอปี้นิด ผักกระเด็นมาหน่อย พื้นเลอะนิด ลืมปิดการขาย(ด้วยขนมจีบซาลาเปา) ฯลฯ ก็จะรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ผิดและเป็นเรื่องเลวร้ายสำหรับ พนง.เซเว่น ถ้าไม่นับสินค้าที่เซเว่นสร้างขึ้นมาเองเพื่อความแตกต่างจากที่อื่นแล้ว การจัดวางระบบภายในองค์กรของเซเว่นไม่มี Convenience store ไหนจะทำได้หรือถ้าทำได้ก็ยากและต้องใช้เวลานานมากๆ ผมรู้และเข้าใจเรื่องพกวนี้ได้อย่างไร นั่นเพราะผมไม่ใช่ลูกคุณหนูที่เกิดมาบนกองเงินกองทองครับ สมัยเด็ก ๆ ผมเคยทำงานเซเว่นครับ (คงคิดว่าตัวเองเป็นบัฟเฟตเหมือนสมัยส่งหนังสือพิมพ์ washington post มั้งครับ) - -" 555+ จากคุณ : ในความคิดของข้าพเจ้า (Fsmoothdood) เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 55 06:15:34

ความคิดเห็นที่ 6 เอากำไรตรงนั้นมาปันผลผู้ถือหุ้น จากคุณ : ทองเนื้อเก้า เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 55 06:43:59

ความคิดเห็นที่ 7 เพราะคนที่ตอบไม่ได้เปิดกิจการ7-11เองครับ ฟังเขามาแล้วเอามาพูดต่อทั้งนั้น ^^ จากคุณ : อยาก_จะ_กิน_น้ำแข็งใส เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 55 06:58:13

ความคิดเห็นที่ 8 cpall กำไรอย่างไร 1. ต้องมองย้อนไปในอดีต เมื่อมี 7-11 ใหม่ๆ สาขาน้อย ต้องการเร่งเปิดสาขาจำนวนมากๆ  การเปิดแฟรนไชส์ จะช่วยลดการลงทุนและกำลังคน ได้ผู้บริหารร้านแบบไม่ต้องจ้าง และที่สำคัญ เอาแฟรนไชส์ไปเสี่ยงในเรื่องทำเลแทน ดังนั้นมาดูประเด็นนี้ในปัจจุบัน ด้วยจำนวนสาขาที่มีตอนนี้ เงินสดที่เข้าทุกวัน ประเด็นเงินทุนขยายสาขาจึงไม่ใช่ประเด็นอีกต่อไป แต่แฟรนไชส์ ยังมีประโยชน์ในเรื่องความเสี่ยงของทำเล 2. ทุกสาขาที่เปิดโดย แฟรนไชส์ จะเป็นสาขาที่ CPALL กำไรอย่างเดียวไม่มีขาดทุน ขาดทุนเป็นเรื่องของแฟรนไชส์รับไป) เริ่มตั้งแต่เข้าต้องจ่ายค่าแฟรนไชส์ กำไรจากการขายสินค้าให้แฟรนไชส์ เสร็จแล้วยังมาได้ส่วนแบ่ง จากกำไรก่อนหักค่าใช้จ่าย(GP) ของแฟรนไชส์ ในอดีตคือ 35% หรืออีกนัย ก็คือ 7-10% ของยอดขาย เดี๋ยวนี้คิดเท่าไหร่ไม่รู้ ถึงร้านแฟรนไชส์ขาดทุน CPALL ไม่เกี่ยว ยังได้ส่วนแบ่งนั้นอยู่ดี 3.ทำเลที่แฟรนไชส์ได้เปิด ถ้าไม่ใช่ที่ตัวเอง หรือหามาเอง รับต่อจาก CP ก็ส่วนใหญ่จะไม่ใช่ทำเล grade A 4. ถ้าทำเลนั้นเกิดดีขึ้นมา เปิดร้านทับอีก 5. บางสาขาที่เปิดแล้วแฟรนไชส์อยู่ไม่ได้เพราะไม่กำไร หรือกำไรน้อย ต้องคืนร้าน ส่วนใหญ่จะไม่มีปัญหากับ CPALL เพราะเขารู้ยอดขายแล้ว เขาสามารถประเมินได้ว่า CP ควรเปิดต่อหรือไม่ จึงไม่เสี่ยง แฟรนไชส์อยู่ไม่ได้ แต่ CP อยู่ได้ เพราะ CP ได้เปรียบตรงขายแล้วไม่ต้องแบ่งกำไรให้ใครอีก ต้นทุนจึงต่ำกว่ามาก อีกเหตุผลที่ CP บางทีทนเปิดถึงแม้ยอดขายไม่ทำกำไร ก็คือเพื่อป้องกันคู่แข่งเกิด 5. นะวันนี้ ที่ cpall มี 6-7 พันสาขา ต่อให้เปิดอีก 100 สาขา ที่กำไรบ้างไม่กำไรบ้างขาดทุนบ้าง ก็อยู่ได้สบาย ไม่กระเทือน ลองผิดลองถูกได้ โดยไม่มีปัญหา 6.ในอนาคต สมมุติ CP เปิดสาขาไปมากๆ ถึงจุดหนึ่ง ที่การบริโภคไม่โต จำนวนสาขาที่เพิ่ม อาจไม่ช่วยเพิ่มยอดขาย แต่กลับเป็นการเพิ่มต้นทุน ทำให้กำไรต่อสาขาลดลง ผมไม่รู้ว่าจุดนั้นคือตัวเลขกี่สาขา ถึงตอนนั้การโตของ 7-11 ก็จะขึ้นอยู่กับ กำลังการบริโภคของประชาชน กับความนิยมในตัวสินค้า   แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 55 07:22:01 แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 55 07:17:25 แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 55 07:14:37 แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 55 07:12:15 แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 55 07:07:07 แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 55 07:02:58 จากคุณ : ปุถุชนคนไทย เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 55 07:00:28

ความคิดเห็นที่ 9 เพราะยังมีคนไม่รู้อีกมากไงครับ มันก็เหมือนถามว่าแก็ง call center หาเงินได้ยังไง ในเมื่อเป็นข่าวออกดังมากมาย ก็เพราะมันยังมีคนไม่รู้เรื่องว่าโลกนี้มันมีหากินอย่างนี้ไง จากคุณ : ปุ่ม shift อยู่ไหน เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 55 07:28:39

ความคิดเห็นที่ 10 นี่ไง ไล่อ่านไปเจอเลย http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I12583096/I12583096.html จากคุณ : ปุ่ม shift อยู่ไหน เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 55 07:31:42

ความคิดเห็นที่ 11 การเปิดสาขาเพิ่ม ส่วนใหญ่รู้ไม่จริง เขาเปิดเมื่อสำรวจว่า คนมากขึ้น ปริมาณความต้องการสูงขึ้น ถ้าไม่เปิด ก็จะมีแบรนด์อื่นมาเปิดแข่ง ทั้งนี้เขาให้สิทธิ์คนที่เปิด 7-11 ตรงนั้นก่อนด้วย ว่าต้องการหรือเปล่า จากคุณ : Post in Android (สมชายตลอดมา) เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 55 07:36:26

ความคิดเห็นที่ 12 โตได้เพราะลูกค้า  ไม่ได้สนใจว่า เซเว่นจะเอาเปรียบใครครับ เลยไม่เกิดการต่อต้านทางสังคมขึ้น จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 55 07:50:33

ความคิดเห็นที่ 13 เอาเปรียบไม่เอาเปรียบมันเป็นอีกเรื่อง แต่ที่แน่ๆมีกำไรแน่นอนถ้าไม่มีกำไรจะโง่เปิดทำไม จากคุณ : Sawakato เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 55 08:07:45

ความคิดเห็นที่ 14 คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า  มั๊ง จากคุณ : ต๊อตโตะจัง เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 55 08:19:35

ความคิดเห็นที่ 15    8 ความลังเลใจเดียวสำหรับผมที่มีต่อ cpall  คือ  pbv , pe และ  yid จากคุณ : Fsmoothdood เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 55 08:25:28

ความคิดเห็นที่ 16 ผมก็ฟังมาจากคนที่เคยเปิด  ล้วนแต่บอกว่าไม่ดี  โดน 7-11 เอาเปรียบ แต่จากที่ฟัง  ส่วนใหญ่คนที่เล่านั้นมักจะมีปัญหาดังนี้คือ  1.มีปัญหาเหมื่อใกล้จะหมดสัญญา อยู่ในช่วงการจะต่อสัญญา ต้องเสียเงินใหม่  2. มีปัญหาเรื่อง 7-11 สาขาใหม่ มาเปิดสาขาใกล้ๆกับสาขาของตัวเอง ทำให้ยอดขายลดลง (แต่อันนี้รู้สึกว่า 7-11 จะมาถามเราก่อน ว่าเราจะเปิดไหม ถ้าเราไม่สนใจเปิดอีกสาขาเค้าถึงจะมาเปิดใหม่แข่ง) 3.อีกเรื่องคือเรื่องคน เห็นว่าขาดคน หาคนที่ทำนานๆเป็นมือเป็นไม้นั้นยาก   สรุป คนที่เล่าล้วนมีปัญหาหรือกำลังจะมีปัญหากับ 7-11 เลยมักจะมีแต่เล่าด้านแย่ๆให้ฟัง  แต่ที่แปลกคือผมก็ยังเห็นอัตราเปิดร้านแบบแฟรนไชร์ก็ยังมีอยู่และก็เพิ่มขึ้น  แปลว่ามันก็ไม่น่าจะแย่หรือ 7-11 เอาเปรียบฝ่ายเดียวเกินไป  ไม่อย่างนั้นใครจะไปเปิดใหม่  ก็ต้องฟังหูไว้หู!!^^ จากคุณ : satan@เต้ย เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 55 08:29:38

ความคิดเห็นที่ 17 คนเปิดเซเว่น ได้ประมาณ 50,000 - 100,000 ไม่ได้เน้นรวย แต่เน้นสร้างอาชีพ  คนไม่ต้องเก่งมาก แต่ขยันเอาใจใส่ ส่วนใครอยากรวยไปทำอย่างอื่น ทางบริษัทบอกแต่ต้น ไม่ได้เอาเปรียบ ไม่ได้หลอกใคร รายได้ขนานนี้คงไม่อยู่ในสายตา จขกท แต่สำหรับหลายคน เขาพอใจแล้ว ^^ จากคุณ : mrwang1 เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 55 08:35:45

ความคิดเห็นที่ 18 การเปิดสาขาซ้อนของ CP ที่มาอ้างว่าได้ให้โอกาสกับ แฟรนไชส์ก่อนแล้วนั้น ฟังดุด๊ครับ  แต่ลองนึกถึงหัวอกคนที่ซื้อแฟรนไชส์ (อันนี้ไม่เกี่ยวกับลูกค้าที่ซื้อสินค้าแน่นอน) ข้อเสนอ ที่ CP ให้แฟรนไชส์เปิดซ้อนนั้น 1. ถ้าแฟรนไชส์ไม่รับไว้ CP หาคนอื่นมาแข่ง หรือไม่ก็ต้องแข่งกับ CP เองโดยตรง คนคิดว่า แฟรนไชส์จะสู้กับ CP ได้ไหม ในเมื่อต้นทุน CP ต่ำกว่าเกือบ 1 เท่า(เพราะไม่ต้องแบ่งกำไร) แถมเป็นคนกำหนด กติกา เป็นคนส่งสินค้าให้ จะเอาอะไรไปแข่ง  มันจึงเหมือนการบังคับ 2.แฟรนไชส์รับเปิดเอง เพื่อป้องกันคู่แข่ง เมื่อเปิด 2 ร้าน ต้นทุนเพิ่มเป็น 2 เท่า แต่ยอดขายจะโตเป็น 2 เท่าด้วยหรือไม่ โอกาสน้อยมาก แต่ CP รับเต็มๆอย่างเดียว แค่แฟรนไชส์ยอมก็รับค่าฟีแล้ว โดยไม่ต้องลงทุน จากคุณ : ปุถุชนคนไทย เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 55 08:40:08

ความคิดเห็นที่ 19 ถ้าไม่ใช่เซเว่นรุกเข้ามา คนอื่นก็มาอยู่ดีครับ มันมีคนจ้องเข้ามาทำเยอะะะะ ต่อให้ไม่มี convenience store โชว์ห่วยตัวเอาเปรียบเลย สินค้าเก่า ฝุ่นจับ เวลาซื้อของพี่แกจะเอาผ้ามาเช็ดปัดฝุ่นให้ก่อน(บางร้านนะ) เอาของเหลือๆห่วยๆเก่าๆมาขายลูกค้า ตั้งราคาขายไม่มีมาตรฐาน แพงหูตูบ ไม่ stock สินค้าให้ทันเวลา ซื้อของทีไรหมดอีกละ!!! ฯลฯ สำหรับเซเว่นคุณจะไม่เจอเรื่องแบบนี้ก็เลยไม่มีใครรู้สึกว่าโดนเอาเปรียบไงครับ ตัวเซเว่นเอง ซีพีออลเขาก็ต้องควักตังจ่ายเจ้าของแบรนด์เหมือนกันนะครับ เป็นหมื่นล้านอยู่ ตอนนี้เซเว่น 6-7 พันสาขาแล้วเขาถือไพ่เหนือกว่าดังนั้นคนที่ซื้อแฟรนไชส์ต้อง ง้อเขาครับ ไม่ใช่เขาง้อเรานะ จากคุณ : .NetMagic เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 55 08:40:36

ความคิดเห็นที่ 20 คนที่ซื้อแฟรนไชส์ ส่วนใหญ่คือกลุ่มคนที่ยากหาอาชีพ แต่ไม่รู้จะทำอะไร หรือทำอย่างไร ก่อนเข้าก็มักจะมองภาพสวยหรู แต่เมื่อหลวมเข้าไปแล้ว จะบอกเลิกง่ายๆ ก็คงไม่ง่าย เพราะนอกจากติดเงื่อนไขสัญญา ก็ยังมีเรื่องเงินทุนที่ลงไป ส่วนใหญ่มันเป็นก้อนเดียวที่มีอยู่ ส่วนใหญ่จึงต้องกัดฟัน ถึงมันไม่ได้ดีอย่างที่คิด โดยหวังว่าอนาคตจะดีขึ้นได้ ตัวเลขที่ผมพอทราบ ร้านแฟรนไชส์ส่วนใหญ่ ยอดขายอยู่ที่ เฉลี่ย 40000-50000 ต่อวัน เดือนหนึ่งยอดขายก็ =1.2 - 1.5 ล้าน อัตรากำไรก่อนค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 22% เพราะฉะนั้น กำไรก่อนค่าใช้จ่าย ประมาณ 264,000-330,000 บาท ต้องแบ่ง CPALL 35% =92,400- 115,500 เหลือ 171600-214,500 มาดูค่าใช้จ่ายหลักๆ ค่าพนักงานรวม OT 12 -15 คน ไม่รวมผู้จัดการ ก็ราวๆ 90,000 -100,000 ค่าเช่าร้าน 30,000 -50,000 ค่าน้ำ ค่าไฟ   30,000 - 40,000 ค่าสินค้าสูญหาย ชำรุด หมดอายุ (อยู่ที่บริหาร)  20,000 - 100,000 เพราะฉะนั้น กำไรที่ร้าน จะได้ก็อยู่ราว 6,600 - 40,000 ก็ลองคิดดูว่าคุ้มไหม กรณีกำไรเป็น แสน ยอดขายต่อวันก็ต้องแตะแสนเหมือนกัน ซึ่งต้องเป็นทำเเลจริงๆ ซืี่งค่าเช่า และจำนวนพนักงานก็เพิ่มตามส่วน จากคุณ : ปุถุชนคนไทย เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 55 09:03:07

ความคิดเห็นที่ 21 อยู่ได้จากส่วนแบ่งที่ได้จากสินค้าที่นำเข้ามาวางจำหน่ายในร้าน ส่วนแบ่งค่าเฟรนไชส์ และ กำไรจากการขาย จิปาถะครับ เรื่อง ปล่อยให้ dealer มาบริหาร เป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนระบบการบริหารจัดการ เท่านั้น ไม่เกี่ยวกับอยู่ได้หรือไม่ได้ เดิม 7 เป็นแบบบริษัทบริหารเองทั้งหมด มี พนักงาน คือ ผจก สาขา ดูแล เปลี่ยนมาเป็นแบบให้ dealer เข้ามาบริหารจัดการ โดยมีบริษัทคอย support n control ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน สาเหตุหลักที่เปลี่ยน คหสต คิดว่าเพราะกำไร "ต่อสาขา" ลดลง จากเดิมที่เคยขายอยู่คนเดียว กลายเป็นมีคู่แข่งมากขึ้น และ เพื่อตัดปัญหาในการจัดการเรื่องคน เรื่องทุจริต เงินหาย ของหาย ให้ลูกค้าไปจัดการเอง Ideal concept อย่างนึงของร้านแบบนี้คือ ผูกตาพาลูกค้าเข้าไปที่ไหน เปิดตามาต้องเหมือนกันหมด ลูกค้าต้องไม่รู้ว่าอยู่สาขาอะไร ดังนั้นถ้าท่านเข้าไปทำจะมี checker หลายต่อหลายคน มาตรวจสอบควบคุมท่านมากมาย มี process อีกเป็นร้อยที่ต้องทำตาม ไม่งั้นออกไป ไม่ไป เอาป้ายลง ไม่ส่งของ ยังไม่ต้องฟ้อง ท่านก็เสร็จแล้วครับ เวลาสำหรับครอบครัวจะเหลือน้อย ทำแบบจ้าง ผจก ได้ ถ้ามีหลายสาขามากพอ แต่ยังไงก็ตามสาขาแรกท่านต่องทำเอง ไม่รู้เงินหายหมด จากคุณ : DoubleXL เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 55 09:22:18

ความคิดเห็นที่ 22 เฉยๆ ครับ เพราะผมกับเพื่อน "สร้างระบบเอง" ได้ เลยไม่ต้องเป็น "จักรกล" ของคนอื่น ลงทุนเอง เป็นเจ้าของระบบเอง เป็นเจ้าของบริษัทเอง สบายใจกว่าเยอะ สั่งซ้ายก็ไปซ้าย สั่งขวาก็ไปขวา จากคุณ : มือเก่าหัดขับ เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 55 09:24:56

ความคิดเห็นที่ 23 ถ้าค่าใช้จ่ายเยอะก็ต้องหาทางลดครับ กำไรจะได้เพิ่มขึ้นอยู่กับผู้บริหารร้าน จะมีวิชั่นอย่างไร จากคุณ : Big cap only เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 55 09:29:05

ความคิดเห็นที่ 24 ไม่ค่อยชอบวิธีการทำธุรกิจหลายๆอย่างของเจ้านี่นะครับ เคยเจอไหมร้าน 7-11 3ร้านเปิดติดกัน 1เป็นเฟรนชาย 2เป็นCPALL เปิดเอง ร้านไหนที่ซื้อไปแล้วยอดเยอะอย่าหวังว่าจะได้รวยตลอดเค้าก้อมาเปิดแชร์ยอดคุณแหละครับ 7-11นี่รูดบัตรเครดิตไม่ได้นะครับเคยซื้อของเป็นพันเงินสดสถานเดียวทำบัตรเติมเงินมาเพื่อดึงเงินลูกค้าดึงฐานลูกค้าให้มาซื้อกับเขาเจ้าเดียว ทั้งๆที่ตัวเองซื้อของกับซัฟพลายเออร์เป็นเครดิต 90วัน ส่วนต่างตรงนี้ก้อมากโขแล้วครับ ถ้าไม่ดึกไม่ลำบากมีร้านโชห่วยผมจะเลือกที่ซื้อของร้านโชห่วยมากกว่าครับ แพงหน่อยไม่่ว่าขอให้คนอื่นเขารวยบ้างไม่ใช่ว่าตัวกูของกูอยู่ฝ่ายเดียว จากคุณ : w_attaweesin เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 55 09:34:00

ความคิดเห็นที่ 25 คิดว่า คนที่มาโพส คือเปิดแล้วมีปัญหา คนที่เปิดแล้วรายได้อยู่ในระดับน่าพอใจ อาจจะไม่ได้มาโพส ผมมองว่า คงต้องดูว่าเปิดแล้วคาดหวังกำไรที่เท่าไร โอกาสขาดทุนผมมองว่าน้อยถ้าทำเลดี แต่จะคุ้มเงินคุ้มเหนื่อยแทนที่จะเอาไปทำอย่างอื่นหรือเปล่า ถ้ามันไม่ดีจริง สาขามันคงไม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆหรอกครับ เฟรนไชส์ร้านสะดวกซื้อมีตั้งหลายแบรนด์ ทำไม 7-11 ถึงยังนำอยู่ในตลาด ทิ้งคู่แข่งห่างไกล ราคาของก็ขายไม่ถูก ถ้าเอาเปรียบมากๆ คนก็ไปเปิดเฟรนไชส์อื่นกันหมดแล้ว เพราะมองว่าเปิด 7-11 แบรนด์มันขายได้ คนก็ยังเข้าเรื่อยๆ จากคุณ : กฤษณะ เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 55 09:58:22

ความคิดเห็นที่ 26 เคยได้ยินมาอย่างเดียวกับ คห.24 ครับ CPALL ทำแบบนี้เป็นผลดีต่อผู้ถือหุ้น แต่ไม่ดีสำหรับคนที่คิดจะเปิดร้าน 7-11  เพราะCPALL เค้าคิดมาแล้วว่าจะให้เจ้าของร้านมีรายรับอยู่ประมาณช่วงๆหนึ่งเท่านั้น (เสมือนเป็นเงินเดือน  ถ้ายอดขายสูงมากๆ เค้ารู้และต้องเปิดอีกสาขาเพื่อคุมยอด  และถ้ายังสูงอีกก็จะมีร้าน3,4.. ตามมา) แต่ดำรงชีพอยู่ได้และไม่ถึงกับรวย. จากคุณ : x-fer เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 55 10:00:18

ความคิดเห็นที่ 27 ถ้ากิ๊ฟยังไม่หมดก็จะให้คุณ ปุถุชนคนไทย นะครับ เล่าเป็นข้อๆ มาได้ดีทีเดียว ผมไม่เคยทำร้าน 7-11 เคยแต่ได้ยินพี่ที่ทำร้านเล่าให้ฟัง เรียกได้ว่าเป็นการ "ฟังเขามา" เหมือนกัน แต่เป็นการฟังมาแค่ทอดเดียวครับ การเอาเปรียบแฟรนไชซีก็ตามนั้นเลย ถ้ามองในมุม "ผู้ถือหุ้น" ก็ถือว่ากำไรดี แต่ถ้ามองในมุมของแฟรนไชซีและคู่ค้าก็ต้องบอกว่าค่อนข้างเอาเปรียบกันสักหน่อย ในวงการผมคิดว่าแฟรนไชซีและซับพลายเออร์น่าจะถือได้ว่าเป็น "เพื่อนในทางธุรกิจ" ดังนั้นเอากำไรแค่พอท้วมๆ ก็อยู่กันได้ทุกคน บริษัทเองก็กินยาว แบบนี้น่าจะยั่งยืนกว่านะ จากคุณ : Antonio at MonkeyFreeTime เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 55 10:19:26

ความคิดเห็นที่ 28 ผมคิดเหมือนความเห็น 25 ครับ คนที่เปิด 7-11 แล้วมีความพอใจ เปิดสาขาเพิ่มก็มีจำนวนพอสมควร แล้วเขาก็ไม่ได้เข้ามาเพื่อบอกว่าดี เพราะกลัวคนเข้าไปแข่ง ญาติผม 2 ราย เปิด 7-11 นี่แหละรายละ 1 ร้าน กำลังหาทำเลเปิดเพิ่มอีกเป็นร้านที่สองทั้งคู่เลย ที่จริงแล้วอยากให้มองอย่างยุติธรรม สำหรับคนที่ต้องการทำธุรกิจ ไม่ใช่เล่นหุ้น ไม่ว่าจะทำกิจการอะไรก็ตาม มีความเสี่ยงทั้งนั้น ทั้งจากคู่ค้า คู่แข่งที่มาเปิดใกล้ๆ กัน (ไม่ว่าจะยี่ห้อเดียวกันหรือต่างยี่ห้อก็ไม่ได้แตกต่างกันนะสำหรับผม ลงว่าเป็นคู่แข่งในการดึงลูกค้าไปจากเรา) ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านตัดผม หอพัก ฯลฯ การเปิด 7-11 อาจจะไม่ได้เป็นคำตอบสำเร็จรูปว่าจะสำเร็จ แต่อย่างน้อยก็มีระบบ มีวิธีการจัดการให้ ไม่ต้องคลำหาคำตอบในความมืด.. เพื่อนผมลาออกมาเปิดร้านอาหาร เวลาเกิดปัญหาขึ้นมา ไม่รู้ว่าจะปรึกษาอะไรกับใคร มืดแปดด้าน หรือเวลาต้องการการขยายงาน ระบบบาร์โค๊ด ระบบสั่งสินค้า การว่าจ้างพนักงาน.. ยุ่งจริงๆสำหรับคนเริ่มธุรกิจโดยไม่มีคู่มือ หรือคำแนะนำอะไรเลย.. จากคุณ : Proxity เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 55 10:27:18

ความคิดเห็นที่ 29 สรุปเลยนะครับ ผมคำนวนรายได้ จะอยู่ที่ 30000-80000 ไม่เกินนี้ รายเงินลงทุน ประมาณ 3000000  ผลตอบแทนประมาณ12-32% ต่อปี        จะเรียกว่าลงทุนอย่างเดียวไม่ได้เพราะลงแรงเยอะเหมือนกัน  ถ้า ใครพอใจกับผลตอบแทนแบบนี้ และต้องเหนื่อยแบบนี้ ก็ทำได้เลยครับ จากคุณ : เชน (zgm1111) เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 55 11:50:04

ความคิดเห็นที่ 30 การเอาเปรียบคนอื่นได้เนี่ยแหละครับ นักลงทุนเขามองว่าดี เขาเรียกอำนาจต่อรองครับ ไปอ่านดูได้ เวบ VI น่ะครับ เขาจะบอกถึงข้อดีของกิจการนี้เต็มไปหมด จากคุณ : ป้อม (Bgate) เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 55 12:35:59

ความคิดเห็นที่ 31 ธุรกิจผูกขาดBrandเป็นธุรกิจที่ดีต่อผู้ถือหุ้นเพราะสามารถเติบโตในระยะยาวอย่างต่อเนื่องตราบใดที่สามารถผูกขาดBrandและการประกอบธุรกิจไว้ได้อย่างต่อเนื่อง แต่ลูกค้าแฟรนไชส์มีการเติบโตอย่างถูกควบคุมเพราะยังไงก็ต้องแบ่งปันผลประโยชน์จากการค้าให้BrandOwnerสิ่งที่น่าสนใจคือแล้วใครที่มีอำนาจต่อรองการแบ่งปันผลประโยชน์..ก็รู้ๆกันอยู่ สรุปก็คือ"ไม่มีอะไรในโลกนี้ได้มาฟรีๆแค่นั้นเอง" หากมีNewBrandเป็นทางเลือกใหม่เจ้าของBrandเดิมก็มีอำนาจต่อรองน้อยลง จากคุณ : kiki.. เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 55 14:06:16

ความคิดเห็นที่ 32 บางคน ประสบความสำเร็จคับ ในการทำแฟรนไชส์กับ 7-11  แต่บางคนก็ไม่ เพราะปัจจัยหลายอย่าง  ทั้งตัวผู้ลงทุนเอง  หรือ คู่แข่ง   ถ้าไม่มีคู่แข่ง ก็อยู่ได้คับ และ มีกำไร มากพอ  อย่างน้อย 4-5 หมื่น ต่อ เดือน แต่ถ้ายอดร้าน คุณสูง  นั่น ก็หมายความว่า การบริการจะด้อยลง เนื่องจากความต้องการของลูกค้าที่มากกว่า  จำนวน พนง. อุปกรณ์ และสินค้า  ทำให้ลูกค้าเสียเวลารอ  และ คู่แข่ง ก็จะมาตี คุณแน่นอน   เขาเลยต้องเลือกที่ จะเปิดเองดีกว่า จากคุณ : NooPooK เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 55 21:44:42

ความคิดเห็นที่ 33 ผมว่าคนที่ลงทุนเปิดเซเว่น ส่วนมากจะเป็นจำพวกมีเงินแล้วว่าง อยากหากิจการส่วนตัวอะไรก็ได้ทำง่ายๆ ก็เรยมาตกอยู่ระบบแฟรนส์ไชส์ ทีนี้เซเว่นจะเป็นตัวเลือกต้นๆในความคิดที่จะทำ เพราะหน้าตาภาพลักษณ์ดูดีหมด เม่ือเข้ามาแล้วจะได้ผลตอบแทนมากน้อย นั่นอีกประเด็น ถ้าทำแล้วดีผลตอบแทนเกินเป้า ก็คิดซะว่าป๊อกเด้ง เพราะความพอใจในผลตอบแทนของแต่ละคนย่อมมีไม่เท่ากันอยู่แล้ว คิดง่ายๆ ระหว่างซ้ือแฟรนส์ไชน์ขายก๋วยเตี๋ยวกับเปิดเซเว่น คุณว่าอะไรจะน่าสนใจก่อนกัน ^_^ จากคุณ : ช้างแดง_1 เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 55 12:02:41

ความคิดเห็นที่ 34 ถ้าเอาเปรียบคนไม่เก่ง แล้วจะร่ำรวยแบบนี้ได้อย่างไร จากคุณ : มังกรขงเบ้ง เขียนเมื่อ : 31 ส.ค. 55 16:50:22

ความคิดเห็นที่ 35 คนที่โตได้ กำไร ดี  น่าจะเจาะลึกไปว่า เป็น เพื่อนสนิท กับ เจ้าของ หรือไม่ด้วยครับ เพราะ หาก ไม่มี คนประสพความสำเร็จ เลย การขายฟรานไชด์  ก็ จะไม่มีทางเกิดได้แน่นอน จากคุณ : samsam เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 55 09:10:13