ความคิดเห็นที่ 1 ความสำเร็จของบริษัท ที.เค.เอส. เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ TKS ในวันนี้ ที่ก้าวผ่านยุคการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีทางด้านการพิมพ์  จากระบบออฟเซ็ต มาเป็นดิจิตอลได้อย่างสง่างาม ถือว่า  "วีระชัย ศรีขจร"    เป็นหนึ่งในทีม       ผู้บริหารคนสำคัญที่มีบทบาทเป็นอย่างมากในการกำหนดทิศทางและนโยบายการขับเคลื่อนธุรกิจของ TKS และอาจมีหลายคนสงสัยว่าหนุ่มใหญ่ท่าทางสุขุมใจดีคนนี้ มีความเป็นมาอย่างไร อยู่ๆ ทำไมจึงกลายมาเป็นหนึ่งทีมบริหารที่ไม่ใช่เจ้าของกิจการได้ วันนี้ eFinanceThai.com ได้มีโอกาสพูดคุยเจาะลึกถึงเบื้องหน้าเบื้องหลังอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ท่านผู้อ่านได้สัมผัสหนุ่มใหญ่คนนี้ครบทั้ง 360 องศา! จากคุณ : นักลงทุน999 เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 11:57:44

ความคิดเห็นที่ 2 รู้จักกับ TKS ได้อย่างไร            ย้อนไปสักเกือบ  20  ปีสมัยที่ผมบริหารกองทุนให้กับต่างประเทศ จึงมีโอกาสเข้ามาสัมผัสกับบริษัทหลายแห่ง เพราะก่อนที่กองทุนจะเข้ามาลงทุนผมต้องเป็นคนมาดูรายละเอียดก่อนว่าน่าสนใจหรือไม่ และ TKS ก็อยู่ในธุรกิจการพิมพ์  มีอัตราการเจริญเติบโตที่ดี มีผู้บริหารที่เข้มแข็ง  ในช่วงนั้นทางกองทุนก็ได้เข้ามาลงทุนใน TKS   ซึ่งหลังจากลงทุนแล้วผมซึ่งเป็นผู้บริหารกองทุน  ก็เข้ามาเป็นกรรมการตั้งแต่ปี  2532-2533  เรื่อยมา ก็อยู่มาจนกระทั่ง  เมื่อสัก 5-6 ปีที่แล้วซึ่งเป็นช่วงที่ TKS กำลังเตรียมเข้าตลาดหลักทรัพย์ก็เลยคุยกัน โดยทางคุณสุพันธุ์ (คุณสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TKS) ตกลงให้ผมเข้ามาช่วยดูแทนในส่วนของในตำแหน่ง CEO ที่เขาเคยดูแลอยู่ ซึ่งเขาก็ขึ้นมาเป็นประธานกรรมการ  จากนั้นก็ช่วยในการขยายงาน ปรับปรุงบางส่วนให้ดีขึ้น  จึงก็นำ "ที.เค.เอส. เทคโนโลยี" เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์  ซึ่งจากนั้นก็เลยมามีส่วนร่วมในการบริหารงานจนปัจจุบัน จากคุณ : นักลงทุน999 เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 11:58:03

ความคิดเห็นที่ 3 ช่วงที่อยู่กับกองทุนทำอะไรบ้าง            ตอนที่อยู่กองทุนเป็นกองทุนของ  Advent Internationalที่บอสตัน อเมริกา  แต่ regional  redoffice ก็อยู่ที่สิงค์โปร์  ส่วนผมก็เป็น country manager  ดูแล operation เมืองไทย จริง ๆ ก็เป็นผู้บริหารมืออาชีพมาโดยตลอดรวมทั้งที่นี่ จากคุณ : นักลงทุน999 เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 11:58:20

ความคิดเห็นที่ 4 ทำไมจึงมาอยู่กับกองทุนต่างชาติได้            ผมเรียนจบวิศวะเครื่องกล ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์   จากนั้นก็มาทำงานในวิชาชีพวิศวกรอยู่ที่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิต แล้วก็มีโอกาสทำงานต่างประเทศในตะวันออกกลางอยู่พักหนึ่ง  หลังจากนั้นก็เลยตัดสินใจไปเรียนต่อ MBA ที่อเมริกา  กลับมาก็ทำงานด้านสินเชื่อที่ธนาคารกรุงเทพ  ก็ถือเป็นการย้ายงานจากฟิลด์งานวิศวกรรมมาทางด้าน  Finance ซึ่งตอนที่เปลี่ยนฟิลด์ผมคิดว่าเป็นธรรมชาติทั่วไปของวิศวกรถ้ามีโอกาสก็ทำได้  เพราะการป็นวิศวกรเป็นพื้นฐานที่ดีสำหรับการจะไปทำอะไรต่อ ก็คิดว่าในการเรียน MBA มันก็ทำให้เรากว้างขึ้นในเรื่องของการบริหาร  ในเรื่องของทุก ๆ ด้าน  ผมก็เรียนมากึ่ง ๆ ทางด้าน  productivity คือจะเป็นอะไรที่หลากหลายนิดนึง            อยู่ธนาคารกรุงเทพมาประมาณ 4-5 ปี  จากนั้นก็มีคนมาชวนไปทำกองทุนซึ่งจะเปิดกองทุนที่เมืองไทยต้องการคนดูแล  operation  ที่เมืองไทย ก็เลยเปลี่ยนงานมาทำกองทุนอยู่สัก  10  ปี ลงทุนไปกว่า 20 บริษัท  ปัจจุบันก็มีหลายบริษัทที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่บ้านเรา  เพราะจริง ๆ การลงทุนในสมัยก่อน  คือ  เป็นการลงทุนในธุรกิจที่มี potential ที่ดี  เราลงทุนก่อนที่บริษัทจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ก็คล้ายๆ      กับกรณีของ TKS จากคุณ : นักลงทุน999 เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 11:58:31

ความคิดเห็นที่ 5 ทำไมถึงได้ตัดสินใจมาทำงานกับ TKS               TKS เป็นบริษัทฯ ที่รู้จักมานาน  ประกอบกับเห็นว่าน่าจะช่วยทำอะไรหลาย ๆ อย่างกับบริษัทได้  ก็เลยตัดสินใจมาช่วยบริหารงานที่นี่  และการเข้ามานั่งบริหารก็ดูครบหมดทั้งเรื่องการตลาด  เรื่องการผลิต แต่จริง ๆ แล้วผมเน้นเรื่องการเงินมากกว่า   เพราะว่าบริษัทยิ่งต้องขยายยิ่งต้องการการเงินที่ค่อนข้างชัดเจนในการจะบริหาร จากคุณ : นักลงทุน999 เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 11:58:43

ความคิดเห็นที่ 6 ถือว่ากลับมาฟิลด์การเงินอีกครั้ง               คงไม่ได้กลับมาฟิลด์ไหนโดยเฉพาะ  ใช้ได้แทบทุกอย่าง ในการเปลี่ยนงานแต่ละครั้งผมคิดว่ามันก็เป็นช่วงจังหวะที่อาจจะพอดี เพราะเราทำงานในฟิลด์วิศวกรรมมาเกือบ 10  ปีแล้วถึงไปเรียนต่อ  จากเรียนต่อแล้วกลับมาเริ่มเปลี่ยนฟิลด์เลย มันก็เป็นอะไรที่อย่างน้อยเรามีประสบการณ์ในการทำงานจริงๆโดยใช้วิชาชีพที่เราเรียนมาแล้วก็ได้เรียนรู้อะไรหลาย  ๆ อย่างก่อนที่จะเปลี่ยนฟิลด์มา มันก็เป็นช่วงจังหวะที่ดีสำหรับในการทำงาน แต่ละงานที่ทำ คือเราก็อยู่มาอย่างน้อย 4-5ปี ก็ได้รู้งานพอสมควร   อยู่ที่ TKS ถือว่าได้นำประสบการณ์จากกองทุนมาใช้หรือไม่            การมาอยู่ที่นี่ก็ได้นำประสบการณ์จากที่ต่าง ๆมาใช้ทุกอย่าง  โดยเฉพาะสมัยที่ผมทำกองทุน จะเห็นบริษัทค่อนข้างเยอะซึ่งในเมืองไทยส่วนใหญ่เลยเป็นบริษัทที่จะเป็นกึ่งๆ ธุรกิจครอบครัวในเริ่มต้นแล้วก็เริ่มโตขึ้น  พอโตขึ้นการบริหารก็ต้องเริ่มเปลี่ยนไป  เพราะฉะนั้นมันก็อาจแข่งขันลำบาก  รวมทั้งการบริหารการจัดการมันก็อาจค่อนข้างยุ่งยาก  เพราะฉะนั้นสำหรับที่ผ่าน ๆ มาในหลาย ๆ บริษัทก่อนจะเข้าลงทุน ก็ต้องเข้าไปดูแล  ไปวิเคราะห์อะไรเยอะ  จะรู้หมดว่ากิจการเขาเป็นอย่างไร  จุดอ่อน จุดแข็งเป็นอย่างไร  เราจำเป็นที่ต้องมีการปรับปรุงอะไรบ้าง  ก่อนที่เราจะเขาไปลงทุน  ซึ่งที่นี่ก็เหมือนกันก็ เลยทำให้เรารู้ก่อนที่จะมาลงทุนอันนั้นในรอบแรก               เมื่อถูกชวนให้มาอยู่ที่นี่เราก็รู้อยู่แล้วที่นี่เป็นอย่างไร  ธุรกิจเป็นอย่างไร  ที่ผ่านมาผมมองว่าการพิมพ์เป็นธุรกิจที่ดี  ยังมีโอกาสเยอะ  ส่วนเรื่องการบริหารงานก็เป็นเรื่องปกติที่ว่าจากธุรกิจเล็ก ๆ  โตขึ้นรูปแบบของการบริหารจัดการมันก็เปลี่ยนไป  ซึ่งเราก็พอจะรู้อยู่แล้วว่าจากธุรกิจครอบครัวที่จะเริ่มปรับเปลี่ยนเป็นบริษัทมหาชน  เป็นบริษัทที่ต้องติดต่อกับต่างประเทศบ้าง    มีส่วนไหนที่ต้องปรับปรุง  ซึ่งผมคิดว่ามีบางส่วนก็เตรียมตัวและเป็นอะไรที่ก็เหนื่อยพอสมควร จากคุณ : นักลงทุน999 เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 11:58:59

ความคิดเห็นที่ 7 ใช้เวลานานหรือไม่ก่อนตัดสินใจมาอยู่ที่ TKS            ตอนตัดสินใจมาอยู่ที่นี่กับคุณสุพันธุ์ก็ไม่นานนะเพราะว่าด้วยความที่ผมเองกับบริษัทรู้จักคุณสุพันธุ์แล้วก็เป็นกรรมการอยู่ใน TKS มานานในฐานะตัวแทนของกองทุน กระทั่งรู้ว่าธุรกิจ  บริษัทเป็นอย่างไร  จุดไหนเป็นอย่างไร  อันไหนน่าจะแก้ได้อันไหนน่าจะแก้ได้ยาก  คือก็พอจะเห็นภาพ การตัดสินใจก็เป็นอะไรที่ไม่ได้ยุ่งยากนัก ประกอบกับโดยส่วนตัวประมาณ  20ปีที่ผ่านมาก็เป็นช่วงที่รู้จักกับคุณสุพันธุ์ก่อนหน้าจะเข้ามาบริหาร  ผมเพิ่งเข้ามาบริหารได้ประมาณ  5  ปี  แต่ผมเป็นกรรมการที่เข้ามาลงทุนรู้จักคุณสุพันธุ์มา  20  ปีแล้ว  ซึ่ง ตอน 20  ปีก่อน คุณสุพันธุ์ก็ยัง  30  นิด ๆ  ก็รู้จักตั้งแต่สมัยคุณสุพันธุ์เริ่มกิจการแทนครอบครัว  เป็นช่วงเริ่มขยาย จากคุณ : นักลงทุน999 เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 11:59:14

ความคิดเห็นที่ 8 ปัจจุบันในฐานะกรรมการผู้จัดการ TKS ถือว่าประสบความสำเร็จในการทำงานแค่ไหน            ถ้าเทียบการทำงานปัจจุบันกับเป้าหมายที่วางไว้ ผมว่าช่วงกลาง  ๆ นะ ถ้าถามว่าเริ่มไปได้เยอะไหม  ก็เริ่มได้พอสมควรแต่ว่าคงยังต้องไปอีกพอสมควรเหมือนกันเพราะว่า  บริษัท TKS ก่อนเข้าตลาดฯ โตมารอบหนึ่ง  ซึ่ง ณ วันที่เราเข้าตลาดหลักทรัพย์  คือถ้าจะว่าไปเราก็ดีในระดับหนึ่งเพราะไม่งั้นเราคงเข้าตลาดฯ ไม่ได้  แต่หลังจากเข้ามาแล้วเนี่ยเราก็มีการต้องขยาย  จากการขยายเรารู้อยู่แล้วว่าเราควรจะขยายไปทางไหน  เนื่องจากธุรกิจ TKS อยู่มา  50 ปี  สินค้าหลายตัวเป็นสินค้าซึ่งในอดีตอาจไม่ต้องแข่งขันอะไรกับใครมากเท่าใดนัก  แต่ในช่วงสัก 5  ปี  10 ปีหลัง ผมเชื่อว่าทุกคนก็คงเห็นภาพว่า  แต่เดิมแข่งกัน 2 -3  ราย อาจเป็น  10  รายในสินค้าบางตัว  แต่ว่าเราก็ต้องมองหาว่าตัวไหนที่เป็นสินค้าเราต้องมาพัฒนาขึ้นใหม่  รูปแบบในการขายจะต้องเป็นอย่างไร  ทีมงานจะต้องเป็นอย่างไร  เพราะฉะนั้นเครื่องไม้เครื่องมือที่เราลงทุนต้องปรับเปลี่ยนไปเหมือนกัน  คือเพราะฉะนั้นเครื่องรุ่นใหม่ ๆ ที่เราลงไปเนี่ยจะว่าไปแล้วเรามาลงหลังจากเมื่อเราเข้าตลาดหลักทรัพย์เมื่อ  5  ปีที่แล้วเป็นส่วนใหญ่  ไม่เป็นจะเป็นเรื่องของเครื่องพิมพ์รุ่นใหม่ ๆ ในระบบ  Offset  หรือระบบ Digital ก็ตาม  คนที่เราต้องเทรนด์ขึ้นมาเพื่อมาใช้ระบบสำหรับเครื่องเหล่านี้ ก็เริ่มกันมาสักระยะหนึ่ง  เพราะฉะนั้นถ้าถามว่าตอนนี้มันเดินหน้าจนถึงจุดที่มันดีที่สุดหรือยังคงต้องบอกว่าไม่ใช่  แต่ถ้าเทียบอันนี้เมื่อสัก 3 ปี  5 ปีที่แล้ว เราก็คงเรียนรู้กับสิ่งใหม่ ๆ ขึ้นมาได้เยอะ  เรารู้ว่าจะทำอะไรที่คู่แข่งน้อยลง  เราจะทำอย่างไรเพื่อไปสู้กับต่างประเทศได้ระดับหนึ่ง จากคุณ : นักลงทุน999 เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 11:59:26

ความคิดเห็นที่ 9 ถือว่าความสำเร็จของ TKS ในปัจจุบันเกิดจากอะไร            ด้วยเทคโนโลยีธุรกิจการพิมพ์ที่ทันสมัย  ซึ่งในวิถีชีวิตจริง ๆ แล้ว คงไม่ใช่แค่ผม  แต่เป็นเพราะทีมงาน  คือ  เราจะพยายามตามเทคโนโลยีใหม่ๆ เรื่อยๆ คือส่งไปดูงาน ไม่ว่าจะเป็นในบริษัทที่เป็นอย่าเรียกว่าเป็นคู่แข่งขันเลย คือเป็น   กึ่ง ๆ คล้ายเราแต่เป็นต่างประเทศที่เราเป็นพันธมิตรกันหรือเป็นงานแสดงที่เป็นลักษณะงานพิมพ์ในระดับประเทศไม่ว่าจะเป็นงานในระบบ Offset  เดิม  หรืองาน Digital  หรืองานsecurity ทั้งหลาย  เราก็พยายามที่จะส่งคนเรา เพื่อที่จะไปดูและเรียนรู้กับว่าสิ่งใหม่ๆที่ปัจจุบันเขาทำกันออกมามีอะไรบ้าง เครื่องไม้เครื่องมือ เครื่องจักรอะไรที่น่าจะต้องมีการลงทุน ส่วนใหญ่แล้วเราจะมีการลงทุนในเครื่องจักร ซึ่งค่อนข้างจะเป็นเครื่องรุ่นใหม่ๆ    ถ้าจะยกตัวอย่างก็อย่างเครื่องพิมพ์ดิจิตอลระบบสี ของเราเป็นเครื่องแรกใน ไม่ใช่ในเมืองไทยนะ แต่เป็นใน South-East Asia เลยด้วยซ้ำไป เครื่องOffset 9สี ในระบบต่อเนื่องก็เป็นเครื่องแรกใน South-East Asia ที่เราลงทุนไป คือ เราพยายามจะลงทุนไปในอะไรที่เราเชื่อว่าจะมี Potential  มีจุดที่สามารถแข่งขันแล้วมีงานตอบแทนมาได้                     เมื่อเทียบกับการพิมพ์สมัยก่อน กับสมัยนี้ ในการเรียนรู้เทคโนโลยีและใช้ชีวิตกับเทคโนโลยี  จริง ๆ แล้วผมเองถึงจะมี background ทางด้านการผลิต และเรื่องต่างๆ  แต่ว่าถ้าถามว่าความรู้โดยตรงในเรื่องของงานพิมพ์ ผมคงจะไม่ได้อยู่กับธุรกิจมา  คือหมายถึงไม่ได้เป็นผู้ที่อยู่ในวงการการพิมพ์มาตั้งแต่เริ่มต้น แต่ว่าสิ่งที่เรามาเรียนรู้จะเป็นโชคดีที่ว่า  หลังจากที่เราเริ่มเข้ามาใน TKS มันจะเป็นช่วงหนึ่งซึ่งมีการปรับเปลี่ยนจริงๆ  คือ เรามองเห็นในเรื่องของงาน Digital เป็นงานที่อาจจะเพิ่งเห็นเกิดขึ้นในช่วงประมาณสัก 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งจะเป็นเทคโนโลยีที่ใหม่ เกือบจะเข้ามาทดแทนงาน Offset ได้ ซึ่งอันนั้นคือสิ่งที่เราต้องทำ คืออาจจะไม่เร็ว อาจจะไม่ทดแทนได้ทั้งหมด แต่จะเป็นอะไรที่ออกมาในลักษณะที่เราจะต้องตามให้ทัน ซึ่งอันนี้จะเป็นเทคโนโลยีจริงๆ ซึ่งเราก็ได้อาศัยจากการออกไปดู จากคุณ : นักลงทุน999 เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 11:59:40

ความคิดเห็นที่ 10 การเข้ามาทำงานที่ต้องเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี ต้องปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตหรือไม่            ผมมีความสุขในการเรียนรู้เทคโนโลยีในช่วงนี้ คืออาจจะเป็นเพราะว่าเราเองมี  background ในทางนี้อยู่แล้วส่วนหนึ่ง แต่การที่เราไปเห็นอะไรที่เป็นสิ่งที่ใหม่ เป็นสิ่งที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เราจะเข้าใจได้ไม่ยากนัก แต่ในการคาดเดาว่ามันจะมาเร็วขนาดไหน อันนี้อาจจะเป็นเรื่องบางเรื่องที่เราต้องคาดการณ์ อาจจะคาดผิดบ้าง ถูกบ้าง อาทิเช่น ในการลงเครื่องใหม่ๆ แต่ละรุ่นเราต้องคาดการณ์ให้ได้ว่าจะมีงานเข้ามาเร็วหรือเปล่า แต่ส่วนใหญ่แล้ว เราคาดไม่ค่อยผิด อาจจะเป็นเพราะเราเห็นที่โน่นที่นี้เยอะ ว่าเขามีเครื่องลักษณะนี้ ทำงานอะไรมา    ซึ่งเราเชื่อว่ามันจะต้องถึงเราแน่ นั้นเราก็มีการลงทุนได้   วางเป้าหมายในชีวิตการทำงานไว้อย่างไร            เป้าหมายในชีวิต คือผมเองคงมีลักษณะผู้บริหารมืออาชีพคนหนึ่ง ซึ่งก็รู้ว่าถึงวันหนึ่ง เราก็คงต้องยุติบทบาทลงในลักษณะของการบริหารงานที่เป็นลักษณะ Full Time เป็นลักษณะที่เป็นผู้บริหารที่ลงมือทุกอย่าง แต่ว่าหลังจากนั้นแล้ว ผมเชื่อว่าผมเองคงไม่ได้คิดว่าตัวเองจะหยุดทุกอย่าง เนื่องจากประสบการณ์ที่เรามีกับธุรกิจต่างๆ เป็นต้นที่ TKS ก็เป็นอะไรที่ผมเชื่อว่า เราคงยังสามารถให้คำแนะนำกับรุ่นหลังๆที่ขึ้นมาบริหารงานต่อ  แต่ว่าในขณะเดียวกัน สิ่งที่คิดว่าต้องวางเอาไว้คือทุกธุรกิจการที่เราบริหาร เราต้องพยายามหาจุดที่เราจะต้องสร้างไว้กับในอนาคต มีจุดไหนบ้างที่เราต้องทำ ทีมงานสำคัญที่สุด เรื่องเครื่องไม้เครื่องมือ เครื่องจักรเป็นเรื่องหนึ่งที่สามารถจะไปดู ไปศึกษา มีคนมาสอนเราได้ แต่การที่เราสามารถสร้างทีมงานของเราที่เหมาะกับทิศทางธุรกิจที่เรากำลังจะเดินไปข้างหน้า ไม่ว่าจะเป็นระยะ 3ปี 5 ปี 10 ปี ก็ตาม คนของเราในจุดไหนที่ต้องมีการพัฒนา มีการเตรียม จุดนี้ต้องแจ้งให้ทราบว่า จุดนี้คือจุดที่ยังไม่สมบูรณ์ 100% เต็ม จากคุณ : นักลงทุน999 เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 11:59:55

ความคิดเห็นที่ 11 ปัจจุบันถือว่าเดินมาถึงจุดไหนของเป้าหมายที่วางไว้            ถ้าเทียบกับเป้าหมายที่ว่าวางเอาไว้ ตอนนี้ผมคิดว่าเกินครึ่งนะ คือเราไม่อยากจะโชคดีอย่างนั้น แต่ที่เราวางแผนไว้ก็คือ อย่างในธุรกิจการพิมพ์ ในอดีตส่วนใหญ่ผู้ที่ทำงานในธุรกิจการพิมพ์ คือผู้ที่อาศัยประสบการณ์ที่จบมาโดยตรง ก็จะมีสถาบันการศึกษาไม่กี่แห่งที่มีทำมา เพราะฉะนั้นของเราเองก็พยายามสร้างบุคลากรขึ้นมาเอง เพื่อรองรับงานของเราในอนาคต ด้วยการจัดการศึกษากับสถาบันการศึกษา แม้กระทั่งมีการพัฒนาเป็นหลักสูตรการพิมพ์ แล้วก็ส่งเด็กมาฝึกงานกับเรา แล้วก็เรียนไปด้วย แล้วถ้าจบเราก็รับเข้ามาทำงานกับเรา จะมีลักษณะนี้เยอะ เช่น มหาวิทยาลัยสยาม อันนี้เราทำหลักสูตรขึ้นมาร่วมกันเลย นอกจากนั้นยังมีเทคโนโลยีพระจอมเกล้าฯธนบุรี (บางมด)  มีเด็กปี 3 ที่มาฝึกงานกับเรา แล้วก็กลับไปเรียน กลับมาฝึกงาน คือใช้เป็นหลักสูตร ซึ่ง จบมาแล้วสามารถทำงานได้เลย ได้ฝึกงานของจริง เพราะฉะนั้น เราจึงมีบุคลากรที่พร้อมขึ้นกว่าในอดีตมาก เราเริ่มทำงานประมาณ 3-4 ปี ผลตอบรับก็ดี เรามีเด็กที่มาฝึกงานกับเรา บางคนเราให้ทุน ตอนนี้ปัจจุบันจบแล้ว ทำงานอยู่ที่เรา สักประมาณไม่น้อยกว่า4-5 คน แล้วก็ยังมีที่ทำงานต่อ กำลังจะจบ เตรียมมาทำงานต่อ แล้วบุคลากรนี้เราก็จะกระจายไปหมด เริ่มต้นๆก็อยู่ทางฝ่ายผลิตเป็นส่วนใหญ่ แต่ความจริงแล้วไม่ได้จำกัดแค่ผลิต เราสามารถมาทำทางด้าน sale ทางด้าน support คือทุกอย่าง เพราะว่าความรู้สามารถไปใช้ได้            ในด้านการสร้างทีมงานที่แข็งแกร่ง ในการทำงานแต่ละวัน ส่วนใหญ่จะดูเกี่ยวกับงานนโยบาย อันนี้เป็นเรื่องที่เราคุยกัน เหมือนกับเรามี board ซึ่งเราพอจะมีทิศทางที่เราไปนำเสนอ แล้วส่วนใหญ่ปรับปรุงแก้ไขอยู่แล้วบ้าง รวมทั้ง bugget ที่เราวางไว้เราจะเติบโตไปทางไหน ซึ่งพอเรามีทิศทางที่พอจะเห็นภาพแล้วในแต่ละปี แต่ละไตรมาส คือเราก็จะนำมาปฏิบัติ คือ เรามีการประชุมกันนำเอาทิศทางนโยบายมาเป็นตัวเพื่อจะ monitor ว่าสิ่งที่เราทำทุกวัน ยอดขายของเรา สิ่งที่เรากำหนดเอาไว้มันไปในทิศทางที่เราควรจะเป็นหรือเปล่า เราขาดอะไร บุคลากรเราดูแลเขาดีไหม  กรรมการผู้จัดการก็คงจะดูแลทุกด้านที่มันเกี่ยวข้องกัน เพื่อจะทำบริษัทให้ถึงเป้าหมายที่เราวางเอาไว้ จากคุณ : นักลงทุน999 เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 12:00:08

ความคิดเห็นที่ 12 จากที่เคยทำงานกับกองทุน มีคนมาขอคำปรึกษาเรื่องการลงทุนหรือไม่            จากประสบการณ์ที่เราช่วยวางแผนการลงทุน  มีแน่นอนครับ ในส่วนตัวก็นำมาใช้ เพราะว่า เราเองเราคงต้องบริหารเงินเราเป็นหลายๆส่วน ในการลงทุนจริงๆ ผมคิดว่าถึงแม้จะมีอะไรที่เป็นความเสี่ยง คือถ้าเรา หนึ่ง เรามีเวลาไหม ถ้าเราไม่มีเวลามากมายนัก ก็คงจะต้องหาลงในธุรกิจที่มันเสี่ยงไม่มากนัก ซึ่งผมจะเป็นประเภทนั้นมากกว่า            ตอนนี้ลงทุนถ้าเป็นในส่วนของเงินที่มีออมๆไว้ ก็ส่วนหนึ่งคงเป็นการซื้อพวกกองทุน แต่ถ้ากองทุนเราก็ซื้อ เพื่อจะ save เรื่องภาษีด้วย อันนั้นคงจะซื้อในเรื่องของ IMF ITF ก็ว่าไป แต่ในส่วนของหุ้น เราคงพยายามซื้อในหุ้นบลูชิฟไว้เรื่อยๆ   ซึ่งถ้าเราไม่ได้ซื้อขายตลอดเวลา คือเราคงไม่ใช่นักเล่นหุ้น แต่เป็นการลงทุนระยะยาวมากกว่า  ตัวใหญ่ๆที่ลงทุนไว้มีก็มีพวก PTT  กลุ่มปูน และก็แบงค์ คงประมาณนี้ ที่มีผมมีก็คงจะเป็น TKS            ส่วนการลงทุนที่มีการเก็งกำไร คือ ผมไม่มีเวลา ซึ่งถ้าจะลงทุนในลักษณะนั้น หนึ่ง ต้องมีเวลาและต้องเข้าใจหุ้นตัวนั้นๆว่ามีใครเล่นกันอยู่ ซึ่งบางทีถ้าเราไม่เข้าไปอยู่ข้างใน เราก็จะไม่รู้ คือช่วงที่เขาถอยกัน เราก็จะถอยไม่ทัน เขาเข้าเราก็เข้าไม่ทัน เพราะฉะนั้นถ้าเราไม่มีเวลา  เราต้องมาเลือกเอาวิธีแบบค่อนข้างจะเป็นอะไรที่กลางๆยาวๆนิดหนึ่ง            นอกจากนั้นยัง เป็นที่ปรึกษาการลงทุนให้กับเพื่อนๆ แต่ concept มันจะต่างกันนิดหนึ่งระหว่างการลงทุนของบุคลกับกองกทุน   คือ กองทุนมันจะเป็นอะไรที่ค่อนข้างจะยาวนิดหนึ่ง แล้วไม่เน้นเอาเงินซื้อหุ้น  สมัยก่อนเป็นข้อห้าม คือ เงินกองทุน สมมุติว่ามีสัก 5กองทุนที่บริหาร  อาจมีกองทุนเดียวที่บอกว่ามาลงทุนในบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ได้ แต่ต้องเป็นอะไรต้องมาบอก และที่เหลือต้องเป็นลักษณะลงทุนที่ non – listed แล้วก็ควรจะเข้าตลาดได้ใน 3 ปี 5 ปี เพราะฉะนั้น concept อันนี้คงมาใช้กับคนทั่วๆไปยากนิดหนึ่ง แต่ถ้าหากว่านำมาใช้ในบริษัท ก็คงจะได้เพราะบริษัทจริงๆ บางทีอาจจะต้องมีการลงทุนในเครื่องไม้ เครื่องมือ เครื่องจักร คงต้องมาคิดเหมือนกันว่าเมื่อไรว่าเมื่อลงแล้วมันจะคุ้ม ไม่คุ้ม returnเป็นอย่างไร จากคุณ : นักลงทุน999 เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 12:00:38

ความคิดเห็นที่ 13 วางเป้าหมายสำหรับ TKS ไว้อย่างไร            เป้าหมายสำหรับ TKS ในการที่จะวางมือให้คนอื่น คือ อย่างน้อยต้องเชื่อว่า ณ วันที่เราไปบริษัทต้องต่อไปได้ด้วยตัวเองอย่างน้อย 5 ปี 10 ปี สภาพของสิ่งที่วางเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องระบบ เรื่องของคน คือมันน่าจะอยู่ได้ เพราะว่าถ้าเกิดอย่างนั้นไปแล้ว มันจะมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง เปลี่ยนแปลงตัวธุรกิจ อีก step หนึ่ง จะ demodifyไปทางไหน ตัวอื่นอันนั้นคงเป็นเรื่องของผู้บริหารกับผู้ถือหุ้นที่ต้องตัดสินใจกัน ณ วันนี้ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอยู่ในช่วงที่เรากำลังจะโตขึ้นปีละ15%หรือ20% ขึ้นไปเรื่อยๆ มีการขยายตลาด export มาขึ้น ทำธุรกิจ Digital ทำธุรกิจในตัวของsecurity ปริ้น ซึ่งเป็นธุรกิจที่เราวางแผนเดิมไว้แล้วเมื่อ 3 ปี 5 ปีที่แล้ว ผมเชื่อตัวนี้มันเดินต่อไปได้สัก 5 ปีสบายๆ            TKS กำลังจะโตไปต่างประเทศ นี่ผมถือว่าเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่เราเริ่มมองภาพนี้ชัด ณ วันที่เราเข้าตลาดฯ เราเริ่มมีเงินจากการระดมทุน เรามีการลงทุนในเครื่องจักรที่เน้นใน 3-4 รายที่ว่านี้ เราสร้างโรงงานใหม่ ลูกค้าต่างประเทศที่มาลงทุนเรื่อง WealthBank ที่ออสเตรเลีย เพิ่งมา ตัวผู้บริหารเขาเองมา ซึ่งผมเชื่อว่าสิ่งที่เราลงทุนไปที่นี่ คือมันทำให้ความมั่นใจของลูกค้าสูงมาก  เพราะฉะนั้นผมเชื่อว่าเราคงจะ step ไปได้เรื่อยๆ โดยเฉพาะในเรื่องของต่างประเทศ จากคุณ : นักลงทุน999 เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 12:01:03

ความคิดเห็นที่ 14 วางตำแหน่งในธุรกิจการพิมพ์ของ TKS ไว้อย่างไร            วางตำแหน่งของTKS ไว้ในตลาดโลก คือมันจะมี  ถ้าพูดถึงงานพิมพ์ที่มีการส่งออกในอดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่ใช่ไม่มี คือ มีเยอะ แต่ลักษณะงานพิมพ์แบบเรา ผมถือว่าของเราเป็นเจ้าแรก ส่วนใหญ่ทำเป็น magazine ทำเป็นงานพิมพ์ เป็น web เป็น Hi-speed ซึ่งก็จะแข่งกับการทางทำ magazine ทำเป็นหนังสือทั้งหลายแหล่  อันนั้นเป็นอะไรที่ส่งออกไปเมืองนอกอยู่แล้วในปัจจุบัน แต่อย่างของ TKS เราเนี่ย ในช่วง2ปีที่ผ่านมาที่เราเริ่มส่งออกไปให้แบงค์   ที่ออสเตรเลีย  เป็นครั้งแรกที่เขา import สิ่งพิมพ์เข้าจากที่เมืองไทยเช่นกัน จากต่างประเทศ เหตุผลก็คือ เพราะว่าเขาเริ่มที่จะต้อง source หาแหล่งผลิตที่เขาเทียบแล้วระหว่างเมืองไทยกับเมืองจีน คือรู้แล้วว่าของเราโอเค เพราะฉะนั้นผมถือว่างานนี้เป็นงานที่เราค่อนข้างภูมิใจ เนื่องจากว่าเราบริหารทางสิ่งพิมพ์ เราพิมพ์งานสิ่งพิมพ์ให้กับแบงค์ในเมืองไทยเยอะ ในต่างประเทศเราไม่เคย และก็ไม่มีใครเคยทำให้ ณ ปัจจุบันเราทำให้กับแบงค์ที่ถือว่าใหญ่สุดในออสเตรเลีย เรามองแค่ว่า เราจะบริหารแต่ว่าวิธีการ รูปแบบจะต่างไป เพราะ source อยู่ที่เรา ปกติเราส่งไปต่างจังหวัด ในเมืองไทยเราใช้เวลาประมาณ 3วัน ส่งในกรุงเทพฯวันเดียว ออสเตรเลีย ปัจจุบันอาจจะประมาณ2-3 อาทิตย์ แต่บางส่วนอาจ upgradeไม่ได้ ต้องใช้เวลาบวกแค่ประมาณ 12 ชั่วโมง คือ จริงๆแล้วผมเชื่อว่ายังมีอะไรที่เราท้าทายสามารถจะทำได้ และเราเริ่มมาแล้ว เราสามารถที่จะทำกับลูกค้าที่มีลักษณะเดียวกัน มีคนใช้เยอะ ถ้าถามว่าคู่แข่งมีไหม ผมว่า ณ ปัจจุบัน ยังไม่มีทั้งในประเทศและต่างประเทศ คือเฉพาะต่างประเทศ ผมหมายถึงว่า  ถ้าคู่แข่งเราคือจีน โอกาสที่แบงค์จะมาสั่งของเมืองจีน เพื่อไปใช้ที่ออสเตรเลีย กับสั่งของจากเมืองไทยไป   เราจะได้เปรียบเยอะ เพราะว่าดูแล้ว ความมั่นใจในสิ่งที่เราบริหารทางกับแบงค์ในเมืองไทย คือดูแล้วอย่างไงเขา except ได้ จากคุณ : นักลงทุน999 เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 12:01:15

ความคิดเห็นที่ 15 มีอะไรจากฝากถึงแฟน TKS บ้าง             ความจริงถ้าพูดถึงTKS ผมว่าผมพูดมาค่อนข้างเยอะว่า สิ่งหนึ่งที่นักลงทุนอาจจะเห็นคือบางทีดูงบ อาจจะมองว่าTKS บางไตรมาสขาดทุนด้วยซ้ำไป แต่ก็ได้อาศัยบริษัทลูกมาช่วย ก็คือทางด้าน IT แต่อยากให้มองว่า เนื่องจากว่าในช่วง 3ปี5ปีที่ผ่านมา เป็นช่วงที่เรากำลังปรับเปลี่ยนรูปแบบของบริษัท ในเรื่องของผลิตภัณฑ์ที่จะไปในทิศทางที่มีการแข่งขันน้อยลง ซึ่งมันใช้เวลาบ้าง แต่ว่างานแต่ละงานที่พูดถึงยากมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของงานdigital งานบริหารงานผมก็ถือว่าเป็นหนึ่ง เพราะถึงปัจจุบันคู่แข่งยังมีไม่มากเท่าไร แต่งานเหล่านี้ ถึงวันนี้ เราเริ่มเรียนรู้กับมันมากพอสมควรถามว่าเยอะไหม 3 ปี 5 ปีนี้ถือว่าไม่มาก แต่สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราใช้เวลามากับมัน ใครก็ตามที่จะมาแข่งกับเรา ก็ต้องใช้อะไรที่ไม่น้อยกว่าที่เราผ่านมา               ในขณะที่การผลิตเป็นการแข่งขันในรูปแบบเดิมๆที่เราทำอยู่เป็นงาน offset ทั่ว ๆ ไป เรามีอยู่ เรายังไม่ได้ทิ้ง เพียงแต่เรารู้ว่าจะน้อยลง แต่ก็ใช้กำลังการผลิตส่วนนั้นเต็มที่ เรารู้ว่าที่จะ balance กันได้คือจะต้องขยับให้ตัวสินค้าสูงขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาเราก็ได้ทำแล้ว เพราะฉะนั้นนักลงทุนเอง ผมว่าถ้ามอง TKS คือก็มองในปัจจุบัน  ผมว่าหุ้นตัวมันไม่ใหญ่ มันมีเสน่ห์ของมันอยู่แล้วบางส่วน แต่ในขณะที่ ถ้ามองในธุรกิจที่เป็นธุรกิจหลักของ TKS เอง ให้มองว่าตอนนี้เองอยู่ในช่วงที่มี take off  ไปแล้ว โอกาสที่มันจะต่อไปเรื่อยๆ มีอยู่มาก เพราะบางตัวสินค้าการแข่งขันยังมีไม่มาก เรามีโอกาสค่อนข้างเยอะ เพราะฉะนั้นก็ใจเย็นๆกับหุ้นของ TKS ไม่มีอะไรที่เป็นความเสี่ยง มีอะไรที่ขยับดีขึ้นจะเร็วหรือช้าแค่นั้นเอง                ถ้าพูดถึงในแง่ที่ บอกว่าเป็นการลงทุนระยะยาว หรือเพื่อเป็นหุ้นปันผล จะเห็นว่าตั้งแต่ TKS เข้าตลาดฯ เราไม่เคยมีอะไรที่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง เรามีการปันผลให้ตลอด คือ ถึงแม้ว่าบริษัทจะมีกำไรไม่มาก แต่เราก็มีปันผลจากบริษัทลูก ซึ่งเราถือหุ้นใหญ่รายหนึ่งเราบริหารอยู่ด้วย ซึ่งผมเชื่อว่าในส่วนนั้นก็ให้ความมั่นใจกับนักลงทุนน่าจะได้  ว่าต่อไปในภายหน้าอย่างน้อยมีการ balance กันระหว่าง2ธุรกิจ ซึ่งไม่ว่าอย่างไรก็ตาม TKS ก็ยังที่สามารถจะปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้ จากคุณ : นักลงทุน999 เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 12:01:27

ความคิดเห็นที่ 16 ... จากคุณ : Shinosuke08 เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 12:03:53

ความคิดเห็นที่ 17 จากคุณ : แจ้ห่ม47 เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 12:05:14

ความคิดเห็นที่ 18 มาขำ dafaq 555555555+ จากคุณ : Grimble เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 12:10:20

ความคิดเห็นที่ 19 เหวออ จากคุณ : ลำบากชีวิต เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 12:12:37

ความคิดเห็นที่ 20 TKS จ้าวลากเม่าไปปล่อยดอยหลายรอบแล้วนะครับ ที่ยังคิดว่าดี ผมเห็นมีแต่เม่าบนดอย จากคุณ : เม่าตัวพ่อ (sharnack) เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 12:15:16

ความคิดเห็นที่ 21 #20 ดอยปันผล>6 % และแค่ 6-7 บาท ถือไปยาว 30-40 บาทก็ยอมนะคุณ ตัวไหนก็ได้ ดีกว่าพวกแห่ไปดอยหุ้นลมๆ ปันผลห่วยๆ กินลมแทนปันผลละกัน 555 จากคุณ : นักลงทุน999 เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 12:19:48

ความคิดเห็นที่ 22 พึ่งเตือนเมื่อวาน TKS มาอีกล่ะ เจ้าไม่เข้าน่ะครับ โพสบ่อย จากคุณ : noteperfect เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 12:21:02

ความคิดเห็นที่ 23 #22 งั้นผมไม่โพสต์ละ บ่มเงียบ รวยคนเดียวดีกว่า ^^ จากคุณ : นักลงทุน999 เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 12:22:12

ความคิดเห็นที่ 24 พี่ไม่เชียร์ตัวอื่นบ้างล่ะครับพี่ เเบบเด็ดๆ เหมื่อนเฮีย jjs จากคุณ : BanKkok_SCC เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 12:23:02

ความคิดเห็นที่ 25 #24 เดี๋ยวกระซิบเบาๆ ละกันครับ จากคุณ : นักลงทุน999 เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 12:28:38

ความคิดเห็นที่ 26 555 สู้ๆครับพี่ตองเก้า แอบขำ dafuq ของพี่ชิน วันนี้พี่ตองเก้ามาพร้อมข้อมูลอะไรให้อ่านเล่น ผมชอบนะ ขอบคุณครับผม จากคุณ : Exzion เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 12:33:31

ความคิดเห็นที่ 27 แต่พองามเถอะพี่. จะอ้วกอยู่แล้ว ล้นเกิน จากคุณ : กะโหลกกับกะลา เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 12:35:22

ความคิดเห็นที่ 28 ผมว่าเลิกเชียร์ TKS ไปเลยเถอะครับ แล้วปีหน้าค่อยว่ากัน ไม่งั้นเจอดราม่ารายวัน ไม่จบ คนอยากเล่น จะไม่กล้าเล่นเอา จากคุณ : ผู้ชายไม่ธรรมดา เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 12:41:58

ความคิดเห็นที่ 29 Net profit decreased 17.70 Million Baht or 26.5% กำไรลดลงเนื่องมาจากค่าแรงขั้นต่ำที่เพิ่มขึ้นเป็น 300 บาท และกำไรจากการลงทุนร่วมได้น้อยลง มีรายย่อยถือหุ้นสูงมากเกือบ 37%  ตรงนี้ทำให้ราคาไม่เสถียร ดีตรงไม่มีหนี้  คือ ทุนสูงกว่าหนี้ มีเงินสดหมุนเวียนมาก แต่ในเวปบริษัท ไม่มีรายละเอียดสินทรัพย์ให้อ่านเลย จากคุณ : คุณแม่ลูกสอง (P.Stone) เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 12:53:35

ความคิดเห็นที่ 30 TKS    DW B -     S/L 6.50 S1 6.70 S2 6.65 SUPPORT  5.65 5.05 จากคุณ : noteperfect เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 13:03:53

ความคิดเห็นที่ 31 5.55..ok จากคุณ : autonomous เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 13:05:40

ความคิดเห็นที่ 32 คห 14 น่าจะเป็น accept ไม่ใช่ except นะครับ จากคุณ : จิ้งจกเขียว เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 13:13:02

ความคิดเห็นที่ 33 ขอดูพอร์ทเฉพาะตัว tks ของพี่นักลงทุนหน่อยสิครับ อยากรู้ว่าพี่ซื้อราคาไหน ไหนๆก็หวังดีกับเม่าจริงๆ ก็ช่วยบอกทุนพี่มาหน่อยนะครับ จะได้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ จากคุณ : LimitBreak เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 13:50:50

ความคิดเห็นที่ 34 ผมซื้อตามพี่ไปแล้ว แต่ 2 วันนี้มันก็ยังทรงๆทรุดๆ แนวรับก็เหมือนจะต่ำกว่านี้ เหมือนว่าน่าจะซื้อได้ถูกกว่านี้ (ถ้าดูทางเทคนิคน่ะครับ อยากเข้าซื้อให้ถูกจังหวะด้วยน่ะครับ ไม่ใช่ซื้อปุ๊บแล้วลงต่อปั๊บ สุดท้ายก็ต้องคัท) จากคุณ : LimitBreak เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 13:52:39

ความคิดเห็นที่ 35 แต่ส่วนทุน คือโรงงาน และที่ดิน มูลค่า 340 ล้าน ถูกนำไปจำนองไว้กับธนาคาร   ส่วนของผู้ถือหุ้น (รวมสินทรัพย์ติดจำนอง) 2.76 บาท หุ้นตัวเล็กๆ 2 เท่า BV ก็หรูแล้วค่ะ  (5.5 บาทลงมา น่าสนใจ) เพราะธุรกิจแบบนี้  ต้องลงทุนด้านสินทรัพย์ถาวรเยอะ มีหุ้นมากมายบนกระดาน ที่บอกว่าซื้อโน่นซื้อนี่ ไม่มีเงินดอกค่ะ ไปตกลงกู้กับธนาคาร โดยจะต้องจำนองกับธนาคารทันทีที่ซื้อเสร็จ เขาก็บอกว่ากู้เงินมาซื้อ แต่ไม่บอกว่า จำนองค้ำหนี้ไว้กับธนาคาร ในงบการเงิน  สินทรัพย์ที่ซื้อมา เป็นส่วนของผู้ถือหุ้น 100% ไม่ว่าแท้จริงแล้วยังอยู่ในชื่อของเจ้าหนี้ จนกว่าจะมีเงินไปไถ่คืน พูดง่ายๆว่า เป็นสินทรัพย์ในอนาคต น่าจะเรียกว่า forward BV จากคุณ : คุณแม่ลูกสอง (P.Stone) เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 13:54:18

ความคิดเห็นที่ 36 แนวรับแรก 6.6 รออยู่ 6.5 เก็บเรื่อยๆคร้าบ จากคุณ : แอลกอฮอลเรด เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 13:57:06

ความคิดเห็นที่ 37 คัทไปแล้วครับ อาการไม่ค่อยดี จากคุณ : LimitBreak เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 16:53:20

ความคิดเห็นที่ 38 ผมตั้งรอที่6.10ตอน17:15น. ทุกวัน จากคุณ : Sawakato เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 16:53:20

ความคิดเห็นที่ 39 งานพิมพ์ได้แน่หรือพี่จ๋า  ประมูลกะคนอื่นๆเค้าได้แน่แล้วเหรอ ขอดูยอดซื้อกระดาษย้อนหลัง 3 ปี stock กระดาษในคลัง งานพิมพ์ต่อเดือน งานใหม่ๆมีโปรเจคไรบ้าง คุณตอง 9 เป็นลูกเขย TKS รึเปล่า เชียร์เอาๆ ทุกวันๆ จาอ้วกแล้วนา จากคุณ : อุ่นหล้า เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 19:03:44

ความคิดเห็นที่ 40 อย่าเพิ่งเข้านะ แค่เอาไว้ในFavouriteก็พอ แค่อยากจะบอกว่า TKS ถือหุ้นในบริษัทอื่นต่อไปนี้ 1. SVOA จำนวน 9,000,000 หุ้น ราคาปิด 1.18 คิดเป็น 10,620,000 2. IRCP จำนวน 3,900,000 หุ้น ราคาปิด 3.62 คิดเป็น 14,118,000 3. TBSP จำนวน 2,187,981 หุ้น ราคาปิด 150 คิดเป็น 328,197,150 4. SYNEX จำนวน 269,715,600 ราคาปิด หุ้น 4.64 คิดเป็น 1,251,480,384 รวมทั้งสิ้น 1,604,415,534 บาท เอาไปบวกลบคูณหารกันเอาเองนะครับว่ามูลค่าที่แท้จริงอยู่ที่เท่าไหร่ อ๊ะนั่นแน่สนใจแล้วล่ะซี้ จากคุณ : Sawakato เขียนเมื่อ : 10 ก.ย. 55 20:48:37