ความคิดเห็นที่ 1 ผมก็เป็นข้าราชการ เงินเดือนหมื่น5 ตามนโยบายเหมือนกัน สมัครพร้อมกัน 4 ที่ ก็ได้หมดทั้ง 4 ที่เลย First choice VISA กรุงศรี บัตรเงิน ทหารไทย so chill KBANK Titanium คงพอแค่นี้แหละ จากคุณ : chanet (Chanet) เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 19:45:22

ความคิดเห็นที่ 2 แต่ล่ะอย่างดอกซังกะจังเลยน่ะแต่ล่ะคน จากคุณ : Aunio เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 19:52:34

ความคิดเห็นที่ 3 -*- แปลว่าไร ซังกะจัง จากคุณ : bajeta เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 19:54:34

ความคิดเห็นที่ 4 ก็ตอนแรกอยากได้ใบเดียว เพื่อเอาไว้ผ่อนเบี้ยประกัน 0% แต่มีคนแนะนำว่าสมัครไว้หลาย ๆ ที่ เผื่อไว้ครับ แก้ไขเมื่อ 18 ก.ย. 55 20:05:15 จากคุณ : Chanet เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 19:55:42

ความคิดเห็นที่ 5 บัตรเครดิต คือคำเรียกที่สวยหรู แท้จริงคือ บัตรกู้เงิน   คุณเป็นข้าราชการจะสมัครเยอะๆหลายๆใบ ไปทำไมกันครับ หลายคน มีบัตรเยอะ ก็เป็นหนี้เยอะนะครับ   พอเพียงจะดีกว่า มีเท่าไหร่ใช้เท่านั้น ที่จริงมีใบเดียวก็เพียงพอแล้ว จากคุณ : Wai-ta-min เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 20:02:43

ความคิดเห็นที่ 6 ใช้ 2 ใบก็พอครับ กำลังดี  เอา visa ใบ  mastercard ใบ ถือเยอะๆ ปัญหาเยอะ วุ่นวาย จากคุณ : vacuum_car เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 20:09:30

ความคิดเห็นที่ 7 เรื่องหนี้ผมเห็นด้วยครับ เคยไปอ่านเวป ชมรมหนี้บัตรเครดิตอยู่ การเป็นหนี้ ไม่ใช่เล่น ๆ เหมือนกัน แต่ผมก็คิดว่า 2 ใบกำลังดี 1.เผื่อรูดไม่ผ่าน 2.ระยะตัดรอบห่างกันจะได้วางแผนได้ 3.ใบหนึ่งจ่ายเต็ม ใบหนึ่งเผื่อเสียดอก (ดอกเบี้ยต่ำกว่า เสียดอกใบเดียว) วงเงินผมไม่ค่อยเยอะ ไม่จำเป็นก็ไม่ได้รูดทำอะไร จากคุณ : Chanet เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 20:17:43

ความคิดเห็นที่ 8 เขาเข้มงวดก็ดี ฟองสบู่แตกจะได้ไม่กลับมาอีก จากคุณ : RobinTh เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 20:34:23

ความคิดเห็นที่ 9 จริงๆๆ บัตรเครดิต มีแต่ความจำเป็นนะครับ ถ้าเราไม่จำเป็นเค้าเรียกว่าฟุ่มๆๆๆๆ น่ะครับ แต่ยังไงถ้า ได้มาแล้ว อยากให้ทำที่ดอกเบี้ยต่ำๆๆน่ะครับ ค่าทำเนียมรายปีไม่มี ง่ายๆๆตลอดชีพครับมีเยอะแยะน่ะ ถ้าเติมน้ำมันคืนเงิน 4-5 % ก้อมี เปิดดูน่ะครับ เยอะแยะ ถ้าชอบสะสมแต้มดูหนัง เยอะแยะ แล้วแต่เราจะเลือก ด้วยส่วยตัวใช้จ่ายค่ากับข้าวค่าผักตามโลตัสเดือนล่ะหลายพัน ก้อทำบัตรโลตัสลด 10% น่ะ แต่ถ้าขับรถเติมน้ำมันเติมนามมันลด 5% ของฮ่องกงเค้า ศึกษาดูครับอย่าใจร้อน เซลจะหาให้เราเองพวกนี้เค้าได้ตาง เวลาเราทำ ใจเย็นๆๆ อย่าดิ้น ถ้าดิ้นเดือนมันจะร้อน ร้อนแล้วก้อเป็นหนี้ ทีนี้แหละ ร้อนตูดแน่ ฝากด้วยน่ะครับ ยังไงก้อมีใช้เท่าที่มีน่ะครับดีที่สุด ขอบคุณครับ จากคุณ : Aunio เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 55 20:53:57

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณทุกความเห็นที่เตือนเรื่องหนี้นะครับ แต่ผมใช้มาสองปีแล้วไม่เคยจ่ายขั้นต่ำ จ่ายเต็มตลอด บัตร SCB ใบแรกที่ทำโดย fix ค้ำ เอาไว้หักค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ กับใช้จ่ายประจำ เอา cash back บัตร tesco ก็ซื้อของโลตัสทุกเดือน เดือนละสองพันกว่าบาท บัตร hmpro ช่วงหลังน้ำท่วม ก็ซื้อของเข้าบ้านหลายชิ้นอยู่ บัตร thanachart เอาไว้เติมน้ำมันรถอย่างเดียว ที่สมัคร scb ใหม่อีกใบ ก็จะลองดูว่าจะสมัครผ่านไหม จะได้เอาบัญชี fix ค้ำ ออก ที่โทรมาชวนสมัคร ผมก็ลองสมัครไปงั้นแต่มันไม่ผ่านจึงได้เข้าใจว่าธนาคารไม้บรรทัดไม่เท่ากัน จากคุณ : bajeta เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 55 00:06:57

ความคิดเห็นที่ 11 ง่า... ทำไมถึงคิดว่าธนาคารแต่ละที่จะมีไม้บรรทัดที่เท่ากันล่ะคะ แต่ละธนาคารก็มีเกณฑ์การพิจารณาต่างกันอยู่แล้ว เพราะพื้นฐานของแต่ละธนาคารต่างกัน ปล่อยเงินกู้ได้เท่าไหร่ เงินสำรองต้องมีเท่าไหร่ ความเสี่ยงต้องไม่เกินระดับไหน ฐานลูกค้าเป็นกลุ่มไหน บางธนาคารอยู่เฉยๆ ลูกค้าก็วิ่งเข้ามาขอกู้เงินเอง ขอทำบัตรเครดิตเอง บางธนาคารเซลต้องโทรหาลูกค้าทำยอดยิกๆ ต้องทำโปรโมชั่นลดราคาร้านค้าเยอะแยะมากมายเพื่อดึงดูดลูกค้า การได้มาซึ่งลูกค้าของแต่ละที่ก็ไม่เท่ากันแล้วค่ะ แล้วการอนุมัติบัตรเครดิตให้ลูกค้าง่ายเกินไปก็ถือเป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้กับธนาคารด้วย เพราะบัตรเครดิตเป็นสินเชื่อที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ถ้าลูกค้าไม่จ่าย คือแบงค์ต้องทวงถามอย่างเดียว ถ้าลูกค้าไม่จ่ายก็ฟ้องร้องกันไป ไม่สามารถยืดอะไรมาใช้หนี้ได้ (เว้นแต่ลูกค้ามีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เช่น ใช้บัญชีเงินฝากค้ำประกัน ธนาคารจึงจะยอมอนุมัติอย่างที่ทาง SCB อนุมัติบัตรแรกให้คุณค่ะ) ถ้าคุณเจ้าของกระทู้ยื่นธนาคารเดียวกันแต่ต่างช่องทางกัน เช่น ผ่านเซลไม่ได้รับการอนุมัติแต่ผ่านสาขากลับได้ อะไรอย่างงี้ สำหรับเราถึงจะเรียกว่าไม้บรรทัดไม่เท่ากัน แต่ถ้ายื่นต่างธนาคารกันแล้วบางที่ได้ บางที่ไม่ได้ เราว่าเป็นเรื่องปกติค่ะ ปล. ในมุมมองของเรา ที่คุณไม่ได้อาจเป็นเพราะธนาคารพิจารณาว่าถ้าอนุมัติบัตรใบใหม่ไป คุณอาจจะมีความสามารถในการชำระหนี้ไม่เพียงพอ เพราะรายได้ของคุณ หักค่าใช้จ่ายพื้นฐานทั่วไป หักค่ากินอยู่แต่ละเดือน รวมกับยอดใช้จ่ายจากบัตรเครดิตใบที่มีอยู่ด้วย ทำให้เงินสดหมุนเวียนที่เหลืออยู่ในแต่ละเดือนของคุณไม่เพียงพอที่จะชำระหนี้ที่เกิดขื้นของบัตรใบใหม่ได้ค่ะ :) แก้ไขเมื่อ 19 ก.ย. 55 01:18:02 จากคุณ : แกะน้อยนักเดินทาง เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 55 01:06:01

ความคิดเห็นที่ 12 อีกอย่าง กรณีของคุณเจ้าของกระทู้จะต่างจากคุณความเห็นที่ 1 ตรงที่ว่า คุณความเห็นที่ 1 สมัครครั้งแรกโดยยื่นพร้อมกัน 4 ที่ ทุกธนาคารพอเช็คเครดิตบูโรแล้วจะพบว่าคุณความเห็นที่ 1 ไม่เคยมีบัตรเดรดิตเลย จึงมีแค่รายได้ หักค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนเท่านั้น แต่ของคุณเจ้าของกระทู้มีบัตรอยู่แล้ว และมียอดใช้จ่ายด้วย ซึ่งธนาคารที่คุณยื่นใหม่ก็จะเห็นข้อมูลตรงนี้ผ่านเครดิตบูโรด้วย ทำให้ต้องพิจารณาเรื่องความสามารถในการชำระเงินเพิ่มขื้นมาค่ะ จากคุณ : แกะน้อยนักเดินทาง เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 55 01:15:01

ความคิดเห็นที่ 13 เห็นด้วยกับ คห.6 ครับ ผมถือบัตรค่าย Master Card ไว้แล้ว จะสมัครของค่าย VISA อีกใบ บัตรเครดิตมีไว้ก็ดีครับ เพียงแต่ว่าผู้ครอบครองควรวางแผนในการใช้จ่ายด้วยครับ สิ้นเดือนจะได้ไม่ต้องกุมขมับ หนี้จะได้ไม่บานเบิกครับ จากคุณ : NIPONOVIC เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 55 10:44:24

ความคิดเห็นที่ 14 อย่าว่าแต่ธนาคารที่มีไม้บรรทัดไม่เท่ากันเลยครับ ธนาคารเดียวกันแต่จนท.พิจารณาคนละคนกัน ไม้บรรทัดก็ไม่เท่ากันอยู่ดีครับ มันขึ้นอยู่กับ Software (คน) และ Hardware (เครื่อง) เงินเดือน 15000 ไม่ได้การันตี ว่าเรามีสถานะทางการเงินที่ดีเพียงพอครับ จากคุณ : toeydays เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 55 11:53:58

ความคิดเห็นที่ 15 เห็นด้วยตามคุณคห.11และ14ค่ะ แต่ละธนาคารมีunderwriting guidelineไม่เหมือนกันค่ะ แล้วแต่นโยบายและความเสี่ยงที่แต่ละแบงค์รับได้ ส่วนในแบงค์เดียวกัน จนท.สินเชื่อจะพิจารณาเคสด้วยมาตรฐานเดียวกัน ยกเว้นบางเคสที่ลูกค้าก่ำกึ่งๆ(หมายถึง ความสามารถในการชำระหนี้) จนท.2คนอาจมองความเสี่ยงของลูกค้าไม่เท่ากันค่ะ .. คนนึงให้ผ่าน อีกคนอาจจะไม่ให้ผ่านก็ได้ค่ะ จากคุณ : เขียนบน iPhone (someone in common) เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 55 21:19:49

ความคิดเห็นที่ 16 15000 * 5 เท่า = 75000 วงเงินรวมทุกใบเกิน 75000 ยังเอ่ย ถ้าเกินเเล้ว เเสดงว่าคุณได้เครดิต เกินห้าเท่าของรายได้เเล้วครับ ต่อจากนี้จะขอบัตรใหม่ที่อื่น ยากมาก ๆ ครับ ราคาหุ้นเกินพื้นฐาน โอเวอร์เวลู อิ อิ ล้อเล่นนะครับ จากคุณ : คนทำงานใต้บันไดเลื่อน เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 55 23:05:09

ความคิดเห็นที่ 17 มาคิด ๆ ดูน่าจะใช่ตาม คห.16 มั๊งครับ บัตร scb ผมฝาก fix ค้ำ วงเงินมันแยกอยู่แล้ว ไม่เกี่ยว แต่บัตรที่เหลือ 3 ใบนั่น ได้ วงเงินใบละ 30,0000 x3 ก็ 90,000 แล้วแหะ แต่ผมใช้เดือนนึงก็ บัตร scb 5000 บัตร tesco 2500 บัตร thanachart 2500 บัตร hmpro ถ้าไม่ซื้อของใหญ่เข้าบ้านก็ไม่ได้ใช้ จากคุณ : bajeta เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 55 19:30:31

ความคิดเห็นที่ 18 ผม ก็ เงินเดือน หมื่นห้า ตามนโยบายของรัฐบาล กำลังจะสมัครบัตรเครดิต ถ้า ได้ KTC ก็ คงเอาแค่ใบเดียว อ่ะครับ แต่ คิดว่า คงไม่ผ่าน เพราะไม่เคย เป็นหนี้อะไรเลย ถ้าไม่ผ่านจริงๆ คงไปกู้สหกรณ์เอาแล้วกัน จากคุณ : อาราเล่_Arale เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 55 21:17:11

ความคิดเห็นที่ 19 ถ้าใช้อย่างระวังมันก็ได้ประโยชน์นะครับ เคยอ่านเจอในใน http://todealwithpersonalloan.** ไม่ใช่ลิควิด **/2012/10/blog-post.html  ประมาณว่าแน่มาก จากคุณ : GoOnThai เขียนเมื่อ : 2 ต.ค. 55 22:18:20