|
เกณฑ์การเลือกกองทุนหุ้นปันผลของผม
- ปันผลสม่ำเสมอทุกปี รวมปันผลปีละไม่น้อยกว่า 10% (ถ้าซื้อเฉลี่ยทั้งปีหน่วยละ 10 บาท ต้องได้ปันผลรวมทั้งปีไม่น้อยกว่า 1 บาท) ยกเว้นปีที่ตลาดหุ้นแย่จริงๆ เช่นปี 2551 ที่กองส่วนใหญ่บริหารขาดทุนและงดปันผล แต่มีบางกองที่ยังอุตส่าห์ปันผล (ซึ้ง น้ำตาจะไหล)
กองที่เข้าเงื่อนไข HI-DIV, KFSDIV, BKD, SCBDV, ABTED, TMB50DV, K-VALUE กองน้องใหม่ที่น่าจับตา BSIRICG, SCBSE
- กองทุนปันผล ปันต่อหน่วยลงทุน ไม่ใช่จำนวนเงินที่เราซื้อ นั่นหมายความว่า กองไหนราคา NAV ต่อหน่วยยิ่งถูก เราก็ยิ่งได้จำนวนหน่วยเยอะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องดูอัตราส่วนระหว่างรวมปันผลทั้งปี และราคา NAV ที่เราซื้อเฉลี่ยทั้งปี เช่น กอง AAA ราคา 5 บาท ปันผล 1 บาท คิดเป็น 20% ส่วนกอง BBB ราคา 10 บาท ปันผล 2 บาท คิดเป็น 20% เช่นเดียวกัน
- แนะนำให้อ่านพอร์ตลงทุนของกองทุน บางกองลงทุนในหุ้นมากกว่า 40 ตัว ซึ่งเยอะไป แต่ก็คลุมหลายธุรกิจ บางกองเจาะจงเน้นหุ้นกลุ่มธนาคาร+พลังงาน, +ขนส่ง, +พาณิชย์, +สื่อสาร ตรงนี้ขึ้นอยู่กับความชอบของเรา
- แผนของผมคือลงทุนตลอดชีวิต เพื่ออิสรภาพทางการเงินจากเงินปันผล ดังนั้นจะไม่มีการขายหน่วยลงทุน ตราบใดที่กองทุนนั้นยังปันผลสม่ำเสมอไม่น้อยกว่า 10% ส่วนจังหวะเข้าซื้อคือวันที่ XD เพื่อปันผล หรือช่วงที่ตลาดตกหนักๆ ซึ่งปีหนึ่งอาจมีเพียงครั้งเดียว หรือระยะที่เส้นกราฟ MACD อยู่ใต้เส้น signal (สำหรับคนชอบกราฟ)
- แต่จิตมนุษย์ไซร้ยากแท้หยั่งถึง ผมจึงซื้อกองไม่ปันผลด้วย เพื่อจะได้แบ่งขายบางส่วนในช่วงที่ตลาดขาขึ้น ทำกำไรทั้งปีมากกว่า 40% อย่างตอนนี้ และแบ่งลงทั้งกองที่บริหารแบบเชิงรุก (active strategy) เช่น บัวหลวง, อเบอร์ดีน และเชิงรับ (passive strategy) เช่น ทหารไทย หรือลูกครึ่ง เช่น ไทยพาณิชย์ นอกจากนี้ยังลงทุนในกองที่ผลตอบแทนไม่ขึ้นกับตลาดหุ้น เช่น กองอสังหาริมทรัพย์ กองทองคำ กองน้ำมัน แต่ยังทำได้ไม่ค่อยดี เพราะเงินลงทุนยังไม่เยอะเท่าไหร่
แก้ไขเมื่อ 20 ก.ย. 55 20:18:37
จากคุณ |
:
dekdoy
|
เขียนเมื่อ |
:
20 ก.ย. 55 20:00:25
|
|
|
|
|