ความคิดเห็นที่ 1 รอฟังด้วยคนค่ะ พึ่งซื้อคอนโดไปหลายห้อง ยังไม่รู้จะมีคนเช่ารึป่าว @_@ จากคุณ : ตามติดชีวิตงงเต๊ก เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 55 10:37:19

ความคิดเห็นที่ 2 ใช้บริการเอเจนท์จ้ะ แล้วเอาเวลามาเล่นหุ้นแทน สบายใจ 555 จากคุณ : สะเดาอินเดีย เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 55 10:40:25

ความคิดเห็นที่ 3 วิธีการของแต่ละท่านจะไม่เหมือนกันนะครับ ของผมจะประมาณนี้ครับ ทีละข้อครับ 1. ผมจะเลือกโซนที่เป็นเป้าหมายก่อนครับ ตีวงกว้างๆ - รถไฟฟ้าผ่านแล้ว (ราคาสูง ต้องทำใจ) - แนวรถไฟฟ้าในอนาคต (ต้องรีบตัดสินใจ เพราะราคาจะปรับขึ้นเร็ว) - อยู่ในโซน CBD แต่ราคา และกลุ่มเป้าหมายจะเป็น level บน - อยู่ในย่านที่ต้องการที่พักอาศัยสูง เช่น โรงเรียน มหาลัย ตลาด ย่านการค้า แหล่งบันเทิง 2. เลือกจากโครงการที่เราคุ้นเคย หรือมีชื่อเสียงดี ในการก่อสร้าง (โดยไม่สนใจทำเล) - เชื่อมั่นในเจ้าของโครงการเป็นทุนเดิม - ไม่เอาเปรียบลูกค้าในเรื่องสัญญา โปร่งใสไม่หมกเม็ด กันสร้างทันตามกำหนดเวลา - มีการบริหารโครงการที่ชัดเจน เป็นมืออาชีพ - เน้นความสบายของผู้อยู่อาศัยเป็นสำคัญ ส่วนกลางพร้อม ไม่ใช่มีแต่ตึกอย่างเดียว 3. หากเลือกทำเลได้ แล้วค่อยก็มา FOCUS เจ้าของโครงการ โดยใช้เกณฑ์ข้อ 2 ก็ได้ครับ จากคุณ : tasuko เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 55 11:16:18

ความคิดเห็นที่ 4 ต่อมาเรื่องการให้เช่า ผมก็ใช้บริการ Agent เหมือนข้อ 2 ครับ ด้วยเหตุผลเรื่องความสะดวก และเวลา Agent ก็มีหลายแนวมากจริงๆครับ ของผมจะเป็นอย่างนี้ - ต้องเป็น Agent ที่คุยรู้เรื่องนะครับ ไม่ใช่คิดแต่เรื่องเงินอย่างเดียว - เขาจะต้อง screen คนเช่าให้เราด้วยเช่น เฉพาะคนต่างชาติ หรือนักศึกษาเท่านั้น หรือดูแล้วเป็นผู้เช่าระยะยาว เป็นต้น - ทำหน้าที่แทนเราทุกอย่าง เช่น งานพาไปดูห้อง งานเอกสาร สัญญา - มีช่างที่จะซ่อมแซม หรือทำความสะอาดห้องให้ เวลามีการเปลี่ยนผู้เช่า - สามารถเข้าไปยังห้องเช่าเราได้ตลอดเวลา เมื่อเกิดปัญหาใดๆขึ้น - มีความสามารถในการประสานงาน กับสนง.บริหารโครงการ หรือนิติฯได้ดี สิ่งที่ผมจะต้องให้ Agent คือค่าเช่า 1 เดือน เมื่อมีการเปลี่ยนผู้เช่าทุกครั้ง ปล. ผมให้ Agent ถือกุญแจสำรองของห้องไว้ด้วยเลย แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 55 11:26:51 จากคุณ : tasuko เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 55 11:24:59

ความคิดเห็นที่ 5 ต่อมาคือปัญหาที่ต้องหาจุดสมดุลเอาครับ คือเรื่องค่าเช่า กับสัญญา - ค่าเช่าผมจะ set ตามราคาตลาด และการตกแต่งห้อง และเฟอร์นิเจอร์ที่ใส่เข้าไป - การตกแต่งจะต้องเน้นให้ function ครบครับ อย่าไปเสียดายมาก เช่น wall paper, air con, เครื่องทำน้ำอุ่น, ทีวี, โต๊ะทานข้าว, ชุดโซฟา, เตียง+ที่นอน, ผ้าม่าน, ตู้เย็น, เครื่องซักผ้า, ไมโครเวฟ - ด้วยเหตุผลข้างต้น ทำให้ค่าเช่าห้องของผม แพงกว่าค่าเฉลี่ยของคอนโดนั้นๆ ประมาณ 30-40% ครับ - ส่วนในสัญญาจะระบุรายละเอียดอุปกรณ์ ที่ให้ไว้ก่อนเช่าทุกรายการครับ โดยมีเงินค้ำประกันอุปกรณ์ไว้ครับ - ค่าเช่า แรกเข้าเก็บค่าเช่าล่วงหน้า 2 เดือน บวกกับเงินประกันทรัพย์สิน (กำหนดเอง) แล้วเราก็เอาค่าเช่า 1 เดือนเนี่ยไปให้ Agent ครับ - วิธีการชำระใช้วิธีการโอนเงินผ่าน บช. อย่างเดียวครับ วิธีข้างต้นดีที่สุดรึป่าวไม่ทราบ แต่ห้องผมจะว่างแค่ประมาณ 1 เดือนต่อปี หรือไม่ก็เต็มตลอดครับ ส่วนหากผู้เช่าจ่ายช้า หรือไม่จ่าย ผมขอสงวนสิทธิ์ไม่เล่านะครับ จากคุณ : tasuko เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 55 11:41:26

ความคิดเห็นที่ 6 เรื่องการปล่อยเช่า จะมีปัญหาจุกจิกพอควรนะครับ ถ้าจะทำ เราต้องเตรียมตัว เตรียมใจ เพราะก็เหมือนเราทำธุรกิจแหละครับ มีปัญหาให้แก้ ต้องเสียเวลาไปในขั้นตอนต่างๆ ดังนั้นต้องพร้อมครับ สำหรับผมคนเช่าแต่ละชุด ยิ่งอยู่นานยิ่งเป็นประโยชน์ครับ ลดค่าใช้จ่าย และความยุ่งยากไปได้เยอะ แต่ต้องติดต่อ และเข้าไปดูห้องเป็นระยะนะครับ เพราะยังไงก็เป็นทรัพย์สินของเรา แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 55 11:47:37 จากคุณ : tasuko เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 55 11:45:41

ความคิดเห็นที่ 7 ส่วนการขาย ผมจะขายผ่าน net นะครับ เดี๋ยวนี้ซื้อ-ขาย คอนโด ก็เข้าใกล้การซื้อ-ขาย รถมือสองเข้าไปทุกที Agent ก็ทำให้คุณปวดหัวพอสมควร แต่ที่ผมอยากจะ share ก็คือเรื่องราคาขาย คือเราต้องเราค่าธรรมเนียมต่างๆ เป็นต้นทุนให้หมดนะครับ ทั้งค่าเปลี่ยนผู้ถือสิทธิ์ หรือค่าจดจำนอง และอื่นๆ ส่วนผลกำไร ผมอยากให้ลอง set เป็นผลกำไรทั้งปี เหมือนเวลาเราเล่นหุ้น แล้วเราต้องการกำไรจากหุ้นกี่ % นะครับ ถ้าคอนโดคุณถือสั้น คุณอาจจะเอากำไรน้อยๆ แต่ถ้าคุณถือครบปี หรือมากกว่านั้น ก็อาจต้อง set ให้เหมาะกับความต้องการ โดยต้องดูมูลค่าคอนโด โดยรอบด้วยว่าซื้อขายกันที่เท่าไหร่ครับ จากคุณ : tasuko เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 55 11:54:13

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณนะคะ ข้อมูลแน่นมากๆ จากคุณ : ตามติดชีวิตงงเต๊ก เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 55 12:00:48

ความคิดเห็นที่ 9 ท้ายสุด คือ การตัดสินใจ ผมอยากให้ยืนอยู่บนพื้นฐานของความพอดีครับ เอาตามกำลังความสามารถของเราเอง เพราะคอนโดถือเป็นการลงทุนที่ใช้งบประมาณ และค่าใช้จ่ายเกี่ยวเนื่องสูง รวมทั้งกินเวลาของผู้ลงทุนด้วย เนื่องจากสภาพคล่องของคอนโด ไม่เหมือนหุ้น หรือทอง ที่สำคัญคืออย่าให้การทำธุรกิจคอนโด มาทำให้เกิดภาระแก่เรามากจนเกินไป ต้องแบ่งสัดส่วนการลงทุน เหมือนที่เกจิหลายๆท่านกล่าวไว้ตลอดเวลาครับ เดี๋ยวรอผู้รู้ท่านอื่นๆ มา share ด้วยละกันนะครับ แต่ผมมี web นึง ที่ผมใช้ มาเป็นข้อมูลในการตัดสินใจเลือกดอนโดนะครับ http://thinkofliving.com จากคุณ : tasuko เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 55 12:00:49

ความคิดเห็นที่ 10 คุณ tasuko ให้ข้อมูลเยอะดีคะ แถมเราว่าคุณได้ Agent ที่ดีด้วยนะคะ เพราะแค่ ให้ Agent คือค่าเช่า 1 เดือน แต่เค้าดูแลให้ตลอดเวลาคนเช่ารายนั้นเลยใช่ไหมคะ - ทำหน้าที่แทนเราทุกอย่าง เช่น งานพาไปดูห้อง งานเอกสาร สัญญา - มีช่างที่จะซ่อมแซม หรือทำความสะอาดห้องให้ เวลามีการเปลี่ยนผู้เช่า - สามารถเข้าไปยังห้องเช่าเราได้ตลอดเวลา เมื่อเกิดปัญหาใดๆขึ้น - มีความสามารถในการประสานงาน กับสนง.บริหารโครงการ หรือนิติฯได้ดี จากคุณ : pompmm เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 55 13:51:28

ความคิดเห็นที่ 11 อย่างแรกที่อยากต้องพิจารณา คือ ถ้าซื้อแล้วคุณหาคนเช่าไม่ได้มากอย่างที่คิดหรือหาไม่ได้เลย คุณต้องไม่เดือดร้อนครับ จากคุณ : จิงนะ เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 55 13:57:35