อ่านแล้วโดนใจครับ
1.โลภเกินไป
พวกนี้ทำกำไรแล้วไม่ขาย แถมมั่นใจด้วยว่าราคาหุ้ันไปต่อแน่นอน พอราคาตกลงมาเท่าทุนหรือต่ำกว่า กลับอยากจะขายแล้วเมื่อไหร่มันจะกำไรละคุณพี่ ราคาหุ้นขึ้นมาได้กำไรพอใจก็ขายออกไปบ้าง ขายแล้วมันขึ้น ก้แปลว่า ปีนี้ท่านได้ทำทานอันยิ่งใหญ่ให้เพื่อนนักลงทุนด้วยกัน แต่ถ้าขายแล้วมันลงเลย ตอนเช้าก็ตื่นมาใส่บาตร กรวดน้ำ อุทิศส่วนบุญ ให้เพื่อนนักลงทุน ที่รับหุ้นจากท่านไป อย่าได้มีเวรต่อกันเลย ทั้งชาตินี้และชาติหน้า แค่นี้จิตใจก็สบายแล้ว
2.กลัวเกินไป
พวกนี้กลัวขาดทุน พอซื้อหุ้นเสร็จ นังรอสักพัก ประมาณไม่เกิน 2 วัน ราคาไม่ขึ้น ไปตามที่ตัวเองคาดไว้ คือตัวเองคาดว่าถ้าเขาตัดสินใจซื้อแล้วราคาต้องขึ้นทันที หรือตัดสินใจขายแล้ว ราคาต้องลงแรงทันทีเดี๋ยวนั้น
ข้อแนะนำคือ ตอนซื้ออย่าไล่ราคา เลือกหุ้นที่เป็นขาขึ้นแค่นี้ก็พอ ส่วนจังหวะขายยังไม่ต้อง เพราะไวมากอยู่แล้ว ถ้าอยากขายได้ราคาแค่หลบจากจอไปทำธุระเย็นๆ หรือพรุงนี้มาดู ก็จะขายได้ราคาดีแล้วละคับ
3.ตกใจเกินเหตุมากไป
เจอข่าวร้ายก็อย่าตกใจขาย ถ้าเจอข่าวดีก็อย่าตกใจซื้อหุ้น หุ้นตัวไหนกำลังวิ่ง ปิ้วปิ้วปิ้ว ก็ตกใจไล่ซื้อโป๊ะ ยังไม่รู้เยว่าหุ้นตัวที่ซื้อนั้น ทำธุรกิจอะไร โดยเฉพาะวันที่มีหุ้นใหม่ๆ เข้าตลาดวันแรก มีคนตกใจซื้อ ATO กันเยอะเลย
วิธีแก้คือ ลองทำทุกอย่างให้ช้าลง อยากซื้อก็ตั้งซื้อต่ำๆ หน่อย อยากขายก็ตั้งสูงหน่อย ท่านจะได้มีเวลาคิดทบทวน ผมว่า ไม่เกิน 5 นาที ท่านก็มีสติกลับมาแล้ว
แหล่งข้อมูล : หนังสือ แมงเม่าสำราญ เขียนโดย คุณณัฐวัฒน์ อ้นรัตน์ (พี่เปี๊ยก)
จากใจผู้โพสต์กระทู้: ข้อมูลข้างต้นเป็นการย่อความในบางส่วนเพื่อให้ได้ใจความที่กระชับ ผู้ที่สนใจสามารถหาซื้อหนังสือได้จากร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป
ขอบคุณ พี่เปี๊ยกที่ให้ข้อคิดดีๆครับ
สาเหตุที่คนเล่นหุุ้นไม่ประสบความสำเร็จ
