ความคิดเห็นที่ 1 เมื่อมองจากผลของมาตรการ QE โดยตรง วิธีดูแบบที่ง่ายที่สุดก็คือ ดูว่า QE1 และ QE2 ให้ผลอย่างไรกับราคาทอง หลังออกมาตรการออกมา ดังรูปด้านล่าง จะเห็นว่า ทั้งราคาน้ำมัน และราคาทอง ตอบรับกับ QE ทั้ง 2 ครั้ง รวมถึงมาตรการ Operation Twist ด้วย แต่กรอบระยะเวลาการวิ่งอาจแตกต่างกัน ที่น่าสังเกตคือ พอธนาคารกลางสหรัฐฯอัดฉีดเงินเข้าระบบครบตามที่ตั้งใจจากทั้ง QE1 และ QE2 หมดแล้ว ราคาน้ำมันกลับสะท้อนอารมณ์ ของนักลงทุน และมีแรงขายระยะสั้นที่รุนแรงกว่าราคาทอง ส่วนราคาทอง ก็อาจมีปรับฐานบ้างเล็กน้อย และที่เหมือนกันก็คือ มาตรการ Operation Twist ไม่ได้ทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั้ง 2 ตัวนี้วิ่งขึ้นอีกแต่อย่างใด สาเหตุก็น่าจะมาจาก QE คือ การอัดเงินเข้าไปสู่ระบบเศรษฐกิจโดยตรง (เพิ่ม Money Supply) แต่ Operation Twist ไม่ได้ทำให้งบดุลของ Fed โตขึ้น และปริมาณเงินในระบบเพิ่มขึ้นตรงๆ ทำให้ความคาดหวังของนักลงทุนที่จะเห็น US Dollar อ่อนค่าจากมาตรการ Operation Twist นั้นมีน้อยกว่า QE จากคุณ : Mr.Messenger เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 01:07:47

ความคิดเห็นที่ 2 ความเห็นเมื่อกี้ ผมพูดถึงว่า QE 2 รอบ ทำให้งบดุล (Balance Sheet) ของธนาคารกลางสหรัฐฯโตขึ้นโดยตรง ขอขยายความอีกหน่อยนะครับ QE คือ การที่ Fed ทำตัวรับเป็นเจ้ามือในการซื้อตราสารหนี้ รอบแรก ซื้อ Mortgage-Backed Security : MBS ออกจากระบบ รวมถึงหนี้เสียบางอย่างของภาคธนาคาร รอบสอง ซื้อ พันธบัตรสหรัฐฯในตลาดรองโดยตรง เพื่อกดอัตราดอกเบี้ยระยะยาวให้อยู่ในระดับต่ำ เพราะฉะนั้นตัวตราสารหนี้กับหนี้เน่าก็จะอยู่ในงบดุลของธนาคารกลางเอง นั้นก็อธิบายได้ว่า ทำไมงบดุลของธนาคารกลางถึงโตขึ้น (จริงๆควรเรียกว่าบวมขึ้นมากกว่า) คราวนี้ ลองไปดูอีกภาพนะครับ ว่า ออก QE ปั๊บ งบดุลของธนาคารกลางบวมปุ๊บ เกิดอะไรกับราคาทอง จากภาพด้านล่าง Balance Sheet ของธนาคารกลางทั้งอยู และสหรัฐฯ ดูแล้วเหมือนมีความสัมพันธ์กับราคาทองนะครับ วิ่งขึ้นไปในทิศทางเดียวกันมาตลอด จากคุณ : Mr.Messenger เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 01:08:38

ความคิดเห็นที่ 3 ย้อนกลับมาที่มาตรการ QE3 จาก Fed และ Unlimited Bond Buying จาก ECB ก็ชัดว่า สิ่งที่ธนาคารกลางทั้ง 2 กำลังพยายามทำอยู่ก็คือ ทำให้ Balance Sheet (B/S) ตัวเองเพิ่มขึ้น แล้วโยนเงินเข้าสู่ระบบให้นักลงทุนไปคิดกันเอาเองว่าจะลงทุนอะไร ซึ่งเมื่อดูจากกราฟความเห็นด้านบน ดูผลกระทบต่อทองแล้ว ผมก็เชื่อว่าทุกคนเห็นด้วยกับผมว่า ราคาทอง ได้ประโยชน์ทางตรงจากมาตรการเหล่านี้ คำถาม : ทำไมราคาทอง ถึงมีความสัมพันธ์กับงบดุลของธนาคารกลาง? คำตอบ : เรื่องแรก เป็นส่งที่ทุกคนรู้อยู่แล้ว ไม่ขอโชว์กราฟให้ดูนะครับ นั้นก็คือ ราคาทอง มีความสัมพันธ์เชิงผกผัน (Negative Correlation) กับค่าเงิน USD ดังนั้น มาตรการ QE คือการเพิ่มเงินในระบบ เมื่ออุปทานในตลาดเยอะขึ้น แต่อุปสงค์เพิ่มขึ้นตามไม่ทัน ผลที่ตามมาก็คือ ค่าเงินดอลล่าร์อ่อนค่า และนั้นก็ทำให้ผู้ที่มี Wealth เป็น USD ต้องคิดหาทางเอาเงินไปทำอย่างอื่น ซึ่งอย่างอื่นในที่นี้ ตัวเลือกแรกๆมันก็คือ ทองนั้นเอง เรื่องที่สอง : ทอง คือ ส่วนหนึ่งของทุนสำรองระหว่างประเทศ เพราะฉะนั้น เศรษฐกิจที่โตขึ้น หรือ งบดุลที่โตขึ้น หากนโยบายของธนาคารกลางกำหนดไว้ว่า ต้องรักษาระดับการถือครองทองในสัดส่วนเดิม ก็แปลว่า ธนาคารกลางทั้งหลายที่ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างน้อยก็ไม่น่าจะอยากขายทองออกมา ลองดูตารางด้านล่างนะครับ ข้อมูลล่าสุดเมื่อสิ้นเดือน ส.ค. จาก WGC พบว่า ตั้งแต่ปี 2008 จนถึงปัจจุบัน ธนาคารกลางของประเทศกลุ่มพัฒนาแล้วฝั่งอเมริกา และยุโรป หยุดขายทองออกมาในตลาดแล้ว และหลายประเทศ อย่างอเมริกาเองซึ่งมีสัดส่วน Gold Reserve เกินครึ่ง ดูจะได้ประโยชน์บ้างเล็กน้อยเหมือนกันถ้าค่าเงินตัวเองอ่อนค่าลง จากคุณ : Mr.Messenger เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 01:09:12

ความคิดเห็นที่ 4 ธนาคารกลางในโลกหยุดขายทองแล้วจริงป่าวหว่า หากย้อนหลังไปตั้งแต่ปี 2000 ธนาคารกลางเป็นผู้ขายทองออกจากตลาดมาต่อเนื่อง แต่พอเกิดวิกฤต Subprime เท่านั้นหล่ะ หยุดขายทันที และกลายมาเป็น Net Buyer ซึ่งดูจากทิศทางแล้ว เชื่อว่าธนาคารกลางทั่วโลกจะตุนทองเข้าเป็น Reserve มากขึ้น เพื่อทดแทน USD ที่มีทีท่าว่าจะอ่อนค่าไปเรื่อยๆ (ในกราฟ Demand ของธนาคารกลางก็คือ Official Sector แท่งสีม่วงนั้นเองครับ) จากคุณ : Mr.Messenger เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 01:09:37

ความคิดเห็นที่ 5 เมื่อนักลงทุนมองไปในทางเดียวกันในภาพใหญ่ ก็คือ เงินสกุลหลักของโลก ดูท่าจะอ่อนค่าลงเรื่อยๆไม่ช้าก็เร็ว สิ่งที่ต้องทำก็คือ เหลี่ยงการถือครองสกุลเหล่านั้นบ้าง และหันไปหาสินค้าทดแทน หรือ ดีกว่านั้น ก็อาจคิดว่า ไหนๆก็ไหนๆ งั้นเอาเงินออกไปเสี่ยงมันเลยดีกว่า ว่าแล้วก็ขนเงินกลับมาลงทุนในตลาดหุ้นกันอีกรอบ ซึ่งส่วนตัวแล้วผมเชื่อว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกยังน่าจะเดินหน้าทำจุดสูงสุดใหม่ในปีหน้าต่อไปด้วยเหตุผลนี้ ในแง่ของทองคำ หลักฐานที่ว่า มีคนแห่เข้ามาลงทุนในทองคำ เป็นเรื่องจริงไหม ก็ต้องบอกว่า เป็นเรื่องจริง เพราะถึงแม้ว่าในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ ราคาทองจะปรับฐานและซึมอยู่หลายเดือน แต่จากข้อมูลของ World Gold Council เมื่อเดือน ส.ค. ที่ผ่านมาพบว่า กองทุน ETF ทองคำทั้งหลายในตลาดกลับทยอยสะสมทองคำแท่ง ซึ่งเป็น Underlying Asset ของกองทุนเข้าพอร์ตมากขึ้น แสดงว่า มีความต้องการซื้อทองผ่านกองทุน ETF อยู่เรื่อยๆ ซึ่งอย่างที่เราได้เห็นเมื่อ 1-2 เดือนที่ผ่านมา ทั้ง George Soros และ John Paulson ผู้จัดการกองทุน Hedge Fund ทั้งคู่ ต่างก็กลับมาซื้อทองเข้าพอร์ตกันในช่วงที่ราคาซึมๆ เห็นแบบนี้ก็เบาใจได้ว่า มีกูรูระดับเทพในตลาดให้มุมมองที่เป็นบวกต่อทองคำด้วยเช่นกัน จากคุณ : Mr.Messenger เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 01:10:10

ความคิดเห็นที่ 6 ได้เห็นภาพกว้างกันพอสมควร ก็พอทราบกันแล้วนะครับ ว่ามุมมองราคาทองหลัง QE สำหรับผมแล้ว ผมมองยังไง สำหรับใครที่คิดจะเริ่มทยอยลงทุนในทองตอนนี้ (หากยังไม่ได้ถือมาก่อนเลย) ก็ต้องบอกว่า มีความเสี่ยงอยู่เยอะพอสมควร เพราะในช่วงตั้งแต่กลางเดือน ส.ค. จนถึงวันนี้ ทองคำถูกลากขึ้นมาไม่ต่ำกว่า $100 ในระยะเวลาอันรวดเร็ว ทำให้ในมุมมองทางเทคนิค RSI อยู่ใน Overbought Zone เหนือค่า 70 และตัว RSI เองก็ทำจุดสูงสุดในรอบ 1 ปีครึ่งทีเดียว ดังนั้นการปรับฐานระยะสั้นหลังจากนี้ อาจพอมีเห็นบ้างนะครับ ส่วนตัวแล้ว อยากให้มองว่า นอกจากหุ้นในช่วงนี้ เราน่าจะเริ่มหันมาออมในรูปแบบของทอง ไม่ว่าจะ ทองคำแท่ง หรือกองทุนทองคำ ก็เถอะ เริ่มที่ซัก 5% หรือ 10% ของพอร์ตก็ยังดี ------------------------ โชคดีในการลงทุนครับ จากคุณ : Mr.Messenger เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 01:11:09

ความคิดเห็นที่ 7 ขอบคุณครับ (*^O^*) จากคุณ : Bkbook เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 04:48:13

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณมากครับ นอกจากทองคำแล้วโลหะมีค่าอีก 3 ชนิดก็น่าจะมีทิศทางไปในทางเดียวกันกับทองคำ บางตัวก็อาจจะแรงกว่าเลือกได้ตามความพอใจครับ ^^ จากคุณ : ilovesassygirl เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 05:39:37

ความคิดเห็นที่ 9 ความคิดเห็นตรงกัน  ขอให้มีความสุข   ขอบคุณครับ จากคุณ : GOLD MAN (renangkull) เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 07:14:04

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณมากครับ จากคุณ : คุณดี. ซี. เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 07:40:21

ความคิดเห็นที่ 11 ชอบครับ จากคุณ : Big cap only เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 09:26:19

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณสำหรับความรู้ค่ะ จากคุณ : arce เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 10:54:09

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณมากครับ เรียบง่าย เคลียร์ ชัด ปล.ผมอุดหนุนหนังสือไปแล้วนะครับ ^__^ จากคุณ : Real Zen เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 11:05:12

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณครับ มิสเตอร์ จากคุณ : Sylphs เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 11:55:10

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณครับ สำหรับข้อมูลดี ๆ จากคุณ : พื้นเมือง เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 12:49:10

ความคิดเห็นที่ 16 หนังสืออะไรน่ะช่วยบอกด้วย จะไปเปิดดู จากคุณ : ชายน้อง เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 13:46:43

ความคิดเห็นที่ 17 ทำไมราคามันยังทรงๆอยู่อ่ะครับ ตอนนี้ จะขึ้นก็ไม่ขึ้น จะลงก็ไม่ลง จากคุณ : ขนมกุบ (auddyjung) เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 15:17:09

ความคิดเห็นที่ 18 หนังสือเล่มนี้ครับ อ่านง่ายๆ เหมาะกับคนที่เริ่มต้นลงทุน วางที่แผงหนังสือทั่วประเทศคับ จากคุณ : Mr.Messenger เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 16:29:50

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ ^_^ จากคุณ : joyly_polly เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 08:36:35

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณครับ ^ ^   หลังqe เงินท่วม ไม่ใช่แต่ทองครับ ขึ้นทุกชนิด ใครยังถือเงินฝาก พันธบัตร นี่รับความเสี่ยงไปเต็มๆ นิดนึง.... "ทำให้ในมุมมองทางเทคนิค RSI อยู่ใน Overbought Zone เหนือค่า 70 และตัว RSI เองก็ทำจุดสูงสุดในรอบ 1 ปีครึ่งทีเดียว" อันนี้ เป็นสัญญาณซื้อเพิ่มนะครับ ไม่ใช่สัญญาณระวัง ยิ่งย่อยิ่งน่าซื้อ ยิ่งoverbought ยิ่งน่าถือ จากคุณ : มะลิ บาน บาน เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 10:42:46

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณค่ะ Mr.  ช่วยแนะนำหุ้นสักตัวได้มั้ยค่ะอยากลองเล่นนะค่ะ ขอบคุณมาก วันนี้จะไปซื้อหนังสือค่ะ จากคุณ : Dragonneat เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 55 11:47:04

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ ^____^ จากคุณ : zelimony เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 55 08:17:47

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณครับ พอจะเข้าใจภาพรวมๆได้บ้าง แต่ก็ต้องรู้สึกๆระวังๆยังไงชอบกล !!! จากคุณ : ขึ้นยาวไปเลยเพ่.... (Takinuy) เขียนเมื่อ : 27 ก.ย. 55 21:45:53

ความคิดเห็นที่ 24 สรุป ถ้าเงินเย็นเล่นแท่งถือยาว ยังไงก็ขึ้น 3-6 เดือน ถ้าเล่นรอบ เสี่ยงจริงๆ อย่างวันก่อน ไม่รู้มือดีที่ไหนทุบซะดิ่งเลย ใครเปิด L เป็นลมเลย จากคุณ : Pattaya@post เขียนเมื่อ : 28 ก.ย. 55 09:12:45

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณนะคะ อ่านเข้าใจๆได้ง่ายดีค่ะ ชอบมากเลย จากคุณ : keata เขียนเมื่อ : 29 ก.ย. 55 18:55:17