Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
'กวี-เผดิมภพ' 'บัฟเฟตต์' สไตล์ กับ 'จอร์จ โซรอส' สไตล์ ติดต่อทีมงาน

แม้ต่างแนวทาง..ต่างความคิด แต่เป้าหมายเดียวกันคือ 'สร้างความมั่งคั่ง' สองนักวิเคราะห์ดัง 'กวี ชูกิจเกษม' ควง 'เผดิมภพ สงเคราะห์' เปลือยสไตล์การลงทุนส่วนตัวอย่างหมดเปลือก..คนหนึ่ง 'วีไอ' จ๋า! อีกคน 'โมเมนตัม อินเวสเตอร์'

แนะนำการเล่นหุ้นให้คนอื่นมานับไม่ถ้วน กวี ชูกิจเกษม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย และ เผดิมภพ สงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการเงินทุนบุคคล บล.กสิกรไทย เจ้าตัวแทบไม่เคยเผยสไตล์การลงทุนส่วนตัวให้ใครรู้ คนหนึ่งมีไอดอลคือ วอร์เรน บัฟเฟตต์ ส่วนอีกคนยึด จอร์จ โซรอส เป็นแนวทางสร้างความร่ำรวย

ทั้งสองคนได้ชื่อว่าเป็นนักวิเคราะห์ดังระดับ "แม่เหล็ก" มีแฟนคลับติดตามคำแนะนำจำนวนมาก เบื้องหลังของ กวี และเผดิมภพ ต่างก็เป็นนักลงทุนคนหนึ่งในตลาดหุ้นที่มีสไตล์การลงทุนเป็นตัวของตัวเอง คนหนึ่ง "บู้" อีกคน "บุ๋น" น้อยคนนักที่จะรู้ตัวตนและเป้าหมายที่แท้จริงของเขาทั้งสอง

“ผมตั้งใจว่าเมื่ออายุ 80-90 ปี จะต้องมีเงิน "แสนล้านบาท" ถ้าอยู่ไม่ถึงทายาทก็ต้องทำต่อให้ถึง!!” กวี ชูกิจเกษม หรือที่เพื่อนๆ เรียกชื่อเล่นว่า “วี” เล่าเป้าหมายส่วนตัวให้ทีมข่าวกรุงเทพธุรกิจ BizWeek ฟัง ณ ห้องค้าหุ้น บล.กสิกรไทย สำนักพหลโยธิน

"วี" นักวิเคราะห์ชื่อดัง เล่าว่า ตัวเองเป็น "แวลู อินเวสเตอร์" (วีไอ) มี วอร์เรน บัฟเฟตต์ เป็นต้นแบบ ส่วนตัวชอบฟังเพลงป๊อปสบายๆ ใช้ชีวิตที่สมถะเรียบง่าย เพียงแต่การทำงานในสายงานนักกลยุทธ์ที่ บล.กสิกรไทย ทำให้ต้องติดตามข่าวสารตลอดเวลา

“ส่วนตัวผมชอบลงทุนระยะยาว หุ้นบางตัวถือมา 5 ปี ไม่เคยขาย บางตัว 15 ปีแล้วก็ยังอยู่! พื้นฐานหุ้นเปลี่ยนถึงจะขาย” กวี เล่า

หลักการลงทุนของกวี เขาจะเลือกหุ้นดีๆ ไว้ในลิสต์ประมาณ 50 บริษัท แต่ไม่ลงทุนทั้งหมด จากนั้นมาคัดว่าตัวไหนราคาเหมาะสม "จังหวะยังไม่ถึง..ก็ไม่ซื้อ" ต่อให้เป็นหุ้นพื้นฐานดีแต่ราคาเกินพื้นฐานจะไม่มีวันลงทุนเด็ดขาด ทุกครั้งที่ลงทุนจะ "ทำใจ" ว่าจะ "ลงทุนระยะยาว" ซื้อหุ้น 3 ปีไม่ขึ้นเลยก็เป็นไปได้!!

"นี่คือ ค่าเสียโอกาสที่คุณต้น (เผดิมภพ สงเคราะห์) ไม่ยอมเสีย ไม่ใช่เพราะผมขี้ขลาดไม่กล้าขายแต่ถ้ายังเชื่อมั่นว่าบริษัทยังดีอยู่แล้วจะขายทำไม! บริษัทที่ดีพื้นฐานก็จะดีต่อเนื่องทุกปีอยู่แล้วด้วย ถ้าหุ้นดีแต่อันเดอร์แวลูมากๆ พอมันขึ้นมันจะขึ้นเร็วมากๆ บางตัวขึ้นหลายร้อยเปอร์เซ็นต์แถมระหว่างทางได้เงินปันผลด้วย"

กวีบอกว่า หุ้นนี่มันแปลกอย่างหนึ่ง...สามปีไม่ยอมขึ้นแต่พอจะขึ้นมันขึ้นได้ที 400-500% แต่ขึ้นแล้วจะยังไม่ขายเพราเชื่อว่าจะขึ้นได้อีกถ้าเป็นบริษัทที่ดี แต่ถ้าหุ้นในพอร์ตขึ้นมาเยอะแล้วและมีหุ้นตัวอื่นที่โอกาสกำลังจะมา สิ่งที่จะทำคือ "ขายหุ้นที่แพงที่สุดในพอร์ต" ออกไป

“ในพอร์ตของผมจะมีหุ้นอยู่ 15 ตัว ผมไม่ต้องการให้ขึ้นทุกตัวทุกปี ต้องการแค่แจ็คพ็อตปีละ 2-3 ตัวขึ้นมากกว่า 100% ก็พอ พอร์ตของผมสามารถสร้างผลตอบแทนได้เฉลี่ยปีละ 26% ในรอบหลายปีหลังมานี้ เฉพาะกำไรส่วนต่างราคาหุ้นอย่างเดียวไม่รวมเงินปันผล ถ้ามันทบไปเรื่อยๆ จะสามารถสร้างผลตอบแทนได้ถึง 1,000% ภายในสิบปีเลยทีเดียว”

ด้าน "ต้น" เผดิมภพ สงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการเงินทุนบุคคล บล.กสิกรไทย แม้ต่างแนวทางและต่างความคิด แต่เป้าหมายเดียวกันคือ "สร้างความมั่งคั่ง" ในตลาดหุ้น กวีชอบฟังเพลงป๊อปสบายๆ ลงทุนสไตล์ "วีไอ" แต่เผดิมภพ ชอบฟังเพลงร็อคหนักๆ ลงทุนสไตล์ "จอร์จ โซรอส" แต่ทั้งสองคนไม่เคยเถียงกันว่าสไตล์การลงทุนของใครดีกว่ากัน เพราะถ้าทำกำไรได้สไตล์ไหนก็ดีทั้งนั้น

"ต้น" นักวิเคราะห์รุ่นลายครามเล่าต่อจากกวีว่า สไตล์การลงทุนส่วนตัวคือ “โมเมนตัม อินเวสเตอร์” หรือจับจังหวะลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์และระยะเวลา แน่นอนว่านักลงทุนที่เป็นไอดอลคือ จอร์จ โซรอส ผู้ที่ได้ชื่อว่าหาโอกาสทำกำไรจากสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้เก่งที่สุดในโลก

“ถ้าเป็นในประเทศ ผมยกให้สองนายเก่าเป็นไอดอล คือ คุณกรณ์ จาติกวณิช และ คุณกิตติรัตน์ ณ ระนอง ทั้งสองคนนี้มีแนวคิดการเป็นนักลงทุนที่มองหาโอกาสอยู่ตลอดเวลา อย่างเช่นตอนที่คุณกรณ์ขายกิจการ บล.เจเอฟ ธนาคม ก็ขายตอนที่ธุรกิจกำลังดีที่สุด”

เผดิมภพ สร้างความเข้าใจก่อนว่าตัวเขาไม่ใช่นักลงทุนระยะสั้นประเภท “เก็งกำไร” สไตล์ “โมเมนตัม อินเวสเตอร์” ไม่ใช่นักเก็งกำไร แต่ใช้คำว่า "หาโอกาสในวิกฤติ” จะดีกว่า ความหมายมันต่างกันมาก เช่นการเข้าไปซื้อสินทรัพย์ราคาถูกในยุโรปตอนนี้หรือเข้าไปตอนวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 ส่วนตัวคิดว่าการเก็งกำไรแบบเดย์เทรดทุกวัน "ไม่มีทางสำเร็จ (รวย) ได้" ยกเว้นพวกที่มีพอร์ตใหญ่สามารถควบคุมราคาหุ้นได้ถึงจะรวย ถ้าเป็นรายย่อยเล่นหุ้นแบบเดย์เทรดซื้อขายทุกวันโอกาส "เสีย" (ขาดทุน) มีสูงมาก

แนวคิดการลงทุนแบบโมเมนตัม อินเวสเตอร์ จะเริ่มจากต้องมอง "ภาพใหญ่ให้ขาด" และมองไปข้างหน้าว่าคนส่วนใหญ่ "คิดอะไรอยู่" แล้วเรา "เทคแอคชั่น" ก่อน เช่นคิดว่าเงินยูโรมันจะดีขึ้นก็ต้องไปซื้อไว้ก่อน ไม่ใช่เพิ่งมาซื้อตอนข่าวออกแล้ว อีกอย่างพอเข้าสนามรบแล้วต้องมีสมาธิ "ห้ามโลภ" เกินไปและต้องไม่กลัวตอนมันแย่ อย่างตลาดหุ้นตอนนี้ "ต้องขาย" เพราะข่าวดีออกหมดแล้ว..ไม่ใช่เตรียมตัวจะ "ซื้อ”

จากคุณ : หมูอวบ
เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 07:19:09




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com