ความคิดเห็นที่ 1 เขาเลียนแบบต้มยำกุ้งเราหรือเปล่าเฮียเว่อร์ จากคุณ : แจ้ห่ม47 เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 13:35:55

ความคิดเห็นที่ 2 เรามีส่งออกไปเวียตนามมากหรือครับ คือสงสัยว่าทำไมกระทบส่งออกของเรา จากคุณ : นายกว้าง เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 13:46:52

ความคิดเห็นที่ 3 ขอบคุณแง่คิด มุมมองครับพี่ eve จากคุณ : ไผ่หวานพลิ้วลิ่วลม เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 13:52:36

ความคิดเห็นที่ 4 เวียดนามส่งออกข้าวปีนี้ได้มากว่าไทยเพราะข้าวของเวียดนามมีราคาถูกกว่า  ซึ่งไทยเคยเป็นที่หนึ่งในการส่งออกข้าว ทำให้ไทยโดนกระทบการส่งออก มูลค่าเงินในการส่งออกข้าวน้อยลงค่ะ จากคุณ : เจ้ากัน เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 14:16:45

ความคิดเห็นที่ 5 เวียตนามเป็นคู่แข่งไทยในการส่งออกสินค้า เมื่อค่าเงินของเขาอ่อนลง  เมื่อแปลงอัตราแลกเปลี่ยน ราคาสินค้าก็จะถูกกว่าไทย  ลูกค้าเลยหันไปสั่งของเวียตนามแทน แต่ว่า สินค้าหลายชนิดที่เวียตนามยังไม่สามารถทำออกมาดีเท่าไทย ไม่กระทบกระเทือน  เช่นกลุ่มสินค้าเครื่องสำอาง และแฟชั่น ที่ส่งออกไทยลดลงเยอะมาก  เพราะวิกฤติยุโรป จากคุณ : คุณแม่ลูกสอง (P.Stone) เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 14:18:14

ความคิดเห็นที่ 6 แก้ศัพท์ นิดนึงครับ เฮีย.  ฉ้อโกง ใช้ตัวนี้ครับ จากคุณ : cardman (cardman) เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 14:23:34

ความคิดเห็นที่ 7 ปีที่แล้ว  อินโดฯ  ถูกเชียร์  แล้วก็เงียบไป ปีนี้ จีน เวียดนามถูก....เชียร์น้อยลงและหนักไปทางลบ  (จำได้ว่าสื่อบ้านเราเชียร์เวียดนามมาตั้งแต่ต้นปี) จากคุณ : HeroLateGame เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 14:45:08

ความคิดเห็นที่ 8 ผมทำไรไม่เป็น เลยอมหุ้นอยู่เฉยๆ เพราะเด๊่ยวมันก้อผ่านไป ^^ จากคุณ : waterwolrd เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 15:11:38

ความคิดเห็นที่ 9 ผมว่าการมีคู่แข่งไม่น่าห่วงเท่ากับการที่ประเทศที่เคยสั่งนำเข้า หันกลับไปผลิตสินค้าพวกนี้ใช้เองเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเนื่องจากนโยบายรัดเข็มขัดของรัฐบาลต่างๆในยุโรปและกระแสการอนุรักษ์วิถีชีวิตในชุมชน ซึ่งในยุโรปเทรนด์ของสินค้าไปทางนั้น ซึ่งเป็นตลาดที่เจาะยากและจากเดิมที่เป็นปัญหาของผู้ส่งออกไทยตลอดมาอยู่แล้ว จะยิ่งยากไปกว่าเดิมอีก จากคุณ : ประภาคารเก่า เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 15:18:10

ความคิดเห็นที่ 10 Ok ครับ ฉ้อโกง ไม่ใช่ ช่อโกง จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 15:28:24

ความคิดเห็นที่ 11 ผมไม่ได้จั่วหัวกระทู้เกี่ยวกับเรื่องหุ้น เพราะฉะนั้นคงไม่ต้องพูดถึงอะไรมากมั้งครับ ? แต่จะน่าห่วงหรือ'ผ่านไปสไตล์ waterworld'อันตอบไม่ได้แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะไปสนใจเพราะตลาดเรามันก็แปลกๆ ตอนอเมริกาเดี้ยงเราก็บอกว่า'มันไกลเราอิงยุโรปมากกว่า' พอยุโรปเดี้ยงเราก็บอกว่า'เรามี AEC' หากเวียดนามจะเดี้ยงเดี๋ยวก็คงมีเหตุผลที่จะลากหุ้นกันต่อไปได้ ( มั้ง? ) เอาซะหน่อยพูดถึงตลาดหุ้นมักจะบอกอะไรได้หลายอย่างเหมือนกัน น่าสนใจดีเหมือนกันเพราะตลาดเวียดนามยังไม่ถึงจุด New Low เลย แต่เริ่มมีแรงกระตุก.. http://www.bloomberg.com/quote/VNINDEX:IND/chart จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 15:37:35

ความคิดเห็นที่ 12 เรื่องที่ผมสนใจจากวิกฤติแหนมเนืองคือเรื่องค่าเงินครับ อย่างที่คุณ P.Stone พูดไว้ เวียดนามกับเรามีสินค้าหลายอย่างที่ส่งออกใกล้เคียงกัน เช่น ข้าว, เสื้อผ้าและยาง ซึ่งแน่นอนหากอีกประเทศมีค่าเงินที่อ่อนเขาย่อมได้เปรียบเราล่ะ ซึ่งมันก็จะโยงไปหามาตรการ'เงินแข็ง'ที่รัฐบาลมีดำริตลอดมาอ้างว่าเพื่อคุมเงินเฟ้อแต่แท้จริงคือเพื่อดึง Fund Flow เข้าประเทศ ปัญหาเดียวก็คือ เราจะแก้เกมส์ด๊องอ่อนยังไง ? โยนบกภาคการเกษตรเพื่อรักษาตลาดทุน ? หรือสุดท้ายเราจะต้องแทรกแซงค่าเงินเราดำเนินนโยบายงเงินอ่อน'ไปสุ้ ซึ่งแน่นอนหากทำแบบนั้น Fund flow ก็คงต้องหนีออกไปจากตลาดทุนเราได้ ส่วนตัวผมว่ารัฐบาลคงไม่เอาพิมเสน(นักเล่นหุ้น,ตลาดทุน)ไปแลกเกะเกลือ (ชาวนา,เกษตรกร) แน่ๆ อันนี้มันน่าจะแน่ยิ่งกว่าแช่แป้ง จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 15:42:45

ความคิดเห็นที่ 13 คุณ Herolategame นั่นดิครับ เชียร์เวียดนามจนผมเคลิ้มไปเลย อย่างที่บอกไปในใจผมคิดว่าเวียดนามฟื้นไปแล้วด้วยซ้ำถ้าไม่ได้ยินข่าวนี้ ตอนนี้สถานการณ์ในเวียดนามคงไม่ต่างจากช่วงที่รัฐบาลออกมาแก้ไขปัญหาเบื้องต้น จัดการดอกเบี้ยแล้วกันการไหลออกของเงินบอกประชาชนว่า'เอาอยู่' แต่ความเป็นจริงขาใหญ่ในเวียดนามคงเริ่มเอาเงินออกไปนอกประเทศกันใหญ่แล้วล่ะ โดยเฉพาะในขณะที่มันยังพอมีค่าอยู่.. จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 15:48:20

ความคิดเห็นที่ 14 คห 9 คุณประภาการเก่า ผมคิดว่าประเทศในปัจจุบันไม่ได้อยู่ด้วยความสามารถในการส่งออกสินค้าหรือ GDP แล้วนะครับ อันนี้ไม่ได้ประชดแต่อยากจะบอกว่ายุคของนักอุตสาหกรรมหรือเถ้าแก่มันจบไปแล้ว พวกเรากำลังอยุ่ในยุคของนายธนาคารเป็นใหญ่ครับ ในโลกปัจจุบันประเทศอยุ่ได้ด้วยเครดิตครับ เหตุผลสำคัญที่ประเทศไทยเรากำลังรุ่งก็อย่างที่รมต.กิติรัตน์ให้สัมภาษฐ์นั่นแหละครับว่า'เรากำลังจะผ่านร่างพรบ.กู้ 2 ล้านล้านบาท' ใช่ครับ.ฟังไม่ผิดหรอก ชาวสินธรที่มีหุ้นเราจะรวยกันหมดเพราะเงินกู้ก้อนนี้แหละครับที่เป็นสาเหตุหลัก ( ผมเองก็ขอลุ้นกับเขาด้วยคน ^ ^ ย้ำ ไม่ได้ประชด) ครับ. หากประเทศคุณเครดิตดีความสามารถกู้ได้ก็จะเป็นสิ่งขับเคลื่อนตัวเลขเศรษฐกิจได้ เรื่องส่งออกผมว่าเป็นเรื่องรองแล้วในโลกสมัยนี้ นั่นอธิบายว่าทำไมดัชนี DOW ถึงยืน 13000 ได้ทั้งๆที่สหรัฐยังไม่ฟื้น นั่นก็เพราะสหรัฐเพิ่งเพิ่มเพดานหนี้ไปเมื่อปีที่แล้วไงครับ เย้ ^ ^)/ กู้ได้อีกนานเลยยิ่งกู้ยิ่งโตครับ แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 55 16:00:42 จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 15:59:26

ความคิดเห็นที่ 15 http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I12722229/I12722229.html ซึ่งการถูกหั่นเครดิตเวียดนามที่เพิ่งเกิดขึ้นนี้แหละ ที่บอกว่าถึงเขาจะส่งออกชนะเรา แต่ตลาดหุ้นตลาดเงินเขาก็คงจะทรุดต่อไป จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 16:04:16

ความคิดเห็นที่ 16 ขอบคุณครับที่ชี้แนะครับ เสียดายผมตั้งกระทู้แจกกิฟไปหมดแล้ว ขอติดไว้ก่อนครับ กู้ก่อนก็ได้เปรียบใช่ไหมครับ แล้วคนกู้ที่หลังจะเป็นอย่างไรบ้างครับ อย่างประเทศที่กำลังจะเกิดใหม่ทางอุตสาหกรรมอย่างพม่านี่คงต้องอาศัยการลงทุนจากภายนอก  ส่วนรัฐบาลเขาพอจะมีเครดิตบ้างไหมครับ แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 55 16:13:07 จากคุณ : ประภาคารเก่า เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 16:07:35

ความคิดเห็นที่ 17 ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ผมพยายามอธิบายให้คุณ waterworld เข้าใจหลายครั้ง แต่คุณไม่เข้าใจ คุณ waterworld คิดว่าตลาดหุ้นไทยเราจะขึ้นเพราะเศรษฐกิจเราจะดียิ่งขึ้นไป แต่ประเด็นของผมไม่บอกว่ามันจะลงนะครับแต่อยากจะบอกว่าที่มันขึ้นน่ะผมเชื่อว่าไม่ใช่เพราะเศรษฐกิจเรามันจะดีขึ้น แต่เป็นเพราะเรายินดีต้อนรับเงินร้อนๆของต่างชาติต่างหาก ผ่านทางอ้อมมาตราการสนับสนุนเงินแข็งและทางตรงอย่างการกู้มหาศาล (ก่อนหน้านี้ก็โอนหนี้เพื่อการนี้โดยเฉพาะ) ซึ่งการดันตลาดหุ้นด้วยวิธีนี้ผมมองว่าฉลาดกว่าปล่อยให้มันโตตามเศรษฐกิจจริงๆนะ เพราะโตตามเศรษฐกิจจริงๆมันอ่านเกมส์คุมเกมส์ยาก แต่วิธีนี้มันเหมือนกดปุ่มได้ขาใหญ่จะรู้ก่อนทันทีเมื่อมันเลยขอบเขต ( แบบในหนัง Margin Calls ) ซึ่งแน่นอนนักเทคนิคก็จะค้นพบสัญญานดังกล่าวเช่นกัน สรุปว่า WIN-WIN ครับ แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 55 16:12:17 จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 16:11:23

ความคิดเห็นที่ 18 คห 16 คุณประภาคารลองคิดดูสิครับ ตอนนี้แป้นพิมพิ์กำลังพิมพิ์เงินร้อนๆออกมา ประเทศเรากำลังผ่านพรบ.2ล้านล้านบาทพอดี ( ซึ่งผ่านแน่นอนเพราะพรรคเสียงข้างมาก ) แต่ประเทศเขาเพิ่งจะโดนหั่นเครดิต คุณคิดว่าตลาดหุ้นประเทสไหนดีกว่ากันล่ะ ? ต่อให้อีกประเทศส่งออกได้มากกว่า...  นึกออกไหมครับ ? จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 16:14:08

ความคิดเห็นที่ 19 ผมว่าที่นี่รัฐบาลเค้าไม่ค่อย support เอกชนต่างชาติเท่าไหร่ด้วย แถมมีปัญหากับจีนอีก เลยต้องเร่งสั่งสมอาวุธใหม่ ๆ เข้ามาเหมือนกัน เกรงว่าจะใช้จ่ายเกินตัวด้วยซ้ำ ที่นี่ไฟฟ้าดับบ่อยมาก ไม่ดับก็ตก 2 อย่าง เพราะเห็นว่าขายไฟให้บ้านเราด้วย ค่าไฟที่นี้หน่วยละ 2.2 บาทเอง ประมาณ 1,800 ด่องต่อหน่วยครับ เวียดนามนี่รู้สึกว่าเน้นการส่งออกเป็นหลักด้วยมั่งครับ เมื่อเกิดวิกฤติทั้งอเมริกาและยุโรป ก็เลยส่งผลให้การส่งออกลดลงด้วยรึเปล่า แต่เวลาเข้า Ho ผมเห็นเค้าสร้างคอนโดเยอะเหมือนกันน่ะ แต่ไม่แน่ใจว่ามีคนเข้าไปอยู่แล้วหรือยัง จากคุณ : dewnus เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 16:14:48

ความคิดเห็นที่ 20 อย่างพม่าคุณคิดว่าทำไมรัฐบาลทหารต้องอ่อนข้อให้อองซานกับสหรัฐ ? ก็เพราะเครดิตไงครับ ประเทศคุณเต็มไปด้วยทรัพยากรแต่ไม่มีเครดิตในโลกที่ประเทศสร้างความร่ำรวยจากเครดิต ? ผมว่าเป็นไอ้งั่งที่ไหนก็ยอมลดอำนาจตัวเองเพื่อเพิ่มเครดิตนั่นแหละครับ เงินกระดาษร้อนๆใครไม่อยากได้ ? ทำงานจริงๆสร้างนู่นนี่สร้างโรงงานมันเหนื่อยนะครับ สู้กู้เอามาใช้เลยดีกว่า ( ส่วนที่สร้างก็คือส่วนที่อยากฟอก.. ) จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 16:18:53

ความคิดเห็นที่ 21 พอเห็นภาพชัดแล้วครับ  เครดิตสำคัญมากจริงๆ  โดยเฉพาะเครดิตที่มีเรือบรรทุกเครื่องบินกับจรวดมิดไซรับประกัน ถ้าผมพิมพ์แบ๊งค์เองใครจะให้เครดิตแบ๊งค์ผมบ้างเนี่ย แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 55 16:26:25 จากคุณ : ประภาคารเก่า เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 16:19:59

ความคิดเห็นที่ 22 คงต้อง balance ดี ๆ จะให้ส่งออกดีโดยค่าเงินลดอย่างเดียว พอดีในประเทศผลสะท้อนคือ เงินเฟ้อ ถ้าเฟ้อหนัก ประชาชนก็เดือดร้อน เพราะรายได้ที่ได้ มันไม่พอยาใส้ เพราะข้าวของแพงหมด พวกที่อยากให้ค่าเงินอ่อนดูเวียดนามเป็นหลัก หนักเข้าก็ห้ามเอาดอลลาร์ออก ถึงจุดนี้ มันก็แย่ตรงความน่าเชื่อถือมันหายหมด คนมาลงทุน เขาอยากได้เงินกลับทั้งนั้น ถ้าห้ามเอาออก สั่งแบบนี้เป็นเผด็จการคอมมิวนิสต์เลย นี่คือผลของการเร่งการเติบโตทางเศรษฐกิจมากไป อย่างไรก็ตามเศรษฐีเวียดนามคงเหมือนจีน ก็คือผ่องเอาเงินมาอยู่ต่างประเทศกันบ้างแล้ว สบายไป จากคุณ : bangkokguy เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 16:20:37

ความคิดเห็นที่ 23 คห 19 น่าจะตอบ คห 16 ไปในตัว " ผมว่าที่นี่รัฐบาลเค้าไม่ค่อย support เอกชนต่างชาติเท่าไหร่ด้วย " ก็เพราะถ้าเงินต่างชาติไม่ไหลมาอยู่ในประเทศมากๆโดยเฉพาะจากกลุ่มทุนที่มีอำจาจบางกลุ่ม ก็อย่าหวังครับว่าเขาจะให้เครดิตดีๆหรือช่วยล้างหนี้ให้แบบบางประเทศ นึกออกไหมครับ ? ทำไมพม่าต้องยอม... ตอนต้มยำกุ้งคนที่ซ่าคือภาคเอกชนที่ไปยืมเงินเขาโดยตรงเลยซวย ตอนนี้เราฉลาดแล้วล่ะเอาอย่างบางประเทศดีกว่า ให้รัฐบาลออกหน้าไปยืมแล้วค่อยมาแบ่งกันเองผ่านเงินกู้ถูกๆกันเอง ปลอดภัยและควบคุมง่าย ถึงแม้สุดท้ายรัฐบาลเราก็อาจจะต้องตกไปเป็นเบื้ยล่างของเขา ? หรือถ้าเมื่อไหร่เขานึกอยากจะได้เบื้ยคืนจากรัฐบาลเราเพื่อกลับเข้าประเทศเขาหรือเพื่อผลประโยชน์บางอย่างเช่นอย่างในยุโรปที่จำเป็นต้องถูกโยนบกเพื่ออุ้มเงินดอลล่าห์เอาไว้ จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 16:27:15

ความคิดเห็นที่ 24 คห 22 คุณ bangkokguy ใช่เลยครับ. ผมถึงว่ารัฐบาลเราฉลาดมากๆ ใช้วิธีเล่นบาทแข็งมันไปเลยไม่ต้องไปกลัวมันแข็ง ควบคุมเงินเฟ้อ ( มวลชน ) และตลาดทุน ( หุ้นขึ้นรายได้ภาคการเงินเพิ่มก้าวกระโดด)  ทุกๆคน happy ครับ ไม่มีใครอยากบ่นครับหากข้าวของไม่แพงแถมหุ้นขึ้นพรวดๆ จริงไหมครับ ? พวกส่งออกก้ไม่ต้องห่วงเพราะระดับยักษิ์เขาก็ผลิตจากประเทศอื่นๆได้ มี AEC รองรับอีก เรื่องตกงาน ? ภาคการเกษตรทรุด ? อ่า..ก้ไม่ต้องห่วงเพราะลองภาคการเงินสะพัดในกรุงเทพ ยังไงๆแถวๆรัชดาก็หางานไม่ยากส์ครับ ^ ^" แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 55 16:36:39 จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 16:34:36

ความคิดเห็นที่ 25 เราก็เอาอย่างกรีซ ใช่ไหมครับ ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย (คห23) แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 55 16:37:13 จากคุณ : ประภาคารเก่า เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 16:35:47

ความคิดเห็นที่ 26 ^ ใช่ครับ แล้วโยนขี้ให้อีกรัฐบาลนึงหากตอนนั้นพอดีไม่ได้กุมบังเหียนอยุ่ จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 16:37:41

ความคิดเห็นที่ 27 แต่ไม่ต้องห่วงไปครับ กว่าจะถึงตอนนั้นเราชาวสินธรคงเป็นเศรษฐีกันหมดแล้ว ^ ^ จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 16:39:04

ความคิดเห็นที่ 28 ฮ่าๆๆ กระทู้คุณเว่อร์ ใกล้จุดไคลแมกแล้ว แต่เซทอย่าพึ่งนะครับ ขอเวลาตั้งหลักอีก6เดือนนะครับเจ้า แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 55 16:49:05 แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 55 16:48:07 จากคุณ : ประภาคารเก่า เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 16:47:09

ความคิดเห็นที่ 29 จาก คห 14 ที่พี่บอกปัจจุบัน ประเทศอยู่ได้ด้วยเครดิต ผมสงสัยครับ ถ้าประเทศไม่ได้เรื่อง แล้วจะมีเครดิตเหรอครับ หรือว่าตามมีตามเกิดไปเรื่อยๆ จนกว่าฟองสบู่จะแตก? หรือว่าพอมีเครดิต ได้เงินกู้มา ก็เอามาลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน สร้างงาน กระตุ้นเศรษฐกิจ แล้วเศรษฐกิจก็ค่อยโตตาม ?? ปล.อ่านมันส์ดีครับ แต่สงสัยว่าพี่ ever กะลังประชดรึเปล่า :D ส่วนข้างบนก็สงสัยมุมมองแบบพี่ครับ จากคุณ : Guiman เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 17:47:51

ความคิดเห็นที่ 30 ผมว่าพวก hedge fund มันไม่ดูอะไรเยอะนะครับ มันดูแค่ว่า ประเทศไหน ให้สิทธิในการเอาเงินเข้าออกมากที่สุด มันก็เอาประเทศนั้นละครับ ตอนหม่อมอุ๋ย 100 จุดก็เห็นแล้ว  มันกลัวเรื่องการย้ายเงินทุนมากแค่ไหน มันเล่นเอาจนหม่อมอุ๋ยต้องกลืนน้ำลาย ยกเลิกนโยบายตั้งสำรอง 30% ของเงินทุนต่างชาติ มันแสดงให้เห็นเลยว่า เงินต่างชาติที่เข้ามาในบ้านเรา ส่วนใหญ่มันไม่ใช่เงินเย็นที่มานั่งคิดแบบ VI ถือยาวๆรอพื้นฐานเปลี่ยน แต่มันมาปั่นราคา มันปั่นเรื่อยๆจนกว่าจะเกิดวิกฤติ ปั่นกันรอบใหญ่ พอถึงเวลาขายมันก็ขายแบบไม่สนใจว่าจะถูกจะแพง ถ้ามันเกิด ซึ่งเมื่อไรไม่รู้ แต่หนีให้ทันละกันครับ จากคุณ : kanstk เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 18:07:46

ความคิดเห็นที่ 31 คห 29 มีได้สิครับ เช่น การโอนหนี้ก้อนใหญ่ที่มีอยุ่ไปซุกไว้อีกที่นึงรับผิดชอบ หรือ อนุมัติให้สามารถเพิ่มเพดานกู้ได้เพราะคุณยังมีกองทัพที่ใหญ่ที่สุดในโลก และใช่ครับ. ประเทศพวกนี้จะอยู่ไปได้เรื่อยๆจนกว่าฟองสบู่จะแตก แต่หากกู้มาแล้วสร้างกำไรรายได้เป็นกอบเป็นกำก็พอจะรอดได้ครับ แต่ไม่ใช่สองประเทศที่กล่าวไปแน่นอนครับเพราะเขาตุนหนี้เดิมไว้เยอะอยุ่แล้ว ^ ^" แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 55 18:51:35 จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 18:42:06

ความคิดเห็นที่ 32 คห 30 คุณ kanstk ตอบได้ตรงใจผมครับ นั่นแหละครับที่ผมพยายามอธิบาย เสียดายกีฟผมหมด คุณ Guiman ให้กีฟคุณ kanstk แทนผมละกันนะครับ ^ ^ จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 18:43:53

ความคิดเห็นที่ 33 ขอถามเป็นข้อๆนะครับ 1."ล่าสุดขณะนี้ทางการเวียดนามต้องออกมาต่อสู้กับสภาวะเงินเฟ้อซึ่งคือผลปลายเหตุของอาการ'ค่าเงินอ่อน' ด้วยการหั่นดอกเบี้ยในประเทศไป" เงินเฟ้อทำให้ค่าเงินอ่อน ถูกต้อง แต่การแก้ด้วยการหั่นดอกเบี่ย ใช่เหรอครับ ตำราที่ผมเรียนบอกให้ขึ้นดอกเบี้ยเพื่อลดmoney supply BOTเราก็ขึ้นดอกเบี้ยไม่เหนเคยลดสักทีเวาเงินเฟ้อ 2."ส่วนตัวผมว่ารัฐบาลคงไม่เอาพิมเสน(นักเล่นหุ้น,ตลาดทุน)ไปแลกเกะเกลือ (ชาวนา,เกษตรกร) " ข้อความนี้หมายความว่าไงครับ คือรัฐบาลจะไม่อุ้มเกษตรกรแต่อุ้มนายทุนเหรอ ผมว่าไม่ใช่นะ นโยบายรับจำนำข้าว มันสำปะหลัง หอมแดง บลาๆออกมามากมาย นี่เหรอครับที่ไม่อุ้มเกษตรกร และยังรัฐบาลก็ต้องอุ้มเกษตรกรเพราะฐานเสียงเยอะกว่าเห็นๆ 3.เงินกระดาษร้อนๆใครไม่อยากได้ ? ทำงานจริงๆสร้างนู่นนี่สร้างโรงงานมันเหนื่อยนะครับ ผมว่าจีนแห่งหนึ่งหล่ะไม่อยากได้ ไม่งั้นคงปล่อยให้กองทุนต่างๆเข้าไปลงในตลาดหุ้นได้เสรีแล้ว   4.จะให้ส่งออกดีโดยค่าเงินลดอย่างเดียว พอดีในประเทศผลสะท้อนคือ เงินเฟ้อ ถ้าเฟ้อหนัก ประชาชนก็เดือดร้อน เพราะรายได้ที่ได้ มันไม่พอยาใส้ เพราะข้าวของแพงหมด จะให้เงินเฟ้อต่ำๆโดยที่ค่าเงินอ่อนทำได้ครับ ก็แค่ขึ้นดอกเบี้ยสูงๆสกัดเงินเฟ้อในขณะเดียวกันก็คุมการเคลื่อนย้ายของเงินทุนต่างประเทศ ฉนั้นเงินเฟ้อแล้วค่าเงินอ่อนเกิดกับประเทศที่ปล่อยให้การเคลื่อนย้ายเงินทุนเสรีเท่านั้น 5.ใช้วิธีเล่นบาทแข็งมันไปเลยไม่ต้องไปกลัวมันแข็ง ควบคุมเงินเฟ้อ ( มวลชน ) และตลาดทุน ( หุ้นขึ้นรายได้ภาคการเงินเพิ่มก้าวกระโดด)  ทุกๆคน happy ครับ จริงอ่ะ ส่งออกไม่ได้ โรงงานปิดเหมือนปี51 ใครที่ออกมาประท้วงครับ จำได้มั้ย ผมว่าตลาดหุ้นเป็นแค่ส่วนหนึ่งของตลาดทุนซึ่งซัพพอร์ทการลงทุนการจ้างงาน หากเงินบาทแข็งมากๆ บ.ต่างๆขาดทุน ผมถามว่าเฮียเวอร์ยังจะลงทุนหุ้นตัวนั้นอยู่มั้ย หุ้นขึ้นจากเงินร้อนต่างประเทศมันก็อยู่ได้ไม่นานหรอกครับ ถ้าบ.เจ้งกไม่มีหุ้นตัวไหนขึ้นหรอก กระทู้ก่อนๆของเฮียเวอร์ผมเห็นด้วยนะ แต่กระทู้นี้ขอบอกว่าตรรกะมันแปลกๆผิดตำราที่ผมเรียนมาเลย จากคุณ : ANUBIS[TJ] เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 18:57:59

ความคิดเห็นที่ 34 อ้ออีกเรื่อง กองทัพมะกันเก่งสุดอ่ะใช่ครับ แต่ถ้าทั้งโลกรุมกินโต๊ะ ถามว่ามะกันจะไหวไหม จากคุณ : ANUBIS[TJ] เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 18:59:35

ความคิดเห็นที่ 35 1. นั่นดิครับ แต่ในข่าวเขาเขียนอย่างนั้น ผมเองก็งงๆ 2. จริงครับ นั่นอาจเป็นวิธีที่ฉลาดก็ได้เอาเงินภาคากรเงินไปอุดหนุนเกษตรกรรักษาฐานเสียง ใครไม่ยอมผมยอมนะครับเพราะผมได้กำไรจากตลาดหุ้นเยอะเหมือนกัน 3. ใช่ครับ จริงๆผมพิมพิ์คห.เรื่องจีนไปด้วยนะแต่เปลี่ยนใจไม่เอาลงกลัวเวิ่นเว้อ 4. ส่วนนึงที่ผมคิดๆไว้ว่าน่าจะใช้มุขนี้ แต่เสียอย่างเดียวครับ ดอกเบี้ยขึ้นหุ้นตก ^ ^" 5. รัฐบาลอ้างครับว่าใช้บาทแข็งเพื่อสู้เงินเฟ้อ http://www.suthichaiyoon.com/detail/11834 จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 19:05:35

ความคิดเห็นที่ 36 คห 34 ไม่กลัวครับ เพราะส่วนใหญ่ทั้งโลกก็ใช้ระบบของอเมริกาอยุ่ ขนาดประเทศคอมมิวนิสต์ก็มีตลาดหุ้น " Everybody's drinking the same COOL-AID "  Gekko ( Wall Street 2) ครับ. จะให้ทำยังไงในเมื่อพวกเราเต้นอยู่ในปาร์ตี้เดียวกัน ? ใครจะเป็นคนอาสาไปปิดเพลงก่อนล่ะ ^ ^" เอ้อ อีกอย่างนึงถ้าผมจำไม่ผิด รู้สึกว่าเกือบทุกประเทศในโลกจะมีเงินดอลล่าห์และพันธบัตรอเมริกานะครับ ซึ่งบางประเทศก็ไม่อยากมีหรอกแต่มีแล้วดีเหมือนมีนักเลงหัวไม้คุ้มครอง แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 55 19:22:28 จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 19:10:12

ความคิดเห็นที่ 37 โครงการโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่เวียดนามก้อลูกผีลูกคนค่ะ จากคุณ : Worthog เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 20:28:01

ความคิดเห็นที่ 38 ^ ผมหมดกีฟแล้วครับ คุณ kanstk ช่วยให้คุณ Worthog แทนด้วยนะครับ จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 20:31:15

ความคิดเห็นที่ 39 คุณเวอร์ผมหมดตั้งนานแล้ววววววว รอพรุ่งนี้นะคุณ worthog จากคุณ : kanstk เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 20:34:17

ความคิดเห็นที่ 40 .. รวมเป็น 2 นะคะ   ขอบคุณค่ะ  :D จากคุณ : Worthog เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 20:42:49

ความคิดเห็นที่ 41 ตัวอย่าง http://www.thanhniennews.com/2010/pages/20110924-delayed-projects-hurt-energy-security.aspx รัฐบาลเวียดนามมีโครงการจะเพิ่มการผลิตกระเเสไฟฟ้าหลายแห่ง แต่ก้อเข้าอีหรอบเดียวกัน ..   แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 55 21:17:01 จากคุณ : Worthog เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 20:52:05

ความคิดเห็นที่ 42 อ้างอิง คห 17 แบบ 'ผ่านไปสไตล์' ^^ ท่าน ever ตั้งสมญานามให้ผมได้ดีครับ ชอบๆ ผมเดาว่า ท่าน ever จบเศรษฐศาสตร์มารึเปล่า? แม้หัวกระทู้จะไม่พูดเรื่องหุ้น แต่มันก้อเกี่ยวโยงกันแบบไม่ได้ตั้งใจตามคำถามของ จขกท ผมคิดแบบคนความรู้น้อยและอยู่ต่างจังหวัด ตอนนี้ พื้นฐานเศรษฐกิจ ที่ว่าเติบโตนั้น นอกจากตัวเลข GDP แล้ว พื้นฐานชีวิตของคนในชนบท มันดีขึ้นจริงๆครับ กำลังซื้อในท้องถิ่น ในชุมชน มีสูงมากขึ้น เนื่องจาก พืชการเกษตร ราคาดีกว่าแต่ก่อนมากๆครับ แม้ช่วงนี้จะราคาตก แต่โดยรวมมันก้อดีขึ้นครับ ยกตัวอย่าง แค่ยางพารา 5-6 ปีก่อน เฉลี่ยก้อโลละ 40 บาท แต่เดี๋ยวนี้ เฉลี่ยๆ ก้อแถว 70-80 บาท แม้ว่าค่าครองชีพจะสูงขึ้น แต่กำลังซื้อก้อยังสูงตามไปด้วย  มันเหมือนเป็นกำลังซื้อใหม่ ที่ไม่ใช่กระจุกตัวอยู่แค่ในเมืองใหญ่ แต่เป็็นการกระจายกำลังซื้อไปยังภูมิภาค สมมติฐานนี้ ผมคงไม่ได้เพ้อฝันเพียงฝ่ายเดียว ไม่งั้น เทสโก้ โลตัส บิ๊กซี แมคโคร เซ็นทรัล โรบินสัน โฮมโปร โกลบอลเฮาส์ ไทวัสดุ คงไม่เร่งเปิดสาขากันมากขนาดนี้ เพราะถ้าไม่มีกำลังซื้อหลักในท้องถิ่น ธุรกิจก้อคงไปไม่รอด ผมเชื่อแบบนั้น มาตั้งแต่ต้นปีแล้วครับ ว่าแม้เราจะผ่านช่วงมหาอุทกภัยมาได้อย่างสะบักสะบอม แต่เรายังมีลมหายใจอยู่ เราต้องก้าวข้ามมันไป เพราะอุปสรรคมีไว้ทดสอบว่าเราจะผ่านมันไปได้หรือเปล่า ไม่ใช่ให้เรายอมแพ้ครับ ผมก้อมองแบบนักการเงินและนักลงทุน ที่มองหาโอกาสมากกว่าจะมาท้อกับอุปสรรค มันก้อเลยหล่อหลอมจนเป็น  'ผ่านไปสไตล์' แบบท่านว่าแหละครับ ^^ แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 55 20:59:05 แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 55 20:57:33 แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 55 20:55:59 จากคุณ : waterwolrd เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 20:54:53

ความคิดเห็นที่ 43 รู้แต่ว่าผมรอให้เงินพี่โป๊งเหน่งทำให้พอร์ทกลับมาบวกก่อน หลังจากนั้นค่อยว่ากันอีกที  ใครจะไว้ใจเฮดจ์ฟันได้ตลอดไปครับ(ถ้าศกโลกยังไม่แข็งจริง) แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 55 21:13:50 จากคุณ : ประภาคารเก่า เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 21:08:50

ความคิดเห็นที่ 44 ขอบคุณค่ะ  อยากให้มีกระทู้ที่มีสาระแบบนี้มากๆจัง จากคุณ : oakome เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 21:10:04

ความคิดเห็นที่ 45 คห 42 ประเด็นตรงนี้ผมไม่ขอเถียงกับคุณ waterworld นะครับ เพราะตัวผมเองก็ลงทุนกับบริษัทที่เน้นการเติบโตของเศรษฐกิจต่างจังหวัดอยู่เหมือนกัน ( มีมากสุดในพอร์ท ) เรื่องรายได้ที่เติบโตตรงนี้ที่เกิดขึ้นไปแล้ว (เน้นว่า'เกิดไปแล้ว') นี่แหละที่ผมสนใจจะลงทุนด้วยจริงๆครับ  เพราะอดีตและปัจจุบันมันโกหกไม่ได้ ผมชอบการลงทุนแบบ Laggard ไล่ตามอยู่แล้วครับ ยกตัวอย่างการที่คอนโดผุดขึ้นมากมายแล้วขายได้เราก็ไล่ซื้อหุ้น Hmpro อะไรแบบนี้ ประเด็นนี้ผมไม่ขอเถียงนะครับเพราะคุณ waterworld เอาความจริงและปัจจุบันมาพูดกับผม นี่แหละครับคืออานุสงค์จากการเพิ่มราคาของโภคภัณท์ผ่านมาตรการพิมพิ์แบงก์หรือ QE พูดง่ายๆตกถังข้าวสารเพราะเศรษฐกิจเมกามีปัญหากันหมด ซึ่งมันก็เหมือนประเด็นที่ว่าตลาดหุ้นเรา New High มาจากเงินร้อนเหมือนกัน นั่นคือประเด็นหลักๆของผม เข้าใจใช่ไหมครับ ? จริงไหมครับล่ะครับ ที่เงินร้อนพวกนี้ทำให้ทั้งราคาโภคภัณท์และหุ้นดีขึ้น ? ^ ^ จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 21:26:44

ความคิดเห็นที่ 46 และสุดท้ายมันก็จะดึงมาสู่โจทย์ของคุณประภาคารเก่าใน คห.43 ตรงที่ว่า " คุณไว้ใจ Hedge Fund แค่ไหน ?" ซึ่งจริงๆหากตอบห้วนๆว่า " ใช่ ผมไว้ใจ " มันก็ไม่ได้แปลกใจอะไรหรอกครับ เพราะนักลงทุนในสหรัฐหลายคนก็เชื่อว่า Hedge Fund ต้องดูแลระบบกู้ๆยืมๆนี้ให้รอดต่อไป ประเด็นมันอยู่แค่นั้นจริงๆครับ เหมือนกับที่พวกมันให้เครดิตพวกเรานั่นแหละ สุดท้ายพวกเราก็จะให้เครดิตพวกมันแค่ไหนว่าพวกมันเอาระบบของพวกมันอยู่... ซึ่งอยู่ไม่อยู่มันมี Indicator ของพวกมันอยู่เหมือนกัน เดี๋ยวถ้าฟรุ๊คๆโลหะเงินทดสอบ $40 แล้วเข้ามาโม้ต่อนะครับว่า Indicator ความเชื่อมั่นในระบบมันคืออะไร ? ( อันนั้นมันจะยาวมากๆครับ ) จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 21:32:33

ความคิดเห็นที่ 47 คูณ waterworld หนักแน่นมั่นคงจริงๆ เฮียเวอร์ก็มีมุมมองใหม่ๆมานำเสนอตลอด สำหรับเวียดนามผมคิดว่าจุดต่ำสุดมันผ่านไปแล้วนะครับ เหมือนต้มยำกุ้งมากมากแต่ที่ต่างกันคือมันกระทบกับประเทศอื่นน้อยกว่า ช่วงนี้ดูเหมือนเค้าพยายามประคับประคองให้ลุกขึ้นมานั่งได้ก่อน เอาใจช่วยครับ จากคุณ : P Phod เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 21:54:58

ความคิดเห็นที่ 48 http://news.ninemsn.com.au/article.aspx?id=8537863 เวียดนามกำลังเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อ ซึ่งจริงๆเงินเฟ้อในปริมาณที่พอเหมาะน่ะดีมากนะครับช่วยทำให้เงินสะพัดและการจ้างงาน หรือหากเป็นเงินเฟ้อดีที่เกิดจากการที่ค่าเงินเราแข็งเพราะเกินดุลย์กว่าชาวบ้านนั้นก็ยิ่งดีแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจเราแข็งแกร่ง แต่เงินเฟ้อที่คุณ waterworld กล่าวมาว่าสะพัดในสินค้าเกษตรที่เกิดขึ้นในช่วง 5 ปีที่ผ่านมามันเป็นเงินเฟ้อที่เกิดจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกในตอนนี้ ซึ่งเป็นเงินเฟ้อไม่ดี ซึ่งบังเอิญเราโชคดีเลยไม่ได้กลายเป็นปัญหาแบบที่เวียดนามเพราะค่าเงินเรามีคุณค่าอย่างน้อยก็ในสายตาของคนให้เครดิตเราอ่ะนะ แบบที่เวียดนามที่เกิดขึ้นตอนนี้เรียกว่า Hyper Inflation หรือเงินเฟ้อที่เกิดจากการที่ค่าเงินโดนลดคุณค่าลงนั่นเอง บ้านเราเองก็เกิดขึ้นตอนสมัยต้มยำกุ้งนั่นไงแต่ก็แปลกดีตอนนั้นดอกเบี้ยเราทะลุฟ้าเลยแต่ของเวียดนามดันหั่นแล้วหั่นอีก ( ตกลงไม่รู้เวียดนามจะเอายังไงกันแน่ ? จะรักษาเสถียรภาพของเงินด๊องก่อนหรือจะกระตุ้นเศรษฐกิจก่อน งง..) ซึ่งวิกฤติค่าเงินด๊องหรือที่ผมเรียกว่าแหนมเนืองเนี่ย ผมถึงมีมุมมองไปทางการกระทบเรื่อง'ค่าเงิน'เรามากกว่า'หุ้น'เรา แต่สุดท้ายค่าเงินกับหุ้นมันก็ดันเป็นเรื่องเดียวกันอยู่ดี หากเราเชื่อเรื่อง Fund Flow แต่นั่นก็ต้องต่อยอดจากการเดินหมากเรื่องการแก้เกมส์ค่าเงินกันอีกทีนึง แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 55 22:04:19 จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 22:03:03

ความคิดเห็นที่ 49 คุณ P Phod ครับ ถ้าผมจำไม่ผิดเวียดนามเองน่าจะเพิ่งล้มนะครับ เพราะก่อนหน้านี้ไม่นานก็ล้มมาพักนึงแล้ว ถึงแม้เขาจะเป็นประเทศเล็กๆเราก็รีบตัดสินไม่ได้อยุ่ดีว่า'เขาล้ม'นึกออกไหมครับ ? บางทีเขาอาจตั้งใจโยนบกประชาชนเขาเองก็ได้เพื่อแข่งขันการส่งออกผ่านค่าเงินที่อ่อน คือ ตั้งใจล้มเพื่อชนะ ไม่รู้นะจะว่าผมบ้าก็ได้ แต่ระบบคอมมิวนิสต์ลูกผสมมันพูดยาก เพราะเขาไม่จำเป็นต้องรักษาฐานเสียงอะไร บางทีประชาชนเขาเดือดร้อนตกงานกันแต่พวกนักอุตสหกรรมกลุ่มส่งออกที่แน่นอนมีเส้นสายกับรัฐบาลอาจนั่งยิ้มนับเงินไม่ทันกันอยู่ก็ได้ ( เพียงแต่เงินที่นับเป็นเงินด๊องหรือเปล่าอันนี้ไม่รู้ ) จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 22:09:10

ความคิดเห็นที่ 50 บางทีเวียดนามอาจได้ไอเดียนี้มาจากจีนก้ได้ ที่ดูแลเงินหยวนให้อ่อนได้สำเร็จทั้งๆที่ GDP โตพรวดพราดทุกปีเลยอยกาเอาบ้าง เพราะตัวเองก็อยุ่ในระบบลูกผสมเหมือนกัน แต่เวียดนามเป็นประเทศเล็กๆแถมพรรคคอมมิวนิสต์ก็เพิ่งจะมีชัยเหนืออเมริกามาไม่นาน ก็เลยไม่ต้องห่วงเรื่องปัญหาด้านการเมืองภายใน เลยไม่ต้องสนใจเรื่องเงินเฟ้อเรื่องปากท้องชาวบ้านมากมาย นึกออกไหมครับ ? จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 22:13:01

ความคิดเห็นที่ 51 http://www.tradingeconomics.com/vietnam/gdp-growth-annual จากคุณ : Worthog เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 22:36:31

ความคิดเห็นที่ 52 .. จากคุณ : Worthog เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 22:36:51

ความคิดเห็นที่ 53 ... จากคุณ : Worthog เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 55 22:37:06

ความคิดเห็นที่ 54 เรื่องลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก แก้ปัญหาเงินเฟ้อ รู้สึกว่าปีหรือสองปีก่อน เงินเวียดนามเฟ้อสูงสุดอยู่ที่ 20 กว่า % ตอนนี้รู้สึกจะ 5 % กว่าๆ (เห็นว่าต่ำสุดในรอบ 2 ปี) ที่เข้าลดดอกเบี้ยนี่ไม่ใช่ว่าเงินเฟ้อมันลดมาเร็วไปเลยต้องการให้มันเฟ้อเพิ่มขี้นอีกรอบเหรอครับ ? ออกจะตลกอยู่บ้าง แต่ผมคิดว่าบางทีเปลี่ยนแปลงเร็วไปชาวบ้านอาจรับไม่ทันทำให้เกิดปัญหาตามมา หรืออาจต้องการให้เอาเงินเก็บในประเทศออกมาชดเชยเงินที่ไหลออกไปก็ได้ แก้ไขเมื่อ 01 ต.ค. 55 06:27:53 แก้ไขเมื่อ 01 ต.ค. 55 06:04:12 จากคุณ : BT82 เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 55 06:00:07

ความคิดเห็นที่ 55 คห 52, 53 ชัดเจนครับ ต้นปี unemployment ยังอยุ่แค่ 2.3% ( ดีมากๆ ) ในระหว่างปีส่งออกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  ( โคตระดี ) Money Supply เพิ่มขึ้นมาก ( ผลจากค่าเงินอ่อน ? ) เหอะๆๆๆ วิกฤติแหนมเนือง ??? จริงอะ.. คุณ BT82 ใช่ครับ. เหมือนกับเห็นการควบคุมเงินเฟ้อที่ได้ผลอยู่นะ กระโดดไป 20% แป๊ปเดียวลงมา 5% ที่สำคัญถ้าดูดีๆก้เหมือนกับว่าที่มันเฟ้อก็เพราะมาตรการ QE ซะมากกว่า ( ดูจาก Timing ) พอเห็นข้อมูลในคห.51-53 พวกนี้แล้วก็....เฮ้อ ทรงเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศเขาแท้จริงไม่เลวเผลอๆดีกว่าเราเสียอีก เศรษฐกิจกำลังมุ่งไปสู่ New High แต่ตลาดหุ้นกำลังไป New low...เวง. ( แต่ก็ไม่รู้นะว่ามาถึงกลางปีแล้วทรงเป็นยังไง ? ) จากคุณ : everandever เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 55 07:29:06

ความคิดเห็นที่ 56 กำลังturnaroundนี่ครับ เงินเฟ้ออยู่ในระดับที่ยอมรับได้ unemployee ratedต่ำมาก ค่าเงินอ่อนเกิดจากmoney supplyที่สูงขึ้นจากการส่งออก ปัญหาน่าจะเกิดจากคนในประเทศไม่เชื่อถือเงินด่อง ฉนั้นที่รัฐบาลออกมาลดดอกเบี้ยไม่น่าจะเกี่ยวกับเงินเฟ้อ ที่รัฐบาลออกมาตราการห้ามส่งเงินออกผมว่าถูกต้องแล้วครับ สิ่งที่ต้องทำต่อมาคือสร้างความน่าเชื่อถือให้กับเงินด่อง เพราะเพิ่งผ่านวิกฤติมาไม่นาน อีกทั้งปัญหาเรื่องความน่าเชื่อถือของเงินด่องมีมานานแล้วครับ อาจต้องถือเงินตราต่างประเทศมากขึ้น ลดหนี้สาธารณะ เน้นส่งออก ผมว่าถ้ายังรักษาเศรษฐกิจระดับนี้ได้ สัก5ปี น่าจะเรียกความน่าเชื่อถือมาได้บ้าง ดูๆแล้วคนละเรื่องกับบ้านเราเลย เงินแข็ง ส่งออกตาย คนจะตกงาน เศรษฐกิจแย่ ฝรั่งรวย ธปท.ทำไรอยู่ว่ะ น่าจับมา*&%#%จริงๆเลย จากคุณ : ANUBIS[TJ] เขียนเมื่อ : 1 ต.ค. 55 12:50:16

ความคิดเห็นที่ 57 แต่การห้ามเอาเงินออกนั่น กระเทือนความเชื่อมั่นในการลงทุน ที่เวียดนามเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ เป็นเพราะการลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งเขาเพิ่งเปิดประเทศ ต้องการเงินลงทุนอีกมาก แล้วอยู่ ๆ ห้ามเอาเงินออกเป้นผมเป็นเจ้าของโรงงานก็เปิดหล่ะครับ จากคุณ : bangkokguy เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 55 07:32:59