Hunger Game เกมล่าหุ้น/ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
|
|
Link : http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=7&t=54059 Credit : ขอบคุณคุณ Thai VI Article และคุณ ดร.นิเวศน์ครับ
โลกในมุมมองของ Value Investor 30 กันยายน 55
ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
Hunger Game
เกมล่าหุ้น
การเล่นหุ้นในช่วงที่หุ้นบูมอย่างในช่วงนี้ทำให้ผมนึกไปถึงภาพยนต์เรื่องหนึ่งที่ผมได้ดูและรู้สึกว่ามันสนุกและมีข้อคิดหรือปรัชญาที่แหลมคม หนังเรื่องนี้ทำมาจากหนังสือที่ขายดีที่สุดในประวัติศาสตร์ในระดับเดียวกับเรื่องแฮรี่พอร์ตเตอร์ชื่อ The Hunger Game หรือแปลตรง ๆ ก็คือ เกมของผู้ที่หิวโหย เนื้อเรื่องคร่าว ๆ มีว่ามหาอาณาจักรแห่งหนึ่งได้ปราบปรามรัฐที่เป็นกบฏสิบกว่าแห่งสำเร็จ หลังจากนั้นทุกปี แต่ละรัฐต้องส่งคนมารัฐละสองคนเพื่อเป็น เครื่องบรรณาการ ให้กับอาณาจักร เพื่อเข้าร่วม เล่นเกม ที่ชื่อว่า Hunger Game ซึ่งคนที่อยู่ในจักรวรรดิจะได้ชมสดแบบ เรียลลิตี้โชว์
กฎและวิธีการเล่นเกมนี้ก็คือ คนจำนวนยี่สิบกว่าคนนี้จะถูกนำไปปล่อยไว้ในป่าพร้อม ๆ กับกองอาหารและอาวุธต่าง ๆ หน้าที่ของแต่ละคนก็คือ พวกเขาจะต้องพยายามฆ่าคนอื่นให้หมด คนที่รอดเพียงคนเดียวจะเป็นผู้ชนะและจะกลายเป็น ฮีโร่ ที่จะได้รับการต้อนรับอย่างสมเกียรติ โดยที่ ป่า หรือ สนามแข่งขัน นั้น จะมีกล้องติดอยู่ตลอด นอกจากนั้น คนที่คุมเกมการแข่งขันซึ่งคล้าย ๆ กับโปรดิวเซอร์ ยังสามารถส่งสัญญาณที่เป็นเสียงและปรับสภาพแวดล้อมหรือแม้แต่สามารถส่งยาหรือสัตว์ร้ายเข้าไปในจุดที่ต้องการเพื่อที่จะทำให้เกมน่าสนุกมากขึ้น
สาระสำคัญของเรื่องนี้ นอกจากความสนุกสนานแล้ว ผมคิดว่าอยู่ที่เรื่องของการเผยถึง สันดาน ที่อยู่เบื้องลึกของคนเมื่อต้องเผชิญกับอันตรายที่ใหญ่หลวงคือความตาย และกลยุทธ์ที่ถูกต้องในการเอาตัวรอด ประเด็นก็คือ ตั้งแต่เริ่มต้นการแข่งขันเมื่อทุกคนถูกปล่อยตัวข้างกองอาหารและอาวุธ คนส่วนใหญ่ต่างก็รีบวิ่งเข้าไปหยิบฉวยอาวุธที่ตนเองถนัดและคว้าอาหารทันที คนที่ทำได้ก่อนก็จะพยายามฆ่าคนที่อยู่ใกล้ที่สุดทันที นี่เป็นกลยุทธ์ที่ผิด โค้ช ซึ่งเป็นผู้ที่เคยชนะในการแข่งขันปีก่อน ๆ บอกกับตัวเอก (นางเอก) ของเรื่องว่า ห้ามเข้าไปแย่งชิงอาวุธหรืออาหารที่ถูกวาง ล่อ ไว้ เพราะในสถานการณ์แบบนั้น โอกาสที่จะถูกฆ่ามีสูง
กลยุทธ์ที่จะทำให้ชนะนั้น โค้ช บอกว่า เราจะต้องไม่พยายามฆ่าใครเลย สิ่งที่ต้องทำก็คือ พยายาม หนี หรืออย่างมากก็คือป้องกันตัว และแม้ว่าจะมีโอกาส เราก็จะต้องไม่ฆ่าถ้าไม่จำเป็น พูดง่าย ๆ ว่าอย่าทำตัวให้เป็นเป้าหมายในการถูกล่า ตรงกันข้าม ปล่อยให้คนอื่นฆ่ากันเองดีกว่า
เหตุการณ์ในภาพยนตร์เองนั้น ในช่วงหนึ่งก็มีการรวมตัวของผู้เข้าแข่งขันกลุ่มหนึ่งเพื่อทำการไล่ล่าคนอื่นที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่ม นี่ก็เป็นเรื่องของความคิดที่คนพยายามที่จะ ร่วมกัน เพื่อที่จะกำจัดคู่แข่งบางส่วนออกไปซึ่งจะทำให้กลุ่มของตนได้ประโยชน์ แต่หลังจากนั้นแล้ว พวกเขาก็จะต้องฆ่ากันเอง อย่างไรก็ตาม ด้วยวิธีนี้ พวกเขาคิดว่าโอกาสที่ตนเองจะชนะก็จะมีมากขึ้น เรื่องทำนองนี้ผมเองคิดว่าเกิดขึ้นตลอดเวลาในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ ตัวอย่างก็เช่น การที่รัสเซียทำสัญญาเป็น พันธมิตร กับเยอรมันในช่วงต้นของสงครามโลกครั้งที่สองเพียงเพื่อที่จะแบ่งกันยึดประเทศที่อ่อนแอกว่าที่ทั้งคู่ต่างก็อยากจะครอบครอง แต่ในที่สุดเมื่อสำเร็จแล้ว เยอรมันก็หันกระบอกปืนใส่โซเวียตและรบกันรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์สงครามของโลก
มองดูการซื้อขายหุ้นในระยะนี้ผมพบว่าบางทีนักเล่นหุ้นบางกลุ่มก็อาจจะกำลังเล่น Hunger Game กันอยู่ นั่นคือพวกเขากำลังเข้าไปเล่นหุ้นที่มีการเก็งกำไรรุนแรงมากที่ปรากฏตัวขึ้นมาแทบทุกวัน วันละไม่น้อยกว่า 3-4 ตัว หุ้นเหล่านี้เท่าที่ผมสังเกตและใช้วิจารณญาณส่วนตัวก็พบว่าเป็นหุ้นที่มีคุณสมบัติร่วมอย่างน้อย 2-3 อย่างเช่น หนึ่ง เป็นหุ้นที่มี Free Float หรือหุ้นหมุนเวียนในตลาดน้อย หรือไม่ก็เป็นหุ้นที่มีมูลค่าตลาดทั้งหมดของหุ้นต่ำถึงต่ำมาก สรุปก็คือ หุ้นทั้งหมดที่เล่นกันได้ของหุ้นตัวนั้นคิดตามราคาตลาดแล้วส่วนใหญ่มีไม่เกิน 4-500 ล้านบาท ที่ใหญ่หน่อยก็มีไม่เกิน 2-3,000 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเทียบกับเม็ดเงินของนักลงทุนส่วนบุคคลรายใหญ่ ๆ แล้ว ต้องบอกว่าน้อยมาก ขนาดที่ว่า ถ้า ขาใหญ่ ต้องการ เขาคนเดียวก็สามารถกวาดซื้อหุ้นที่หมุนเวียนในตลาดได้ทั้งหมด แต่จริง ๆ แล้วก็ไม่มีความจำเป็นต้องทำอย่างนั้น เพราะมีนักเล่นหุ้นจำนวนมากที่พร้อมจะเข้ามาซื้อกันคนละเล็กละน้อยก็เพียงพอที่จะทำให้หุ้นวิ่งขึ้นไปสู่ สวรรค์ชั้นดาวดึง ได้แล้ว
ข้อสอง หุ้นเหล่านั้นมักจะไม่มีสถิติราคาหุ้นในอดีตที่ยาวพอที่จะทำให้คน ติดยึด หรือถ้ามีราคาก็เป็นราคาที่ เก่า มาก ไม่สามารถที่จะใช้อ้างอิงได้ ดังนั้น เวลาที่ราคาจะปรับตัวขึ้นไป มันจะไม่ค่อยจะมี ข้อจำกัด และ ข้อสาม หุ้นที่จะวิ่งจริง ๆ ส่วนใหญ่ก็จะอยู่ในหุ้น 3 กลุ่มดังต่อไปนี้คือ กลุ่มแรกที่ร้อนแรงที่สุดในช่วงนี้ก็คือ หุ้น IPO หรือหุ้นที่เข้าจดทะเบียนในตลาดโดยเฉพาะในตลาด MAI หุ้นกลุ่มที่สองก็คือ หุ้นที่เรียกว่ากลุ่ม Turnaround หรือหุ้นที่ฟื้นตัวจากการล้มละลายหรือปัญหารุนแรงทางธุรกิจหรือการเงิน และกลุ่มสุดท้ายก็คือ หุ้นที่มีข่าวดีหรือมีการเปลี่ยนแปลงในสาระสำคัญของบริษัท เช่นจะมีคนมาเทกโอเวอร์ หรือมีการเปลี่ยนธุรกิจของบริษัทใหม่จากธุรกิจที่ย่ำแย่เป็นธุรกิจ แห่งอนาคต เป็นต้น
การที่หุ้นดังกล่าวทั้งสามกลุ่มมีการปรับตัวขึ้นไปรุนแรงมาก เช่น หุ้น IPO เข้าตลาดวันแรกก็ขึ้นไปแล้วจากราคาจองหลายสิบหรือบางตัวหลายร้อยเปอร์เซ็นต์นั้น ถ้ามองจากข้อมูลพื้นฐานที่ที่ปรึกษาการเงินคิดคำนวณไว้ ก็น่าจะเชื่อได้ว่ามันไม่น่าจะเป็นราคาที่เหมาะสม เหนือสิ่งอื่นใด ประวัติศาสตร์หุ้นยาวนานก็บอกอยู่แล้วว่า หุ้น IPO นั้น มัน It probably overpriced ความหมายก็คือ ราคาที่ถูกตั้งขึ้นเพื่อขายให้ประชาชนนั้นน่าจะสูงเกินพื้นฐานอยู่แล้ว หุ้นฟื้นตัวเองนั้น บางครั้งโดยเฉพาะในช่วงแรกของการฟื้นตัวอาจจะดูดีกว่าปกติ แต่หลังจากนั้นก็อาจจะกลับไปสู่ พื้นฐานที่แท้จริง ของธุรกิจที่ว่ามันอาจจะไม่ใช่ธุรกิจที่ดี และถ้าจะเป็นข้อเตือนใจก็คือ คำพูดของ วอเร็น บัฟเฟตต์ ที่ว่า Turnarounds seldom turn around แปลว่าหุ้นฟื้นตัวนั้น น้อยครั้งที่จะฟื้น สุดท้ายก็คือหุ้นที่มีข่าวระดับ เปลี่ยนแปลงธุรกิจหรือพื้นฐานของธุรกิจ นี่ก็เป็นอะไรที่ต้องระวังมาก เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายที่กิจการจะสามารถประสบความสำเร็จในชั่วข้ามคืนในสิ่งที่ตนเพิ่งจะเริ่ม
การเข้าไปร่วมเล่น Hunger Game หรือที่ผมอยากจะเรียกว่า เกมล่าหุ้น นั้น ผมคิดว่าเป็นเรื่องอันตรายมาก เพราะบ่อยครั้ง เรามักจะเข้าไปในช่วงที่ราคาขึ้นไปมากแล้ว เหนือสิ่งอื่นใด มันอาจจะมี โปรดิวเซอร์ หรือคนจัดฉากและกำหนดพล็อตเรื่องไว้แล้ว ดังนั้น โอกาสชนะอาจจะมีน้อยกว่าที่คิด จริงอยู่ เกมอาจจะท้าทายน่าตื่นเต้น ผู้ชนะอาจจะเป็น ฮีโร่ แต่นี่ก็เป็นคนส่วนน้อย อาจจะไม่ใช่คนเดียวแบบในหนัง แต่ คนตาย อาจจะมีมากกว่ามาก ถ้าเรารักจะเล่นก็ควรต้องมีกลยุทธ์ที่ดีในการเอาตัวรอด แต่สำหรับผมแล้ว ผมปฏิเสธที่จะเล่น เราไม่ได้ถูกบังคับอย่างในภาพยนต์ให้ต้องเข้าร่วมในเกมล่าหุ้นนี้ ผมเองเชื่อในสุภาษิตที่ว่า ความตื่นเต้นกับผลตอบแทนในตลาดหุ้นนั้น มักจะไปกันคนละทาง
จากคุณ |
:
มิ่งกลิ้ง
|
เขียนเมื่อ |
:
30 ก.ย. 55 22:02:22
|
|
|
|