อ่านข่าวนี้ยัง? "'เจ้าสัวเจริญ' ซื้ออะไร...กวาดกำไรเรียบ!!!"
|
|
เอามาจาก http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/finance/investment/20121001/471886/%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%8D-%E0%B8%8B%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3...%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%B3%E0%B9%84%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%9A!!!.html
การเงิน - การลงทุน : ถนนนักลงทุน วันที่ 1 ตุลาคม 2555 01:00 'เจ้าสัวเจริญ' ซื้ออะไร...กวาดกำไรเรียบ!!!
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
คนดวงกำลัง 'พุ่ง' หุ้นในเครือสิริวัฒนภักดี พาเหรดวิ่งทำ 'นิวไฮ' ไม่หยุด! เจ้าสัวเจริญ ราชาเทคโอเวอร์ตัวจริงแห่งยุค
นิตยสาร Forbes เพิ่งจัดอันดับ 40 มหาเศรษฐีไทยประจำปี 2555 เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี วัย 68 ปี รวยติดอันดับ 3 ของไทย มีสินทรัพย์สุทธิ 6,200 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 186,000 ล้านบาท แพ้ตระกูลจิราธิวัฒน์ไป 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ถ้าวันนี้ฟอร์บส์มาจัดใหม่ เผลอๆ เจ้าสัวเจริญขึ้น "เบอร์ 1" ประเทศไทย เพราะ หุ้นเฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ (F&N) และ ไทยเบฟเวอเรจ (TBEV) ในตลาดหุ้นสิงคโปร์ และหุ้นบริษัทในเครือที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ของไทย ราคาทะยานขึ้นไปเยอะมาก
จากการประเมินของนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โอเอสเค (ประเทศไทย) เมื่อสัปดาห์ก่อนหากกลุ่มไทยเบฟได้ธุรกิจเอฟแอนด์เอ็น ที่ไม่ใช่แอลกอฮอล์มาบริหารทั้งหมด จะทำให้ธุรกิจในกลุ่มมีมูลค่าตลาด (มาร์เก็ตแคป) ใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากปตท. โดยไทยเบฟมีมูลค่าการตลาด 3 แสนล้านบาท เสริมสุข 42,000 ล้านบาท โออิชิ 36,000 ล้านบาท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ 80,000 ล้านบาท และยูนิ เวนเจอร์ 3,000 ล้านบาท รวมกัน 460,000 ล้านบาท หากได้เอฟแอนด์เอ็นอีกประมาณ 2 แสนกว่าล้านบาท รวมกันจะมีมูลค่าตลาด ใกล้ๆ 700,000 ล้านบาท
แต่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาหุ้นในเครือเจ้าสัวเจริญราคาวิ่งหูดับตับไหม้ โออิชิ กรุ๊ป (OISHI) มาร์เก็ตแคปขึ้นไป 38,625 ล้านบาท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC) 86,552 ล้านบาท ยูนิ เวนเจอร์ (UV) 6,194 ล้านบาท เสริมสุข (SSC) 52,781 ล้านบาท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ (GOLD) 8,732 ล้านบาท อาหารสยาม (SFP) 2,835 ล้านบาท และอินทรประกันภัย (INSURE) 467 ล้านบาท รวมหุ้น 7 ตัวในตลาดหลักทรัพย์ไทยก็มีมาร์เก็ตแคปรวมกันถึง 196,186 ล้านบาท เข้าไปแล้ว ขณะที่หุ้นไทยเบฟ (TBEV_S) ในตลาดสิงคโปร์ เมื่อต้นปี 2555 ราคายังต่ำเตี้ยอยู่ที่หุ้นละ 0.24 ดอลลาร์สิงคโปร์ ล่าสุดทะยานขึ้นไปสูงถึง 0.44 ดอลลาร์สิงคโปร์ เพียง 9 เดือนราคาปรับขึ้น 83%
ย้อนกลับไปดูเกมเทคโอเวอร์ของเจ้าสัวเจริญ ซื้ออะไร...กวาดกำไรเรียบ!!! ที่ใกล้ตัวคนข่าวเครือเนชั่นที่สุดเห็นจะเป็น "ตึกเนชั่น" ที่ถนนบางนา-ตราด กม.4.5 บนที่ดินทั้งหมด 9 ไร่ 26 ตารางวา เมื่อต้นปี 2551 ขายไปในราคา 955 ล้านบาท หลังจากนั้นไม่นานมากถูกนำไปออกเป็นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทยคอมเมอร์เชียลอินเวสเม้นต์ (TCIF) ราคาประเมิน 1,953 ล้านบาท ได้กำไรมหาศาล นักข่าวเคยเห็นท่านเจ้าสัวนั่งรถเบนซ์ย่องมาดูตึกของตัวเองอย่างภาคภูมิ
ก่อนหน้านั้นเมื่อต้นปี 2549 เจ้าสัวเจริญเข้าเทคโอเวอร์กิจการ โออิชิ กรุ๊ป (OISHI) ของ ตัน ภาสกรนที ในราคาหุ้นละ 32.50 บาท ใครก็ว่าตัน "เจ๋งมาก" ขายได้ราคาดีสุดๆ กิจการมาอยู่ในมือเจ้าสัวประมาณ 6 ปี ราคาหุ้น OISHI ขึ้นไปหุ้นละ 207 บาท กำไร 536% เช่นเดียวกับหุ้น ยูนิ เวนเจอร์ (UV) เมื่อกลางปี 2550 เจ้าสัวเจริญ เข้าเทคโอเวอร์จากกลุ่ม "บิ๊กโต้ง" กิตติรัตน์ ณ ระนอง ในราคาหุ้นละ 2.04 บาท ในวันนั้น "บิ๊กโต้ง" มีหุ้นอยู่ 31.60 ล้านหุ้น สัดส่วน 5.92% ยกขายให้เจ้าสัวเจริญ ถือว่าได้ "ราคาดี" กิจการช่วงนั้นกระท่อนกระแท่นแต่เจ้าสัวใจป้ำจ่ายแพงกว่าตลาด วันนี้เหลียวมองดูหุ้น UV ขึ้นไปถึง 8.40 บาท กำไร 3-4 เท่าตัว
เจ้าสัวเจริญซื้ออะไร...กวาดกำไรเรียบ!!! ยังไม่จบเพียงเท่านั้น หุ้นเสริมสุข (SSC) เป็นเคสที่มันหยดในวงการน้ำดำ "ตาอิน" กับ "ตานา" กลุ่ม สมชาย บุลสุข กับ เป๊ปซี่-โคล่า สู้กันชนิดหลังพิงฝา แต่คน "รวยเละ" กลายเป็น "ตาอยู่" เจ้าสัวเจริญ ไปเสียได้! สมชาย บุลสุข กับลูกชายฐิติวุฒิ์ บุลสุข ไล่ซื้อหุ้น SSC ราคา 29 บาท 35 บาท ซื้อแข่งกับเป๊ปซี่-โคล่า สุดท้ายทั้ง 2 กลุ่มประเคนหุ้นขายให้เจ้าสัวเจริญในราคา 42 บาท ราคานี้ใครก็ว่า "แพงสุดๆ" เสริมสุขไม่ขายเป๊ปซี่แล้วจะขายอะไร กลายเป็นว่าเอา โออิชิ มาผนึกกับ เสริมสุข เปิดตัวเครื่องดื่ม "โออิชิกรีนที" ในขวดแก้วนำออกวางตลาด ถือหุ้น SSC มาแค่ปีกว่าๆ วันนี้ราคาทะยานไปถึง 215 บาท กำไร 410%
เร็วๆ นี้ เข้าไปเทคโอเวอร์ แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ (GOLD) ในตลาดหลักทรัพย์อีกตัว ที่ราคา 5.50 บาทต่อหุ้น แค่มีข่าวลือว่าเจ้าสัวจะเข้าเทคโอเวอร์ไล่ราคาขึ้นไปถึง 8.55 บาท วันนี้ดีลซื้อขายยังไม่ทันจบราคาหุ้น GOLD ซื้อขายที่ 7.80 บาท กำไรทันทีเกือบ 42% เห็นจะมีแต่ดีลเทคโอเวอร์หุ้น อาหารสยาม (SFP) และอินทรประกันภัย (INSURE) เท่านั้นที่ราคาหุ้นไม่หวือหวา ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวลือจะเข้าไปเทคโอเวอร์ สยามแม็คโคร (MAKRO) แต่ สุชาดา อิทธิจารุกุล กรรมการผู้จัดการ ห้างแม็คโคร ออกมาสยบข่าวลือ "ไม่เป็นความจริง" แต่ก็ส่งให้หุ้น MAKRO ทะยานขึ้นไปอย่างมากมาย
ไม่เพียงกิจการในตลาดหุ้นเท่านั้นที่เจ้าสัวเจริญ เข้าไป "ช้อป" ไม่นานมานี้ก็เข้าไปซื้อเครือข่ายร้านหนังสือ "เอเซีย บุ๊คส" รุกเข้าไปลงทุนใหญ่ในเวียดนาม ยังไม่นับรวมกิจการโรงแรมที่กว้านซื้อในหลายประเทศ ออฟฟิศให้เช่า คอนโดมิเนียม คอมมูนิตี้ มอลล์ ธุรกิจในเครืออาคเนย์ประกันชีวิต และอสังหาริมทรัพย์อีกเป็นจำนวนมาก เคยมีเรื่องเล่าขำๆ ให้นักข่าวฟังเกี่ยวกับความเป็น "ราชาที่ดิน" มีมากจนจำไม่ได้..คุณหญิง วรรณา สิริวัฒนภักดี ไปพบที่ดินแปลงสวยแล้วถามลูกน้องว่าที่ดินแปลงนี้ของใคร? ลูกน้องต้องบอกว่าที่ดินแปลงนี้ก็เป็นของคุณหญิงไงครับ!!!
ในระยะหลังอาณาจักรของเจ้าสัว กำลังสยายปีกสู่ธุรกิจ "นอนแอลกอฮอล์" สร้างอาณาจักรธุรกิจใหม่ ทั้งอาหาร เครื่องดื่ม บริการ และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้วยขุมข่ายที่วางไว้หลายช่องทาง โดยล่าสุดรุกเข้าไปซื้อกิจการ เฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ (F&N) ที่มีธุรกิจมากมายตั้งแต่เบียร์ สุรา ผลิตภัณฑ์นม น้ำอัดลม น้ำผลไม้ น้ำบรรจุขวด และสิ่งพิมพ์ โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของเอฟแอนด์เอ็น มีมูลค่าสูงกว่า 8,000 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หากไทยเบฟได้ครอบครองกิจการจะทำให้ได้ครอบครองพอร์ตลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียด้วย
ในช่วง 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. 2555 ธุรกิจเบียร์ของเอฟแอนด์เอ็น ทำรายได้ 41.1% ของรายได้รวมทั้งหมด 4,020 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ขณะที่สัดส่วนรายได้ของธุรกิจน้ำอัดลมและผลิตภัณฑ์นมคิดเป็น 29.2% อสังหาริมทรัพย์ 21.3% และธุรกิจการพิมพ์และสิ่งพิมพ์ 7.1% การเปิดศึกแย่งชิงหุ้นเอฟแอนด์เอ็น กับไฮเนเก้น สู้กันชนิดเอาเป็นเอาตาย ดันราคาหุ้นพุ่งไม่หยุด แต่กลับมีบทสรุปง่ายๆ ยกธุรกิจเบียร์ของเอฟแอนด์เอ็นใน 14 ประเทศเอเชียแปซิฟิกให้ ไฮเนเก้น ส่วนกลุ่มไทยเบฟของเจ้าสัวเจริญ ได้ครองธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่ใช่แอลกอฮอล์ รวมถึงอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดของเอฟแอนด์เอ็น ก่อนจบศึกแบบ "วิน-วิน-วิน" ทั้งไทยเบฟและไฮเนเก้น โดยแบ่งกำไรให้ "ผู้ถือหุ้น" ไปเต็มกระเป๋า
เจ้าสัวเจริญเลือกใช้กลยุทธ์ "ประลองกำลัง (รบ) ก่อน แล้วค่อยเจรจา" เหมือนกับที่อยู่ข้างหลัง สมชาย บุลสุข เปิดเกมแย่งหุ้น SSC สู้กับ เป๊ปซี่-โคล่า ก่อนจะเจรจากับเป๊ปซี่-โคล่า ซื้อกิจการเสริมสุข มาครอบครองแต่เพียงผู้เดียว "เจ้าสัวเจริญ" ซื้ออะไร...กวาดกำไรเรียบ!!! ด้วยประการฉะนี้
จากคุณ |
:
Ronny
|
เขียนเมื่อ |
:
1 ต.ค. 55 08:45:32
|
|
|
|