ความคิดเห็นที่ 1 ถ้าจำเป็นต้องเลือกระหว่าง RMF vs. LTF แนะนำ LTF ครับ จากคุณ : superman2007 เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 19:35:59

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่คุ้มครับ คนที่จะซื้อ LTF หรือ RMF ควรจะต้องมีฐานภาษีที่ 20% ขึ้นไป ถึงจะคุ้มครับ จากคุณ : ก่อนจะสายเกินไป เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 19:36:15

ความคิดเห็นที่ 3 คุณก่อนจะสายเกินไป รบกวนถามเพิ่มค่ะ เพราะอะไรถึงไม่คุ้มคะ จากคุณ : ~Present for A Simple Day~ เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 19:44:13

ความคิดเห็นที่ 4 เดาว่าคุณก่อนจะสายเกินไป เขาคงคิดในแง่ว่าเงินมันจมตั้ง 5 ปีปฎิทินน่ะค่ะ  ตั้ง 6 หมื่น ถ้าเกิดจำเป็นต้องใช้ขึ้นมาก็ขายไม่ได้  เพราะจะโดนภาษีย้อนหลัง  หรือถ้ามีความสามารถ เอาไปลงทุนอย่างอื่นน่าจะได้ผลตอบแทนมากกว่า  (เดาค่ะ) จากคุณ : ต๊อตโตะจัง เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 19:52:30

ความคิดเห็นที่ 5 LTF ต้องถือ 5 ปีปฎิทิน (3ปี2วัน) ฐาน 10% ซื้อ LTF 60,000 ได้ลดภาษี 6,000 (ตกปีละ 3.3%) ฐาน 20% ซื้อ LTF 30,000 ได้ลดภาษี 6,000 (ตกปีละ 6.7%) ฐาน 30% ซื้อ LTF 20,000 ได้ลดภาษี 6,000 (ตกปีละ 10%) จากคุณ : Heinz เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 19:57:59

ความคิดเห็นที่ 6 เข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : ~Present for A Simple Day~ เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 20:00:29

ความคิดเห็นที่ 7 เพิ่มเติมกระทู้นี้ครับ http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I12692742/I12692742.html คห.18 ครับ ^^ จากคุณ : เขียนบน iPhone (Heinz) เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 20:02:56

ความคิดเห็นที่ 8 แล้วถ้าไม่อยากเสียภาษีจำนวนนี้ ควรจะทำยังไงคะ จากคุณ : ~Present for A Simple Day~ เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 20:07:51

ความคิดเห็นที่ 9 ให้ลอง download excel สำหรับคำนวณภาษีแบบคร่าวๆ ว่าถ้าลองลงทุนใน LTF หรือ RMF แล้วมันจะคุ้มหรือไม่คุ้มครับ สามารถ download ได้จากที่นี่ครับ เป็นของ SCBAM นะครับ http://www.scbam.com/brochure/funds-tax54I.xls?n=261211 LTF ต้องถือครองอย่างน้อย 5 ปีปฎิทิน และมันลงหุ้น 70% แทบทุกกอง แถมตอนนี้หุ้นขึ้นมามากแล้ว และถ้าถึงเวลา 5 ปีปฎิทินข้างหน้า ถ้าหุ้นลงเราจะขาดทุนนะครับ ส่วน RMF มันแบบระยะยาวมากๆ เลยนะครับ จะขายได้แบบถูกกฎ ก็ต้องอายุ 55 ปีแล้ว แต่ RMF มีหลายกองทุนให้เลือกสลับไปมาได้ เช่น ทองคำ, ตราสารหนี้, หุ้น ซึ่งก็สามารถสลับไปมาได้เพื่อลดความเสี่ยง และสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ สมมติว่าลงทุนใน LTF จำนวนเงิน 10000 บาท มีฐานภาษีที่ 10% ก็ลดหย่อนได้แค่ 1000 บาทเองครับ แต่เงิน 10000 บาทจะเอามาใช้ได้ก็ต้องรอให้ครบเงื่อนไข LTF อีกตั้งหลายปี แถมไม่รู้ด้วยว่าจะขาดทุนหรือป่าว สู้เอาเงิน 10000 บาทมาลงทุนในกองทุนอื่นๆ แทน ซึ่งอาจจะได้กำไรเร็วกว่าด้วยนะครับ แถมจะขายเอามาใช้เมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ต้องรอหลายปี จากคุณ : ก่อนจะสายเกินไป เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 20:07:52

ความคิดเห็นที่ 10 เสนอครับ เอาเงินที่จะซื้อ LTF ไปโปะบ้านแทนครับ ลองคำนวนดู ว่าประหยัดดอกเบี้ยบ้านไปเท่าไร จากคุณ : Heinz เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 20:14:26

ความคิดเห็นที่ 11 ผมซื้อ LTF ไว้ครับปีแรกก็ได้ภาษีคืน เผลอแป๊บเดียวปีนี้ครบ 5 ปีดูมูลค่าหน่วยลงทุนปรากฏว่ามันเพิ่มกว่าเท่าตัวเลยครับ พูดง่ายๆว่ากำไรมากกว่า 100 % จากคุณ : ไม่ได้โม้ เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 20:34:29

ความคิดเห็นที่ 12 LTF ต้นปี SET ก็จะแตะ 1,000 จุด ทุกคนก็ว่าแพง แต่ส่วนตัวก็ซื้อตั้งแต่เดือนมกราคม เพราะต้องทำตามแผนที่ว่างไว้ โดยซื้อสลับกับกองอื่นๆ เน้นกระจายความเสี่ยงไปยังหลายๆกองทุน รวมถึง LTF ด้วยเช่นกัน บ้างตัวเน้นหุ้นปันผล บางกองเน้นกลุ่มพลังงาน ตามดัชนี ก็แล้วแต่จะชอบ **เห็นด้วยครึ่งเกี่ยวกับ ผู้ที่เสียภาษีฐานน้อยจะได้ประโยชน์จากการ ซื้อกองทุน LTF ครับ เพราะสามารถนำไปลดหย่อนได้เลยคือ 10% สู้เอาเงินไปลงทุนให้ได้ผลตอบแทนมากกว่า ซึ่งอาจจะได้คืนกว่าภาษี ที่เสียไปอีก ... /// แต่บ้างกองมีนโยบายปันผล (ถ้ากองมีกำไร) ถ้า set ลง LTF ก็ขาดทุนได้เหมือนกัน การซื้อ LTF จึงเหมือนกับการล็อกเงิน ระยะยาวไว้ที่มีความเสี่ยงสูงกว่าเพราะมูลค่าอาจขึ้นลง ผันผวนเยอะกว่า การฝากประจำซึ่งได้ดอกเบื้ยน้อยนิดแต่ปลอดภัย ใครที่ซื้อ LTF ตั้งแต่ปี 2551 ผมเชื่อว่าได้กำไรเกิน 50% และบางกอง เกิน 100% ด้วยซ้ำ ซึ่งถ้าเป็นหุ้นผมว่าหลายๆคนคงจะขายทิ้งไปตั้งแต่ กำไร 10-20% แล้ว แต่ LTF ถูกล็อกไว้ทำให้ขายลำบาก* จนมาวันนี้ คบกำหนดเวลาก็รับส่วนต่างกัน ^__^ (ตาม ความคิดเห็นที่ 11) บ้างกองก็ได้รับเงินปันผลมาตลอดระยะเวลาที่ถือ อย่าเช่นกองนี้ ต้นทุนประมาณ 14 บาท (เฉพาะของปี 55 ปี 51 อยู่ที่ 8-9 บาท) รับปันผลหน่วยล่ะ 1 บาท หรือเท่ากับ 7.14% (ก่อนหักภาษี ณ ที่จ่าย) ***การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาข้อมูลทุกครั้งก่อนการลงทุน แต่ผมชอบการออม กับการลงทุน จริงๆไม่อยากเข้ามาตอบ ส่วนมากจะ อ่านอย่างเดี่ยว แต่ชอบเห็นคนที่รักการออม เริ่มต้นวางแผนแบบคุณ เลยอยากเข้ามาแสดงความคิดเห็น หวังว่าคงเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย นะครับ *** ไม่ว่าคุณจะทำอะไร เป้าหมายต้องมาก่อน แล้วลงมือทำครับ สู้ๆ จากคุณ : superman2007 เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 20:59:04

ความคิดเห็นที่ 13 เพิ่มเติม / กองนี้ซื้อตั้งแต่ปี 50 ครับ แล้วยังไม่เคยขายออกไปเลยแม้แต่ครั้งเดี่ยว ทั้งที่สามารถขายได้ตามเงื่อนไข (อย่าลืมคุณขายไป แล้วกลับมาซื้ออีก จำนวนเงินลดหย่อนได้ แต่จำนวนหน่วยไม่ได้เท่าเดิมนะครับ) ปัจจุบันกองนี้รับปันผลปีละประมาณ 8-10% ทุกปี ทั้งๆเป็น LTF ^__^ แล้วแต่มุมมองแต่ล่ะคนครับ (ขอให้โชดดี) จากคุณ : superman2007 เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 21:17:07

ความคิดเห็นที่ 14 คุณ ก่อนจะสายเกินไป ถ้าเป็นกองทุนตัวอื่นมีแนะนำมั้ยคะ คุณ Heinz ตอนนี้ดอกเบี้ยบ้านอยู่ที่ 0.75% ค่ะ จนถึงกลางปีหน้าเลย ลองคำนวณดูแล้วถ้าเอาไปจ่ายบ้านจะมีส่วนต่างดอกเบี้ยน้อยมากค่ะ แต่ถ้าหลังจากดอกเบี้ยปรับขึ้นเราคงเอาเงินส่วนนี้ไปจ่ายค่าบ้านค่ะ ขอบคุณนะคะ ถ้าไม่แนะนำเราก็ไม่คิดถึงส่วนต่างของดอกเบี้ย คุณ superman2007 ขอบคุณมากค่ะ เห็นตัวเลขมูลค่าต่อหน่วยที่มันเพิ่มขึ้นแล้วมันกระตุ้นให้เรารู้สึกว่าควรจำทำอะไรได้แล้ว ^^ จากคุณ : ~Present for A Simple Day~ เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 22:41:55

ความคิดเห็นที่ 15 คนที่ซื้อ LTF ปี 09 ครบกำหนดขายมกรา ปี 13 (ปีหน้า) ถ้าได้กำไร น้อยกว่า 50% ถือว่าขี้เหร่ ครับ ปีนี้ เล็งกองทุน ที่ถือหุ้น PTT หรือ  BANPU   % มาก ๆ อยู่ เพราะราคา มันยังถูก จากคุณ : amadillo เขียนเมื่อ : 3 ต.ค. 55 23:01:48

ความคิดเห็นที่ 16 ส่วนตัวซื้อ ltf ตั้งแต่มีฐานภาษี 10% ค่ะ โดยการซ้ือสมํ่าเสมอทุกเดือน เหตุผล เพราะมองว่าเป็นการเก็บออมเงินอย่างหนึ่ง โดยการลงทุนนี้มีส่วนลดให้ด้วย นั่นก็คือภาษีที่ลดได้ การถูกบังคับให้ต้องถือยาว 5 ปี ก็เป็นข้อดีอย่างหนึ่ง เพราะเหมาะกับการลงทุนหุ้น ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการลงทุน มองอีกมุมนึง เอาเงินไปลงทุนอะไร ได้รับผลตอบแทน 10% ??? ส่วนตัวจึงเห็นด้วยที่จะให้ซื้อ LTF แม้จะมีฐานภาษีแค่ 10%. โดยการซื้อทุกเดือน เผลอแป็บเดียวก็ครบห้าปีแล้ว หลังจากนั้นก็ขายได้ทุกปี  ตอนนี้ซื้อได้ถึงปี 2559 ส่วนจะซื้อของเจ้าไหน นอกจากผลการดำเนินงานแล้ว ค่าธรรมเนียมในการซื้อขายก็สำคัญ เท่าที่ติดตามมา โลโก้ดอกบัวค่าธรรมเนียมต่ําสุด คือ 0.0001 เป็นความเห็นส่วนตัวนะคะ^^ จากคุณ : start over เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 55 06:13:10