ความคิดเห็นที่ 1 อย่าดูที่ตัวเลข ครับให้ดูที่ผลต่างเป็น % แทนครับ ไม่ว่าจะด้านผลตอบแทน หรือเงินปันผล คาดว่า จขกท. น่าจะยังไม่เข้าใจในตัวกองทุนปันผลและวิธีคำนวนเท่าใหร่ ผมมีตัวอย่าง case study แบบยาวให้อ่าน และลองศึกษาดูครับ อาจจะทำให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นถ้ามีตัวอย่าง http://siamchart.com/forum/showthread.php?254 ผมค่อนข้าง งงคำถามครับ ถ้าอยากให้คำนวนผลตอบแทนของกองทุนตัวใหน บอกชื่อและระยะเวลามาเลยครับว่าอยากให้คำนวนย้อนกลับไปกี่ปี เริ่มตั้งแต่วันที่เท่าใหร่ถึงเท่าใหร่ เดี๋ยวผมจะคำนวนให้ดูเป็นตัวอย่าง NOTE: สำหรับการคำนวนผลตอบแทนนี้ไม่ได้นับในกรณ๊ที่เกิดการ reinvest นะครับ โดยนับจาก capital gain + ปันผลอย่างเดียว โดยติต่างว่า ถ้าเมื่อย้อนหลังไป 3 ปีที่แล้วเราซื้อกองทุนใว้ แล้วไม่มีการซื้อเพิ่มเลย เมื่อได้เงินปันผลก็เก็บใว้ พอถึงปันจุบัน เราเอามาขายพร้อมนับรวมว่าได้เงินปันผลรวมทั้งหมด กับ มูลค่าหน่วยลงทุนที่เพิ่มขึ้น เป็นเท่าใหร่ จริงๆแล้วถ้าคิดจะนำเงินที่ปันผลอยู่แล้วไปซื้อหน่วยลงทุนอีกครั้ง ผมแนะนำให้ซื้อกองทุนที่ไม่มีปันผลไปเลยน่าจะดีกว่าครับ เพราะกองทุนที่ ไม่มีปันผล ในระยะยาวแล้วส่วนใหญ่มักจะทำผลงานได้ดีกว่ากองที่ มีการปันผล จุดประสงค์กองทุนปันผล ที่มีการปันผลออกมา คือ เพื่อนำเงินที่ได้รับจากการปันผลมาใช้จ่าย หรือ เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงในการลงทุน การที่เอาเงินปันผลกลับไปซื้อหน่วยลงทุนอีกครั้ง เหมือนเป็นการทำลายจุดประสงค์ของการปันผลออกมา แถมเงินที่ปันผลออกมายังต้องเสียภาษีอีกด้วย จากคุณ : คุราคุง เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:18:33

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้านับเฉพาะปันผลอย่างเดียว HI-DIV ชนะเยอะเลย แต่ NAV ของเค้าผมดูแล้วงงๆ - -" คหสต. จากคุณ : ด.ช.สมชาย เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:31:05

ความคิดเห็นที่ 3 ขยายความเพิ่มเติมอีกนิดนะครับ เกี่ยวกับการปันผลของกองทุน มันไม่ได้มาจากผลการดำเนินงานเหมือนหุ้นนะครับ ที่ได้กำไรเยอะ เลยเอามาปันผลได้เยอะ แต่กองทุนสามารถปันผลโดยหักออกมาตรงๆจากหน่วยลงทุนได้เลย หรือเรียกง่ายๆว่าการเอาเงินที่คุณซื้อนั่นละจ่ายคืนคุณกลับไป ไม่ว่ากองทุนจะทำผลงานได้ห่วยแค่ใหนถ้าอยากปันผล ก้สามารถทำได้... เช่น สมุติคุณซื้อหน่วยลงทุน ราคา 10 บาท เค้าปันผลออกมาให้คุณ 5 บาท หน่วยที่คุณซื้อก็ราคาเหลือแค่ 5 บาทละ... บางคนอาจจะดีใจ เพราะมัวแต่คิดว่า โอ้ได้ปันผลตั้ง 5 บาทแนะเยี่ยมไปเลย แต่ลืมนึกไปว่า เงินต้นของคุณน่ะ โดนลดลงไปเท่ากับที่ปันผลออกมานั่นละ... ดังนั้นไม่แปลกเลยที่ NAV อาจจะมากขึ้น หรือน้อยลงก็ได้ในระยะเวลา 3 ปี (สำหรับ HI-DIV ให้สังเกตุจำนวนเงิน ที่กองทุนปันผลออกมานะครับ ไม่ใช่น้อยๆ) แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 55 15:49:54 จากคุณ : คุราคุง เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 15:47:13

ความคิดเห็นที่ 4 สงสัยค่ะ ถ้า nav ราคาไม่เปลี่ยน  หรือบังเอิญเด้งไปเด้งมาแล้วกลับมาที่เดิมจากสูตรจะคำนวนได้แบบนี้ KFSDIV.  NAV 14.5122 ปันผล 5.8 5.8-10% = 5.22  (Nav +- =0  เลยไม่ได้เขียน) คิดผลตอบแทนเป็นเปอร์เซ็น = 35.97023 ------------------------------------ HIDIV.  NAV  3 ปีผ่านไป  กลับมาราคาเดิมคือ 11.4636 ปันผล 10.77 -10% = 9.693 คิดผลตอบแทนเป็นเปอร์เซ็น =  84.5545 พอnav ไม่บวกไม่ลบ  เลยดูเป็น กองล่างได้มากกว่าหรือเปล่าคะ เพิ่งอ่านหาข้อมูล ครบอาทิตย์พอดี ตอนนี้ ก็มองว่าปันผลเยอะ ได้กำไรเยอะ ถ้าลงเงิน แสน 2 กอง นี้   กองหลังก็ดูได้ปันผลเยอะกว่า หรือไม่ใช่คะ  ?? *0* จากคุณ : enjoy (enjoy1113) เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 16:50:55

ความคิดเห็นที่ 5 หรือ   "ผลการดำเนินการ" นี่  เป็นคนละตัวกะ กำไรที่เราจะได้   เอิ๊กกกกก  งั้น... งั้น.... งั้นอะไรดี  วนอยู่เนี่ยะแหล่ะค่ะ จากคุณ : enjoy (enjoy1113) เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 17:06:34

ความคิดเห็นที่ 6 เอ่อ มันต้องมีค่าเริ่มต้นครับ ถึงจะคิดค่าสุดท้ายได้ อยู่ๆจะเอาเงินปันผล ไปรวมกับ nav ล่าสุดได้ยังไงครับ = =; ลองอ่านกระทู้ด้านบนอะครับ ผมยกตัวอย่างใว้ค่อนข้างเยอะ ผลตอบแทนของกองทุน จะวัดเอาที่ปันผลอย่างเดียวไม่ได้นะครับ ต้องวันที่ capital gain ด้วย เพราะอย่าลืมว่าเงินปันผลมันหักออกมาจากราคาหน่วยลงทุนโดยตรง ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น? เพระาถ้าเค้าไม่ปันผลออกมา เงินที่ปันผลออกมานั้นมันจะกลับไปเป็น NAV ที่เพิ่มขึ้นของกองทุนแทนไงครับ แทนที่มันจะลดลงมาเพราะการปันผล ทีนี้พอจะเก็ทไอเดียยังครับ ว่าทำไมถึงคิดเอาแค่เงินปันผล อย่างเดียวไม่ได้ เหมือนไม่ค่อยอยากกดตามไปอ่านในกระทู้ ผมยกมาให้ดูละกันนะครับ จากคุณ : คุราคุง เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 17:16:02

ความคิดเห็นที่ 7 CASE STUDY 1 ติต่างว่า กองทุน A และ B ทั้งสองกองทุน เริ่มขายหน่วยลงทุนวันที่ 2012-01-01 โดยขายหน่วยลงทุน หน่วยละ 10 บาทเท่ากัน ทั้งนี้ CASE STUDY นี้ไม่ได้มีการหักภาษีเงินปันผลเพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจ กองทุน A ในหนึ่งปี จ่ายปันผลออกมาดังนี้ 2012-03-01 1 บาท 2012-06-01 1 บาท 2012-09-01 1 บาท 2012-12-01 1 บาท เวลาสิ้นปี 2012 NAV ของหน่วยลงทุน A คือ 20 บาท กองทุน B ในหนึ่งปี จ่ายปันผลออกมาดังนี้ 2012-06-01 2 บาท เวลาสิ้นปี 2012 NAV ของหน่วยลงทุน B คือ 22 บาท ถามว่ากองทุน A ทำผลงานได้ดีกว่ากองทุน B หรือเปล่า เพราะว่าปันผลออกมาตั้ง 4 บาท หรือว่ากองทุน B ทำผลงานได้ดีกว่า เพราะ NAV ราคาตั้ง 22 บาท คำตอบคือเปล่าครับ ทั้งสองกองมีผลการดำเนินงานเท่าๆกัน เพราะอะไร? เพราะเงินปันผล คือเงินส่วนที่หักออกมาจาก NAV หรือ Capital Gain ไงครับ กอง A ซื้อมา 10 ท้ายปี 20 คิดเป็นผลกำไร 10 บาท บวกเงินปันผลรวม 4 กลายเป็นผลตอบแทนรวมทั้งปี 14 กอง B ซื้อมา 10 ท้ายปี 22 คิดเป็นผลกำไร 12 บาท บวกเงินปันผลรวม 2 กลายเป็นผลตอบแทนรวมทั้งปี 14 เท่ากัน พอลองมาคำนวนดูแล้ว น่าจะเข้าใจมากขึ้นใช่ใหมครับ จากคุณ : คุราคุง เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 17:16:19

ความคิดเห็นที่ 8 CASE STUDY 2 ติต่างว่า กองทุน A และ B ทั้งสองกองทุน เริ่มขายหน่วยลงทุนวันที่ 2012-01-01 โดยสมมุตว่าให้ทำการซื้อกองทุนทั้งสองกองที่ต้นปี แล้วทำการขายกองทุนทั้งสองกองพร้อมๆกันที่ปลายปี กองทุน A NAV วันที่ 2012-01-01 คือ 10 บาท พอสิ้นปี NAV ของกองทุน A กลายเป็น 20 บาท กองทุน B NAV วันที่ 2012-01-01 คือ 20 บาท พอสิ้นปี NAV ของกองทุน B กลายเป็น 40 บาท ถามว่า ซื้อกองทุน A น่าจะดีกว่าใช่ใหม่ เพราะราคาหน่วยลงทุนถูกต้องซื้อหน่วยลงทุนได้มากกว่ากองทุน B แน่ๆ หรือว่ากองทุน B ทำผลงานได้ดีกว่ากองทุน A ใช่หรือไม่ เพราะ NAV สิ้นปีราคามากกว่าเท่านึง คำตอบคือผิดครับ ทั้งสองกองทุนทำผลงานได้เท่าๆกัน กองทุน A ซื้อมา 10 บาท ปลายปีขายได้ 20 คิดเป็นผลกำไร 10 บาท หรือ 100% กองทุน B ซื้อมา 20 บาท ปลายปีขายได้ 40 คิดเป็นผลกำไร 20 บาท หรือ 100% เท่ากัน จากคุณ : คุราคุง เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 17:16:33

ความคิดเห็นที่ 9 CASE STUDY 3 CASE STUDY นี้ไม่ได้มีการหักภาษีเงินปันผลเพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจ โดยติต่างว่า SET Index หรือหน่วยอ้างอิง NAV ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงราคาใดๆในวันที่ 2012-03-01 และ 2012-03-02 และสมมุติให้มีการซื้อหน่วยลงทุน แล้วทำการขายหน่วยลงทุนเวลาสินปี กองทุน A ในหนึ่งปี จ่ายปันผลออกมาดังนี้ 2012-03-01 1 บาท วันที่ 2012-03-01 NAV ของหน่วยลงทุน A มีค่า 20 บาท วันที่ 2012-03-02 NAV ของหน่วยลงทุน A มีค่า 19 บาท พอสิ้นปี NAV ของกองทุน A กลายเป็น 30 บาท ถามว่า ถ้าซื้อหน่วยลงทุนหลังปันผลคือวันที่ 2012-03-02 จะสามารถซื้อหน่วยลงทุนได้ถูกกว่าการซื้อหน่วยลงทุนก่อนปันผลหรือเปล่า เพราะราคาต่อหน่วยถูกกว่า ทำไห้ได้จำนวนหน่วยลงทุนมากกว่า คำตอบคือผิดครับ เพราะถึงเราจะซื้อก่อนปันผล แต่เราก็ยังได้เงินปันผลคืนมาเท่ากับมูลค่าส่วนต่างที่เราซื้อหน่วยลงทุนไปอยู่ดี ซึ่งทำให้ต้นทุนการซื้อหน่วยลงทุน เท่ากัน ซื้อก่อนปันผล 20 บาท ปลายปีขายได้ 30 คิดเป็นผลกำไร 10 บาท บวกเงินปันผลรวม 1 บาท กลายเป็นผลตอบแทนรวม 11 บาท ซื้อหลังปันผล 19 บาท ปลายปีขายได้ 30 คิดเป็นผลกำไร 11 บาท ไม่ได้เงินปันผล กลายเป็นผลตอบแทนรวม 11 บาท เท่ากัน จากคุณ : คุราคุง เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 17:16:49

ความคิดเห็นที่ 10 เพิ่มเติมนิดเกี่ยวกำการคำนวน ทำไมถึงต้องนำข้อมูล ในอดีต มาเทียบกับในปัจจุบัน? ตอบ เพื่อหาอัตรส่วนที่เพิ่มขึ้นเป็น % หรือ capital gain จากหน่วยลงทุนเมื่อเวลาผ่านไปไงครับ ถ้าหน่วยลงทุนมันลดลงกว่าในอดีต ยังต้องนำมาคำนวนอีกหรอ เอามาคำนวนแต่ที่เพิ่มได้ใหม? ตอบ ไม่ได้ครับ คุณจะเอาแต่กำไร แต่ไม่เอาขาดทุน อย่างนี้มันไม่เรียกหรอกตัวเองหรอครับ *-* ทำไม่ต้องคิดเป็น % แทนที่จะคิดเป็นราคาหน่วยลงทุนเลย? ตอบ CASE STUDY 2 น่าจะอธิบายให้เข้าใจใด้ง่ายกว่า ถ้าคุณมองแค่ที่ราคาหน่วยอย่างเดียว จากคุณ : คุราคุง เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 17:23:41

ความคิดเห็นที่ 11 เคยอ่านค่ะๆ  อ่านๆๆๆๆ  อ่านไปอ่านมา  ตีกัน งงไปหมด  ไว้จะอ่านไปเรื่อยๆ  หวังว่าจะ  "อ๋อออ"สักวัน ขอบคุณมากค่ะ ^^' จากคุณ : enjoy (enjoy1113) เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 17:26:29

ความคิดเห็นที่ 12 ถ้ายังงงอยู่ เดี๋ยวผมยกตัวอย่างด้วยจำนวนเงิน แทนใน CASE Study 2 น่าจะเข้าใจมากขึ้นนะครับ สมมุิตคุณมีเงิน 100 บาท ถ้าซื้อกองทุน A คุณจะได้จำนวนหน่วยทั้งหมด 100 / 10 = 10 หน่วย ถ้าซื้อกองทุน B คุณจะได้จำนวนหน่วยทั้งหมด 100 / 20 = 5 หน่วย พอสิ้นปี กองทุน A NAV กลายเป็น 20 ก็เอามาคูณจำนวนหน่วย จะได้ 20 * 10 = 200 พอสิ้นปี กองทุน B NAV กลายเป็น 40 ก็เอามาคูณจำนวนหน่วย จะได้ 40 * 5 = 200 เห็นใหมครับว่า แม้ราคาหน่วยลงทุนจะถูก แล้วคุณซื้อหน่วยลงทุนได้จำนวนที่มากกว่า มันไม่ได้หมายความว่าคุณจะได้กำไรมากกว่าเสมอไป พอลองมาคำนวนดูแล้ว มันกลับได้ผลตอบแทนเป็นจำนวนเงินที่เท่าๆกัน แก้ไขเมื่อ 05 ต.ค. 55 17:37:38 จากคุณ : คุราคุง เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 17:36:14

ความคิดเห็นที่ 13 ถ้าเน้นผลตอบแทนเป็นหลัก แนะนำกองทุนที่ไม่มีปันผลจะดีกว่าค่ะ เพราะไม่ต้องเสียภาษีเงินปันผล และกองทุนไม่มีค่าใช้จ่ายจุกจิกในการจ่ายปันผล ทำให้ผลตอบแทนดีกว่า จากคุณ : xemmy เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 17:52:58

ความคิดเห็นที่ 14 อยู่ที่มุมมองนะครับ ส่วนตัวผลตอบแทนของกองทุนเท่าไหร่ไม่สำคัญ เท่ากับผู้ลงทุนจะดึงผลตอบแทนที่กองทุนได้รับนั้น นำกลับมาสู่ตนเองได้เท่าไหร่มากกว่า และ มีแนวทางการลงทุนแบบใด และ เพื่อจุดประสงค์ใดเป็นหลัก ตัวผมเองมีมุมมองง่ายๆ แบบบ้านๆจับต้องได้ ไม่สนใจเรื่องซับซ้อน ตัวเลข หรือ กราฟ เทคนิคใดๆ ที่นำมาอ้างอิง เพราะผมไม่มีความรู้เรื่องตัวเลขเหล่านั้น (จะมองว่าผมขึ้เกียจเรียนรู้หรือโง่เขลาก็ไม่ผิดครับ) ผมรู้แค่ว่าผมต้องทำอะไร ตอนไหน ควบคุมอารมณ์ตนเอง มีวินัย อย่างไร ผมให้ความสำคัญเรื่องต้นทุนที่เราซื้อ ปันผลต่อปี จำนวนครั้งที่ปันผลต่อปี เปรียบเทียบกัน ณ ช่วงเวลาเดียวกันเป็นหลัก (ซึ่ง HI-DIV ซื้อได้ถูกกว่า แต่ได้ปันผลต่อปีมากกว่า KFSDIV ณ ช่วงเวลาเดียวกัน โดยตลอดตั้งแต่จัดตั้งกองทุน) ผมไม่ได้สนใจการขายทำกำไร ให้ความสำคัญกับการสะสมหน่วยลงทุน เพราะฉนั้นผลตอบแทน เปอร์เซนต์ทั้งหลายที่มองว่า KFSDIV ดีกว่านั้นผมจึงไม่สนใจ เพราะจุดประสงค์คือสะสมหน่วยลงทุน เพื่อสร้างกระแสเงินสด (CASH FLOW) ลักษณะเป็น PASSIVE INCOME จากเงินปันผล (DIVIDENT) ไปเรื่อยๆ ผมจึงบอกว่าอยู่ที่มุมมองครับ ตอนนี้ผมก็คาดหวังกับจ่ายเงินปันผลของ HI-DIV ครั้งที่ 5 อยู่ครับ ก็แอบหวังว่าตลาดมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง ก็หวังไว้ที่ 1 บาท ถ้าได้ตามนี้ ทั้งปีก็จะได้รับเงินปันผลต่อปี คือ 4.1 บาท ต่อหน่วยลงทุน อีกไม่นานต้นผมก็คงจะเป็น 0 บาท ต่อ หน่วยลงทุน ทำให้ลดความกดดันจากความผันผวนของตลาดไปเรื่อยๆ เพราะต้นทุนผมก็จะต่ำกว่าราคาตลาดไปเรื่อยๆ ความเสี่ยงก็ลดลงไปเรื่อยๆ มีความปลอดภัยมากขึ้นเรื่อยๆ ลงทุนสบายใจมากขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันก็กำลังมองกองทุนอื่นๆ เพื่อกระจายการลงทุนบ้าง ทั้งหลาย ทั้งปวง อยู่ที่มุมมอง และ แนวคิด ของผู้ลงทุนแต่ละท่านจริงๆครับ อย่าเชื่อใคร จงเชื่อใจตนเองมากที่สุด ด้วยความรอบคอบ และ ไตร่ตรองมาอย่างดี ลองพิจารณาด้วยตนเองครับ จากคุณ : กองทุนหุ้นปันผล เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 55 23:03:17

ความคิดเห็นที่ 15 ขอแชร์ความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกคนละกันครับ ผมมอง KFSDIV เป็นเหมือนหุ้นเติบโต แต่จ่ายปันผลคงที่ (ประมาณ 2 บาท/ปี) ครับ ถ้าคุณชอบหุ้นเติบโตและให้ปันผลดี KFSDIV เป็นตัวเลือกที่ดีมากครับ แต่ต้องเ้ข้าใจว่า  ในอนาคตเมื่อค่า NAV ของ KFSDIV สูงขึ้นไปเรื่อยๆ แต่ยังปันผลแค่ไตรมาสละ 0.5 บาท  ก็หมายถึง อัตรา (%) การปันผลที่ลดลงนะครับ   ถ้าเอาเฉพาะเงินปันผลที่ได้ออกมาไปซื้อหน่วยลงทุนเพิ่ม มีโอกาสได้ซื้อในราคาแพงขึ้นกว่าเดิม ถ้าตลาดหุ้นเป็นขาขึ้น ส่วน Hi-Div ผมว่าคล้ายๆ กับหุ้นปันผล (บางตัว) ครับ ในแง่ว่า ปันผลเยอะ แต่ราคาไม่ค่อยขยับไปไหนครับ ถ้าไตรมาสนี้ NAV พุ่งขึ้นไปต่อเนื่องผมว่า มีโอกาสมากที่กองจะปันผลออกมาอีกอย่างที่คุณกองทุนหุ้นปันผลบอก   ซึ่งการปันผลทุกครั้งเิงินของเราก็ต้องโดนหักภาษี 10% ทุกครั้งด้วย (แค่นึกว่า ถ้าสะสมหน่วยลงทุนของกองนี้ได้สัก 1 ล้านหน่วยในราคาปัจจุบัน แล้วกองปันผลออกมา 0.7-0.9 บาทแบบทุกครั้ง เงินภาษีที่โดนหักไปในแต่ละปีจำนวนไม่ใช่น้อยๆ เลยครับ   O___o!  ) หมายเหตุ ใช้เงื่อนไขว่า ถ้ากองทุนไม่มีกำไรจะไม่มีการปันผลออกมานะครับ จากคุณ : นายโอเค เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 55 02:02:01

ความคิดเห็นที่ 16 ในแง่เงินปันผลระยะยาวก็ต้องยอมรับเรื่องภาษีที่จะต้องเสียครับ มูลค่ากองทุนที่เติบโตมันก็อยู่ที่ว่าต้นทุนเราเท่าไหร่ และ จะขายเท่าไหร่ เวลาเหมาะสมหรือไม่ (แนวคิดผมไม่ได้หวังขายกองทุนเพื่อทำกำไรถึงแม้ราคาจะเติบโต) โอกาสเก็งกำไรจากส่วนต่างราคาของแต่ละกองทุนไม่เท่ากัน กองทุนมีเติบโต ก็ต้องมีช่วงที่หยุดโตแล้วก็จะปรับราคาลงมา ตามวัฎจักรกองทุนที่จ่ายปันผล ภาพรวมราคาไม่ไปไหนเป็นปกติ ช่วงราคาของแต่ละกองทุน หรือ ราคากลาง ก็พอจะเดาๆกันได้ สูงสุด-ต่ำสุด ก็พอจะดูกันออก อย่างที่ผมบอกไว้ว่า กองทุนผลตอบแทนดีเท่าไหร่ไม่สำคัญ สิ่งสำคัญที่สุดคือคุณดึงผลตอบแทนนั้นๆ มาสู่ตนเองได้ด้วยวิธีการใด และ ทำได้มากน้อยเพียงใด จากคุณ : กองทุนหุ้นปันผล เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 55 09:16:01

ความคิดเห็นที่ 17 KFSDIV ปันผลน้อยกว่า HI-DIV ก็จะมีผลทำให้ราคา KFSDIV เติบโตได้มากกว่า HI-DIV เป็นปกติ ซึ่งการเติบโตของราคานั้นมันคือสัดส่วนที่รอความสามารถของคุณในการเก็บเกี่ยวก่อนที่มันจะหยุดเติบโต ผลตอบแทนทั้ง 2 รูปแบบ มันคือสัดส่วนผลตอบแทนที่รอให้คุณเก็บเกี่ยวเท่านั้นเอง อยู่ที่ความชอบของแต่ละท่าน และ ความสามารถในการเลือกจังหวะในการเก็บเกี่ยวในลักษณะใด เป็นสำคัญครับ จากคุณ : กองทุนหุ้นปันผล เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 55 09:23:14

ความคิดเห็นที่ 18 อ๋ออออออ...  ขึ้นอีกนิด  ว่าทำไม ราคา KFDIV ถึงสูงขึ้นลิ่วๆ  (เลยไม่กล้าซื้อค่ะ  ไม่รู้ ไม่แน่ใจ กัวได้ซื้อของแพง) ขอบคุณมากก ค่ะ ทุกท่านเลย   จะพยามหาข้อมูลเปรียบเทียบไปเรื่อยๆ  ต้องดูหลายๆด้าน ^O^ อ่อ  เรื่องภาษี พอดีเป็นคนไม่มีรายได้...เห็นว่าขอคืนภาษีได้  เด๋วจะหาข้อมูลอีกที ขอบคุณมากนะคะ ^^ จากคุณ : enjoy1113 เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 55 10:14:34

ความคิดเห็นที่ 19 อย่างที่เคยอธิบายไปด้านบนครับ ว่าอย่าไปซีเรียจเรื่องจำนวนเงินที่ปันผล หรือ ราคาหน่วยลงทุนครับ ให้มองที่เปอเซ็น ที่ปันผล หรือ ราคาหน่วยที่เพิ่มขึ้นเป็นเปอเซ็นแทน ราคาหน่วยลงทุนแพง ไม่ได้หมายความว่ากองทุนจะไม่สามารถเติบโตได้อีกแล้ว หรือว่าทำให้ใด้หน่วยลงทุนที่น้อยลงนะครับ อย่าลืมว่ากองทุนต่างจากหุ้นนะครับ ราคากองทุนไม่มีคำว่าแพง หรือราคาถูกครับ ถ้ากองทุนยังทำผลงานได้ดีอยู่... ถ้ายังงงว่าทำไม แนะนำให้อ่าน ความคิดเห็นที่ 12 ให้แตกฉากอีกครั้งครับ แก้ไขเมื่อ 06 ต.ค. 55 12:26:57 จากคุณ : คุราคุง เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 55 12:24:54

ความคิดเห็นที่ 20 ง่ายๆเลยครับ kfsdiv ถ้าขายกำไรบางส่วน(ไม่โดนหักภาษี)เพื่อปรับสมดุลทุนรวมกับเงินปันผลแล้ว คุณจะได้เงินมากกว่า hi-div ทันที มันอยู่ที่ใครชอบอะไร ผมว่ามันดีหมดอันนึงได้ซื้อและขายได้ด้วย อันนึงคอยอัดเงินอย่างเดียว ดีหมดเลยเลือกมันทั้งสองครับ วันนึงกองพวกนี้เน่าก็ล้างพอร์ตไปกองอื่น จากคุณ : RealSteel เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 55 16:06:44