ตลาดหุ้นมี 'เจ้ามือ' จริงหรือ?
|
|
คอลัมน์สารพันปัญหาเงินทอง: ประวีร์ พิชัยศรทัต
สวัสดีครับ เรียนคุณประวีร์ที่นับถือ ผมเก็งกำไรหุ้น เล่นหุ้นมาได้พักใหญ่ แต่ก็ถือว่ายังเป็น มือค่อนข้างจะนับว่าใหม่ คือลงตั้งแต่ปี 2010 สรุปคือบางจัง หวะก็ได้เงินเยอะ แต่บางจังหวะก็เสียแยะเหมือนกัน โดยรวมก็ได้กำไรบ้าง ส่วนตอนนี้มีทุนผมติดอยู่กับหุ้นหลายตัว ไม่กล้าขาย เพราะทำใจขาดทุนไม่ได้ ก็ถือเอาไว้ก่อน เพราะตามตำราบอกว่าถ้ายังไม่ขายก็ไม่ถือว่าขาดทุน ขอแค่รอจังหวะเท่านั้น และ ก็ยังมีที่ตำราหุ้นมักจะบอกอีกว่า ราคาหุ้นในระยะยาวจะสอดคล้อง กับผลประกอบการของบริษัท แต่ว่าในระยะสั้นราคาหุ้นมักแกว่ง ไกวไปมาตามข่าวและตัวเลขและสภาพเศรษฐกิจ แต่ก็มีหุ้นอยู่หลายๆ ตัวหรืออย่างน้อยผมก็เห็นบางตัวที่เหมือนมีการปั่นทำราคา ในวงการแบบนี้เขาบอกว่าเป็นมือของเจ้ามือ ทำให้ผมสับ สนอยู่ครับว่าหุ้น ไม่ใช่ไพ่หรือบ่อน จะมีเจ้ามือได้หรือ ใครจะกล้าทำได้แบบนั้น ทำได้อย่างไรและเขาไม่กลัวเสี่ยงหรืออย่างไร เราในฐานะรายเล็กๆ จะรับมือได้ยังไง สรุปแล้วเป็นอย่างไรกันครับคุณประวีร์ ขอเรียนถามให้กระจ่างครับ วิทวัส ธ.
ตอบ คุณวิทวัส ธ. ใครก็ตามที่อยู่ในวงการหุ้นมานาน ศึกษามาก หรือ "เจอมาเยอะ" ก็คงจะพอทราบว่าวงการนี้ไม่ได้ราบรื่นราบเรียบ จะอาศัยจังหวะ ความสามารถ และโชค เพื่อสร้างกำไรเท่านั้นไม่ได้ครับแต่เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่ามีหุ้นบางตัวในทุกๆ ช่วงเวลาเหมือนกันที่ ดูเหมือนว่า จะมีการ "ทำราคา" อย่างที่รายย่อยพูดกันทั่วไปว่ามี "เจ้า มือ" นั่นเอง สรุปว่าเจ้ามือมีจริงครับ แล้วเจ้ามือเป็นอย่างไรล่ะ?
ให้ลองเปรียบเทียบว่า ในสมัยดึกดำบรรพ์ที่มนุษย์ยังไม่มีความรู้เรื่องปรากฏการณ์ธรรมชาติพอฟ้าร้อง ฟ้าผ่า หรือเกิดสุริยุปราคา คนในยุคนั้นก็คิดกันไปว่าเป็นสิ่งที่เทพเจ้าเป็นผู้กระทำ ซึ่งที่ว่ามานี้ก็อาจจะไม่ได้แตกต่างจากปรากฏการณ์ในตลาดหุ้นนัก
ในแง่ของตลาดหุ้น ถ้าเปรียบนักลงทุนให้สมมติเป็นคนยุคโบราณ นักลงทุนรายย่อยจำนวนมากก็คงจะเชื่อว่าหุ้นแต่ละตัวจะมี"เทพเจ้า" ประจำอยู่แน่ๆ วันไหนที่ทำดี บูชาดี เทพเจ้าก็จะช่วย หุ้นก็จะวิ่งปรู๊ดดด ในทางตรงกันข้าม วันไหนที่ทำผิด เทพเจ้าคงไม่พอใจ ท่านก็จะดลบันดาลหุ้นให้เละเทะ ตกวูบ เล่นเอารายย่อยที่ทนความยั่วใจไม่ไหว เสี่ยงมาลงทุนกลายเป็นแมลงเม่าแตกกระเจิง และเข็ดขยาดกันไประยะหนึ่ง กลับมาในยุคปัจจุบัน นักลงทุนรายย่อยก็จะทราบว่าเทพเจ้าที่กล่าว ที่จริงเป็น "รายใหญ่" ซึ่งอาจจะมาเดี่ยวๆ หรือมาเป็นกลุ่มก็ได้ แต่มุมมองความเชื่อในลักษณะนี้แหละครับ ทำให้เราไม่คิดว่ารายย่อยจะสามารถกล้าไปสู้กับเจ้ามือที่เป็นขาใหญ่ได้
แต่เรื่องตรงนี้เราต้องใช้การวิเคราะห์และใช้ความรอบคอบครับ เพราะเรื่องจริงไม่ได้เหมือนในนิยายหรือในตำนานที่เป็นไปได้ว่ามนุษย์ธรรมดาๆ ที่อาสาสู้กับเทพเจ้าและได้รับชัยชนะ เพราะตลาดหุ้นไม่ใช่เทพนิยายครับ ฉะนั้นทำอะไรต้องมีเหตุผล และหนทางที่เราจะเอาชนะเจ้ามือหุ้นได้ คือเราต้องรู้จักเจ้ามือและสู้ด้วยความรอบคอบ
ถ้าเราจะมาพูดกันในลักษณะทั่วๆ ไปแล้ว นักลงทุนรายย่อยคือ นักลงทุนทั่วๆ ไปที่เป็นส่วนใหญ่ของตลาดหุ้น คือเป็นนักเก็งกำไรตัวเล็กๆ ที่มีเม็ดเงินลงทุนไม่มากมายอะไร และสิ่งที่เราพบเห็นทั่วไปในตลาดหุ้น ไม่ใช่เฉพาะในประเทศเราเท่านั้น แต่ทุกแห่งทั่วโลกก็คือ นักลงทุนรายย่อยจะสู้ พยายามงัดข้อกับเจ้ามือ ยอมสู้ตายทั้งๆ ที่เสียเปรียบ คนที่รู้ก็จะบอกได้เลยว่าไม่มีทางชนะถ้าไม่มีปาฏิหาริย์ครับ สิ่งนี้เกิดขึ้นทั่วทุกแห่ง และผลลัพธ์ก็เป็นไปในแบบเดียวกันอย่างที่ผมว่า โปรดติดตามต่อในคราวหน้าครับ.
ต่อจากฉบับที่แล้ว ที่คุณวิทวัส ธ. ถามเรื่องเจ้ามือหุ้นว่ามีด้วยหรือซึ่งเราได้ทราบกันแล้วว่า 'มีครับ' อย่างไรก็ตาม ตรงนี้ หากเราย้อนกลับไปดูว่า เจ้ามือเป็นใคร เราจะพบว่าโดยมากแล้วเจ้ามือเป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่มีเม็ดเงินมาก รายสองรายก็แย่แล้ว บางทีพวกนี้มีการมารวมตัวกันอีก ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงครับ และการทำธุรกิจ-ลงทุนเก็งกำไรของพวกนี้ ก็ไม่ได้มีรูปแบบที่แน่ชัดว่าเขาบริหารหรือใช้กลยุทธ์ไหน จังหวะใด ใช้วิธีอะไร แต่เรามักจะมองพวกนี้ในแง่ลบ และบางทีก็มีอคติ หรือคิดว่าพวกนี้ไม่ตรงไปตรงมา ใช้อำนาจเงินเข้าบังคับควบคุมหรือคิดไปว่าพวกเขามีการ "ฮั้ว" และพยายามปั่นราคา ซึ่งเรื่องนี้ผมเองก็ไม่ทราบจริงๆว่าจะว่าเขาแบบนั้นได้หรือเปล่า เพราะทุกการลงทุนจะมีช่องอยู่และเปิดโอกาสให้ทำแบบนี้ได้ และผมก็ไม่ทราบว่าจริงๆ แล้ว มีกรณีเช่นนี้มากน้อยแค่ไหน แต่เชื่อว่านักลงทุนรายใหญ่พวกนี้ อาศัยที่มีอำนาจทางการเงินมากกว่า หรือเป็นนักลงทุนที่มีความฉลาดและมองภาพออกได้คล้ายๆ กัน อย่างเช่น ตีความข่าวได้ว่าจะมีผลต่อราคาหุ้นอย่างไร จะลงเมื่อไหร่ ถอนเมื่อไหร่ก็คงมีอยู่ ซึ่งนักลงทุนที่เรียกว่าชั้นเซียนก็มักจะรวมอยู่ในพวกนี้ด้วย
เรื่องนี้แม้ว่าบางทีจะมาจากเหตุที่ต่างๆกัน คือ พวกหนึ่งอาจจะมีการทุจริต หรือที่เรียกว่า ปั่นหุ้น ส่วนอีกพวกหนึ่งอาจจะใช้การลงทุนเก็งกำไรอย่างสุจริต อย่างไรก็ดี ผลลัพธ์ที่ออกมาจากทั้งสองแบบก็คงไม่แตกต่างกันมากนัก เพราะจะทำให้เกิดการกระจุกตัวของตลาด หรือ concentration of market เป็นผลให้เกิด demand หรือ supply ขนาดใหญ่ที่มีทิศทางเดียวกันและสามารถผลักดันราคาหุ้นให้ขึ้นหรือลงได้อย่างมีนัยสำคัญ และเมื่อไหร่ก็ตามที่เราพยายามสู้กับ "เจ้ามือ" กลุ่มนี้ เราในฐานะที่เป็นรายย่อยก็จะเสียเปรียบมาก
ถ้าจะถามถึงวิธีรับมือกับเจ้ามือ คือถ้าคิดว่าจะสู้แล้ว ผู้รู้ท่านบอกว่าทางรอดหนึ่งของรายย่อยที่มักจะเป็นไปได้มากก็คือ ต้องลองพยายามจับทางให้ได้ว่าเจ้ามือจะมาเมื่อไหร่และมาในทิศทางไหน จากนั้นก็ตามแห่ไปกับเค้าด้วย ซึ่งผู้รู้ว่ามาว่า "ถ้า" ทำได้ก็จะเป็นทางรอดอย่างหนึ่งครับ แต่ปัญหาของตรงนี้ก็คือ เรามักไม่รู้ล่วงหน้า และบ่อยครั้งที่เจ้ามือเข้าอย่างแนบเนียนและออกไวมาก การพยายามติดตามและแห่ไปกับเขาจึงมักทำให้เราติด ที่ภาษานักลงทุนบอกว่าดอย ต้องทนถือหุ้นต้นทุนสูง อาจจะเหมือนคุณวิทวัสก็ได้ครับ
ถึงตรงนี้ผู้รู้ท่านเดิมบอกเพิ่มเติมมาอีกว่า ให้คิดถึงอีกทางรอดหนึ่ง คือว่า ถ้ารายย่อยอย่างเราสามารถรวมพลังกันได้ในแบบเดียวกับที่เจ้ามือทำ เราก็จะสามารถสู้กับเจ้ามือได้ มีการตั้งข้อสังเกตว่า หากเรารวมกลุ่มกันได้ใหญ่พอ บางทีอาจจะใหญ่กว่ากลุ่มเจ้ามือเดิมก็ได้ เมื่อมาถึงตรงนี้เชื่อว่ารายย่อยทั้งหลายทั้งน้อยและใหญ่กว่าคงเริ่มสนใจ และถ้าท่านผู้อ่านลองนึกสภาพตามความเป็นจริง ซึ่งก็คือทุกคนจะมาคิดว่า "แล้วเราจะรวมตัวกันได้อย่างไร?"
ความจริงแล้วเคล็ดลับนี้ไม่ได้เป็นเรื่องที่ยากอะไรเลยเพราะเคล็ดลับก็คือซื้อขายหุ้นตามแนวโน้มระยะยาวของราคาหุ้นไงครับ ท่านผู้อ่านหลายๆ ท่านอาจจะบอกว่า แล้วจะไปรู้แนวโน้มราคาระยะยาวได้อย่างไร ตรงนี้ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเพียงแต่มองไปที่ปัจจัยพื้นฐานและตีความให้ได้ว่าหุ้นตัวนี้ดีหรือแย่ (แม้จะยังไม่คำนวณเลยด้วยซ้ำ) บริษัทมีผลประกอบการดีอย่างต่อเนื่องหรือไม่การที่เรา "คาดการณ์" ผลประกอบการระยะยาวได้ ก็เท่ากับเราหาแนวโน้มระยะยาวของราคาหุ้นได้แล้วตามหลักการ ด้วยเหตุนี้จึงไม่ควรลงทุนเลย ถ้าคาดการณ์ไม่ได้ว่าผลประกอบการของบริษัทใน 3-5 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร บริษัทพวกนั้น นักลงทุนที่รู้และมีประสบการณ์จะปล่อยไปครับ หรือใครอยากเล่นก็เล่นไป ปัจจัยพื้นฐานของหุ้นเป็นภาพที่รายย่อยจะเห็นได้ร่วมกัน และเป็นทีเด็ดที่จะเอาชนะเจ้ามือได้ เพราะเมื่อไหร่ที่เจ้ามือลากหรือทุบหุ้นสวนทางกับปัจจัยพื้นฐานแล้วโอกาส ที่เจ้ามือจะเจ็บเองก็มีเหมือนกัน เพียงแต่เราเองอย่าไป "เล่น" หุ้นตัวเล็กที่ผลประกอบการห่วย และลาก-ทุบได้ง่ายๆ ก็แล้วกัน ไม่งั้นจะถูกเทพเจ้าคือเจ้ามือ ลงทัณฑ์แน่ครับ สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณ คุณ Antoni ด้วย สำหรับความเห็นและเคล็ดลับนี้ครับ.
ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์
จากคุณ |
:
เม่าน้อยสู่พญาปลวก
|
เขียนเมื่อ |
:
9 ต.ค. 55 11:16:05
|
|
|
|