TRUE จำเป็นต้องเพิ่มทุนจากผู้ถือหุ้นเดิมหรือไม่ มาดูกัน

เป็นประเด็นยอดฮิตกันมานานมาก ถ้าย้อนไปดูคราวที่ผมสรุปเรื่อง 3G เอาไว้ในกระทู้เมื่อราวกลางเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา ตอนนั้นตัวผมเองก็ยังไม่แน่ใจว่า TRUE จะหาเงินมาประมูล 3G จากแหล่งไหน?

อ่านบทวิเคราะห์ของนักวิเคราะห์หลากหลายสำนัก ตอนนี้เสียงแตกกันเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งบอกว่า ยังไงคงหนีไม่พ้นต้องเพิ่มทุนเรียกเงินจากผู้ถือหุ้นเดิม อีกฝ่ายหนึ่งก็บอกว่าไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน ทีนี้สมมติฐานต่างกันตรงไหน ก็ต่างกันตรงประเด็นเรื่อง "พันธมิตร" นั่นล่ะ

ประเด็นเรื่องพันธมิตร มีความสับสนอยู่พอสมควร จากที่มีการให้สัมภาษณ์จากผุ้บริหารระดับสูงเมื่อราวเดือนกว่าๆที่ผ่านมา บอกว่า TRUE น่าจะประกาศแต่งงานราวไตรมาส 1 ปีหน้า แต่เมื่อสองอาทิตย์ก่อน ก็มีคำสัมภาษณ์จากคุณศุภชัย เจียรวนนท์ว่า ยังไม่มีการพูดคุย เรื่องการเข้ามาถือหุ้นของพันธมิตรรายใด แต่พันธมิตรทางธุรกิจกับต่างประเทศนั้นมีอยู่แล้วในด้านการ roaming

งานนี้เลยทำเอามึนกันไปหมด ตกลงเอาไงกันแน่ เลยมาดูกันว่า TRUE มีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินเร็วและมากขนาดไหน

สำหรับการประมูล 3G ที่เพิ่งจบไป ทรูต้องจ่ายเงินราว 1.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งต้องจ่ายเงิน 50% งวดแรก ก็เฉียด 7 พันล้านบาท เงินก้อนนี้ไม่มีปัญหา เพราะบริษัทเพิ่งออกหุ้นกู้มูลค่า 6 พันล้านบาท และยังเหลือเงินกู้ที่เป็น syndicated loan จากไทยพาณิชย์ราว 6 - 7 พันล้านบาท

ดังนั้นเงินก้อนแรกไม่มีปัญหา ทีนี้ก็จะเหลือเงินอีก 5 - 6 พันล้าน เอาไว้ใช้ในการลงทุนวางเสา แน่นอนว่าเงินจำนวนนี้ไม่ได้มากนัก แต่การลงทุนของ TRUE ก็ไม่ได้ต้องมากเหมือนกับทาง ADVANC และ DTAC เช่นกัน เพราะ TRUE เองมีเสาของ HUTCH ที่ได้มาก่อนหน้าอยู่แล้ว (แม้จะยังมีข้อพิพาทกันอยู่ แต่คงไม่จบง่ายๆ บริษัทก็จะยังคงใช้ประโยชน์จากเสาได้ต่อไป)

อย่างไรเสีย ก็คงต่อลมหายใจของ TRUE ออกไปได้อีกไม่นานนัก ดังนั้น TRUE น่าจะต้องการเงินส่วนเพิ่มเข้ามาภายในต้นปีหน้า เพื่อให้การลงทุนใน 3G คลื่น 2100 นั้นไม่เกิดการสะดุด

ผมลองโทรคุยกับนักวิเคราะห์ของทาง Kim Eng ซึ่งเป็นโบรกที่ให้ราคาเป้าหมาย TRUE 6.30 บาท ซึ่งสูงสุด ณ เวลานี้ ว่า TRUE จะหาเงินจากไหน นักวิเคราะห์บอกว่า แนวโน้มจะมาจาก "พันธมิตร"

ถามต่อว่า ทำไมถึงคิดว่า จะไม่มีการเพิ่มทุนจากผู้ถือหุ้นเดิม นักวิเคราะห์บอกว่า ทางผู้บริหารเป็นคนพูดเองว่า จะไม่ให้เป็นภาระแก่ผู้ถือหุ้นเดิมอีก ซึ่งก็เหมือนเป็นการบอกว่า ถ้าจะหาเงิน ก็จะไม่มารีดเงินจากรายย่อยแล้ว

ประเด็นการปฎิเสธถึงการหาพันธมิตรของคุณศุภชัย นักวิเคราะห์ให้ความเห็นว่า ผู้บริหารระดับนั้น ถ้ายังไม่มีความแน่ชัดจริงๆ ยังไงก็คงต้องปฎิเสธไว้ก่อน จะยอมรับก็ต่อเมื่อมีการพูดคุยกันถึงขั้นสุดท้ายแล้ว

มาดูต่อในประเด็นที่ว่า หากมีการหาพันธมิตรจริงๆแล้ว TRUE จะไม่จำเป็นตอ้งเพิ่มทุนจริงหรือ??

**ต้องขอบคุณทาง Kim Eng ที่ให้ข้อมูลตรงนี้แก่ผม เพราะผมไม่สามารถหาจากแหล่งข้อมูลทั่วไปได้**

ถ้าพันธมิตรจะเข้ามาใน TRUE ก็คงจะเข้ามาเพิ่มทุนใน TRUE Mobile ไม่ใช่ TRUE Corp. ซึ่งปัจจุบัน ทุนจดทะเบียนของ TRUE mobile มีอยู่ 2000 ล้านหุ้น ประเมินมูลค่าเหมาะสมที่ 40 บาทต่อหุ้น

ผมลองคำนวณเองดูว่า ถ้าพันธมิตรจะเข้ามาเพิ่มทุนใน TRUE Mobile เพื่อถือหุ้นไม่เกิน 25% ก็จะต้องเพิ่มทุนประมาณ 670 ล้านหุ้น หาก TRUE สามารถขายที่ราคาเหมาะสมได้ ก็จะได้เงินเข้ามาราว 2.68 หมื่นล้านบาท

แต่การที่ TRUE ไม่หาพันธมิตรก่อนหน้านี้ สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะพันธมิตรคงต้องการดูความชัดเจนเรื่องการประมูล 3G ก่อน นอกจากนั้นทางฝั่ง TRUE เอง ก็คงอยากขายหุ้นเพิ่มทุนให้ได้ราคาดี ซึ่งการรอผลประมูล 3G ออกมาก่อน น่าจะทำให้เพิ่มทุนได้ที่ราคาสูงกว่า 40 บาท

หากราคาเพิ่มทุนเพิ่มเป็น 45 บาท TRUE ก็จะได้เงินเข้ามา 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งก็เพียงพอที่จะใช้เป็นเงินลงทุน 3G ได้อย่างสบาย ตามเงื่อนไขของ TRUE ที่ว่า ต้องการเป็นบริษัทคนไทย พันธมิตรจะถือหุ้นได้ไม่เกิน 25%

** ดังนั้น ประเด็นที่ยังต้องลุ้นกันเป็นอย่างมาก ก็คือ TRUE จะหาพันธมิตรได้หรือไม่ หาจริงไหม?? หากหาพันธมิตรได้จริง ผู้ถือหุ้น TRUE ก็ยิ้มออก เพราะความกังวลที่มากที่สุดในการลงทุนหุ้น TRUE นั้นหมดไปแล้ว แต่เท่าที่ผมได้ยินได้ฟังมา ก็คือ ผู้บริหาร TRUE บินไปจีนบ่อยมาก และข่าวก็มาว่าเป็นการไปเจรจาเรื่องพันธมิตรนี่ล่ะ

ประเด็นที่คนเป็นห่วงเรื่องดอกเบี้ยจ่ายที่สูงมาก และทำให้งบออกมาขาดทุนทุกปี แม้ EBITDA จะเป็นบวกได้แล้วก็ตาม ประเด็นนี้ก็คงเป็นสิ่งที่ต้องยอมรับกันไป นั่นเพระเงินกู้ของ TRUE นั้นมากเหลือเกิน จากการลงทุนก่อนหน้า และนี่น่าจะเป็นสิ่งที่ค่อนข้างยืนยันได้ว่า การหา "พันธมิตร" เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะถ้ากู้เงินอีก ภาระดอกเบี้ยจะยิ่งเพิ่มขึ้น

จริงๆแล้ว TRUE มีกระสุนนัดสุดท้ายเก็บเอาไว้ ซึ่งผมมองว่าน่าจะเก็บเอาไว้ออกเป็น package คืนกำไรให้กับผู้ถือหุ้นตอนท้ายสุด นั่นก็คือเรื่องการล้างขาดทุนสะสม แต่เรื่องนี้คงจะไม่เกิดขึ้นแน่นอนหากบริษัทยังคงมีผลขาดทุนอยู่ เพราะล้างไปก็ยังขาดทุนและจ่ายปันผลไม่ได้ จะล้างไปเพื่ออะไร

เท่าที่ดูตัวเลข พาร์ของ TRUE นั้น 10 บาท จำนวนหุ้น 1.4 หมื่นล้านหุ้น ส่วนขาดทุนสะสมและส่วนต่ำพาร์ รวมกันอยู่ราวๆ 1.2 แสนล้านปลายๆ ถ้าวันใดวันหนึ่งต้องการลดพาร์เพื่อล้างขาดทุนเหล่านี้ ก็สามารถทำได้ (อาจจะได้ไม่หมด หากดอกเบี้ยจ่ายยังพอกไปเรื่อยๆ แต่ก็นั่นล่ะ ถึงได้บอกว่า ถ้าคิดจะทำจริง TRUE จะทำเมื่อมั่นใจว่า บริษัทจะไม่ขาดทุนอีก)

ก็เก็บไว้เป็นประเด็นให้ตัดสินใจละกันครับ วัดใจกันเรื่องพันธมิตรต้นปีหน้า ถ้าไม่มี ไม่หา เตรียมเงินในกระเป๋าไว้ได้เลย

แต่ขอแทรกประเด็นหากมีการเพิ่มทุนจากผู้ถือหุ้นเดิมนิดหนึ่ง รอบที่แล้ว ราคาเพิ่มทุนอยู่ที่ 1.94 บาท (ถ้าจำไม่ผิด) เป็นเพราะยึดราคาตามมติเดิมที่ขายหุ้นเพิ่มทุนรอบแรกไม่หมด แต่ราคาในกระดานไล่กันไป 7 บาทกว่าๆ (อย่าดูราคาในกราฟนะครับ เพราะกราฟที่เห็นเขาปรับราคาหลังผลกระทบเพิ่มทุนไปแล้ว เราจะเห็น high ที่ 5.30 เท่านั้น)

รอบนี้ นักวิเคราะห์หลายค่ายให้ราคาเหมาะสม TRUE ขึ้นมาที่ 5.20 บาท 5.80 บาท  6.30 บาท แสดงว่าเขาเริ่มมองกันว่า มันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางพื้นฐานของบริษัทหลัง 3G จริงๆ แล้วบริษัทจะเพิ่มทุนที่ราคาต่ำอีกหรือ??

ถ้าจะเพิ่มจริง คงไม่เห็นต่ำกว่า 4 บาท แล้วถ้าจะเพิ่มที่ 4 บาทเนี่ย เขาจะไล่ราคาในกระดานไปเท่าไหร่ ไม่น่าจะแค่ 6 บาทนะ ถ้าเอารอบที่แล้วเป็นบรรทัดฐาน

อย่างไรก็ตาม ผมอยากให้ TRUE เลือกที่จะหาพันธมิตรดีกว่า ราคาหุ้นค่อยๆเป็นค่อยๆไป แม้ว่าการเพิ่มทุน XR นั้นจะทำให้ราคาวิ่งได้เร็วกว่ามากก็ตาม แต่ก็ไม่มีนักลงทุนรายย่อยคนไหนจะเต็มใจควักกระเป๋าเพิ่มทุนกันได้บ่อยๆหรอก จริงไหม??

จากคุณ	: wattanac
เขียนเมื่อ	: 19 ต.ค. 55 13:50:58