แห่ซื้อ'ไทยเบฟ-สิงเทล-แอร์เอเชีย' รับอาเซียนลิงก์
|
|
การเงิน - การลงทุน วันที่ 19 ตุลาคม 2555 00:09 โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
วิรไท สันติประภพ รองผู้จัดการ สายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)
เปิดอาเซียนลิงก์ 4 วัน นักลงทุนไทยซื้อ "ไทยเบฟ-สิงเทล-แอร์เอเชีย"สูงสุด หวังได้ประโยชน์จากกระแสอาเซียน ตลาดฯเล็งโรดโชว์ยุโรป-อเมริกา
น.ส.ศิริพร ผลโพธิ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายการลงทุนหลักทรัพย์ต่างประเทศและซื้อขายตราสารหนี้ บล.ธนชาต เปิดเผยว่า ผลจากการเปิดเชื่อมโยงการซื้อขายหุ้นอาเซียน หรืออาเซียนลิงก์ 3 ตลาด คือ ตลาดหุ้นไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค.หรือในช่วง 4 วันที่ผ่านมา พบว่าได้รับความสนใจจากนักลงทุนจำนวนมาก ทั้งที่มีการลงทุนต่างประเทศอยู่แล้ว และยังไม่เคยมีการลงทุน โดยหุ้นที่ลูกค้าของบริษัทไปลงทุนมากที่สุด คือไทยเบฟเวอเรจ (THAIBEV) สิงเทล (SINGTEL) ในสิงคโปร์ และแอร์เอเชีย (AIRASIA) ในมาเลเซีย
"นักลงทุนสนใจอาเซียนลิงก์มาก เพราะมองว่าหลังเปิดการเชื่อมโยงตลาดหุ้นในอาเซียนจะปรับขึ้น ซึ่งไทยเบฟในสิงคโปร์ได้รับความสนใจมากสุด เพราะจากข่าวการซื้อกิจการเอฟแอนด์เอ็น ประกอบกับหุ้นในกลุ่มนี้ในไทยได้ปรับขึ้นมาต่อเนื่อง แต่ไทยเบฟในสิงคโปร์ยังไม่ค่อยขยับ"
อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกลูกค้าของบริษัทยังใช้ช่องทางการซื้อขายหุ้นต่างประเทศทางเดิมมากกว่าการใช้ช่องทางผ่านอาเซียนลิงก์ เป็นปกติเพราะเพิ่งจะเปิด แต่เชื่อว่าหลังจากนี้จะมีนักลงทุนเทรดผ่านอาเซียนลิงก์มากขึ้น ส่วนการลงทุนจากต่างชาติที่เข้ามาไทยนั้น ไม่ค่อยเปลี่ยนแปลง
นายวิรไท สันติประภพ รองผู้จัดการ สายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า การเปิดอาเซียนลิงก์ได้รับความสนใจจากนักลงทุนพอสมควร แต่ยังไม่อยากเปิดเผยมูลค่าการซื้อขาย(วอลุ่ม) เพราะเป็นช่วงแรกเริ่ม โดยอาเซียนลิงก์ทำให้ตลาดหุ้นในอาเซียนได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติมากขึ้น โดยกลุ่มที่โดดเด่นและมีมูลค่าการซื้อขาย(วอลุ่ม)สูงที่สุด คือ แบงก์ สินค้าอุตสหกรรม และเทเลคอม ในส่วนที่เป็นบริษัทมือถือ
สำหรับตลาดหุ้นไทย กลุ่มที่โดดเด่นเมื่อเทียบกับตลาดอื่นในอาเซียนคือ กลุ่มเคมีภัณฑ์ วัสดุก่อสร้าง โรงพยาบาล น้ำมันและก๊าซ และกลุ่มค้าปลีก ขณะที่มาเลเซียจะเด่นเรื่องแบงก์ ชิปปิ้ง ทำให้มาเสริมซึ่งกันและกันมากกว่าจะมาแข่งขันกัน
แต่หากมองในแง่ศักยภาพของบริษัทจดทะเบียนไทย(บจ.) เทียบกับประเทศอื่นในอาเซียน พบว่าสามารถแข่งขันได้ โดยมีถึง 7 กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีอัตราส่วนกำไรต่อทุน (ROE) สูงกว่าค่าเฉลี่ย และมีถึง 5 กลุ่มที่มี ROE สูงที่สุดในอาเซียน คือ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม มีROE ที่ระดับ 18.9% กลุ่มประกันอยู่ที่ 18.3% กลุ่มสื่ออยู่ที่ 52.6% กลุ่มที่อยู่อาศัย 11.8% และกลุ่มค้าปลีก มีROE ที่ระดับ 29.4%
"แต่ละตลาดมีจุดเด่นไม่เหมือนกัน ไทยจะมีนักลงทุนรายย่อยจำนวนมาก ขณะที่มาเลยเซีย มีนักลงทุนสถาบันเยอะ ส่วนสิงคโปร์มีหลายประเภท แต่จะเด่นพวกไฮเน็ตเวิร์ค ซึ่งการเปิดอาเซียนลิงก์นอกจากจะทำให้นักลงทุนรายย่อยไทยไปลงทุนหุ้นต่างประเทศได้สะดวก และมีทางเลื่อกการลงทุนมากขึ้น เราจะโรดโชว์เพื่อดึงนักลงทุนสถาบันจากมาเลเซียมาไทยด้วย ขณะที่รายย่อยของมาเลเซียก็สนใจที่จะลงทุนไทย โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน เช่น ปตท. เพราะกลุ่มพลังงานในมาเลเซียมีน้อย"
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ มีแนวคิดที่จะชวนบริษัทแต่ละกลุ่มที่อยู่ในอาเซียนลิงก์ไปโรดโชว์ร่วมกันที่สหรัฐและยุโรป แทนที่แต่ละประเทศจะแยกกันไป เช่นกลุ่มธนาคาร กลุ่มพลังงาน เป็นต้น เพราะเมื่อรวมกัน จะทำให้มีความน่าสนใจมากขึ้น
จากคุณ |
:
Wild Rabbit
|
เขียนเมื่อ |
:
19 ต.ค. 55 17:20:02
|
|
|
|