Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
'โกลด์แมน แซคส์'ฟันธงหมดช่วงขาขึ้นราคาน้ำมันโลก ติดต่อทีมงาน

โกลด์แมน แซคส์ ธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดในการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์ บอกว่า วัฎจักรช่วงขาขึ้นของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกได้สิ้นสุดลงแล้ว พร้อมทั้ง เปลี่ยนแปลงคำแนะนำด้านการลงทุนในเชิงบวกต่อราคาน้ำมันที่ดำเนินมานานหลายปี และระบุถึงปริมาณน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐและแคนาดา

โกลด์แมน แซคส์ เคยเป็นผู้คาดการณ์ราคาสูงสุดในบรรดาผู้คาดการณ์ราคารายใหญ่ แต่ขณะนี้ ออกมาฟันธงว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ในระยะยาวหรือราว 5 ปีข้างหน้าอาจจะถูกตรึงอยู่ที่ระดับราว 90 ดอลลาร์/บาร์เรล แถมยังปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปีหน้าลงสู่ 110 ดอลลาร์/บาร์เรลจาก 130 ดอลลาร์ โดยราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ล่าสุด อยู่ที่ระดับราว 112.41 ดอลลาร์

เจฟฟรีย์ เคอร์รี และเดวิด กรีลี นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ บอกว่า "ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ราคาสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ล่วงหน้าแบบหลายเดือน ส่งสัญญาณเข้าสู่เสถียรภาพที่ระดับราว 90 ดอลลาร์/บาร์เรล และสิ่งนี้บ่งชี้ถึงการกลับเข้าสู่กรอบราคาในแบบเดียวกับในทศวรรษ 1990 เราคาดว่าในอนาคต ราคาสัญญาน้ำมันเดือนไกลจะได้รับแรงกดดันจากความเป็นไปได้ ที่ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเป็นการผลิตจากหินน้ำมันสหรัฐ, ทรายน้ำมันแคนาดา และจากเขตน้ำลึก ซึ่งโดยสุทธิแล้ว เราคาดว่า ตลาดน้ำมันจะกลับมามีโครงสร้างที่มีเสถียรภาพ แต่อยู่ในภาวะตึงตัวตามวัฏจักร"

ภาวะเฟื่องฟูในธุรกิจหินน้ำมันสหรัฐ ส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันสหรัฐ พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 10 ปี และสร้างความประหลาดใจให้แก่นักวิเคราะห์ รวมทั้งส่งผลกระทบต่อกระแสการไหลเวียนของน้ำมันในตลาดโลกด้วย

ปัจจุบันนี้ สหรัฐ ลดการนำเข้าน้ำมันดิบจากภูมิภาคแอฟริกาตะวันตกและภูมิภาคตะวันออกกลาง ส่งผลให้ภูมิภาคดังกล่าวขายน้ำมันดิบให้แก่ทวีปเอเชียมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ นักวิเคราะห์บางรายยังคาดว่า ทวีปอเมริกาเหนือ ซึ่งครอบคลุมสหรัฐ, เม็กซิโก และแคนาดา จะกลายเป็นผู้ส่งออกน้ำมันสุทธิด้วย

โกลด์แมน แซคส์ เคยเป็นผู้นำด้านการคาดการณ์ราคาน้ำมันในช่วง ที่ราคาพุ่งขึ้นครั้งใหญ่ในปี 2546-2551 โดยในช่วงนั้นอุปสงค์น้ำมันในเอเชียพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเกินคาด และเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วกว่าปริมาณอุปทานในตลาดโลก ในขณะที่กำลังการผลิตส่วนเกินในกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน(โอเปก) ลดลงจนเกือบหมด และอุตสาหกรรมกลั่นน้ำมันประสบความยากลำบากในการรองรับอุปสงค์

แต่หลังจากโกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันดิบอาจพุ่งขึ้นครั้งใหญ่สู่ 200 ดอลลาร์/บาร์เรลในปี 2551 เศรษฐกิจโลกก็ประสบกับวิกฤติการเงิน และส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบทรุดตัวลงจากสถิติสูงสุดที่ 147 ดอลลาร์ในเดือนก.ค. 2551 สู่ระดับต่ำกว่า 40 ดอลลาร์

ในปีนี้ โกลด์แมน แซคส์ ดำเนินการอย่างล่าช้าที่จะยอมรับว่า ราคาน้ำมันดิบสหรัฐ ประเภทที่มีความหนาแน่นต่ำ (light) มีแนวโน้มอยู่ในช่วงขาลง และส่งผลให้โกลด์แมน แซคส์ ปิดคำแนะนำในการเข้าซื้อสัญญาน้ำมันดิบสหรัฐ ประเภทที่มีความหนาแน่นต่ำและกำมะถันต่ำ (sweet) ประจำเดือน ก.ย. 2555 ด้วยยอดขาดทุนทางบัญชีที่ 10.8 %

เกรกอรี เคน ผู้จัดการพอร์ทลงทุนของกองทุน Ebullio's eFED Commodity Fund กล่าวว่า ขณะนี้ตลาดตระหนักดีว่าอุปทานน้ำมันกำลังเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งการพุ่งขึ้นส่วนใหญ่ของราคาน้ำมันในปีนี้ เกิดจากสภาพคล่อง และราคาน้ำมันก็ได้ปรับตัวรับปัจจัยนี้ไปหมดแล้ว

ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐ พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงกว่า 6.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2538 โดยได้รับแรงหนุนสำคัญจากเทคโนโลยีใหม่ ซึ่งเปิดโอกาสให้การผลิตน้ำมันจากหินน้ำมันสามารถกระทำได้ด้วยต้นทุนที่ถูกลง

ปัจจัยดังกล่าว กระตุ้นให้มีการคาดการณ์กันว่า ทวีปอเมริกาเหนือ อาจจะไม่ต้องนำเข้าพลังงานจากนอกทวีปอีกต่อไป ซึ่งจะส่งผลให้ราคาน้ำมันดิ่งลง

นางอัมริตา เซน จากบริษัทเอ็นเนอร์จี แอสเปคท์ กล่าวว่า "การขยายตัวของปริมาณน้ำมัน มีแนวโน้มที่จะจำกัดราคาในระยะยาว และส่งผลให้เป็นเรื่องที่ยากขึ้นมากที่ราคาน้ำมันจะพุ่งขึ้นเหนือ 110-115 ดอลลาร์/บาร์เรล ถ้าหากไม่ได้รับแรงหนุนจากปัจจัยทางเศรษฐกิจหรือเหตุการณ์ไม่สงบในตะวันออกกลาง"

ธนาคารที่ใหญ่ที่สุด ที่ทำธุรกิจสินค้าโภคภัณฑ์ประกอบด้วยโกลด์แมน แซคส์,บาร์เคลย์ส, ดอยช์ แบงก์, มอร์แกน สแตนเลย์ และเจพี มอร์แกน โดยธนาคารทั้ง 5 แห่ง ต่างก็ปรับลดตัวเลขคาดการณ์ราคาน้ำมันประจำปี 2556 ลงมาแล้ว

ธนาคารทำเงินจากสินค้าโภคภัณฑ์โดยผ่านทางการให้บริการประกันความเสี่ยงแก่ลูกค้า โดยโกลด์แมน แซคส์ ให้คำแนะนำแก่ลูกค้าที่เป็นผู้ใช้น้ำมัน,ผู้ผลิตน้ำมัน และผู้กลั่นน้ำมันด้วย

นางเซน กล่าวว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ไม่มีแนวโน้มที่จะร่วงผ่านระดับ 90 ดอลลาร์ลงไปมากนัก เพราะว่าราคาน้ำมันที่ต่ำลงจะส่งผลให้การพัฒนาแหล่งหินน้ำมันใหม่ เป็นสิ่งที่ไม่คุ้มค่าต่อการลงทุนและถ้าหากราคาน้ำมันดิบเบรนท์ร่วงผ่าน 90 ดอลลาร์ลงไป การผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปก ก็จะเผชิญกับความยากลำบากอีกครั้ง"

ที่มา:http://goo.gl/szOqr

จากคุณ : kanstk
เขียนเมื่อ : 22 ต.ค. 55 12:54:39




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com