ความคิดเห็นที่ 1 หุ้น 3G มาถึงวันนี้ กสทช คงผ่าน 3G แล้วแน่นอน คนไทยได้ใช้แน่นอน ถึงแม้ว่าจะเป็นประเทศท้ายๆ ของโลก และปีหน้าก็จะมีวาระประมูล 4G ซึ่งยังไม่แน่นอน หุ้นที่ได้ประโยชน์ นอกเหนือจากพวกที่เป็นดารา mobile network operator อย่าง ADVANC, DTAC, TRUE, INTUCH ตลอดทั้ง supply chain ก็มีหลายธุรกิจที่ได้ประโยชน์ และอาจจะได้ประโยชน์มากกว่า operator อีก จากคุณ : solstice เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 05:17:27

ความคิดเห็นที่ 2 ผู้ให้บริการโครงข่าย fiber optic ถึงจะบอกว่าตอนนี้เราเป็นยุคไร้สาย (wireless) แล้ว แต่ข้อมูลต่างๆ ก่อนที่จะขึ้นดาวเทียมแล้วยิงลงมา หรืออินเตอร์เนทก็ต้องส่งข้อมูลไปตามสาย ไปเข้าจุดกระจายสัญญาณ แปลว่าไม่ว่ายังไงสายก็ต้องใช้ พอเป็น 3G แปลว่าข้อมูลขนาดใหญ่ขึ้น จะถูกส่งผ่านระหว่างสาย 1) ผู้ต้องการส่งและรับข้อมูล ซึ่งก็มีทั้งผู้บริโภค และบริษัท ก็ต้องส่งผ่านสายส่งที่มีศักยภาพสูง (ทั้งความเร็ว และเสถียรภาพ) 2) ผู้ให้บริการสัญญาณโทรศัพท์ อาจจะไม่มีความจำเป็นที่ต้องไปตั้งเสาเองทั้งหมด โดยอาจจะเช่าเสาผ่านคนที่มีอยู่แล้ว แต่จะไปเช่าของคู่แข่งก็อาจจะทำไม่ได้ ก็ต้องเช่าผ่านตัวกลาง ในตลาดมีอยู่ 2 ราย (นอกตลาดอีก 3-4 ราย) SYMC - ให้บริการโครงข่าย โดยเน้นในเมืองใหญ่ อย่างกทม. ที่ผ่านมาเดินหน้าวางสายมาหลายที่ และขยายตัวตามอสังหาริมทรัพย์ มีลูกค้าทั้งบริษัท และผู้บริโภค (กรณีที่เหมาทั้งคอนโดฯ) ILINK - ยักษ์ใหญ่ที่ขายสายส่งสัญญาณลักษณะคุณภาพสูงในเมืองไทย ล่าสุดมีแผนจะขยายธุรกิจไปทำโครงข่ายแบบเดียวกับ SYMC - ธุรกิจนี้คล้ายๆ กับเสือนอนกิน คือ ลงทุนวางสายครั้งเดียว (อายุใช้งาน 10 ปี) แล้วก็นอนกินไปเรื่อยๆ ทำให้ margin ดีมาก (30% ขึ้นไป) และก็น่าจะเติบโตไปพร้อมๆ กับความต้องการใช้ข้อมูลที่มากขึ้น เร็วขึ้น และเสถียรขึ้น - จุดได้เปรียบเสียเปรียบน่าจะมีหลักๆ ก็คือ "สิทธิการวางสาย" ใครๆ ก็วางสายตามเสาไฟฟ้าต่างๆ ได้ แต่ว่าจะได้รับอนุญาตจากการไฟฟ้าหรือเปล่าเท่านั้นเอง จากคุณ : solstice เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 05:17:46

ความคิดเห็นที่ 3 ผู้ให้บริการ integrated IT service solutions เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทำให้สินค้า IT ล้าสมัยเร็ว ผู้ใช้ IT ที่เป็นองค์กรรัฐบาล หรือบริษัทต่างๆ ก็ต้อง ยกเครื่อง IT ของตัวเองใหม่เป็นระยะๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน แต่ไม่ใช่ทุกบริษัทจะมีความเชี่ยวชาญเรื่อง IT ไหนจะเรื่องสินค้า ระบบปฏิบัติการ ระบบภายใน ฯลฯ ทำให้มีโอกาสของผู้ให้บริการ IT solution แบบครบวงจร ในตลาดมีอยู่ 4 ราย AIT, SAMART, SAMTEL, LOXLEY - ธุรกิจนี้มีลูกค้าสองส่วน a) ภาครัฐบาล b) บริษัทเอกชน ซึ่งรายได้หลักๆ หรืองานใหญ่ๆ จะมาจาก ภาครัฐบาล - ความยากของการประเมิณมูลค่าธุรกิจกลุ่มนี้ก็ คือ ไม่มีใครรู้ว่าจะได้งานอะไร (เจ้าของก็ยังไม่รู้เลย) เพราะว่าต้องไปประมูลงานแข่งกัน แล้วประมูลมาได้ก็ยังไม่จบ ก็ต้องดูว่าบริหารให้ได้กำไรดีหรือเปล่า คนที่ประมูลงานได้เยอะๆ ก็ไม่ใช่ว่ากำไรบรรทัดสุดท้ายจะดีเสมอไป - ดูงบการเงินแบบลวกๆ AIT กำไรสุทธิดีที่สุด ตามมาด้วย SAMTEL และ SAMART จากคุณ : solstice เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 05:18:33

ความคิดเห็นที่ 4 ผู้ขายสินค้า IT (ขายส่ง) เมื่อมีความต้องการจะเปลี่ยนสินค้า อุปกรณ์ IT ผู้ใช้ หรือว่าีร้านค้าปลีก ก็ต้องหาสินค้า ในกรณีที่สั่งซื้อจำนวนมากๆ ก็ต้องซื้อผ่านคนกลางที่เป็นผู้ค้าส่ง ด้วยความที่สินค้า IT ล้าสมัยตลอดเวลา ประกอบกับการเป็นคนกลางที่ต้อง stock สินค้าเอง ทำให้กำไรขั้นต้นค่อนข้างต่ำ การบริหาร stock และเงินทุนหมุนเวียนระยะสั้น จึงเป็นหัวใจ และจุดชี้เป็นชี้ตายของธุรกิจนี้ ในปีที่ผ่านกลุ่มนี้ถือว่า บาดเจ็บ ค่อนข้างหนัก โดยสาเหตุหลักมาจากการที่ขายสินค้าไม่ออก ซึ่งน่าจากหลายๆ ปัจจัย ดังนี้ 1) น้ำท่วมใหญ่ ทำให้ตลาด IT ภาพรวมสะดุด 2) การคาดการณ์ตลาดผิด ทำให้ over stock 3) ความนิยมอย่างล้นหลามของ Apple 4) คนชะลอการซื้อ computer notebook และหันไปซื้อ pc tablet ในตลาดมีอยู่ 2 ราย SIS, SYNEX - ถึงจะเป็นผู้ค้าส่งเหมือนกัน แต่จุดแข็ง จุดอ่อนก็ต่างกันออกไป ความได้เปรียบเสียบเปรียบน่าจะมีอยู่ในเรื่อง a) ความสามารถในการบริหาร stock <-- เนื่องมากจากสินค้า IT ล้าสมัยเร็ว เรื่องนี้รวมไปถึงประเภทของสินค้าที่เน้น ซึ่ง 2 รายนี้อาจจะมีส่วนที่เน้น เหมือน และแตกต่างกัน b) การบริหารเงินทุนหมุนเวียนระยะสั้น <-- การกู้เงินเป็นเรื่องที่กระทบต่อกำไรอย่างมาก เพราะว่า กำไรขั้นต้นที่น้อยอยู่แล้ว การแบกต้นทุนทางการเงินเพิ่มจึงเป็นเรื่องที่ควรหลีกเลี่ยง c) ความสัมพันธ์กับ supplier <-- อาจจะดีถึงขั้นผูกขาดสินค้ายี่ห้อ หรือรุ่นนั้นๆ ไปเลย บวกกับซื้อได้ในราคาพิเศษ หรือได้ credit term ที่ยาวหน่อย d) ความสัมพันธ์กับ ลูกค้า จากคุณ : solstice เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 05:18:49

ความคิดเห็นที่ 5 ผู้ขายสินค้า IT (ขายปลีก) ถือว่าเป็นจุดสุดท้ายของ supply chain ทั้งหมด เพราะขายสินค้าถึงผู้บริโภครายบุคคลโดยตรง โดยทั่วไปแล้วอาจจะใกล้เคียงกับผู้ค้าส่ง คือ เจอความเสี่ยง และความท้าทายคล้ายๆ กัน ถ้ามองอาจจะมองได้ย่อยอีกเป็นสองกลุ่ม คือ a) ขายอุปกรณ์ IT เป็นหลัก ในตลาดก็มี IT b) ขาย smartphone เป็นหลัก ในตลาดก็มี JMART, MLINK จากคุณ : solstice เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 05:19:01

ความคิดเห็นที่ 6 ผู้ให้บริการอินเตอร์เนทความเร็วสูง แนวโน้มเรื่องอินเตอร์เนทที่จะเพิ่มอัตราการเข้าถึง (penetration) มากขึ้น และด้วย content ที่ส่งผ่านทางอินเตอร์เนทน่าจะมีขนาดที่ใหญ่มากขึ้น ทำให้การเติบโตของ อินเตอร์เนทความเร็วสูง น่าจะมีสูงตาม ในตลาดมีอยู่ 3 ราย JAS, TRUE, CSL จากคุณ : solstice เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 05:19:23

ความคิดเห็นที่ 7 กลุ่มหลังๆ ผมเริ่มขี้เกียจพิมพ์ และหุ้นบางตัวก็ไม่เคยศึกษาจริงๆ จังๆ ด้วย  เนื้อหาอาจจะกระท่อนกระแท่นไปหน่อย ต้องขออภัยด้วยครับ จากคุณ : solstice เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 05:20:16

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณมากๆเลยครับ จากคุณ : PT-MANN เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 07:25:22

ความคิดเห็นที่ 9 ผู้บริการ adsl ระยะยาว  ตาย ผู้รับงาน ติดตั้ง3G ดูกันดีๆ  ประเภท โยงสายตามเสาไฟนี่ ไม่ใช่นะครับ บางบริษัท เป็นคู่แข่งรับงาน tot เป็นหลัก ก็ไม่ใช่นะ ผู้ค้า it คงไม่เกี่ยว สินค้า it ส่วนมาก (แม้แต่ ultrabook ราคาแสน ก็ไม่มีช่องใส่ sim ) จากคุณ : ทางของเรา เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 07:59:46

ความคิดเห็นที่ 10 Adsl คงอยู่อีกหลายปีแหละเหมาะกับ Mass ก่อนขยับไป Fiber 3 G air time ใช้ว่าจะถูก จากคุณ : รัตนาธิเบต เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 08:06:50

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณมากครับ :) จากคุณ : auicoco เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 55 11:13:16