ความคิดเห็นที่ 1 ผมชอบรถไฟฟ้าใต้ดิน จากคุณ : Arghuu เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 55 11:23:21

ความคิดเห็นที่ 2 ขอเป็นคำถามได้หรือเปล่าครับ มีหุ้นตัวไหน ในภาพข้างบน ที่คุณ pak   กล้าตามมันออกจากตลาดบ้าง ? จากคุณ : endophine เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 55 11:25:53

ความคิดเห็นที่ 3 ATT : K.Arghuu (คห.ที่ 1) BMCL - บริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ราคาปิดต่อกำไรสุทธิ = N.A. ผลตอบแทนเงินปันผล = 0.00% กำไรต่อหุ้น (บาท) = -0.05 เงินปันผลต่อหุ้น (บาท) = 0.0 ราคาปิดต่อมูลค่าตามบัญชี = 6.26 มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (ล้านบาท) = 8,126.00 จำนวนหุ้นจดทะเบียน = 11,950,000,000 My Comment : ตัวนี้แทบไม่ค่อยได้ดูงบเลยครับ แต่เนื่องจากตัวเองต้องใช้รถไฟฟ้าใต้ดินไปกลับที่ทำงานเกือบทุกวัน เอ่อ...เช้าๆคนมันแน่นมากๆเลยนะครับ ต้องรอรถไฟถึง 3 - 5 ขบวน กว่าจะได้ขึ้น ต้องรอต่อคิวยาวมากๆ!!! (ถ้าเราจะเข้าเมืองอ่ะนะครับ) แถมพอได้ขึ้น ก็ถูกเบียดหยั่งกับปลากระป๋อง เหมือนเป็นน้องๆคลิปของรถไฟฟ้าจีนเลยอ่ะนะครับ ด้วยความตกใจ เลยจัดหุ้นไว้เพื่อศึกษาครับผม แก้ไขเมื่อ 08 พ.ย. 55 12:02:36 จากคุณ : Bata "VI อินดี้" (ไม่แคร์สื่อ) (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 55 11:27:18

ความคิดเห็นที่ 4 ATT : พี่ endophine (คห.ที่ 2) จริงๆผมเองมีคำตอบในใจแล้วนะครับ ผมชอบจริงๆอยู่แค่ 2 บริษัทฯครับ แต่ขอไม่เอ่ยชื่อออกมาดีกว่าครับ เกรงจะเป็นการชี้นำ เพราะช่วงนี้ กลต. ฟิตจัด!!! เลยไม่อยากถูก "ล็อคเป้า" อ่ะนะขอรับ 555+ แต่ส่วนตัวใช้หลักการที่ว่า... ก่อนซื้อหุ้น... ให้เรามอง "พื้นฐาน(ของกิจการ)" ให้หนักๆ ...เหมือนเรามีหุ้นอยู่ซัก "หลายล้านหุ้น" แต่เมื่อเราซื้อลงทุนแล้ว... ให้เรามอง "ราคา(หุ้น)" แบบผ่านๆ ...เหมือนเรามีหุ้นตัวนั้นเพียง "แค่ร้อยหุ้น" ในพอร์ต ...นั่นก็เพียงพอแล้ว แก้ไขเมื่อ 08 พ.ย. 55 11:36:41 จากคุณ : Bata "VI อินดี้" (ไม่แคร์สื่อ) (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 55 11:35:39

ความคิดเห็นที่ 5 ดูจากรายชือหุ้นที่ถือ ยังคงมีกลิ่นอายความเป็นคุณ PAK บอกตรงๆ หุ้นที่คุณถือ ผมกล้าถือเพียงตัวเดียวครับ จากคุณ : จิ้งจกเขียว เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 55 11:47:58

ความคิดเห็นที่ 6 lvt มีเยอะไหมครับ ถ้าเยอะแสดงว่าพี่คิดว่ามันจะ turn ใช่ไหม จากคุณ : ethanority เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 55 11:58:06

ความคิดเห็นที่ 7 แทบไม่เคยถือเลยค่ะ จากคุณ : nusarathi เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 55 11:58:23

ความคิดเห็นที่ 8 เฮียครับ ผมชอบ MTI ครับ งบแบงค์เขียวออกมาน้อยกว่า แบงค์ม่วง พนักงานนี่เดินตลาดขายประกัน กันว่าเล่นเลยครับ พนักงานแบงค์เขียว ขายประกันของเมืองไทย เสียด้วย ^___^ ไม่ชอบ MBKET เพราะตอนไปสมัครงานที่หัวเมือง ภาคเหนือ ผจก.บอกผมว่า รับแต่ผู้หญิง ไม่รับผู้ชายครับน้อง แก้ไขเมื่อ 08 พ.ย. 55 12:01:07 จากคุณ : Nat_YFS2011 เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 55 11:59:10

ความคิดเห็นที่ 9 ขอชื่นชมในความแน่วแน่แนวทาง turnaround. จริงๆครับ ซาลูท จากคุณ : เขียนบน iPhone (nammak) เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 55 11:59:26

ความคิดเห็นที่ 10 ชอบ 3 ตัว  SSI  TTA  TRUE  อิอิอิอิ จากคุณ : Duo-Core เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 55 12:11:56

ความคิดเห็นที่ 11 ATT : K.ethanority (คห.ที่ 6) LVT - บริษัท แอล.วี.เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ราคาปิดต่อกำไรสุทธิ = N.A. ผลตอบแทนเงินปันผล = 0.00% กำไรต่อหุ้น (บาท) = -0.19 เงินปันผลต่อหุ้น (บาท) = 0.0 ราคาปิดต่อมูลค่าตามบัญชี = 1.24 มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (ล้านบาท) = 705.21 จำนวนหุ้นจดทะเบียน = 518,538,524 My Comment : LVT หุ้น Turnaround พิมพ์นิยม ขวัญใจชาววีไอหลายๆท่าน ด้วยดีกรี มี Celeb เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อยู่ แต่เราต้องไม่ลืมว่า นั่นอาจะเป็นเพียงเงินก้อนเล็กๆของท่านก็ได้!!! ด้วยข้อได้เปรียบ เป็นหุ้นขนาดเล็ก Market Cap. เพียง 700 ล้านบาท จึงใช้เงินไม่มาก ในการจะเข้าเป็น ผถห.รายใหญ่ ได้ (ตามสไตล์ของผมเอง) แต่ผมมีเยอะไหม ตอบว่า ไม่เยอะครับ!!! เพราะ ไม่มีเงินซื้อครับ (ฮา...) บริษัทฯนี้ มีงบการเงินที่เรียกว่า "สวยงาม" ทีเดียว พร้อมจะสามารถสร้าง Big Story ในการประกาศจ่ายปันผลได้ทุกเวลา ขอเพียงแสดง ความสามารถในการทำกำไรออกมาให้ได้เท่านั้น เพราะมีส่วนเกินมูลค่าหุ้นและกำไรสะสมอยู่อย่างเหมาะสม ตอนนี้ทุกอย่างก็พุ่งไปที่ ทวาย และการเปิดขุมทรัพย์ของประเทศพม่า LVT ไปด้วยครับ แถมไปจับมือกับผู้ที่กว้างขวางในพม่าเสียด้วย จับมือเพื่อทำโรงปูนฯ เพื่อรองรับความต้องการอย่างมหาศาลในการพัฒนาประเทศ จึงต้องจัดหุ้นเอาไว้ศึกษา และเข้าประชุมครับ เผื่อเจอ Celeb อ่ะนะ ^ ^ จากคุณ : Bata "VI อินดี้" (ไม่แคร์สื่อ) (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 55 12:53:52

ความคิดเห็นที่ 12 ATT : K.จิ้งจกเขียว (คห.ที่ 5), K.nammak (คห.ที่ 9) "สไตล์" เป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ยากครับ ผมไม่ได้สนใจแข่งกับใคร หรือเปรียบเทียบผลประโยชน์กับใคร เพราะผมถือคติ ที่ว่า... ถ้าเรานั่งกลุ้มใจกับราคาหุ้น...เรายังเป็นแค่ "คนเล่นหุ้น" ถ้าเรานั่งกลุ้มใจกับผลประกอบการแต่ละไตรมาส...เราเริ่มเป็น "นักลงทุน" แล้ว แต่ถ้าเรานั่งกลุ้มใจเรื่องความอยู่รอดและอนาคตของบริษัทฯ...แปลว่าเรากำลังคิดแบบ "เจ้าของกิจการ" แล้วครับ จากคุณ : Bata "VI อินดี้" (ไม่แคร์สื่อ) (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 55 12:59:36

ความคิดเห็นที่ 13 ดู style ออกเลยว่าพี่ pak เป็นคนกล้ามากครับ ผมขอจำแนกตามระดับความชอบของผมนะครับ ผมคิดว่าพี่ pak ถือหุ้นพวกนี้อยู่คงมีข้อมูลเยอะกว่าผมล่ะ ชอบ  MTI เฉยๆ MBKET ไม่ค่อยชอบ SSI, LVT, SAM, TRUE ไม่มั่นใจ SNC, PAE, TTA, BMCL จากคุณ : ฟางซินเสีย เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 55 13:03:49

ความคิดเห็นที่ 15 ATT : K.Nat_YFS2011 (คห.ที่ 8) MTI - บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ราคาปิดต่อกำไรสุทธิ = N.A. ผลตอบแทนเงินปันผล = 1.01% กำไรต่อหุ้น (บาท) = -10.69 เงินปันผลต่อหุ้น (บาท) = 0.75 ราคาปิดต่อมูลค่าตามบัญชี = 1.38 มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (ล้านบาท) = 4,395.50 จำนวนหุ้นจดทะเบียน = 59,000,000 My Comment : เกิดมาไม่เคยคิดว่า จะมีหุ้นบริษัทฯประกัน จะตกมาถึงมือ "นักลงทุนหุ้น Turnaround" ได้ เพราะมันคือบริษัทฯที่ดีเยี่ยม และมี Business Model ที่เทพมากๆ แต่ในวิกฤตย่อมมีโอกาสให้เราเสมอ MTI เป็นบริษัทฯที่ทำการตลาดได้เข้าตาผมครับ ขวัญใจลูกค้ารายย่อย เข้าถึงประชาชนได้เก่ง จึงเป็นเจ้าของ Database ของลูกค้าที่ผมถือว่าเป็นสินทรัพย์มีคุณค่าอย่างยิ่งสำหรับบริษัทฯ อีกทั้งผมเองมีความเห็นส่วนตัว ว่า... "เมืองไทยในอนาคต ประกันสุขภาพมาแน่ๆ!!!" ใครมีฐานข้อมูลลูกค้ามาก ยิ่งได้เปรียบครับ แถมด้วยดีกรีตระกูล "ล่ำซำ" นี่ถ้ารวยเมื่อไหร่ มีเงินสัก 25 ล้านบาท ผมจะมาเป็น ผถห.ใหญ่ที่นี่ ...ผมฝันไว้แบบนั้นนะ คนเราเมื่อมีฝัน ก็ต้องซื้อมาประดับพอร์ตเอาไว้บูชาครับ ^ ^ แก้ไขเมื่อ 08 พ.ย. 55 13:07:57 จากคุณ : Bata "VI อินดี้" (ไม่แคร์สื่อ) (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 55 13:06:15

ความคิดเห็นที่ 16 ไม่ตรงกับสิบตัวของเราเลยสักกะตัว จากคุณ : สะเดาอินเดีย เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 55 13:20:12

ความคิดเห็นที่ 17 ATT : K.o-Core (คห.ที่ 10) SSI - บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) ราคาปิดต่อกำไรสุทธิ = N.A. ผลตอบแทนเงินปันผล = 0.00% กำไรต่อหุ้น (บาท) = -0.43 เงินปันผลต่อหุ้น (บาท) = 0.0 ราคาปิดต่อมูลค่าตามบัญชี = 0.70 มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (ล้านบาท) = 11,368.76 จำนวนหุ้นจดทะเบียน = 18,336,703,235 My Comment : ตลาดหุ้นไม่ได้ใช้เหตุผล!!! ...ผมฟันธงไว้แบบนั้น SSI ได้หุ้นส่วนธุรกิจ(Partnership Agreement) คือ JFE และ Marubeni-Itochu และมีการขายหุ้น PP ให้ทั้ง 2 บริษัทฯในราคา 0.68 บาท แต่เนื่องจากยัง "ไม่มีอาการจะเล่น"!!! นักลงทุนจึงยังไม่สนใจ แต่กลับกัน หุ้น IPO แพงเท่าไหร่ กรุไม่รู้ รู้แต่ว่า "มันเล่นแน่ๆ"!!! ดังนั้น กรุเล่นด้วย นี่แหล่ะครับ นิสัยนักลงทุนไทยมากแบบเรา ซึ่งบางทีผมนึกสนุกบ้าง ก็เอาด้วยเหมือนกันอ่ะนะขอรับ SSI ปีนี้ยังขาดทุน ไว้รอมีกำไร หรือรอเค้าเล่นกันก่อนนะ ซื้อแพงกว่าหน่อย แต่ไม่ต้องรอ ก็คุ้มกว่า ...เชื่อว่าหลายคนคิดเช่นนั้ครับผม หุ้นตัวนี้ ผมมีน้อย แต่ป๋า(คุณพ่อของผม)ท่านชอบและมีเยอะครับ ผมซื้อไว้ขำๆ เผื่อคุณพ่อให้ไปประชุมเป็นเพื่อนอ่ะนะครับ อ้อ..ผมเคยคุยผ่าน Fb กับคุณกิติชัย เตชะงามเลิศ ที่ถือหุ้นตัวนี้ไว้มากกว่า 200 ล้านหุ้นด้วยนะครับ ถือว่า "คอเดียวกัน" ครับผม แก้ไขเมื่อ 08 พ.ย. 55 13:25:25 จากคุณ : Bata "VI อินดี้" (ไม่แคร์สื่อ) (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 55 13:24:28

ความคิดเห็นที่ 18 *** ข้อสังเกต 1) ทำไมหุ้นที่ผมเขียนมา มันขาดทุน และไม่จ่ายปันผลกันเกือบทุกตัวเลยหว่า - -" 2) กลต.ครับ... ผมเขียนแบบนี้ ผมไม่ผิดใช่ไหมครับ??? ช่วงนี้ พี่แอบฟิต ผมแอบกลัวอ่ะนะ 3) จะเห็นด้วย หรือเห็นต่าง ก็แสดงความคิดเห็นด้วยได้เต็มที่เลยนะครับ เพราะคนหนึ่งคน อาจไม่ได้รู้ไปเสียทุกอย่างครับ อาจมีทั้งคิดถูก และคิดผิดครับผม ^ ^ แก้ไขเมื่อ 08 พ.ย. 55 13:57:31 จากคุณ : Bata "VI อินดี้" (ไม่แคร์สื่อ) (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 55 13:33:23

ความคิดเห็นที่ 19 ผมว่าพี่pakกับผมเราน่าจะคอเดียวกันน่ะคับ ดูจากหุ้นที่พี่ถือผมก้มีเยอะเลยคับ 555 จากคุณ : ลูกชิ้น (wigraipat) เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 55 13:56:31

ความคิดเห็นที่ 20 TTA BMCL ซื้อเร็วไปหน่อยครับ ผมก็สนใจ ขอเปลี่ยน TTA เป็น psl SSI นี่มันขาลงของธุรกิจมาหลายปีแล้วยังไม่ฟื้ซะที โรงเหล็ต่างพากันปิดกิจการ ถือเป็นสัญญญ+ ผมว่า TRUE น่าสนใจราคาต่อลูกค้ามือถือก็แพงกว่าซื้อ intuch ไม่มาก แต่ได้ broadband ไปด้วย แต่ขอดูงบ Q3 ก่อน SNC ผมว่าผ่าน peak ของราคาไปแล้วครับ ไม่น่าจะมีอะไรตื่นเต้นอีก 1-2 ปีข้างหน้า จังหวะซื้อหุ้น BMCL เมื่อไหร่ และจะขายเมื่อไหร่ถึงจะได้กำไรดีที่สุด ผลประกอบการของ BECL ในปี 2541 ราคาหุ้นอยู่ที่ราวๆ 28บาท(+-) ความคาดหวังของนักลงทุนนั้นมีสูง(เป็นปกติ)เพราะเห็นว่าบริษัทควรจะมีกำไรในอีกไม่ช้าและมันก็ถูกต้อง เพราะอีก 2 ปีบริษัทก็เริ่มมีกำไร แต่สิ่งที่พวกเข้าคิดผิดคือ การดีใจเร็วเกินไป ทำให้ซื้อหุ้นในราคาแพง เช่น ดีใจว่าต่อไปคนใช้รถไฟฟ้าใต้ดินมาก BMCL ต้องดี ซื้อเลย สุดท้ายติดดอยและอาจจะต้องรออีก 10 ปีถึงจะคืนทุน และบางคนซื้อดักก่อนที่จะมีกำไรประมาณ 2 ปี เช่นซื้อ BECL ในปี 2541 หรือแม้ในปี 2542 เพื่อดักปี 2543 และก็จริง ในปี 2543 บริษัทมีกำไร0.22 บาทต่อหุ้น แต่ราคาหุ้นเหลือเพียง 6 บาทเท่านั้น และกว่าราคาหุ้นจะถึงราคา 28 บาทต้องรออีกหลายปีต่อมา และเหตุการณ์นี้ก็อาจจะเกิดกับ BMCL ได้เช่นกัน ในอดีตเป็นอย่างไร ปัจจุบันและอนาคตก็ยังเกิดขึ้นซ้ำ เราอาจจะเรียกการขายหุ้นเมื่อบริษัทเริ่มมีกำไรว่า sell on fact แต่ต้องรู้ว่าเมื่อไหร่มันจะ sell on fact ก็คือเมื่อราคาหุ้นมันไปรอผลประกอบการในอีก หลายปีข้างหน้า พูดง่ายๆคือราคา BECL ที่ 28 บาทนั้นเทียบเป็น PE ในปี 2543 มีค่า100 เท่า ในปี 2544 เหลือ 14 เท่า ดังนั้น 28บาทจึงแพงเมื่อเทียบกับผลตอบแทนที่จะได้รับภายใน 4 ปี กลับมาที่ BMCL จังหวะการซื้อก็จะคล้ายๆกัน แต่ไม่ได้หมายความว่าจะซื้อเมื่อบริษัทมีกำไรแล้ว เพราะถ้าทุกคนคิดเหมือนกันและเป็นส่วนใหญ่ ราคาหุ้นก่อนที่จะมีกำไรก็จะถูกที่สุด แต่มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นเพราะทุกคนก็คิดว่าต้องซื้อก่อนที่มันจะมีกำไร ราคาก็จะแพง เมื่อมันมีกำไรจริงๆ ราคาหุ้นกลับลดต่ำลง จากคุณ : WJB เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 55 13:57:19

ความคิดเห็นที่ 21 ความคิดเห็นที่ 3 ถ้ามองอีกมุม ขนาดคนแน่นแบบนี้ BMCL ยังขาดทุน แล้วมันจะไปกำไรเอาตอนไหนครับ เพราะการเพิ่ม capacity ของรถไฟฟ้า ทำกันไม่ได้ง่ายนะครับ เนื่องจากมันจะติดเรื่อง operation จากคุณ : WJB เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 55 14:00:37

ความคิดเห็นที่ 22 Lvt Bmcl Pak ชอบ3ตัว จากคุณ : โอ้_มูเซอ เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 55 14:09:29

ความคิดเห็นที่ 23 เก็บเข้าคลังไว้ศึกษา สำหรับผมชอบของหนัก TRUE TTA อีกตัวก็รู้ๆกันอยู่ พูดเยอะแล้ว True ถ้าไม่เจีงซะก่อน มองยาวๆสัก10+ มีทั้งโทรศัพท์ อินเตอร์เนต โครงข่าย คอนเทนต์ ช่องเคเบิล และที่เด็ดสุด Convergence มันคือการผูกขาดตลาดเหมือนเหล้าพ่วงเบียร์ชัดๆ TTA ด้วยP/BVที่0.5เท่า ดูน่าสนใจกว่าPSLที่P/BV0.9เท่า แต่สุดท้ายวัดกันที่จำนวนเรือ จากคุณ : ANUBIS[TJ] เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 55 14:42:53

ความคิดเห็นที่ 24 ผมเชื่อว่าทุกคนเห็นเรื่อง p/bv ครับ TTA ต่ำกว่า psl แต่ผมมองเรื่อง ธรรมภิบาล, operating cost, ความเป็นเจ้าของ PSL จะรักษาผลประโยชน์ผู้ถือหุ้นได้ดีกว่า ประกอบกันหลายๆอย่าง จากคุณ : WJB เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 55 14:47:24

ความคิดเห็นที่ 25 เรื่องPSL TTA ผมเห็นด้วยกับคุณWJBนะครับ ที่จริงมีอีก2ตัวที่น่าสนใจ SAM เทิร์นไปแล้วแต่ไม่โกรท กำลังการผลิตเหลือมากมาย กลับมาสู่จุดปกติ ต้องลองเทียบกับPAPว่าทำไม PAPโตแต่SAMไม่โต LVT เห็นด้วยกับพี่PAK แต่ปัญหาคือแก้วแตกแล้ว กลับมาเหมือนเดิมยาก ต้องสือสารกับนลท.ให้มากหน่อย และลำดับความสำคัญของโครงการให้ดี ทำอะไรๆให้เริ่มดูดีก่อน นลท.จะได้วางใจ จากคุณ : ANUBIS[TJ] เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 55 17:34:49

ความคิดเห็นที่ 26 ผมก็ซื้อตามพี่anubistตั้งแต่ไทยวีไอน่ะคับ แอบบเอาการบ้านไปลอกต่อ รอลุ้นไปด้วยกันคับบ จากคุณ : ลูกชิ้น (wigraipat) เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 55 18:34:30

ความคิดเห็นที่ 27 น่าจะเรียกผมว่าน้องนะครับ ผมเพิ่งกำลังจะ26เอง พอร์ตกระจึ่งหนึ่ง อยากถัวใจแทบขาดแต่ไม่มีทุน ลงแรงอย่างกับเป็นผถห.ใหญ่ ปล.ซื้อตามผมแสดงว่า"ดอย"ตามๆกันด้วยเปล่า ลอก"เม่าน้องใหม่"ก็อย่างเนี่ย จากคุณ : ANUBIS[TJ] เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 55 19:42:21

ความคิดเห็นที่ 28 เราไม่มีเลย วิจารณ์ไม่ถูก ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ จากคุณ : Nai1515 เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 55 22:31:34

ความคิดเห็นที่ 29 PAE , LVT ,SNC แค่นี้พอ !!! จากคุณ : โชยุ~โชยุ เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 55 22:38:30

ความคิดเห็นที่ 30 มีเมืองไทย เหมือนกัน 1 ตัว....แต่ตอนซื้อ ไม่ใช่ turn around กลายมาดิ่ง และกลายเป็น turn"" จากคุณ : pornchal เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 55 00:19:27

ความคิดเห็นที่ 31 รอดรอบนี้ไปได้  น่าดู จากคุณ : P_ปรัชญา เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 55 11:40:48

ความคิดเห็นที่ 32 TTA - บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) ราคาปิดต่อกำไรสุทธิ = N.A. ผลตอบแทนเงินปันผล = 6.41% กำไรต่อหุ้น (บาท) = -4.40 เงินปันผลต่อหุ้น (บาท) = 0.5 ราคาปิดต่อมูลค่าตามบัญชี = 0.50 มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (ล้านบาท) = 11,044.87 จำนวนหุ้นจดทะเบียน = 708,004,413 My Comment : ผมเคยกองเรือที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ กองเรือของโจโฉ ที่บุกมาถล่มจิวยี่ที่ผาแดง กองเรือนั้นยิ่งใหญ่นัก แต่มีผู้นำทัพคือ โจโฉ TTA ไม่แตกต่างกันนัก กับการเพิ่มทุนครั้งยิ่งใหญ่ 1 ต่อ 1 ราคา 14 บาท "เสี่ยเนสกาแฟ" ประยุทธ มหากิจศิริ ยอมควักกระเป๋าเพิ่มทุน 2,000 ล้านบาท แต่มี "ข้อแลกเปลี่ยน" ดันลูกชาย "เสี่ยกึ้ง" เฉลิมชัย มหากิจศิริ ขึ้น รักษาการ กรรมการผู้จัดการ "ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส" (UMS) ซึ่ง "กึ้ง" วันนี้ได้กลายเป็น ผถห.ใหญ่ของ TTA ไปเรียบร้อยแล้ว แต่เสน่ห์ที่ทำให้นักลงทุนหลายๆคนหันมามอง ก็คือ... ชื่อของคุณประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ที่มารับตำแหน่งประธานบอร์ดของบริษัทฯนี้ ถ้าไม่มั่นใจ ถ้าไม่แน่จริง...งานนี้คุณประเสริฐไม่น่าจะกระโดลงมาเล่นเอง หุ้นต่ำบุ๊ค แต่ออกแนวมีรอบคล้ายๆหุ้น Commodity แห่งนี้ วันหนึ่งอาจจะกลับมาเป็นดาว เพื่อให้คนนั่งดูค่า BDI กันทุกวันก็ได้ ...ใครจะรู้ จากคุณ : Bata "VI อินดี้" (ไม่แคร์สื่อ) (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 55 12:54:43

ความคิดเห็นที่ 33 TRUE : จะเรียกว่า "ข่าวลือตัวพ่อ" ก็ไม่ไกลเกินจริงไปนัก สำหรับหุ้นตัวนี้ ผู้บริหารซื้อ, เจ้าของซื้อ...ซัดกันนัวไปหมด มีเป้าราคาแพร่สะพัดออกมาในห้องค้าฯมากมาย จนไม่รู้ว่า เป้าจริง หรือ เป้าหลอก บางที นึกว่าข่าวจริง....อ้าวกลายเป็นจ้าวหลอกเราไปติดดอย บางที นึกว่าเป็นข่าวลวง...อ้าววว กรุตกรถไฟไปซะงั้น นอกจากความผันผวนเรื่องราคาแล้ว ความไม่แน่นอนเรื่อง การประมูล 3G ยังคงเป็นปัจจัยกดดันหุ้นอยู่ แถมด้วยความไม่มั่นคงทางการเมืองอีกนิดๆ เสอ้ายฯ ประกาศจัดตั้งม็อบที่ไม่ธรรมดา ที่อีกฝ่ายมิอาจจะวางเฉยได้ เฮ้อ...รวยด้วยหุ้นนี่ มันยากจริงหนอ จากคุณ : Bata (Pak ThaiVI) (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 55 12:59:17

ความคิดเห็นที่ 34 MBKET : เค้าเป็น Broke ที่มี Market Share เป็นอันดับ 1 แต่ เอ่อ...... พี่ครับ หุ้นของตัวพี่เองนี่...เป็นหุ้นที่ไม่มีสภาพคล่องเอาเสียจริงๆนะครับ ราคาไม่ไปไหนเอาเสียเลย ซื้อแล้วนั่งหาวไปได้นานทีเดียว คนซื้อ ก็คงคิดว่าหุ้นไม่แพง ราคาพาร์อยู่ที่ 5 บาท และยังมีปันผลสม่ำเสมออยู่ทุกปี ปีละกว่า 8% ก็พอจะมีเสน่ห์ในท่ามกลางภาวะตลาดกระทิงแบบนี้ MBKET ก็เป็นอีกตัวหนึ่งที่บอกเราว่า หุ้นไม่ได้แพงไปหมดเสียทุกตัวหรอกนะครับ จากคุณ : Bata "VI อินดี้" (ไม่แคร์สื่อ) (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 55 13:04:27

ความคิดเห็นที่ 35 SNC : อันนี้ซื้อตาม เซียนใน "ห้องไทวีไอ" อ่ะนะ เห็นเค้าว่า "ยังไม่แพง" (หลังน้ำท่วม) คนเราไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่อง จริงไหมครับ (ฮา...) จากคุณ : Bata "VI อินดี้" (ไม่แคร์สื่อ) (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 55 13:06:57

ความคิดเห็นที่ 36 SAM : ตัวนี้ เค้ากำลังแสดง Live Show อ่ะนะครับ เราเลยต้องตีตั๋วเข้าชมสักหน่อย ทั้งนี้เนื่องจาก วอแรนต์ของ SAM อยู่ในช่วงกำลังจ่ายเงิน โดยมีสัดส่วนการแปลงที่ 1:1 ที่ราคาแปลง 1 บาท จึงถือว่ามี Story และความน่าสนใจอยู่ในตนเอง เป็นหุ้นต่ำบุ๊คอีกตัวหนึ่งในไม่กี่ตัว ทุกวันนี้ เริ่มหายากขึ้นเรื่อยๆแล้วครับ ส่วนตัวนั่งเล็ง ผลประกอบการ Q3 - Q4/55 นี้อย่างตั้งใจ เพราะเจ้าของเองก็แปลงวอแรนต์เยอะ ผมเลยอยากรู้ว่า หลังจากได้แปลงเป็นหุ้นแม่กันเยอะๆแล้ว ข่าว ,ผลประกอบการ และราคาหุ้น จะไปในทิศทางใด ขอตามไปดูเพื่อความ เพลิดเพลิน และศึกษาเคสไว้ประดับความรู้ ครับผม By pak ThaiVI จากคุณ : Bata "VI อินดี้" (ไม่แคร์สื่อ) (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 55 13:11:02

ความคิดเห็นที่ 37 ส่วน PAE ตัวนี้ พูดไปบ่อยแล้ว เดี๋ยวคนอ่านจะเบื่อ แต่เอาสักนิดก็ได้ครับ ว่า... เราไม่คาดหวังกับงบ Q3/55 นี้นะครับ ทั้งนี้เพราะ... 1) งานส่วนมากถูกเลื่อนออกไปจาก Q3 ไปเสร็จเอาใน Q4 เกือบทั้งหมด 2) บริษัทฯลงทุนสร้าง Yard ใหม่ที่ S1 ลานกระบือไปจำนวนประมาณ 60 - 80 ล้านบาท!!! เรามีแต่รายจ่าย โดยยังไม่สามารถรับรู้รายได้ได้เลย!!! บวกกับ เรายังต้องจ้างพนักงานจำนวนมากเพื่อรองรับงานดังกล่าว นี่คืองานที่ margin ดี แต่เป็น Negative Cashflow อย่างแท้จริง บริษัทฯไหนอยู่ระหว่างสร้างโรงงานใหม่ ผมไม่เคยเห็นงบสวยซักกะตัว เราจึงไม่มีใครคาดหวังกับงบ Q3/55 นี้ครับผม รอโรงงานสร้างเสร็จก่อน และเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงต้นปี 2556 ...ค่อยมามองผลประกอบการกันอีกครั้งครับผม ### จบบริบูรณ์ ### แก้ไขเมื่อ 09 พ.ย. 55 13:19:09 แก้ไขเมื่อ 09 พ.ย. 55 13:14:16 จากคุณ : Bata (Pak ThaiVI) (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 55 13:13:50

ความคิดเห็นที่ 38 ขอบคุนคับพี่pak ส่วนน้องanubistเห็นตามข่าวยิ่งกว่าผมอีก ที่แท้เป็นน้องนี่เอง ผมเลยไม่ต้องหาตามอ่านอย่างเดียว 555 จากคุณ : ลูกชิ้น (wigraipat) เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 55 14:53:04

ความคิดเห็นที่ 39 พอร์ตนศ.กระจึ่งหนึ่ง กระจายการลงทุนไม่ได้ เลยต้องbetกับหุ้นตัวเดียวที่upsideเยอะสุด(ความเสี่ยงก็สูงสุดด้วย) แต่ผมมองว่าคุ้มค่าความเสี่ยง ผมเคยคิดว่าตัวนี้จะทำให้พอร์ตผมโตเป็น*&(%เท่า เพราะเป็นทั้งturnaround+growth+commodity ถ้าเทพทั้งสามเข้าสิง ผมไม่อยากคิดครับ แต่เพราะการเพิ่มทุนอีก1เท่าทำฝันผมสลาย ถึงกระนั้นก็ถือว่าคุมค่าเหนื่อยผมหล่ะ จากคุณ : ANUBIS[TJ] เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 55 21:52:51

ความคิดเห็นที่ 40 เรื่อง dilute ของ SSI ตอนแรกก็กังวลครับ หายไปตั้งครึ่ง แต่กับราคานี้ แค่ผลประกอบการ์ณกลับมา ไม่ขาดทุนก็น่าจะคุ้มค่าเหนื่อยแล้ว มาลุ้น Q3 SSI กันครับ คุณ anubist :D ps คุยกันมาตั้งนาน พึ่งรู้ว่าอายุเท่ากัน 555555 แก้ไขเมื่อ 10 พ.ย. 55 20:02:22 จากคุณ : Elixir The High Priest เขียนเมื่อ : 10 พ.ย. 55 20:00:08

ความคิดเห็นที่ 41 ก่อนไปญี่ปุ่นหลายวัน ผมขอเขียนอะไรสักนิดนึงนะครับ กลัวคนจะลืม!!! เพราะ "คนเรามักใช้อารมณ์ที่ได้มาจากการซื้อขายของตลาดฯ มากกว่าเหตุผลและเหตุการณ์ในอนาคตที่จะเกิดขึ้น" อ่ะนะครับ =========== PAE : Next Event =========== Event 1) จ.26 - ศ.30 พ.ย. 55 : จ่ายเงินค่าหุ้นเพิ่มทุน Event 2) *** ผมคาดการณ์ว่า อ.4 ธ.ค. 55 (หรือ พฤ.6 ธ.ค. 55) : น่าจะมี Opp Day ของ Q3/55 โดยในวันนั้นน่าจะมีข่าวลง นสพ. เกี่ยวกับการ Update Backlog ต่างๆของบริษัทฯ Event 3) *** ผมคาดการณ์ว่า พ.12 - จ.17 ธ.ค. 55 : หุ้นเพิ่มทุนของ PAE น่าจะเข้าเทรดในตลาดได้ Event 4) พฤ.28 ก.พ. - ศ.1 มี.ค 56 : ประกาศผลประกอบการ Q4/55 Event 5) ใน Q1/56 นี้ ผมเชื่อว่าโรงงานที่ S1 ลานกระบือ น่าจะเริ่มรับรู้รายได้ได้ค่อนข้างมากแล้ว(เพราะโรงงงานน่าจะเริ่มงานได้บางส่วนใน Q4/855 ครับผม) ทั้งนี้ไม่นับรวมข่าวต่างๆที่อาจจะประกาศออกมา เช่น ข่าวการชนะการประมูลฯ, ข่าวพันธมิตรต่างๆ, ข่าวการทำข้อตกลงเบื้องต้นหรือ mou ต่างๆโดยเฉพาะงานในส่วนของ Oil&Gas และ Petrochemical *** หมายถึงว่า เป็นเพียงการคาดการณ์จากผมเท่านั้นนะครับ อาจจะเกิดขึ้นหรือไม่เกิดก็ได้นะครับ "ก่อนเพิ่มทุน...เราอาจจะน่าสงสารเหมือนมุตา แต่หลังเพิ่มทุนเรียบร้อยแล้ว...เราอาจจะเก่งเหมือนมุนินก็ได้นะขอรับ ใครจะไปรู้" ^ ^ By pak ThaiVI 11 พ.ย. 55 จากคุณ : Bata (VI อินดี้) ไม่แคร์สื่อ (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 55 11:46:27

ความคิดเห็นที่ 42 มากกว่าคำว่า "Bias" ผมเรียกมันว่า "Passion" และถ้าธุรกิจของผมมันจะไม่ประสบความสำเร็จ มันก็เป็นเรื่องธรรมดาเสียเหลือเกิน แต่อย่างน้อย เราได้ฝัน ได้รัก และได้เดินไปพร้อมๆกับมัน ...นั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับผม จากคุณ : Bata (pak ThaiVI) (Again-With-Love) เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 55 17:23:40

ความคิดเห็นที่ 43 หุ้นประกันภัย  หากผู้ถือหุ้นฝ่ายไทยไม่แข็งจริง โอกาสที่กลุ่มคนไทยที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่จะหลุดกระเด็นมีสูงมากค่ะ โดยเฉพาะบริษัทที่ขาดทุนจนต้องเพิ่มทุน  บริษัทประกันนอกตลาด โดนฮุบไปหลายแห่งแล้วค่ะ ในตลาด สำหรับบริษัทที่ขาดทุน มีแต่ thre ทีี่่เพิ่มทุนสำเร็จเพราะมีสัญญาการถือหุ้นร่วมกันกับบริษัทประกันภัยและประกันชีวิตไทยเกือบทุกบริษัท     หนึ่งปีที่ผ่านมา ญี่ปุ่นคือชาติที่ทุ่มทุนฮุบกิจการประภัยของไทยแบบเบ็ดเสร็จ การเพิ่มทุนนับ 10 เท่าของทุนเดิม  เล่นเอาผู้ถือหุ้นฝ่ายไทยไปไม่เป็น ยอมยกธงขาว เพราะไม่มีเงินที่จะเพิ่ม และหากไม่เพิ่มก็เสียอำนาจบริหารทั้งหมด ตระกูลโชควัฒนา...ยังคงถือหุ้นใหญ่ในซัมซุงประกันชีวิต  ในขณะที่ธนชาติขายคืนให้เกาหลีแล้ว  งบการเงินล่าสุดของ SPC เงินลงทุนใน บริษัท สมโพธิ์ เจแปน ประกันภัย = 0 เมื่อปี 2549 สมโพธิ์เพิ่งจะร่วมทุนกับ spc and ssf พอเดือนมีนา 2555 ก็มีการเพิ่มทุนตั้ง 2,820 ล้าน จากทุนเดิม 300 ล้าน ถีบผู้ถือหุ้นไทยกระเด็นออกไป การลงทุนของกลุ่ม Marine Insurance ญี่ปุ่นในครั้งนี้ ไม่ธรรมดา เพราะประกันภัยโตเกียวมารีน ก็หลุดลอยไปจากมือกลุ่มอื้อจือเหลียง จากการเพิ่มทุน 10 เท่าของทุนจดทะเบียนเดิม จากคุณ : คุณแม่ลูกสอง (P.Stone) เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 55 12:36:57

ความคิดเห็นที่ 44 book value ....ไม่ค่อยจะเป็นมูลค่าที่แท้จริงค่ะ   เพราะเขารวมสินทรัพย์ที่จำนองไว้ทั้งหมดด้วย   PSL เคยปลดหนี้จนหมด แต่พอกิจการไม่ดี ต้องผ่อนชำระเรือที่สั่งต่อ ก็มีการกู้เงินโดยการจำนองเรืออีกครั้ง   แต่ TTA  ไม่เคยคิดปลดหนี้ เรือทุกลำจำนองไว้ ซื้อ UMS ก็กู้แล้วจำนองไว้ หากคิดแต่มูลค่าสินทรัพย์ที่ผ่อนชำระไปแล้ว ไม่น่าจะเกิน 20 บาท เอาง่ายๆ  คนที่มี บ้าน บริษัท รถ รวมกันมีมูลค่า สมมุติว่า 50 ล้าน เราก็คิดว่าเขารวยจัง  แต่ที่จริง ทั้งหมด ถูกจำนองไว้กับธนาคาร จากคุณ : คุณแม่ลูกสอง (P.Stone) เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 55 12:56:04