ความคิดเห็นที่ 1 หมดสัญญาครับ จากคุณ : ตาก้อง หนองออ เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 55 23:19:33

ความคิดเห็นที่ 2 สงสัยไม่ค่อยได้อ่านข่าว หรือ เข้าสินธร     ง่ายๆครับ SSC หมดสัญญา เปลี่ยนเจ้าของ  ทำผลิตภัณท์ของตัวเอง จากคุณ : เอี่ยมน้อย เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 55 23:21:48

ความคิดเห็นที่ 3 ก็อปมาให้อ่านครับ นิทานของคุณ ตราชู รักในหลวง http://www.facebook.com/trachoo เป๊ปซี่ กับ เสริมสุข แยกทางกันเพราะอะไร 58 ปีก่อน เป๊ปซี่ : นี่เธอ เรามาจากอเมริกา เราเป็นคู่แข่งกับโคคาโคล่า เธอช่วยเราหน่อยสิ เสริมสุข : ให้ช่วยไรล่ะ เป๊ปซี่ : ก็ฉันเป็นฝรั่ง ไม่รู้นิสัยคนไทยเลยฉันไปไหนไม่ถูก ช่วยหน่อยนะ เสริมสุข : ได้ แล้วเอาไง เป๊ปซี่ : เธอก็ซื้อหัวน้ำเชื้อจากฉัน เอาไปผลิต จัดส่ง ขาย ลงทุนตู้ยงตู้เย็น ร้านค้าอะไรต่างๆเธอวิ่ง ฉันจะสอนความรู้และเอาอะไรดีๆจากเมืองนอกมาให้ ต่อมา ความร่วมมือของทั้งสองก็เป็นไปอย่างราบรื่น สำเร็จขนาดที่ว่าในโลกนี้มี 2 ประเทศเท่านั้นที่เป๊ปซี่ชนะโค้กได้ เป็นความเก่งของคนไทย เมื่ออะไรอะไรมันดีขนาดนี้ ฝรั่งเกิดความคิดใหม่ เป๊ปซี่ : นี่ เธอเลิกไปเลย ฉันจะซื้อบริษัทของเธอทั้งหมด เสริมสุข : เฮ้ย จะบ้าเหรอ เราทำงานกันมา 50 กว่าปี มาถึงวันนี้จะเฉดหัวส่งกันซะงั้น เป๊ปซี่ : อย่าคิดมากน่ะ เอาเงินไป ฉันอยากจะทำเองเพราะมันคล่องตัวกว่าทำงานร่วมกับเธอ เสริมสุข : โห มากไปแล้วมั้ง เป๊ปซี่พยายามซื้อในราคาที่ต่ำมาก จนเสริมสุขรับไม่ได้กับคุณค่าที่ทำมาตลอด เห็นฉันเป็นอะไรซื้อกันถูกๆแบบนี้ เรื่องราวก็ระหองระแหงกันมา จนทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้ว่า "เอางี้ ใครดีใครได้ " เสริมสุข : เสนอราคามาสิ ว่าจะซื้อเท่าไหร่ ถ้าฉันพอใจฉันขาย ถ้าฉันไม่พอใจ ฉันซื้อเธอในราคาที่เธอเสนอซื้อฉัน เอาไหม เป๊ปซี่ : ได้เลย แต่เหตุการณ์ที่พลิกผันเกิดขึ้นเมื่อไทยเบฟ หรือ ค่ายช้าง ดอดเข้ามาเจรจากับเสริมสุข แล้ว ซื้อหุ้นทั้งหมดของเสริมสุขเป็นของตัวเอง เหตุการณ์นี้จบไปตั้งแต่ กันยายน 2554 และเป๊ปซี่จะหมดสัญญากันไปกับเสริมสุขในเดือน พฤศจิกายน 2555 เมื่อหมดสัญญา ทางเป๊ปซี่ก็เหวอเลย เพราะที่ผ่านมา ขวด รถ ตู้เย็น รายชื่อร้านค้า โต๊ะ พนักงานขาย เป็นของเสริมสุขหมด ไม่มีอะไรเหลือในการทำการตลาดเลย นอกจาก "ตราสินค้า" กับ "โรงงานผลิต" ทางเสริมสุขก็นกรู้ เตรียม est เอาไว้และเอาเข้าเสียบแทนทุกจุดที่เคยเป็นเป๊ปซี่ หนอยแน่ะ ดูถูกคนไทยเจอแบบนี้แล้วกัน เป๊ปซี่เองก็จุก เพราะ ทำอะไรไม่ทัน ได้แต่ผลิตแบบขวดพลาสติคและกระป๋องไปก่อน (ตลาดแบบคืนขวดมีขนาด 60% ของตลาดทั้งหมด) ที่เหลือก็เป็นเรื่องของอนาคตครับ เอามาให้อ่านแบบละคร เพื่อเข้าใจง่ายๆครับ จากคุณ : Embryon เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 55 23:26:49

ความคิดเห็นที่ 4 สรุปคือเสริมสุขโดนไทยเบฟเทคแล้วก็วงแตกครับ จากคุณ : กระทงหลงทาง เขียนเมื่อ : 12 พ.ย. 55 23:39:31

ความคิดเห็นที่ 5 จริงๆ มันเริ่มแตกคอก่อน แล้ว เสี่ยเจริญ ค่อยลงไปร่วมวง เสนอราคาทุบโต๊ะ สูงกว่า ที่สองฝ่าย เสนอกัน อีก ทีมบริหารเก่า ตะกูลบุญสุข เลยกลับไปร่วมทีมกับ ทีมช้าง ส่วนเป๊บซี่หาพันธมิตรใหม่ มีข่าว ไปจับกับคู่ปรับช้าง คือ เบียร์สิงห์ ก่อน ทุกอย่างเข้าที่  โค้กในค่าย ไทยน้ำทิพย์ ของตะกูลสารสิน แซงขึ้นนำไปก่อน จากคุณ : -=Jfk=- เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 00:19:11

ความคิดเห็นที่ 6 Pepsi ต้องการเข้ามาทำตลาด ใน ไทย เพราะไทยมียอดขายโดดเด่น และมีส่วนแบ่งการตลาดเหนือกว่าคู่แข่งอย่างโค้ก  ซึ่งเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศ พอหมดสัญญา จึงไม่ต่อ Licence ให้กับ เสริมสุข  เพื่อเข้ามาทำตลาดเอง เหมือน พิซซ่าฮัท กับ The pizza ครับ จากคุณ : Ralph Myerz เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 00:22:00

ความคิดเห็นที่ 7 เอ๊ะ...  คห.6 ครับ แต่เท่าที่ผมทราบ  พิซซ่าฮัท เนี่ย...  มันจ้างบริษัทคนไทยทำตลาด..  หลัง ๆ ก็เรื่องเยอะ  ตัดโน่น หักนี่  คือจะกอบโกยมากเกินไป จนบริษัททำตลาด ของไทย ทนไม่ไหว ไม่ต่อสัญญา (หรือยกเลิกสัญญาผมไม่แน่ใจ)  แล้วก็มาเปิดแบรนด์ของตัวเอง ด้วยความคิดอะไรไม่ออก ใช้ชื่อ "The Pizza" ธรรมดา ๆ เนี่ยแหละ  แต่ด้วยความที่ว่า มีฐานลูกค้าและทรัพยากร อีกทั้ง รู้วัฒนธรรมการบริโภคของคนไทยอยู่แล้ว จึงต่อยอดธุรกิจไปได้นะครับ  ใช่ไหมหว่า?? จากคุณ : Skywalker (skyworker) เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 00:47:01

ความคิดเห็นที่ 8 ผมเล่าในมุมมองผมแล้วกันนะครับ   เสริมสุข  จะโดน เป๊ปซี่นอก เทคโอเว่อร์  ประกาศเทนเดอร์  แบบไม่เป็นมิตรเลยไม่ยินยอมพร้อมใจของผู้บริหารเดิม  เป๊ปซี่นอกมันจะฮุบหมด   ทีนี้ก็สู้กันพักนึง  เจ้าของคนไทยสู้ไม่ได้ เลยไปหาท่านเจริญ  สู้มีการวางแผน  ใช้คนสนิทของเ้จ้าสัวช่วย  สุดท้าย บริษัทแม่รู้ตัวว่าเจ้าของคนไทยผนึกกำลังสู้โดยเรียกคนอื่นมา  เลยเจรจาว่าจะขายหุ้นที่ตัวเองมีอยู่คืนไปให้บริษัท  แล้วก็จะให้เสริมสุขจำหน่ายเป๊ปซี่ได้ถึงวันที่ 2 พย   เป็ปซี่นอกก็ไปซื้อที่ทำโรงงาน  ตอนนี้มีปัญหาเรื่อง ขวดแก้ว เพราะหาผลิตไม่ได้ แต่บรรจุภัณฑ์อื่นๆมีหมดแล้ว เลยไปเจรจากับสิงห์ให้สิงห์เป็นสายส่งให้ด้วย แถมผลิตให้ด้วย  สิงห์ก็เป็นพ่อค้า  คิดว่าอะไรว้า ยอดขายที่ส่งเป็นหมื่นล้าน แต่กำไรเหลือแค่หลักร้อยล้าน  สิงห์รู้สึกว่าเขี้ยวไปเลยไม่ทำดีกว่า แถมผมว่าสิงห์ก็เป็นบริษัทสร้างภาพ  น่าจะเสียภาพลักษณ์นะถ้าไปช่วยบริษัทนอกมาทำร้ายบริษัทคนไทย  จุดนี้ก็จะเป็นผู้ร้ายในวงการเลย เคยได้ยินการทำตลาดของเสริมสุขมาว่าดุดันกว่ามาก ถึงกับบอกร้านที่จำหน่ายเลยถ้ามีผลิตภัณฑ์ของอีกบริษัท ก็ไม่ส่งให้ ตอนนี้เป็ปซี่นอกไม่มีปัญญาส่ง  เลยไปจ้าง dhl ส่ง  ผมว่า dhl ส่งพัสดุมันน่าจะเวิร์คนะ แ่ต่เป็นสายส่งสินค้านี่สิ  มันดูแปลกๆ  ดูแล้วเป๊ปซี่มาทำลายตัวเองชัดๆ ตอนนี้ เป็นการแข่งขันของสองบริษัทครับ ระหว่าง ผลิตภัณฑ์ดี กับ สายส่งดี   ต้องดูว่า est จะติดปากคนไทยไหม ไปอ่านมาเค้าว่าคนไทย 1 คนบริโภคพวกน้ำอัดลมเฉลี่ย คนละ 43 ลิตร ตลาดไทยนี่มันหอมหวานมากเลยนะครับ  อย่าคิดว่า จะมี  4 แบรนด์ในตลาดไทยนะครับ  คือ โค้ก เป๊ปซี่ บิ๊กโคล่า est   อนาคตเปิดเสรี AEC จะมีบริษัทน้ำอัดลมของชาติในอาเซียนมาทำตลาดในไทย   อ้วนแน่ๆ กระดูกจะเป็นไง คร่าวๆก็ประมาณนี้แหละครับ จากคุณ : STOCK_BABY เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 00:54:15

ความคิดเห็นที่ 9 แวะมาอ่านค่ะ จากคุณ : fatcoco เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 01:05:08

ความคิดเห็นที่ 10 ผมว่าถ้าเป๊ปซี่สู้ไม่ได้ เกรงจะไม่มีเป๊ปซี่ขายในไทยอีก หากกลุ่มคนไทยรวมกันสู้ เนื่องจากฝรั่งมันฉลาดแกมโกงเกิน จากคุณ : Am_hilo เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 03:25:55

ความคิดเห็นที่ 11 สมน้ำหน้า บ. pepsi โลภนัก ให้มันลำบากซะมั่ง ต้องดูว่า est จะทำการตลาดยังไง ราคาน้ำอัดลม ไม่ถึง 10 บาท แข่งกัน ไม่น่ายาก คนไทย ถ้าติดแล้ว ก็งอมแงม...ดูอย่างชาเขียว แต่ก่อน โออิชิ 20 ว่าแพงแล้ว สุดท้ายดื่มได้ดื่มดี พอคุณตันออกมาทำ อิชิตันเอง ราคาถูกกว่า โออิชิ ก็ลดราคาลงด้วย เหอ เหอ แข่งกัน หลาย ๆ เจ้า ราคาจะได้ถูกลง ๆ ไหน ๆ ก็จะติดน้ำอัดลม ดื่มกันจนกระดูกผุไปข้างนึง ก็ยังเหลือเงินติดกระเป๋าเพิ่มขึ้น จากคุณ : Panjasila เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 04:33:56

ความคิดเห็นที่ 12 เราเองไม่เคยได้ยินข่าวอะไรมากนักจากpepsi แต่ข่าวให้ร้ายpepsiมาตลอด สำหรับเรา pepsiให้เสริมสุขทำตลาด โดยลงทุน(เงิน)สูตรและเทคโนโลยีการผลิตมาด้วย pepsi ถือหุ้นสูงกว่าทางฝั่งคุณสมชาย pepsi ต้องการเพิ่มสินค้าและการลงทุนในการผลิตแต่ไม่สามารถทำได้ ถ้า pepsi จะtake overแบบไม่เป็นมิตรก้อสามารถทำได้อยู่แล้ว ราคาหุ้น ssc ก่อนจะมีข่าว อยู่ประมาณ 20บาท ทางpepsiประเมิณราคา ssc ออกมาประมาณ40บาท บวก ลบ ปรากฏว่าในตลาดมีการซื้อหุ้นbig lot เจ้าสัวออกมาปฏิเสธ แล้วข่าวต่างๆก้อออกมาทำให้ราคาเป็นอย่างทุกวันนี้ สุดท้ายฝั่งเจ้าสัวเป็นคนซื้อหุ้นเอง มีการออกข่าวมากมายว่า pepsi จะผลิตสินค้าสูตรใหม่ ส่วนestเป็นสูตรเดิม ข่าวมักจะออกมาเพื่อให้คนให้ข้อมูลดูดี และข่าวขายได้ ใครโลภ ใครเป็นอย่างไร พิจารณาเอาครับ จากคุณ : duang137 เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 05:46:55

ความคิดเห็นที่ 13 นโยบาย   PEPS  I จะทำเอง  ขายเอง ทั้งหมด ( ทั่วโลก ) จากคุณ : amadillo เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 07:34:26

ความคิดเห็นที่ 14 อะไรไม่รู้แต่วันนั้นกิน est แล้วทำใจสั่งอีกขวดไม่ลง -"- จากคุณ : เด็กด๋อย (zello69) เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 07:36:19

ความคิดเห็นที่ 15 เข้ามาอ่านเหมือนกันขอบคุณคะ จากคุณ : Nandechan (Nandechan) เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 07:40:04

ความคิดเห็นที่ 16 ถ้าคนไทยชอบ Pepsi มากกว่า โค้กจริง และไม่เปลี่ยน Pepsi ควรขนเงินมา ลงทุน ใหม่เลย ทุนนอกหนาอยู่แล้วนี่ แล้วช่วยทำเมืองไทยเป็น HQ แทบอาเซียนไปซะเลย จะได้ส่งเสริมเศรษฐกิจไทย ไปในตัว ฮ่าาๆๆ จากคุณ : ......... (@Ble) เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 08:11:37

ความคิดเห็นที่ 17 est ขวดพลาสติกใช้ได้เลยนะ แต่ขวดแก้วรสชาดแหม่งๆ จากคุณ : แนะนำด้วยครับ เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 08:29:15

ความคิดเห็นที่ 18 เล่นประเด็นเรื่องเชื้อชาติ เพื่อบิดเบือนข้อเท็จจริงกันล่ะครับ จากคุณ : IHAYO เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 08:31:10

ความคิดเห็นที่ 19 Est  จืดไปหน่อย แต่ งานนี้ เขี้ยว ลาก พื้นกันทั้งนั้น pepsi น่าคิดนะ ว่า การตลาด เสริมสุข โหดขนาดไหน ทำยังไงให้ pepsi ขึ้น เบอร์1 ได้ จากคุณ : ก้นกบ เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 08:47:21

ความคิดเห็นที่ 20 ช่วยคนไทยก่อนหล่ะ จะได้เป็นเคสตัวอย่าง อย่าเอาเปรียบกันเกินไป ไทยทำไทยใช้ไทยเจริญ จากคุณ : พ่อน้องใบตอง เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 08:53:22

ความคิดเห็นที่ 21 ชอบโค้กมากกว่า  ไม่มีก็กิน pepsi ได้    แต่ตอนนี้คงเลือก est ละ   เชียร์คนไทยไว้ก่อน   ถ้าเสี่ยกับเสริมสุขดึงเอาเรื่องเชื้อชาติมาเป็นจุดขายแล้วล่ะก็  มันก็ใช้ได้ผลมากเลยสำหรับเรา  ประเทศที่เค้าชาตินิยมจัดๆเห็นเค้าเจริญรุ่งเรืองออก   ดูอย่างญี่ปุ่นสิ   ทำเองใช้เองยังไงๆเงินทองมันก็หมุนอยู่ในประเทศเรา  หรืออย่างน้อยๆก็สร้างความเข้มแข็ง  ให้ต่างชาติคิดหนักๆหากว่าจะมารังแกคนไทย จากคุณ : SWEET TOFFY เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 10:53:22

ความคิดเห็นที่ 22 ตาม คห 12 ส่วนใหญ่จะฟังความข้างเดียว ก็ตัดสินแล้วตามสไตล์คนไทย ถ้าจะตัดสินให้เป็นธรรมทางธุรกิจ ก็ต้องฟังความ 2 ฝ่ายตัดเรื่องชาตินิยมออก ถ้าไม่ได้ฟังความทั้งสองฝ่าย ก็ควรออกความเห็นแบบกลางๆ หรือไม่ก็งดออกความเห็นไป ฟังอย่างเดียว จากคุณ : นายกว้าง เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 11:02:21

ความคิดเห็นที่ 23 เห็นด้วยกับนายกว้างครับ นี่มันเรื่องธุรกิจครับ คนทำธุรกิจโลภ อยากได้ อยากมีกันทั้งนั้นแหละครับ ไม่เกี่ยงเชื้อชาติหรอกครับ ต่อไปอีกไม่นานก็รู้ครับว่าใครจะลำบาก จากคุณ : กระทงหลงทาง เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 11:09:28

ความคิดเห็นที่ 24 est มันไม่อร่อยอ่ะคะ จากคุณ : Thanvarath เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 13:28:45

ความคิดเห็นที่ 25 ผมเพิ่งกินขวดแรกวันนี้ รสเหมือนจอลลี่โคล่า ผมชอบกินจอลลี่โคล่าอยู่แล้ว เลยรู้สึกว่ามันอร่อย อยากกินอีก จากคุณ : TauRuZ_PaSSeRBy เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 17:45:47

ความคิดเห็นที่ 26 เพิ่มเติม คห 8 นิดนึงครับ ถ้าเป๊ปซี่ให้ DHL ดูแลการจัดส่ง ผมเข้าใจว่าจะเป็นบริษัท DHL ที่ดูแลทางด้านคลังสินค้า ซึ่งคนละธุรกิจกับ DHL ที่ส่งพัสดุ (แต่ชื่อ DHL เหมือนกัน) จากคุณ : จิ๊กซอว์ เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 23:49:57

ความคิดเห็นที่ 27 ช่วงนี้เขาปั่นกระแสด่าPEPSI โดยอ้างเรื่องเชื้อชาติกันเต็ม FB โดยไม่พูดถึงข้อเท็จจริงบางประการ สงสัยว่าการตลาดแบบหนึ่งใช่ไหม? จากคุณ : IHAYO เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 55 10:46:50

ความคิดเห็นที่ 28 เราดูที่รสชาติอะ ความชอบ ของเรา จากมากไปน้อย Coke ชอบมาก Big Cola Pepsi Est -EST ยี่ห้อที่ประกาศว่า ตนเป็นสุดยอดของทุกสิ่ง ที่เติม EST โฆษณา Greatest แต่รสชาติ สร้างความรู้สึก saddest เกิ๊น หลังจากชิม รสชาติ ตอนมันสัมผัสลิ้น "จะรับรสหวาน ที่หวานกว่าเป็ปซี่ > ตอนกำลังกลืนลงคอ จะรู้สึกถึงความจืดสนิท ไม่มีความหวาน เหลือค้างในปากอย่างที่เป็ปซี่กะโค้กทำได้ > ความซ่ามีน้อยกว่าโค้ก(แต่มากกว่าเป็ปซี่) แต่ให้ความรู้สึกคล้ายๆโค้ก ในเรื่องความซ่า  > โดยรวม Big cola รสชาติยังนำกว่า est หลายขุมเลย ไม่ต้องไปเทียบ กับ โค้ก กะ เป็ปซี่ " ความคิดเห็นส่วนตัวนะ  ไม่เกี่ยวเรื่องเชื้อชาติ จากคุณ : อร (Aorn_N) เขียนเมื่อ : 16 พ.ย. 55 10:10:43