ความคิดเห็นที่ 1 ล้มแล้วก็ลุกขึ้นใหม่สิครับ เป็นกำลังใจให้ครับ จากคุณ : yut-san เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 21:22:02

ความคิดเห็นที่ 2 หลังๆนี่ ผมไม่อ่านหนังสือฮาวทู หรือ นักธุรกิจที่ประสพความสำเร็จ ไม่ว่า เสื่อผืนหมอนใบ หรือ เป้นผู้ที่มีกลยุทธ์ทางธุรกิจ ฯ เพราะ คิดว่ามีปัจจัยต่างๆ ที่มีผลกระทบทั้งทางตรง ทางอ้อม ธุรกิจ SME ที่เสียเปรียบ ธุรกิจที่ใหญ่กว่า ทั้งเรื่อง ทุน บุคคลากร ฐานลูกค้า เทคโนโลยี่ เครดิตจากคู่ค้า connectionกับราชการฯ ทำให้ เหล่านี้ ไม่มีทางลืมตาอ้าปากได้ จากคุณ : chamchompoo เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 21:25:35

ความคิดเห็นที่ 3 ผมว่าเถ้าแก่น้อยนี่เขาเก่ง+เฮง หนังก็เว่อร์ไป แต่ต้องยอมรับในความพยายามของเขาครับ ชีวิตจริงอาจจะไม่ง่ายเหมือนเขา ส่วนคุณตันผมนับถือคับ แต่ทั้งคู่เขารวยได้เพราะเจาะตลาดด้วยโปรดักส์ใหม่ ความคิดผมนะ สมัยนั้นยังไม่มีร้านอาหารญี่ปุ่นที่เป็นบุฟเฟ่ต์ กับสาหร่ายทอดกรอบ ไอเดียยังใหม่มากครับ แก้ไขเมื่อ 13 พ.ย. 55 21:35:16 จากคุณ : ยอมทุกอย่างโดยไม่มีข้อแม้ เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 21:33:17

ความคิดเห็นที่ 4 ได้ข่าวว่า เถ้าแก่น้อย เดิมที่บ้านมีเงินลงทุนอยู่แล้วครับ จากคุณ : chamchompoo เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 21:35:25

ความคิดเห็นที่ 5 ต่อไปคงไม่มีผลิตภัณฑ์ใหม่ มาแล้วมั้ง ประเทศไทย จากคุณ : DerDen เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 21:40:54

ความคิดเห็นที่ 6 สู้ๆครับ จากคุณ : NgOrXz เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 21:44:27

ความคิดเห็นที่ 7 เค้าว่าคนจะรวย ต้องมีโอกาส และความพร้อม ถ้ามีแต่ความพร้อม สวรรค์ยังไม่เป็นใจ ก็ยังรวยยากครับ หลายท่านที่ประสบความสำเร็จ บางท่านก็ล้มลุกคลุกคลานมาก่อน กว่าจะพบตัวที่ทำให้ยืนได้ ก็ต้องใช้เวลา แต่หลายคนกลับไม่สามารถทนอยู่ได้จนถึงวันนั้น ก็ล้มหายกันไปก่อน ในความคิดผม สิ่งที่เราทำได้ก็คือเตรียมพร้อม ค่อยๆ ทำไป ที่สำคัญคืออย่าเสี่ยงมาก อดทนรอคอย เมื่อโอกาสมาถึง ค่อยคว้าโอกาสนั้นไว้ เท่าที่ผมสังเกต คนรวยหลายท่าน จะมีจังหวะรวยของเขา พอขึ้นมาแล้ว ทีนี้ก็ง่ายล่ะ คงคล้ายกับประโยคที่ว่า ล้านแรกนั้นหายาก จากคุณ : tum426 เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 21:46:53

ความคิดเห็นที่ 8 คุณตัน ที่รวยหนักๆ ไม่ได้รวยจาก ร้าน โออิชิ หรือ ร้านถ่ายรูป ดอกนะครับ แต่รวยจาก ชาเขียว ซึ่งตลาดเดิมเป็นของ  Unif ที่คลองตลาดครับ จนแกมาทำชาเขียว และนำบริษัท เข้าตลาดหลักทรัพย์นี่แหละ ผมถึงรู้จักแก คนมีหัว แม้ทำของที่มีอยู่แล้ว ก็รวยได้ครับ ผมว่า จขกท ถ้าจะอ่านหนังสือ อีกสักเล่ม ผมแนะนำ หนังสือชื่อว่า Good Luck ปกเล่มสีฟ้าๆ ลองหามาอ่านดูนะครับ แล้วคุณจะเข้าใจ คำว่า โชค มากยิ่งขึ้น จากคุณ : DerDen เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 21:47:59

ความคิดเห็นที่ 9 ทำธุรกิจเอง อะไรก็ไม่เอื้อเลย เล่นหุ้นดีกว่า เล่นให้ได้กำไร จบ ปล.เอาเงินไปให้บรัษัทใหญ่ๆ ให้เขาหากำไรมาปันผลให้ดีกว่า ถ้าหุ้นเขาขึ้นเรายิ่งกำไร แก้ไขเมื่อ 13 พ.ย. 55 22:18:10 แก้ไขเมื่อ 13 พ.ย. 55 22:16:39 จากคุณ : แน่ข้างเดียว เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 22:14:38

ความคิดเห็นที่ 10 ต้องดิ้นรน ลองดูหลายๆอย่าง หลายๆครั้ง มีโอกาส ถูกช่อง สักครั้ง จากคุณ : NiyomC เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 22:14:58

ความคิดเห็นที่ 11 อย่าเอาตัวเองไปเทียบกับเค้าครับ (ยึดเป็นแรงบันดาลใจพอครับ อย่าไปยึดติด) เราต้องเป็นตัวเรา ในแบบของเรา พยายามให้ถึงที่สุด ล้มก็ลุกครับ บางทีก็เหนื่อยก็ท้อครับ คนรวยเร็วๆมันไม่มีหรอกครับ ใช้เวลากันทั้งนั้น ใช่ว่าคลอดออกมาแล้ววิ่งเลย อย่างน้อยๆก็ต้องตั้งไข่ให้ได้ก่อน ลองหันไปหาคนปรึกษา หากำลังใจ เหนื่อยก็พักครับ พักแล้วก็เดินต่อ (ตอนนี้ก็ท้อบ้างครับ ออกมาทำเอง ไม่มีคนเข้าใจ ไม่มีใครช่วย แต่หวังว่ามันจะผ่านไปได้ด้วยดี อายุยังน้อยอีกลูกค้าไม่เชื่อฝีมือ) เพราะแสวงหา มิใช่เพราะรอคอย เพราะเชี่ยวชาญ มิใช่เพราะโอกาส เพราะสามารถ มิใช่เพราะโชคช่วย ดังนี้แล้ว "ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตน" จากคุณ : yamr เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 22:28:11

ความคิดเห็นที่ 12 จริงครับคนชั้นกลางทั่วไป ปกติจะรวยเร็วๆไม่มีแน่นอน อย่างน้อยก็ต้อง2-5ปี จากคุณ : แน่ข้างเดียว เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 22:35:50

ความคิดเห็นที่ 13 คุณคิดว่าทำธุรกิจง่ายนักเหรอครับ  100  เจ๊ง 95 ไม่ต้องแปลกใจครับที่ไม่ประสบความสำเร็จ  เพราะ  คุณคือคนส่วนใหญ่ 1 ใน 95   เถ้าแก่น้่อย เป็น เคสที่ผมว่ามหัศจรรย์มากๆ  ไม่คิดว่าจะทำได้ในยุคสมัยปัจจุบัน  ในความรู้สึกผมนะ  เถ้าแก่น้อย เหมือนพวกนักธุรกิจเรายุคก่อน อย่าง นายห้างเทียม แต่ยังไม่ยิ่งใหญ่เท่านะ  เป็นพวกที่ต้ัองใช้พลังกาย อึดถึกมากๆ ลองไปทบทวน กิจการที่ทำดูสิครับ ว่ามีอะไรผิดพลาด  คุณพูดอย่างนี้มันช่วยอะไรไม่ได้หรอกครับ  บัญชีมีปัญหา หรือ ขายได้เยอะแต่ไม่มีกำไร  หรือ แรงงานไม่พอ   สุดท้ายถ้าเราคิดว่าไปไม่รอด ก็หยุดเหอะครับ อย่าไปถลำลึก  คนเล่นหุ้นนี่ รู้ดีครับ การคัทลอสครับ จากคุณ : STOCK_BABY เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 22:38:24

ความคิดเห็นที่ 14 สองคำจำเอาไว้นะครับ " อย่า  ท้อ " จากคุณ : Page setup เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 23:07:28

ความคิดเห็นที่ 15 นักลงทุนตัวจริง ไม่มีใครอยากรวยเร็วๆ หรอกครับ รวยเร็วๆ นั่นนักเก็งกำไรทั้งนั้น จากคุณ : หมึกสด เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 23:44:02

ความคิดเห็นที่ 16 ในฐานะนักธุรกิจ ที่น่าจะประสบความสำเร็จพอควร (บริษัทผมอยู่มา 10 ปีแล้ว และมีระบบที่วิ่งเองได้ โดยไม่ต้องไปยุ่งมาก) ขอบอกว่า "อย่าท้อ แต่ต้องทำให้ถูกวิธี" ขยัน ถ้าผิดวิธี มันก็แย่นะครับ อ่อ... บอกเคล็ดอีกอย่างหนึ่งของผู้ที่จะประสบความเสำเร็จได้ มีอยู่ 4 ประการ (ขอให้มีหนึ่งใน 4 อย่างนี้ให้โดดเด่น และนำมาใช้ได้ อย่างถูกต้องเหมาะสม ก็จะเพิ่มโอกาสสำเร็จไปได้อีกมาก) คือ 1. เป็นนักขายตัวยง เรียกว่าหยิบจับอะไร หาคนมาซื้อจนได้แหละ 2. เป็นนักสู้ ล้มลุกคลุกคลานอย่างไรก็ไม่ท้อ แต่แบบนี้ต้องวางแผนดีนะ อย่าล้มจนลุกไม่ไหว เป็นหนี้สินรุงรังมากเกินแก้ไขไปเสียก่อน 3. เป็นนักจัดการ คือทำเองไม่ได้เรื่องเท่าไร แต่หาคนที่เก่งกว่ามาช่วย แบบนี้ ต้องมีทุนหนาพอจะจ้างคนมาช่วยได้ ไม่งั้นก็ลำบากเหมือนกัน 4. เป็นผู้ชำนาญการพิเศษ เช่น ทอดไข่เจียวอร่อยที่สุดในสามโลก (แหม ออกจะเว่อร์ไปหน่อยนะ เอาเป็นว่า มีสูตรทอดไก่ได้แบบ KFC น่าจะพอนึก ออกมากกว่า) ก็รวยได้เหมือนกัน ถ้าไม่เข้าเค้าทั้งสี่ประการนี้ ลองพิจารณาตัวเองอีกครั้ง ว่า... ควรจะเปลี่ยนแปลง ปรับปรุง และทำให้ตัวเองพร้อมได้อย่างไร (ถ้ามีคุณสมบัติมากกว่า 4 อย่างนี้ ยิ่งดีขึ้นไปอีกครับ) ขอให้ จขกท. โชคดีนะครับ จากคุณ : มือเก่าหัดขับ เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 23:47:35

ความคิดเห็นที่ 17 คนเราทุกคนเกิดมาก็ดิ้นรนกันทุกคน แต่อย่าลืมนะว่า ทุกชีวิตที่เคย บอกว่า ชะตาฟ้าลิขิต ชีวิตเรากำหนด (คำว่ากำหนดนั้นคืออะไรเหรอ) ก็คือถูกกำหนดมาจากฟ้า  (หมายถึงตามเกณฑ์ดวงของแต่ละคนนะ) แต่ คนบางคน ดวงเป็นแค่ลูกจ้าง ไม่มีดวงเถ้าแก่ หรือ เจ้าของกิจการ แล้วท่านจะว่าอย่างไรรือ ดิ้นรนให้ตาย สุดท้ายก็ลงท้ายด้วยการเป็น ลูกน้องคนอื่นอยู่ดี เพื่อนผมหลายคนเป็นแบบนั้น อายุเลย 50 ปีแล้ว ก็ยังเป็นลูกจ้างคนอื่นอยู่ ดิ้นรนอย่างไรก็ไม่เป็นเจ้าของกิจการเสียที อย่าคิดมากนะ จขกท เพราะว่าต่อให้คุณดิ้นให้ตาย มันก็ลงเอยที่เดิม จากคุณ : ฉลามบุก เขียนเมื่อ : 13 พ.ย. 55 23:57:15

ความคิดเห็นที่ 18 เขียนไปเขียนมา แถมอีกนิดว่า การจะเริ่มทำธุรกิจนั้น จะต้องดูของสองอย่างที่สำคัญมากคือ 1. Margin 2. Market ธุรกิจหลายอย่างเจ๊งตั้งแต่ยังไม่เริ่ม เพราะขาดของสองอย่างนี้ การมีเพียง อันใดอันหนึ่งอาจจะเพียงพอ แต่ถ้าให้ดีกว่านั้นต้องมีทั้งสองอย่าง คือมี อัตรากำไรที่ดี และมีตลาดที่ใหญ่พอ เมื่อได้สองอย่างนี้ (เราต้องออกแบบธุรกิจของเรา จนมันได้สองอย่างนี้) อย่างอื่นเป็นเรื่องทีหลัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเงิน, differentation, เรื่องการ ป้องกันธุรกิจ และอื่นๆ เป็นเรื่องที่ปรับปรุงตามกันมาได้ แต่... ถ้าไม่มี margin และ market สองอย่างนี้ล่ะก็ เจ๊งบนกระดาษครับ จากคุณ : มือเก่าหัดขับ เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 55 00:00:37

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณ หลายท่านที่ให้ความเห็น มุมมอง และกำลังใจครับ เดิมจขกท.ก็มีวิชาชีพอิสระค่อนข้างมั่นคง (แพทย์)  แต่มีความคิดที่จะเป็นเจ้าของกิจการ นำเข้าเครื่องมือแพทย์และจัดจำหน่าย ตลาดเป็นตลาดผสมระหว่างแข่งขันสมบูรณ์ และกึ่งผูกขาด แข่งขันมากในตลาดเอกชน แต่ค่อนข้างผูกขาดในตลาดรัฐบาล นอกจากนี้ยังมีผู้ผลิตจากต่างประเทศก็เข้ามาเปิดสาขาในไทย และแข่งขันด้วย กิจการจึงพอเลี้ยงตัวได้ แต่ไม่ได้มีผลกำไรหรือเติบโตมาก อาจดูแล้วให้ผลตอบแทนน้อยกว่าการลงทุนอื่นๆ เช่น หุ้น อสังหา ทอง ฯ หรือแม้แต่วิชาชีพอิสระ ที่จขกท. ทำอยู่ ทำมาถึงจุดหนึ่งก็คิดได้ว่า การนำเข้าและจำหน่าย ไม่มั่นคงเท่ากับเป็นผู้ผลิต แก้ไขเมื่อ 14 พ.ย. 55 04:55:48 จากคุณ : chamchompoo เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 55 04:55:01

ความคิดเห็นที่ 20 ที่พูดว่า "ยิ่งดิ้นยิ่งเจ็บ" เพราะบางครั้งก็เห็นด้วยกับหลายๆท่านที่ออกความเห็นในนี้ ที่ว่า เรื่อง ดวง หรือ โชคชตา ก็มีผลต่อการทำธุรกิจ เคยมีความคิดแบบ คนสู้ชีวิต ในหนังสือ ฮาวทูที่จำหน่ายดีๆในตลาด ว่า คนเราลิขิตชีวิตตัวเองได้ พอลองทำหลายๆครั้ง แล้วรู้สึกไปได้ไม่ถึงไหนสักที  หลายท่านในนี้ให้สู้ต่อ ผมก็ไม่คิดถอยครับ บางทีเป็นเพราะเราคาดหวังอะไรที่มากไปจากธุรกิจที่ทำหรือเปล่า ? จากคุณ : chamchompoo เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 55 05:03:26

ความคิดเห็นที่ 21 ไม่รู้จะ"ยิ่งดิ้นยิ่งเจ็บ"หรือเปล่า วันนี้ลงทุนซื้อกองทุนไปอีกหน่อย หวังว่าจะมีวันของเราบ้าง^^ จากคุณ : Hana* เขียนเมื่อ : 14 พ.ย. 55 07:13:52