ความคิดเห็นที่ 1 ความคิดดีครับ... ซึ่งน่าจะทำให้ผลกำไรของ se-ed ดีขึ้นได้.. งานหนังสือ แม่ม จัดแต่ในเมืองหลวง ไม่อยากเข้าไปรถติดว้อย อยากเสริมด้วย 4. ห้างเดียว ถ้าหากไม่ใหญ่มาก เปิดสาขาเดียวก็ได้  ไม่ต้องเอา 2-3 สาขา.. แก้ไขเมื่อ 22 พ.ย. 55 21:38:12 จากคุณ : หมอก้อนหิน เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 55 21:37:12

ความคิดเห็นที่ 2 สองผัวเมีย ขายยัง จากคุณ : por_sas_a เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 55 21:48:52

ความคิดเห็นที่ 3 1. สาขาเยอะนัก รับสั่งซื้อของออนไลน์เลย  เปิดบริการรับสั่งซื้อของออนไลน์ แล้วไปรับที่สาขา 2. จากสถิติ คนไทยอ่านหนังสือเฉลี่ยกันปีละกี่บรรทัดนะครับ?  ...... หรือผู้รับผิดชอบซีครับ ว่าถ้า SE-ED รับจัดบริการ เปดห้องสมุดให้คนอ่านฟรี 2.1 เปิดเป็นศูนย์ให้คนเข้ามาอ่านหนังสือได้ (ห้ามยืม อยากได้กลับไปอ่านที่บ้าน ก็มีร้านขายตั้งอยู่ด้วย สามารถซื้้อได้) แล้วมีการปรับปรุงความทันสมัยของหนังสือตลอด   2.2 รับจ้างรัฐบาล จัดแพ็คเกจหนังสือสำหรับห้องสมุดตามโรงเรียน พร้อมการอัพเดทหนังสือรายปีให้ด้วย 2.3 เอกชนหรือใครที่ใจบุญอยากทำบุญเป็นความรู้ ก็สามารถบริจาคเป็นแพ็คเกจตามข้อ 2.2 ได้ ข้อ 2 ทั้งหมด เป็นการเปิดบริการใหม่ โดยใช้ของที่มีอยู่เดิม พนักเดิมทำงานเพิ่ม ให้คุ้มค่าแรงที่เพิ่ม สาขาก็เดิม การจัดส่งหนังสือและรับกลับก็ของเดิม อาจออกนอกเส้นทางบ้าง ค่าใช้จ่ายเพิ่มไม่มาก แต่ต้องเล่นระดับนโยบาย เพราะเป้าหมายคือการให่คนไทยได้มีโอกาสอ่านหนังสือกันมาก ๆ ซึ่งหากคนไทยอ่านหนังสือมากขึ้น สินค้าหนังสือก็จะขายได้มากขึ้นด้วย สามารถต่อยดได้อีกหลายบริการ 3. ........ รับไปแล้วรีบทำนะ เดี๋ยวใครแย่งความคิดไปนะครับ เพราะใครก็ทำได้ถ้ามีความพร้อม จากคุณ : ไอไอ เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 55 21:53:42

ความคิดเห็นที่ 4 เพิ่มช่องทาง digital media สำหรับรองรับบน device ใหม่ๆ ครับ ก่อนที่จะถูกเจ้าอื่นๆ อย่าง okkbee ของ intuch แชงแย่งตลาดไปก่อน เมื่อก่อนผมเข้าไปซื้อหนังสือ นิตยสารที่ SE-ED ประจำ เด๋วนี้ซื้อเล่มพิมพ์น้อยลงมากครับ มาซื้อบน app บ้าง สะดวกดีไม่รกบ้านด้วย สิ่งพิมพ์ยังไม่ตายในวันสองวัน ปีสองปีนี้ แต่ตลาดจะเริ่มถูกแย่งไปพอสมควร ถ้าไม่เตรียมรับความเปลี่ยนแปลงคงไม่ดีแน่ครับ ความเห็นส่วนตัวนะครับ :) จากคุณ : ดอกฟ้ากับนายกระจอก เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 55 21:58:11

ความคิดเห็นที่ 5 เห็นนายอินทร์ เปิดในรพ. ไม่รู้มีสาขาในรพ.กี่แห่งนะ แต่้ร้านหนังสือ ที่มีร้านกาแฟ มีเบเกอรี่ขายด้วย น่านั่งสุด ๆ ยิ่งถ้าขนมอร่อย ๆ ซื้อหนังสือแล้ว ได้ส่วนลดกาแฟ ไอติม ฯลฯ คงไปบ่อย ๆ... การมีโปรโมชั่นพิเศษ น่าจะดึงดูดใจ พวกที่ชอบซื้อหนังสือราคาถูก อย่างการสะสมแต้ม นำมาลดราคา หรือ แถมเป็นหนังสือ ในมูลค่าที่กำหนดไว้   เห็นคนซื้อหนังสือที่ร้านนายอินทร์ แน่นยังกะแจกฟรี รับแสตมป์กันไปเพียบ นำมาลดราคาครั้งต่อไป หรือ จัดให้ใช้แทนเงินสดแบบเซเว่น ก็คงสร้างความคึกคัก ได้ไม่น้อย :))    อ่อ ..วัยรุ่น คลั่งไคล้ดารา ถ้ามีกิจกรรม การกุศล(จะได้ลดภาษีได้ด้วย)  จัดดารามาร่วมทำกิจกรรม เล่นเกมส์ อะไรสักอย่าง ก็น่าจะดึงลูกค้ากลุ่มวัยรุ่น แฟนคลับ เด็ก สตรี และคนชรา มากระทบไหล่ดาราได้ไม่น้อย...ตั้งเงื่อนไข ซื้อหนังสือ มูลค่าเท่าไหร่ ก็ว่ากันไป มีสิทธิกระทบไหล่ดารา ถ่ายรูปกับดารา หรือมีทแอนด์กรี๊ด หรือ ดินเนอร์ ฯลฯ ตามแต่นักการตลาดของ se-ed จะมีหัว..สร้างสรร เอาได้ :)) จากคุณ : Panjasila เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 55 21:59:23

ความคิดเห็นที่ 6 เป็นผู้บริหาร ก็ต้องมีวิสัยทัศน์กว้างไกล ช่วยๆกันรวมหัวคิดหาหนทางให้บริษัทเจริญเติบโต เพื่อบริษัทและผู้ถือหุ้น ให้คุ้มกับเบี้ยประชุม ครั้งละ 20,000 บาทต่อท่านหน่อยนะครับ จากคุณ : kyo1999 เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 55 22:08:52

ความคิดเห็นที่ 7 B2S ทำแบบ MK นะเออ มี พนง ประจำจุด ทำการสวัสดีพร้อมกัน 3 ครั้ง จากคุณ : oracleman เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 55 22:15:42

ความคิดเห็นที่ 8 ฝาก IR ไปดูกระทู้นี้ด้วยนะครับ http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I12957330/I12957330.html ^_^ จากคุณ : @power เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 55 22:22:54

ความคิดเห็นที่ 9 ส่วนตัวผมชอบ B2S จากคุณ : ลิงฮาวาย เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 55 22:33:28

ความคิดเห็นที่ 10 ขยายไปยังsegmentอื่นๆเช่น มหาวิทยาลัย รพ ตึกออฟฟิต พัฒนาระบบการสั่งซื้อทางintetnetและใช้ฐานสาขาเป็นตัวกระจายสินค้าซึ่งจะเข้าถึงลูกค้าได้ครอบคลุมพื้นที่ คิดไม่ออกแล้ว.. จากคุณ : finding_numo เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 55 22:34:02

ความคิดเห็นที่ 11 เสียภาษีเยอะไปนะครับ น่าจะตั้งมูลนิธิ แล้วย้ายโรงเรียนเพลินพัฒน์ไปสังกัดมูลนิธิเสีย เรื่องห้องสมุดโดย SE-ED ผมเห็นด้วย จริง ๆ ตัวเองก็เป็นคนชอบเล่นเน็ตและอ่านหนังสือ ความฝันของตัวเองก็คืออยากเปิดร้านกาแฟที่ให้บริการหนังสือและอินเตอร์เน็ตตลอด 24 ชั่วโมง (แข่งกับร้านแมคเลย) ถ้าซีเอ็ดจะทำอย่างนั้น  คงเป็นคู่แข่งกับห้องสมุดมารวยได้ครับ ^_^ อีกเรื่องที่คิดว่าสำคัญมาก ควรสื่อสารกับกลุ่มสำนักพิมพ์ที่ยังไม่ลงรอยเรื่องค่าจัดการสินค้า 1-3% ของราคาหนังสือ/สินค้าที่ฝากขายนะครับ จากคุณ : @power เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 55 22:40:13

ความคิดเห็นที่ 12 เดินเข้าไปทีไรเจอเด็กนักเรียน กับ ผู้ใหญ่นิสัยเกรียน นั่งอ่านกับพื้นขวางทางเดิน ประมาณว่าจะเดินผ่านช่องใหนมันก็ขวางทางไปหมด ที่แย่หน่อย จะไปยืนเลือกหนังสือ เจอพวกแบบนี้ขวางลำ เซ็งมาก จากคุณ : gankstardra เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 55 23:02:55

ความคิดเห็นที่ 13 ดูจากตัวเองที่เป็นคนซื้อหนังสือค่อนข้างเยอะ ปัจจุบันก้อซื้อหนังสือน้อยลงมาก สาเหตุหลักๆ 1 อ่านจากในเนต webboard blog ต่างๆ ที่เป็น free content แทน 2 อยากรู้อะไร search google ได้ 3. ซื้อ e-book อ่าน online หรือสั่งจาก kindle. Ais bookstore 4. Se-ed มีกิจกรรมส่งเสริมการตลาด การทำ crm น้อยมาก. อย่าง amazon จะส่ง email update หนังสือแนวที่เราสนใจให้ตลอด แสดงว่าตลาดกระทบจากสินค้าทดแทน. เหมือนคนหันมาใช้ tablet แทนการซื้อโน๊ตบุ๊คใหม่. Lifestyle คนเปลี่ยนไป  คงต้องปรับกลยุทธ์ใหม่ ทั้งช่องทางการจัดจำหน่าย การทำcrm ลูกค้า  event marketing ต่างๆ อาจจะทำ website ให้นักเขียนที่มีชื่อแล้ว หรือจ้าง blogger เก่งๆมาช่วยเขียนให้  และได้โปรโมทหนังสือไปในตัว. หรืออย่างในงาน set in the city ทำไม se-ed ไม่มาออกบู๊ท คนออกจะเยอะแยะ การขายแบบมีหน้าร้านแบบเดิมๆคงไม่ดึงยอดขายขึ้นมาได้ จากคุณ : hungry jack เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 55 00:03:48

ความคิดเห็นที่ 14 ผมว่า Se-ed ควรปรับปรุงฐานข้อมูลที่มีอยู่ให้ทันสมัยและใช้ให้เป็นประโยชน์ อย่างแรกเลย ฐานข้อมูลสมาชิก กรณีหมดอายุ แทนที่จะต่ออายุได้เพราะข้อมูลมีในระบบ กลับให้เลือกว่าจะสมัครใหม่ก็ได้เหมือนกัน ดังนั้นฐานข้อมูลที่มีอยู่ก็ซ้ำซ้อน แทนที่จะสามารถเก็บประวัติได้ว่าเป็นลูกค้ามานานแค่ไหนแล้ว มีพัฒนาการของการซื้ออย่างไร พอลูกค้าสมัครใหม่ กลายเป็นลูกค้ารายใหม่ ไม่มีประวัติการซื้อ อย่างที่สอง ส่วนลด+สะสมคะแนน ปัจจุบันสู้ทั้ง Aprint และ B2S ไม่ได้ ตอนนี้เห็นว่ามีการปรับให้ทั้งส่วนลด + สะสมคะแนนแล้ว แต่เดิมได้เฉพาะส่วนลดเท่านั้น ลูกค้าเดิมหายหมด อย่างที่สาม การให้ส่วนลด ทำไมต้องใช้บัตร ทำไมใช้เฉพาะเลขหมายโทรศัพท์ แบบห้าง Tops ไม่ได้ ลูกค้าที่เป็นสมาชิกที่มีบัตรเยอะๆ หลายๆ แห่งบางทีเขาขี้เกียจพก หรือบางทีลืมหยิบบัตรมา พอไม่ได้ส่วนลด เลยกลายเป็นทำให้อารมณ์เสีย พาลเสียความรู้สึกกันไปเปล่าๆ อย่างที่สี่ ใช้ฐานข้อมูลผู้ถือหุ้นให้เป็นประโยชน์ ผมถือหุ้น Se-Ed มาราวๆ 10 ปี ไม่เคยได้รับ greeting อะไรเลย นอกจากจดหมายเชิญประชุมปกติ ขณะที่ถือหุ้น TNH 2 ปี เดี่ยวนี้ได้รับจดหมายข่าวบ้าง ได้รับบัตรเชิญใช้บริการที่โรงพยาบาลบ้าง ไม่อยากให้คิดว่าไปให้ตอนประชุมผู้ถือหุ้น เพราะผถห หลายคนอยู่ต่างจังหวัดก็ไม่สะดวกมาประชุม และหลายคนก็มีภาระเข้าประชุมไม่ได้ อย่างที่ห้า ทำกิจกรรมสัมนา แบบที่สร้างรายได้ นอกเหนือจากการขายหนังสือ ยกตัวอย่าง APRINT เขาโฟกัสเรื่องบ้านและตกแต่ง ก็จะมีกิจกรรม ออกบูทเกี่ยวกับบ้านและตกแต่ง เพิ่มรายได้ ขายหนังสือได้ ฯลฯ ถ้า Se-Ed บอกว่าตัวเองจะโฟกัสหนังสือเรียนคู่มือแบบเรียน ทำแคมป์การศึกษา ติวเด็กเข้ามหาวิทยาลัยได้มั๊ย หรือถ้าบอกว่าโฟกัสหนังสือคอมพิวเตอร์ ทำกิจกรรมเปิดตัวสินค้าใหม่ร่วมกับ Microsoft HP Dell Samsung ได้มั๊ย โดยให้สิทธิ์สมาชิกหรือผู้ถือหุ้นก่อนหรือส่วนลดพิเศษ หรือถ้าสนใจเรือ่งพัฒนาภาษาในเด็กวัยเรียน จัดทำ Summer Camp เรียนพิเศษต่างประเทศได้มั๊ย ปีแรกๆ อาจจะ outsource ไปก่อน ปีหลังๆ เราทำเอง อย่างที่หก Se-Ed บุกเบิกเรื่อง Green Se-Ed ได้มั๊ย หนังสือพวก Magazine ที่ซื้อมา พออ่านจบหมดค่าไป Se-ed ทำตัวเป็นตัวกลางขอบริจาค (ใช้พื้นที่ลานจอดรถ จะได้ค่าเช่าถูกๆ) ให้ลูกค้าเอาพวก Magazine ไปบริจาค เอาไปทำวัสดุ recycle โต๊ะ เก้าอี้แจกโรงเรียน ได้ลดหย่อนภาษีของบริษัท เพราะหนังสือพวกนี้ขายคืนเจ๊กได้ถูกมาก ถูกกว่าพวกหนังสือพิมพ์เสียอีก ซื้อมาเล่มละ 110 ขายเจ๊กได้ 1 บาท เพราะเป็นกระดาษเคลือบมันแบบเดียวกับพวกกล่องนม (แต่ยุ่งน้อยกว่า) หรือจะซื้อคืนก็ได้เล่มละ 1-2 บาท แล้วเอาไปทำสินค้า recycle บริจาคหรือนำกลับมาจำหน่าย หรือจะทำการแข่งขันการนำหนังสือ Magazine เก่ามา recycle ให้เกิดประโยชน์อื่นๆ นอกจากการขายหนังสือเก่า ซึ่งเราอาจจะเอาไปต่อยอดในอนาคต หลายทีที่ผมอยากซื้อหนังสือแต่ตู้เก็บหนังสือมันเต็มก็เลยขี้เกียจซื้อ ถ้าเอาหนังสือเก่าออกไปทำประโยชน์ได้ ผมก้อยากซื้อหนังสือใหม่ๆ เพิ่ม ตอนนี้ที่บ้านน่าจะมีหนังสือราวพันเล่มแล้วมั๊ง อย่างที่เจ็ด เพิ่ม benefit ของสมาชิกได้มั๊ย เช่นไปร่วมกับร้าน MK (เพราะคุณทนงกับคุณฤทธิ์เป็นเพื่อนกัน) คนถือบัตร MK กับบัตร Se-Ed ใช้ร่วมกันได้ทั้ง 2 ที่ จะได้แชร์ database กันได้ แต่อย่าลืมว่าต้องมีระบบจัดการฐานขอ้มูลสมาชิกให้ดีก่อนด้วย ที่จริงมีอีกเยอะในสมอง... ถ้าทาง Se-ed สนใจมั่งก็น่าจะดี.. ผมอยากให้ IR Feedback ไป แต่ผมว่าบางทีเขาเหมือนหน่วยประชาสัมพันธ์จากบริษัทถึงผู้ถือหุ้น มากกว่าการ Feedback ผถห กลับไปยังบริษัท.. จากคุณ : Proxity เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 55 05:11:15

ความคิดเห็นที่ 15 ชอบนายอินทร์ ตรงที่ส่งคูปองลด 30 บาท มาให้ทุกวันเกิดเลย ทั้งๆที่ สมาชิกหมดอายุไปแล้ว ลืมไปต่อ ^^! ปัจจัยที่กระทบตัวธุรกิจ อยากรู้ว่ามันจะชั่วคราวหรือจะถาวรครับ เพราะค่าแรง 300 บาท มันค่อนข้างจะถาวรแน่ๆ ค่าใช้จ่ายตรงนี้ มันถูก cover ได้ด้วย ภาษี rate 20% ที่รัฐบาลกำลังจะลดในปีถัดๆไปหรือป่าวครับ ปลายปี จะมีหนังสือประเภทนึงขายดี นั่นคือ พวกดูดวงทั้งหลาย พวกนี้ไม่รู้ว่าจะกระตุ้นยอดขายได้บ้างหรือป่าว ปกติกระเช้าที่บริษัทนำไปสวัสดีปีใหม่คู่ค้า จะเป็นกระเช้าเหล้า น้ำผลไม้ ขนมปัง คุ้กกี้ ขนมนมเนย ตรงนี้บริษัท น่าจะลองจัดกระเช้าหนังสือดูนะครับ เป็นกระเช้าตามหมวดหมู่หนังสือ เช่น ความงาม, สุขภาพ, ธรรมมะ, บริหารธุรกิจ, นิยาย, การลงทุน ผมว่าน่าสนใจดีนะครับ ^^ แต่ไม่รู้จะขายได้ป่าว 555 แก้ไขเมื่อ 23 พ.ย. 55 09:11:53 จากคุณ : Qvixote เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 55 09:11:08

ความคิดเห็นที่ 16 ตอบเฉพาะข้อ 1 งานมหกรรมหนังสือ ทำให้ยอดขายหนังสือตามร้านลดลงค่ะ โดยเฉพาะพวกพ็อกเกตบุ๊ค นิยาย เพราะมีปีละสองครั้ง ต่างจังหวัดอื่นๆนี่ไม่รู้ แต่ที่เชียงใหม่มีงานหนังสือใหญ่จัดในม.ช. ทุกปลายปี ส่วนลดเหมือนงานใหญ่ที่ศูนย์สิริกิตติ์ (ยังไม่นับงานยิบงานย่อย งานหนังสือเด็ก งานหนังสืออัมรินทร์ เมื่อก่อนมีงาน bliss ด้วย แต่ตอนนี้ปิดสนพ.ไปแล้ว) หนังสือลดราคาเยอะมาก พวกพ็อกเกตบุ๊ค ลด 15-30% แล้วสำนักพิมพ์ต่างๆก็จะดองหนังสือออกใหม่รอไปออกช่วงที่มีงานเลยเพราะขายได้เยอะมาก สนพ.ก็ขายเอง ลดราคาแล้วก็ยังได้กำไร ทำให้คอหนังสือรอซื้อหนังสือจากงานมากกว่าจะไปซื้อตามร้าน เพราะยังไง ระหว่างที่ไม่มีงาน ก็แทบไม่มีหนังสือออกใหม่ให้ซื้อเลย ก็รอไปซื้อตอนงานทีเดียวเลย ถูกด้วย (ยอมรับว่าหนังสือเกือบทั้งตู้ของเราซื้อจากงานมหกรรมหนังสือ... ลองคิดส่วนลดจากราคาเต็มแล้วลดไปเยอะมาก ขนาดสะสมอยู่ไม่กี่ปี ถ้าซื้อราคาเต็มหมดนี่..ดาวน์รถได้เลย) ทำให้ธุรกิจร้านหนังสือแบบที่ไม่ได้เป็นสำนักพิมพ์ด้วยตัวเองอยู่ไม่ค่อยได้ อย่างร้านดอกหญ้า ขนาดว่ามีสำนักพิมพ์ด้วยยังไม่ค่อยไหว จำได้มีอยู่ช่วงนึง ดอกหญ้าไม่ไปออกงานสัปดาห์หนังสือ แล้วหนังสือของดอกหญ้าทุกเล่มที่ปกจะมีใบแทรก เขียนว่า ===ร่วมสนับสนุนการซื้อหนังสือจากร้านหนังสือ เพื่อช่วยให้ธุรกิจร้านหนังสืออยู่ได้=== กรณีซีเอ็ด น่าจะคล้ายๆกัน อาจจะไม่แย่เท่าดอกหญ้า แต่งานมหกรรมหนังสือก็ไม่ค่อยกระตุ้นยอดขายให้ซีเอ็ดเท่าไหร่ ถึงแม้จะมีสำนักพิมพ์ของตัวเอง แต่หนังสือแนวที่ซีเอ็ดพิมพ์ไม่ใช่แนวที่คนนิยมไปซื้อจากในงานค่ะ เพราะเป็นพวกแม็กกาซีน หรือหนังสือตำรา howto พวกที่มันตกกระแสไวน่ะ เล่มเก่าๆเอามาขายในงานก็ไม่มีใครซื้อแล้ว ซีเอ็ดเป็นร้านหนังสือที่ขายหนังสือของสำนักพิมพ์อื่นๆด้วย ถ้าออกบูทงานมหกรรมหนังสือ ขายแต่ของสนพ.ตัวเอง - ไม่ไหว หนังสือไม่เยอะและเป็นไม่ที่นิยมขนาดนั้น ถ้าขายของสนพ.อื่นๆด้วย - ส่วนลดก็ลดได้จำกัดเพราะมีต้นทุนที่รับมา ลดได้อย่างมากก็เท่าๆกับบูทของสนพ.เอง - คนส่วนมากตรงไปที่บูทของสำนักพิมพ์โดยตรงมากกว่า เพราะแม้ราคาเท่ากันแต่โปรโมชั่นอื่นๆดีกว่า มีให้เลือกครบกว่า มีของแแถม พนักงานเทรนมาดี รู้จักหนังสือของตัวเองทุกเล่ม - เจอร้านหนังสือจากจตุจักรขายแข่ง ไม่รู้รับราคาไหนมา หรืออาจจะได้ค่าเช่าบูทถูก(อยู่โซน C1) ลดได้เยอะกว่าสำนักพิมพ์ซะอีก  (อย่างนิยายภาษาไทยของอัมรินท์ สนพ.ลด 15% ร้านพวกนี้ลดได้ 20%) หนอนหนังสือตัวจริงตรงไปร้านพวกนี้หมด เพิ่มเติม แต่ในมุมมองผู้บริโภคหนอนหนังสือ งานมหกรรมหนังสือนี่มันยอดมาก.........สวรรค์ชัดๆ อยากไปกางเต๊นท์อยู่ในงานให้ครบทุกวัน แก้ไขเมื่อ 23 พ.ย. 55 13:25:20 แก้ไขเมื่อ 23 พ.ย. 55 13:07:54 จากคุณ : ouiya เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 55 13:01:24

ความคิดเห็นที่ 17 ช่วยเพิ่มเติมคุณ Ouiya ครับ สาเหตุที่แผงหนังสือในจตุจักรสามารถขายหนังสือในราคาถูกกว่าสำนักพิมพ์ได้ เพราะการ "แอบตัด" มาจากโรงพิมพ์ครับผม ซึ่งจะทำให้ได้หนังสือใหม่ในราคาถูกมาก ๆ ถูกกว่าสำนักพิมพ์ซึ่งเป็นผู้สั่งพิมพ์หนังสือเล่มนั้นเสียอีก ด้วยเหตุผลง่าย ๆ ว่า โรงพิมพ์ไม่ต้องแบกภาระ "ค่าตอบแทนนักเขียน" กับ "ค่าจัดหน้าจัดรูปเล่ม วาดภาพประกอบ ฯลฯ ซึ่งเรียกรวม ๆ ว่า ค่าจัดการสำนักพิมพ์" ครับ  (ยิ่งหนังสือที่ขายได้ตลอด อย่างเพชรพระอุมา กับ สามก๊ก นะ  ไปหาตามหลานหลวงกับจตุจักร ถูกกว่าซื้อกับสำนักพิมพ์อีกครับ) ในขณะที่ส่วนหนึ่งก็มีเรื่องของ กลุ่มโจรขโมยหนังสือตามใบสั่ง ซึ่งเน้นขโมยร้านใหญ่ในห้าง ซึ่ง SE-ED ก็โดนพวกนี้ถล่มซะแทบร้องไห้เหมือนกัน ที่เหลือของหนังสือถูก คือหนังสือที่ขายไม่ได้ ซึ่งมักจะค้างอยู่ที่สำนักพิมพ์หรือไม่ก็ที่สายส่งครับ ตรงนี้มักจะนำไปใส่กะบะขายลดราคาได้ในราคาที่ถูกลงมาก ๆ เช่นกัน SE-ED นั้น มีสำนักพิมพ์ที่ผลิต Magazine อยู่บ้าง แต่ความจริงข้อหนึ่งของ Magazine คือ ราคาขาย มักจะถูกกว่าต้นทุนการตีพิมพ์ สิ่งที่จะประคอง Magazine ได้ ก็คือ โฆษณา ครับ  ในส่วนนี้ SE-ED แทบไม่มีโฆษณาใน Magazine เลย   เมื่อเทียบกับ Magazine ที่ต่อให้แจกฟรีก็ยังกำไรอย่าง aday นี่ มันช่างแตกต่างกันมากครับ (อย่าง a day นั้น นอกจาก โฆษณานั้น ยังมีการรับผลิตสื่อประชาสัมพันธ์ให้กับหน่วยงานภาครัฐ/รัฐวิสาหกิจอีกพอสมควรด้วย) เรื่องของสำนักพิมพ์ ซึ่งเสมือนกับ house brand ของธุรกิจค้าปลีกหนังสือ ขอให้ลองนึกเปรียบเทียบกับ APRINT จะช่วยให้เห็นภาพที่ชัดขึ้นครับ อีกส่วนหนึ่งคือ SE-ED ขาดเรื่องโรงพิมพ์ครับ ธุรกิจโรงพิมพ์นั้น อาจจะไม่ใช่ธุรกิจที่สร้างกำไรได้มาก แต่เป็นธุรกิจที่จะช่วยควบคุมต้นทุนให้กับการผลิตหนังสือมาก ๆ  ข้อนี้ขอให้นึกถึง "สำนักพิมพ์ไพลิน" ซึ่งมีโรงพิมพ์ สำนักพิมพ์ คลังเก็บหนังสือและจุดขายหนังสือ อาจจะช่วยให้เห็นภาพมากขึ้นครับ ปัญหาสุดท้าย คือท่าทีของ SE-ED ในช่วงสามสี่เดือนที่ผ่านมา ที่ผิดพลาดในการแสดงท่าทีเป็นปฏิปักษ์กับสำนักพิมพ์รายย่อย แล้วเกิดการรณรงค์ให้งดซื้อหนังสือในร้าน SE-ED (ตอนแรกก็รณรงค์ให้งดซื้อหนังสือในร้านนายอินทร์ด้วย แต่ทาง APRINT ออกจดหมายขอถอนตัว เป้าเลยพุ่งสู่ SE-ED อย่างเต็มที่) นี่คือส่วนของ ภาพลบ ที่ผมนึกออกนะครับ ในส่วนของภาพดีนั้น ผมเห็นด้วยกับหลายท่านว่า SE-ED มีหน้าร้านที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ ถ้า SE-ED เปิดจองอะไรผ่านหน้าร้านตัวเอง รับรองว่า ทำได้พร้อมพรีบทั่วประเทศแน่ ๆ น่าเสียดายว่าศักยภาพตรงนี้ของ SE-ED กลับไม่ถูกนำมาใช้เลยแม้แต่น้อย   ทั้ง ๆ ที่ เมื่อเราหิว เรานึก 7-11 ได้ แต่เวลาอยากดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ ซื้อตั๋วคอนเสริ์ต กลับไม่สามารถนึกถึง SE-ED ได้ อันนี้ก็น่าเสียดายครับ ศักยภาพตรงนี้ มีต้นทุนเรื่องค่าจัดการและค่าจ้างค่อนข้างสูง เมื่อใช้ได้ไม่เต็มที่ ก็ยิ่งน่าเสียดายเข้าไปอีก เฮ้อ เอาล่ะ  พบกันที่ 8 บาทนะครับ แล้วถ้ามีโอกาส ค่อยไปเจอกันในการประชุมผู้ถือหุ้นนะครับผม แก้ไขเมื่อ 23 พ.ย. 55 18:03:41 จากคุณ : @power เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 55 15:56:36

ความคิดเห็นที่ 18 ผมส่งลิ้งนี้ ไปให้ IR แล้วนะครับ จากคุณ : dr_piggy เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 55 20:35:28

ความคิดเห็นที่ 19 เพิ่มเติมความเห็นครับ ระบบบัตรสมาชิก สะสมแต้ม ระบบ log-in ซืื้อของทางเน็ต ควรทำให้เป็นมาตรฐาน เข้าใจง่าย และน่าดึงดูดครับ ตอนนี้เหมือน ระบบบัตรสมาชิกกับระบบ log-in ซืื้อของทางเน็ต จะแยกกัน อยากให้ sync กันดีๆ เว็บไซต์ ไม่สวยครับ อยากให้ design เว็บใหม่ ถ้าทำเว็บสวยๆ จะช่วยให้มีลูกค้าซื้อของทางเน็ตมากขึ้น เว็บไซต์ อยากให้ทำ marketing ดีๆ แบบของอเมซอนครับ ให้ผู้ใช้ comment, ให้ rating ได้ และควรทำแบบ ขายยกเซตราคาถูกครับ  จากคุณ : dr_piggy เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 55 23:10:52

ความคิดเห็นที่ 20 IR  แจ้งมาว่า ส่งลิ้งนี้ ไปให้ ผู้บริหารแล้วนะครับ ขอบคุณทุกความเห็นครับ จากคุณ : dr_piggy เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 00:57:12

ความคิดเห็นที่ 21 บัตรสมาชิก --รู้สึกได้ยากกว่าร้านอื่นเค้านะ ผลตอบแทนลดราคาก็น้อยนิด ดูแล้วคงไม่คิดจะเพิ่ม เต็มที่ลด5เปอร์นี่ละ ลูกค้ามีทางเลือกนะครับ แม้ยิ่งนานทางเลือกก็ยิ่งเยอะขึ้นด้วย สามารถสั่งซื้อหนังสือได้ก็จริง แต่โดยรวมต้องเป็นหนังสือใหม่ -หนังสือเก่ามักไม่มี   -หนังสือแบบหลายเล่ม ก็มีไม่ครบ<ไม่รู้จะซื้อไปทําไหม> ตรงนี้ซีเอ็ดไม่รู้ทําหน้าที่ติดต่อสํานักพิมพ์ให้จัดส่งไปบ้านผู้ซื้อเลยได้ไหม โดยซีเอ็ดรับเงินไปก่อนเลย---ทําเป็นคนกลาง ไม่งันต่อไปสํานักพิมพ์ต้องดิ้นหาทางโดยออกมาขายเองอยู่ดี น่าจะมีพันธมิตรสํานักพิมพ์ที่คนนิยมหน่อย มาร่วมด้วยก็ดีมั้ง เพราะดูไม่มีหนังสือเป็นของตัวเองเลย ถ้าในร้านซีเอ็ดจะมีสื่อโฆษณาก็ได้นะ ไม่เห็นเป็นไรนะ คนเข้าไปอยู่ในนั้นนานพอ แต่คัดมาเนียนๆหน่อย  เหมือนเครื่องประดับ ไม่ให้สดุดตาเกินไปเพราะไงก็ร้านหนังสือ แก้ไขเมื่อ 28 พ.ย. 55 05:09:13 แก้ไขเมื่อ 28 พ.ย. 55 05:00:03 จากคุณ : ไม่ได้มีสิบมือ เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 04:56:35

ความคิดเห็นที่ 22 เท่าที่รู้ se-ed เคยทำ app ซื้อของผ่าน iphone แต่ประมาณว่าถูกยกเลิกไปหรือไม่พัฒนาต่อประมาณนี้ครับ จากคุณ : Morigan เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 09:45:19

ความคิดเห็นที่ 23 ขอวิจารณ์ในฐานะลูกค้า (ไม่ได้ถือหุ้น) 1. รู้สึกว่าผู้บริหารอิ่มตัวแล้ว ไม่ค่อยสนใจพัฒนาอะไรเท่าไหร่ ไม่มีแผนขยายตลาด ทำกิจกรรม ฯลฯ อยู่ไปเรื่อยๆ สาขาก็เปิดเพิ่มแหละ เกาะไปกับการเปิดสาขาใหม่ของห้างต่างๆ แต่แค่นั้น ไม่มีอะไรใหม่ เอาง่ายๆ เป็นสมาชิกมาตั้งหลายปี ทั้งที่ร้านทั้งในเวป แต่ไม่เคยได้จดหมายข่าวอะไรเลย (เทียบกับ cu book แค่สมัครสมาชิกไม่เคยซื้อ แต่ยังได้ email ข่าวเป็นระยะๆ, อีกร้านนึงเคยซื้อครั้งนึงตั้งหลายปีแล้ว แต่ทุกวันนี้ยังได้เมล์แจ้งรายการหนังสือใหม่มาทุกสัปดาห์) 2. เวปออนไลน์ หนังสือเยอะดี แต่การจัดหมวดหมู่ดูยาก ถ้ามีหนังสือที่่อยากได้อยู่แล้ว เข้าไปหาสั่งซื้อได้ แต่ระบบค้นหายังไม่ฉลาดเท่าไหร่ ต้องพิมพ์ชื่อเป๊ะๆ ถึงจะเจอ และถ้าอยากหาอะไรอ่าน ไปดูหนังสือออกใหม่อะไรแบบนี้ ไม่ค่อยเวิร์ค หนังสือมันมั่วไปหมด ไม่มีตัวคัดกรองดูเฉพาะหนังสือแนวที่สนใจ (แล้วเมนูข้างๆ ไม่รู้จะแยกทำไมระหว่างหนังสือ สนพ.อื่น กับของซีเอ็ดเอง คนซื้อเขาไม่สนหรอก) 3. App บนแท็บเล็ต หนังสือ e-book ทั้งหลายน่ะน่าจะเข้ามาทำได้แล้ว ตัวเองเปิดร้านหนังสือขายที่ใหญ่ที่สุดแท้ๆ แต่ปล่อยให้เจ้าอื่นไปคุยได้ว่าเขาเป็นร้าน e-book ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ผู้บริหารเคยให้สัมภาษณ์ว่ามันยังโตยาก โง้น งี้ งั้น ก็จริงอยู่  แต่มันก็เป็นตลาดที่ไม่ควรมองข้าม และควรจะเข้ามาก่อนในฐานะผู้นำตลาด ไม่ใช่รอให้โตแล้วค่อยเข้ามา หนังสือที่ตัวเองพิมพ์ขายเองก็เยอะ น่าจะปล่อยมาทำ e-book ลองขายดูบ้าง ต้นทุนส่วนเพิ่มก็ไม่เยอะเลยแต่ไม่ทำ (เป็นเหตุผลอีกอย่างที่คิดว่าผู้บริหารคงจะสนใจไปทำโรงเรียนซะมากกว่าแล้วมั้งในตอนนี้) จากคุณ : TingTing เขียนเมื่อ : วันลอยกระทง 55 11:51:10