ถึงพ่อแม่จะรวยอย่างไร ลูกมีน้ำใจกับพ่อแม่บ้างไหม อาตมาไปสหรัฐอเมริกา
รัฐลอสเองเจลิส เขามาทำบุญให้พ่อแม่ของเขาในเมืองไทยที่พิษณุโลก เขารวยอยู่ที่อเมริกา
หลวงเตี่ย( พระธรรมราชานุวัตร ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระเชตุพน วิมลมังคลาราม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร )ก็ถามว่า
" ส่งแม่บ้างไหมนี่ "
เขานิ่ง เพราะไม่เคยส่งเลย
อีกคนหนึ่งตอบว่า" หลวงพ่อเจ้าคะ หลวงเตี่ยเจ้าคะ คุณแม่รวย แล้วคุณพ่อก็รวยอยู่พิษณุโลก ไม่ต้องส่ง "
อาตมาเสียใจแทนเหลือเกินนะ พ่อแม่รวยอย่างไรก็ต้องส่ง
อีกคนหนึ่งเป็นคนโต กำลังเป็นโรคมะเร็ง ร้องไห้เลย เพราะไม่เคยส่งไปให้แม่
ลูกอะไรไม่นึกถึงบุญคุณพ่อแม่เลย ไม่กตัญญูต่อบรรพบุรุษบ้าง หรือ นี่อยู่สหรัฐอเมริกา มา ๑๕ ปีแล้ว
ขอฝากญาติโยมไว้ บรรพบุรุษคือพ่อแม่ เป็นพระอรหันต์ของลูก ไม่ต้องไปตามพระอรหันต์ที่ไหนหรอก
เหลียวดูพ่อแม่ในบ้านบ้าง โยมทุกคนที่เป็นพ่อแม่ อย่าเอาบุญคุณกับลูก เลี้ยงเอาบุญอย่างเดียว
ไม่ต้องเอาคุณมาตอบแทน จะเสียใจภายหลัง คนเดี๋ยวนี้มีน้อยเหลือเกินที่จะกตัญญูต่อพ่อแม่
อาตมาตั้งแต่คอหักมา หายใจทางสะดือ พองหนอยุบหนอ คิดถึงแม่ทุกวัน หายใจเข้าก็คิดถึงแม่
หายใจออกก็คิดถึงแม่ เพราะเราอยู่ในท้องแม่กินเลือดเนื้อแม่ทางสะดือ แต่คนเราไม่ได้เคยคิดเลย
พ่อแม่เลี้ยงลูกเหมือนปลูกต้นโพธิ์ เมื่อใหญ่เมื่อโตจะได้อาศัย ถึงคราวเจ็บจะฝากไข้ ถึงคราวตายจะได้ฝากผี ดีๆ เอาไว้รับใช้สอย
โยมจำอาตมาไว้ คนแก่ว้าเหว่ ปู่ย่าตายาย พ่อแม่ที่แก่แล้วว้าเหว่ตลอดชาติ
ลูกไม่มาหาหลานไม่มาสู่ พ่อแม่ก็หมดกำลังใจ ปู่ย่าตายายไม่มีกำลังใจ
พอเห็นลูกมาหา หลานมาสู่ ชื่นอกชื่นใจ ไม่ว้าเหว่แต่ประการใด
ตรงนี้เป็นกำลังใจให้แก่บรรพบุรุษ เป็นกำลังใจต่อผู้สูงอายุ พอสูงอายุแล้วเป็นอย่างนี้ทุกคน
ลักษณะผู้สูงอายุมีดังนี้
๑. ชอบทานของขมๆ ต้มๆ เลียงๆ พอเลี้ยงอาตมา ไม่ชอบของเปรี้ยวหวานมันเค็ม
๒. ชอบชมความงามของลูกหลาน เห็นลูกหลานสวย น่ารัก ได้ปริญญา มีหลักฐาน มีงานทำก็ชื่นใจ
๓. ชอบท้าวความหลัง คนสูงอายุไม่อยากอยู่กับเด็ก คุยกันไม่รู้เรื่อง ชอบท้าว
ความหลังว่าไปอยู่เมืองจีนมาด้วยกัน ไปอยู่อเมริกาด้วยกันก็คุยกันรู้เรื่อง
ผู้สูงอายุที่มีคุณธรรม จะไม่บ่นจู้จี้ด่าว่าลูกหลานแต่ประการใด
จะเป็นผู้มีรัตตัญญูรู้กาลเวลา เหมือนมีชั่วโมงบินมาก
คนโบราณชอบพูดว่า หนูอย่าดูถูกฉันนะ ฉันอาบน้ำร้อนมาก่อนหนูนะ หนูเพิ่งอาบ
น้ำร้อนทีหลัง ก็ยังไม่เข้าใจคำนี้แต่ประการใด
มีข้าราชการทหารระดับนายพลคนหนึ่ง พอถึงวันเกิดฆ่าหมู ฆ่าเป็ด ฆ่าไก่ ผู้ใต้
บังคับบัญชามาช่วยกันมาก มีบุตร ๖ คน ถือกระบี่ มีปริญญาหมด
อาตมาไปงานวันนั้นก็ถามว่า " ท่านนายพล คุณแม่ท่านยังอยู่ไหมนี่ "
เขาตอบว่า " ยังอยู่ครับอายุ ๘๔ ปีแล้วครับ "
อาตมาถามว่า " เคยไปหาบ้างไหม "
เขาตอบว่า " ๔ ปีแล้วครับหลวงพ่อ ไม่เคยไปหาแม่เลย "
วันเกิดไม่เคยคิดถึงแม่เลยนะ กองนี้หมูหัน กองนี้ไก่ย่าง ฆ่าไก่ แล้วย่างนำมาทานกันเป็นโต๊ะๆ
เขาถามว่า " หลวงพ่อว่าอย่างไรนะครับ "
อาตมาก็ บอกว่า " อย่าเพิ่งโกรธอาตมานะ ตำราของอาตมาได้มาจากพระพุทธเจ้า ถ้าเป็นวันเกิด
ลูกหลานได้ปริญญาทั้งนั้น แต่งตัวให้สวยเลย ไปหาคุณย่าที่พิษณุโลก คุณย่าอายุ
ตั้ง ๘๔ ปีแล้ว ตาก็ไม่ค่อยจะเห็น ใช้มือคลำแล้ว "
เขาตอบว่า "ไม่เป็นไรครับ ผมให้ทหารไปอยู่ช่วย "
อาตมาก็บอกว่า "ทหารอยู่ดีหรือ ทหารเป็นคนอื่นนะ ลูกหลานมิสนิทกว่าหรือ "
ตั้งแต่นั้นมาน้ำตาร่วงเลย เขาบอกว่า " แหม! หลวงพ่อ ผมได้คิดแล้ว ผมไม่เคย
ไปหาแม่ ๔ ปีแล้ว ไปต่างประเทศมา วันนี้ผมไม่ได้จัดหรอกครับ ลูกน้องจัดทั้งหมด "
งานนี้สมเด็จพระสังฆราชเสด็จ ด้วยอาตมาอยู่ท้ายแถวเห็นเหตุการณ์เฉพาะหน้าเสียใจ เศร้าสลดใจ
บอกเขาว่า " วันเกิดของท่าน คือ วันตายของแม่ท่าน พาหลานๆไปหาบ้างไม่ได้เหรอ
ถ้าท่านจะโกรธอาตมาก็เลิกคบกัน พูดอย่างดีๆแล้วไม่เข้าใจ "
จากคุณ :
สุเกียง
- [
19 ส.ค. 46 00:03:25
]