ความคิดเห็นที่ 5
บล.กิมเอ็ง: รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 08/09/46
สรุปปัจจัยกระทบตลาด/ประเมินแนวโน้มตลาด
( - ) ตลาดหุ้นสหรัฐฯเมื่อวันศุกร์ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลดลง 84.56 จุด หรือ 0.88% ปิดที่ 9,503 เช่นเดียวกับแนสแด็ก อ่อนตัวลง 10.85 จุด หรือ 0.58% ปิดที่ 1,858 เนื่องจากการประกาศตัวเลขการจ้างงานซึ่งปรากฏว่าแย่กว่าที่คาด โดยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือน ส.ค. ปรากฏว่าลดลงถึง 93,000 ราย นับว่าเป็นตัวเลขที่ลดลงมากสุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค. ที่ผ่านมา ในขณะที่นักวิเคราะห์ประเมินว่าจะเพิ่มขึ้น 12,000 ราย ทางด้านตัวเลขอัตราการว่างงานปรากฏว่าปรับดีขึ้นเป็น 6.1% จากเดือนก่อนที่มีอัตราการว่างงาน 6.2% ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ประกาศในสัปดาห์ก่อน
( +/- ) รัฐบาลจีนในปัจจุบันกำลังถูกกดดันจากหลายๆฝ่าย โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่ต้องการจะให้จีนปล่อยเสรีค่า 'เงินหยวน' ซึ่งช่วงที่ผ่านมาจีนได้ผูกติดระหว่างเงินหยวนและเงินดอลลาร์ ทำให้จีนจึงได้เปรียบในการแข็งขันเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ เนื่องจากค่าเงินหยวนที่อ่อนค่าตามดอลลาร์ ถ้าหากจีนมีการปล่อยเสรีค่า 'เงินหยวน' จริงเป็นที่คาดหมายว่าค่าเงินหยวนของจีนจะแข็งค่ามากขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลหลักๆ อันเนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาประเทศจีนมีการเกินดุลการค้าอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น หากจีนมีการลอยตัวค่าเงินหยวนน่าจะเป็นผลบวกต่อไทยเพราะจะทำให้ค่าเงินหยวนแข็งค่ามากขึ้น และสินค้าหลายรายการที่ไทยต้องการแข่งขันกับจีน
( + ) ความคืบหน้าการตั้งกองทุนวายุภักษ์ 1 ได้มีแนวคิดที่จะปรับเกณฑ์ใหม่ คือต้องการให้กระจายรายย่อยทั่วถึง โดยกำหนดราคาขายหน่วยละ 10 บาท จองซื้อขั้นต่ำ 1 พันบาท จากเดิม 5 หมื่นบาท และมีการการันตีผลตอบแทนได้ไม่น้อยกว่า 3% กำหนด เดินสายโรดโชว์ทั่วประเทศในเดือนนี้ ส่วนกอง 2 วางกลุ่มเป้าหมายผู้ออมรายใหญ่-นักลงทุนสถาบัน จองซื้อขั้นต่ำ 1-5 ล้านบาทขึ้นไป
( +/- ) นักลงทุนต่างชาติเมื่อวันศุกร์ซื้อสุทธิเพียงเล็กน้อย 32 ล้านบาท ซึ่งกราฟ Fund Flow ของต่างชาติข้างล่างรอบนี้แม้ว่าต่างชาติจะไม่ได้ผลักดันตลาดหุ้นไทย แต่ปรากฏว่านักลงทุนสถาบันรวมกองทุนเป็นกลุ่มที่ซื้อสุทธิที่สำคัญ ซึ่งเมื่อวันศุกร์ซื้อสุทธิสูงถึง 997 ล้านบาท ซึ่งรอบนี้นับตั้งแต่วันที่ 26 มิ.ย. 46 นักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิรวมแล้วเท่ากับ 8,380 ล้านบาท
ประเมินแนวโน้มตลาด : ตลาดหุ้นไทยเมื่อวันศุกร์สามารถทะลุระดับแนวต้านทางจิตวิทยาที่ 550 ขึ้นไปปิดที่ระดับ 557.81 เพิ่มขึ้น 12.38 จุด หรือ 2.3% นับว่าสามารถทำสถิติสูงสุดรอบ 5 ปีครึ่ง นับตั้งแต่เดือน ก.พ. 2541 ท่ามกลางวอลุ่มการซื้อขายที่หนาแน่นถึง 29,364 ล้านบาท ด้วยแรงหนุนของหุ้นในกลุ่มหลักๆ เช่น แบงก์ (+3.0%), วัสดุก่อสร้าง (+2.0%), เคมีภัณฑ์ (+4.2%), พลังงาน (+4.1%), เงินทุนหลักทรัพย์ (+3.1%), พัฒนาที่ดิน (+4.3%), ยานยนต์ (+3.0%) ซึ่งตลาดเมื่อวันศุกร์ได้แรงหนุนจาก การปรับตัวสูงขึ้นของตลาดหุ้นต่างประเทศ แรงซื้อของนักลงทุนสถาบัน การแข็งค่าของเงินบาท
กระแสตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ค่อนข้างร้อนแรง โดยในวันนี้ตลาดหุ้นในแถบเอเชียส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในทิสทางแคบๆหลังจากที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯทรุดลงเมื่อวันศุกร์ และ ตลาดหุ้นไทยเมื่อวันศุกร์วิ่งขึ้นแรงถึง 12.83 จุด จึงอาจจะมีแรงขายทำกำไรระยะสั้นสลับบ้าง แต่ปัจจัยในประเทศช่วงนี้ยังช่วยหนุนโดยเฉพาะประเด็นเรื่องการตั้งกองทุนวายุภักษ์ ซึ่งได้ปรับเกณฑ์ใหม่สามารถจองซื้อขั้นต่ำเพียง 1 พันบาท จะช่วยกระจายฐานของนักลงทุนกว้างมากขึ้น และ ในช่วงนี้หลายกองทุนได้เปิดตัวกองทุนใหม่ๆ ทำให้แรงซื้อของกองทุนเข้ามาช่วยหนุนตลาดหุ้นไทย
แม้ว่าในช่วงนี้แรงซื้อของนักลงทุนต่างประเทศจะชะลอตัวลง วันนี้มีด่านแนวต้านต่อไปที่บริเวณ 560-564 ซึ่งเป็นบริเวณจุดยอดเมื่อต้นเดือน ก.พ. ปี 2541 ส่วนแนวหนุนอยุ่ที่บริเวณ 550 ซึ่งเป็นแนวต้านที่ทะลุขึ้นมา
หุ้นปัจจัยพื้นฐานบางหลักทรัพย์ที่เราได้ศึกษาราคายังต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน เช่น TPC, TASCO, ADVANC, SHIN, TIPCO, SCC, SCCC, VNG, BEC, CPF, BBL
วันนี้เรามีบทวิเคราะห์ คือ 1.) STANLY แนะนำ 'ซื้อลงทุน' ราคาเหมาะสม 338 บาท 2.) TPC แนะนำ 'ซื้อ (STRONG BUY)' ราคาเหมาะสม 185 บาท
จากคุณ :
ฟ้าเวิ้ง
- [
8 ก.ย. 46 10:03:42
]
|
|
|