ความคิดเห็นที่ 29
อ่านสนุกมาก,ขอแจมด้วยครับ ผมเห็นด้วยว่าการเงินของโลกกำลังจะกลับเข้าสู่จุดสมดุลย์(ค่าเงินอยู่ในระดับที่แต่ละประเทศเกินดุล/ขาดดุลไม่มากนัก) ที่ผ่านมาผู้ที่ทำให้การเงินของโลกเอียงน่าจะเป็นยุ่นปี่เพราะค้าขายได้ดุลเดือนละหมื่นกว่าล้านดอลล่าร์ก็ไม่ยอมนำเงินกลับประเทศ...คงเป็นความยินยอมพร้อมใจของคนยุ่นปี่ส่วนใหญ่หลังสงครามโลกครั้งที่สอง....เมื่อคนอื่นห้ามยุ่นปี่สะสมอาวุธ,ยุ่นปี่ก็สะสมเงินดอลล่าร์เสียเลย แต่ตอนนี้ทุนนิยมได้ครอบงำโลก(หลังจีนและรัสเซียยอมรับทุนนิยมมากขึ้น)การพูดจาภาษาทุนนิยมได้แพร่หลายไปในวงกว้างโดยรัฐบาลประเทศต่างๆเป็นตัวแทนของทุนในประเทศ ดังนั้น -ประเทศที่ใกล้ชิดกับเรามากที่สุดดีที่สุดจริงใจที่สุด -ทุกประเทศต้องการกำจัดประเทศอื่นถ้าพบว่าขัดขวางผลประโยชน์ของตน(แต่คงต้องดีดลูกคิดก่อนว่าจะกำจัดอย่างไรดี...อาจใช้วิธีผูกมิตรก็ได้) -แต่การทิ้งค่าเงินดอลล่าร์ให้อ่อนลงอย่างรวดเร็วย่อมไม่เป็นผลดีกับใคร -ต้นเหตุของการเงินบิดเบี้ยวน่าจะเป็นยุ่นปี่ที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่จบสงครามโลกครั้งที่สองว่าจะขายให้มากซื้อให้น้อย...ต้องใช้วิธีเจรจาแกมขู่เงียบๆโดยอมาริเก -ดุลอำนาจโลกจะเปลี่ยนไป,อมาริเกจะใหญ่ขึ้นยิ่งมีกฎหมายเกี่ยวกับลิขสิทธิ์และสิทธิบัตรยิ่งได้เปรียบ(economy of knowhow)...เราควรคบไว้แบบมิตร(ไม่ใช่ลูกน้อง) -คนที่กำลังจะอดตายคือผู้ปฏิเสธทุนนิยมและผู้ด้อยโอกาสในทุนนิยม....โลกทุนนิยมมีคน4กลุ่มใหญ่คือรัฐ,เจ้าของกิจการ,ผู้ได้โอกาสในทุนนิยม(ceo,white collar,blue collar)และผู้ด้อยโอกาส(ผู้ว่างงานและผู้มีงานบ้างไม่มีบ้างเช่นเกษตรกร) -คนหรือประเทศที่ปฏิเสธทุนนิยมหรือกลายเป็นผู้ด้อยโอกาสในโลกทุนนิยมมีแนวโน้มที่จะก่อความวุ่นวายและก่อการร้ายมากกว่ากลุ่มอื่นๆ -แต่การกำจัดใครไม่ใช่การแก้ปัญหา,การเรียกร้องอย่างสันติให้ทั่วโลกดำเนินนโยบายsocial capitalismจะทำให้โลกนี้สงบสุขมากขึ้น social capitalismในความหมายของผมคือทุนนิยม(เจ้าของกิจการหรือประเทศ)ก็แข่งกันไปแต่ต้องเอื้ออาทรต่อคนกลุ่มอื่นหรือประเทศอื่นเช่นลิขสิทธิ์มอฟโคไซแทนที่จะคุ้มครอง50ปีก็ลดเหลือ20ปี,สิทธิบัตรยาต่างๆแทนที่จะคุ้มครอง20ปีก็ลดเหลือ10ปี,แข่งกันลดต้นทุนแบบไหนก็ได้แต่อย่าลดค่าจ้างบุคคลากร(ควรกำหนดเป็นสัดส่วนต่อยอดขาย)และอย่าทำลายสิ่งแวดล้อมฯลฯ มาช่วยคุณชอบอ่านคิดแค่นี้ก่อนครับ
จากคุณ :
think_pos
- [
14 ต.ค. 46 08:45:33
]
|
|
|