ความคิดเห็นที่ 2
6. การไถ่ถอน SLIPS/CAPS และหุ้นกู้ด้อยสิทธิจะเริ่มได้เร็วขึ้น การไถ่ถอน SLIPS/CAPS และหุ้นกู้ด้อยสิทธิจะเกิดขึ้นเร็วกว่าที่คาดประมาณ 2 เดือน TMB KBANK และ BAY มีความพร้อมแล้วที่จะไถ่ถอนตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุนและหุ้นกู้ด้อยสิทธิ โดยการไถ่ถอนจะเริ่มมีขึ้นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีนี้ซึ่งจะส่งผลทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิปรับเพิ่มขึ้นได้อย่างมากในปี 2547 (เพิ่มขึ้น 0.87% สำหรับ BAY , 0.66% สำหรับ TMB , และ 0.51% สำหรับ KBANK) - พฤศจิกายน 2546 : TMB จะไถ่ถอน Super CAPS มูลค่า 1.3 พันล้านบาท ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 11.5% - ธันวาคม 2546 : TMB จะไถ่ถอนหุ้นกู้ด้อยสิทธิจำนวน 6 พันล้านบาท ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 12.5% - ธันวาคม 2546 : BAY จะไถ่ถอนหุ้นกู้ด้อยสิทธิจำนวน 8 พันล้านบาท ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 12.5% - มกราคม 2547 : KBANK จะไถ่ถอน SLIPS มูลค่า 4 หมื่นล้านบาทซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 11% - มีนาคม 2547 : BAY จะไถ่ถอน SLIPS มูลค่า 2.6 หมื่นล้านบาทซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 11%
7. สภาวะตลาดที่ดีขึ้นจะสร้างโอกาสให้กับ BBL นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2547 เป็นต้นไป BBL จะสามารถใช้สิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ด้อยสิทธิแปลงสภาพจำนวน 1.15 หมื่นล้านบาท (จาก CAPS ทั้งหมด 4.6 หมื่นล้านบาท) ได้ โดยออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิดังกล่าวจะสามารถแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญได้ที่ราคาหุ้นละ 100 บาทหากราคาหุ้นเฉลี่ยสามารถทรงตัวอยู่ได้ที่ระดับ 120 บาทเป็นระยะเวลา 10 วันทำการ ความสำเร็จในการเพิ่มทุนของ BBL (ในราคาสูงถึง 100 บาท) จะช่วยเพิ่มมุมมองที่เป็นบวกต่อกลุ่มธนาคารเนื่องจาก BBL ถือเป็นหุ้นธนาคารขนาดใหญ่ 8.อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากเพิ่มขึ้น อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากค่อยๆปรับเพิ่มขึ้น หลังจากอัตราการเติบโตของสินเชื่อเริ่มสูงกว่าอัตราการเติบของเงินฝาก กองทุนวายุภักษ์ที่จะจัดตั้งขึ้นในไม่ช้า จะเป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ฝากเงิน โดยคาดว่า จะสามารถดึงสภาพคล่องส่วนเกินออกจากระบบได้ในเบื้องต้นจำนวน 1 แสนล้านบาท(ประมาณ 10% ของสภาพคล่องส่วนเกิน) 9.ราคาสินทรัพย์ที่สูงขึ้นช่วยลดความวิตกกังวลเกี่ยวกันการประเมินราคาสินทรัพย์ต่ำกว่าความเป็นจริง ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการด้อยค่าของหลักทรัพย์ค้ำประกันและอสังหาริมทรัพย์รอการขายของธนาคารต่างๆปรับลดลง เนื่องจากราคาอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยคาดว่า ผลขาดทุนเพิ่มเติมจากอสังหาริมทรัพย์รอการขาย จะมีจำกัด มูลค่าที่สูงขึ้นของหลักทรัพย์ค้ำประกัน จะทำให้อัตราการตั้งสำรองเผื่อหนี้สงสัยจะสูญตามเกณฑ์ขั้นต่ำของ ธปท.ปรับลดลง 10.คาดธนาคาร มีกำไรจากเงินลงทุนในหลักทรัพย์ที่ยังไม่ได้รับรู้ไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาท เราคาดว่าไม่ช้าตลาด จะหันมาให้ความสนใจกับมูลค่าซ่อนเร้นที่ยังไม่ได้เปิดเผยของธนาคารต่างๆมากขึ้น ความพยายามปรับโครงสร้างหนี้ที่ผ่านๆมาด้วยวิธีการแปลงหนี้เป็นทุนและสินทรัพย์รอการขายกำลังจะให้ผลตอบแทนแก่ธนาคารต่างๆในรูปของกำไรจากเงินลงทุนจำนวนมาก ในภาวะตลาดปัจจุบัน เราประเมินกำไรจากเงินลงทุนในหลักทรัพย์ที่ยังไม่ได้รับรู้ของกลุ่มธนาคารได้ไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาทหรือเท่ากับ 10%ของมูลค่าส่วนของผู้ถือหุ้น ณ ไตรมาส 2 ปี 2546 ของกลุ่มธนาคาร 11.ธปท.มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นในการกำกับดูแลกลุ่มธนาคาร ธปท.มีคำสั่งให้ TMB DTDB และ BT ตั้งสำรองเพิ่มจำนวนมากภายในปี 2546 เพื่อรองรับสินเชื่อที่ปรับโครงสร้างแล้วแต่มีคุณภาพต่ำ การกำกับดูแลกลุ่มธนาคาร โดยการตรวจสอบระดับการตั้งสำรองของธนาคารต่างๆ อย่างเข้มงวด ทำให้ธนาคารส่วนหนึ่งถูกสั่งให้ตั้งสำรองเพิ่มขึ้น ซึ่งแนวโน้มเช่นนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นต่อเนื่องไปอีกหลังจากปี 2546และที่สำคัญที่สุด ก็คือการเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นการสะท้อนถึงการเคลื่อนไหวไปข้างหน้าของ ธปท.ในการแก้ไขประเด็นที่อาจจะกลายเป็นปัญหาในอนาคตได้ ประสิทธิภาพที่ดีขึ้นในการกำกับดูแลกลุ่มธนาคาร จะช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มธนาคารได้ 12.การรับซื้อ NPA อีกรอบ ธปท. อาจจะเข้าซื้อ NPA จำนวน 4 แสนล้านบาท จากธนาคารพาณิชย์ภายในปีนี้ และเนื่องจากธนาคารต่างๆ จะเข้าร่วมโครงการก็ต่อเมื่อเห็นว่าตนจะได้รับประโยชน์ ดังนั้นมาตรการนี้จะส่งผลในด้านบวกต่อกลุ่มธนาคาร 13.ผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2546 จะออกมาแย่สุด-และแนวโน้มน่าจะดีขึ้น เราคาดว่าธนาคารต่างๆ จะมีอัตราการเติบโตของกำไรอย่างมากในปี 2547 โดยเฉพาะธนาคารที่มี สลิปส์-แคปส์ เราคาดว่ากลุ่มธนาคารจะมีอัตราการเติบโตของกำไรที่ 121% ในปี 2547 โดยได้รับการสนับสนุนการขยายตัวของสินเชื่อในอัตราเร่ง ต้นทุนทางการเงินลดลงหลังการไถ่ถอนตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน และค่าใช้จ่ายตั้งสำรองที่ลดลง ผลประกอบการที่คาดว่าจะออกมาแย่ในไตรมาส 3 ปี 2546 น่าจะถูกมองว่าเป็นโอกาสในการเข้าซื้อหุ้นกลุ่มธนาคาร 14.ตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับการลงทุนที่จะได้รับผลดีจากการขยายตัวของเศรษฐกิจบนพื้นฐานของอัตรการเติบโตอย่างต่อเนื่องของ GDP ในปี 2547 กลุ่มธนาคารจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดที่นักลงทุนต่างชาติจำนำเงินเข้ามาลงทุนจำนวนมาก กลุ่มพลังงานจะให้ผลตอบแทนในรูปเงินปันผลมากกว่า ในขณะที่แนวโน้มของกลุ่ม สื่อสาร จะขึ้นอยู่กับการปฏิรูปธุรกิจสื่อสาร ส่วนกลุ่มเงินทุนมีแนวโน้มการเติบโตของกำไรไม่ดีนัก(ยกเว้นไม่กี่บริษัท)และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคก็เป็นกลุ่มที่มีขนาดเล็กเกินไป กลุ่มที่คาดว่าจะให้อัตราผลตอบแทนที่ดีมากอีกกลุ่มคืออสังหาริมทรัพย์และวัสดุก่อสร้าง(ซึ่งจะถูกรวมเป็นกลุ่มเดียวกันตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นไป) 15. กลุ่มธนาคารมีการปรับตัวช้ากว่าตลาด(Laggard Sector) กลุ่มธนาคารมีการปรับตัวช้ากว่าตลาดมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2546 ซึ่งถือเป็นเป้าหมายที่ดีสำหับการหมุนเวียนมาลงทุนในกลุ่มนี้ 16. ความวิตกกังวลเรื่องเพิ่มทุนหมดไป หลังจากการเสนอขายหุ้น PO ในธนาคารเอกชน (BAY) และธนาคารที่รัฐบาลให้ความสนับสนุน (TMB) เสร็จสิ้นลง ทำให้ KTB เป็นธนาคารแห่งสุดท้ายที่จะเสนอขายหุ้น PO ในปีนี้ การที่ KTB เป็นหุ้นธนาคารที่ได้รับความสนใจจากตลาดน้อยกว่าหุ้นของธนาคารอื่นๆ หมายถึงการมีความเสี่ยงน้อยในการที่นักลงทุนจะ Switch ออกจากหุ้นธนาคารอื่นๆที่ถืออยู่ในปัจจุบัน การคาดการณ์ถึงความพยายามของรัฐบาลในการรับซื้อหุ้นในส่วนที่ไม่มีการจองซื้อ จะช่วยลดความวิตกของนักลงทุนในตลาดได้ 17.น้ำหนักของประเทศไทยในตลาดภูมิภาคจะปรับเพิ่มขึ้น Market cap ตลาดจะใหญ่ขึ้น เมื่อรวมหุ้นของกฟผ.และเบียร์ช้างแล้ว คาดว่า Market cap ของตลาดจะใหญ่ขึ้นไม่ต่ำกว่า 12% และมีแนวโน้มที่จะทำให้น้ำหนักของประเทศไทยในดัชนี Far East MSCI ปรับเพิ่มขึ้นด้วย การมีหุ้น Free float ของKTBในตลาดมากขึ้นจะช่วยเพิ่มน้ำหนักของกลุ่มธนาคารใน MSCI ได้ แต่เนื่องจากพื้นฐานของ KTB ยังด้อยกว่าธนาคารอื่นๆ ดังนั้นธนาคารอื่นๆอาจได้รับประโยชน์ทางอ้อมจากการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนของกลุ่มธนาคาร 18.รัฐบาลสนับสนุนให้มีการควบรวมกิจการ การที่รัฐบาลให้การสนับสนุนการควบรวมกิจการในกลุ่มธนาคาร จะหมายถึงการแข่งขันที่น้อยลงในอนาคต ในขณะเดียวกันก็จะช่วยสร้างโอกาสเก็งกำไรในหุ้นที่เป็นเป้าหมายของการควบรวมกิจการด้วย ตัวอย่างในกรณีนี้ได้การควบรวมกิจการของ BT และ IFCT 19.การเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของกลุ่มธนาคาร มูดี้ส์ และ S&P กำลังพิจารณาทบทวนปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของธนาคารพาณิชย์ไทย 20. 20เหตุจูงใจให้ซื้อบงก์ ดูดีกว่า 19 เหตุจูงใจให้ซื้อแบงก์
จากคุณ :
โจโฉมาเอง
- [
9 ต.ค. 46 20:40:07
]
|
|
|