ความคิดเห็นที่ 3
ขอบคุณคุณMark-setที่ช่วยวิเคราะห์ครับ ผมเห็นด้วยว่าญี่ปุ่นยังมีปัญหาอยู่แต่เป็นปัญหาที่บรรษัทใหญ่ๆได้ประโยชน์...แรงงานภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นส่วนใหญ่ยินดีรับค่าจ้างเมื่อเทียบเป็นดอลล่าร์ถูกกว่าสหรัฐและยุโรป(ยิ่งเทียบกับค่าครองชีพยิ่งนับว่าถูกมาก)...นั่นคือสาเหตุที่ญี่ปุ่นเกินดุลบัญชีเดินสะพัดตลอดทั้งที่คนญี่ปุ่นไม่มั่นใจในเศรษฐกิจของตนเอง(ก็ได้ค่าแรงน้อยมากเมื่อเทียบกันค่าครองชีพ)...คนญี่ปุ่นบางคนมาค้นหาอิสรภาพ(ทางการเงิน)ภายนอกประเทศพบว่าประเทศไทยน่าอยู่มาก..(ครูญี่ปุ่นคนหนึ่งได้ทิ้งเงินเดือน30000บาทต่อเดือนมาอยู่กับญาติผมที่จังหวัดเลย,รับสอนภาษาญี่ปุ่น...รายได้ไม่มากแต่ค่าใช้จ่ายน้อยมาก,มีเงินเหลือเก็บ) อย่าแปลกใจที่ตัวเลขล่าสุดพบว่าคนญี่ปุ่นมีอัตราการออมต่ำลงมาก,ส่วนหนึ่งเพราะไม่มีเงินเหลือ(ค่าครองชีพสูง)อีกส่วนเพราะดอกเบี้ยเงินฝาก0%...ทั้งหมดนี้บรรษัทได้ประโยชน์,ต้นทุนค่าจ้างต่ำและต้นทุนเงินกู้ต่ำแถมรัฐบาลยังยอมขาดดุลงบประมาณ(เก็บภาษีน้อย)...แบบนี้จะไม่ให้สินค้าอุตสาหกรรมญี่ปุ่นชนะยุโรปและสหรัฐได้อย่างไร...แต่สินค้าเกษตรอย่างไรก็สู้ไม่ได้เพราะภูมิประเทศและภูมิอากาศไม่เอื้ออำนวย(ไทย,สหรัฐฯลฯได้เปรียบมาก) ผมถึงคิดว่าปัญหาตอนนี้อยู่ที่แรงงานภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นขยันขันแข็งมากเมื่อเทียบกับค่าจ้างที่ได้รับ...ถ้าบรรษัทยอมจ่ายค่าจ้างมากขึ้น(แทนที่จะปล่อยให้ค่าเงินแข็งขึ้น)น่าจะช่วยได้หลายอย่าง 1.เศรษฐกิจโลกจะสมดุลมากขึ้นเพราะโตโยต้า,ฮอนด้าจะแพงขึ้น ฟอร์ดจะได้ขายได้มากขึ้น 2.กำลังซื้อในญี่ปุ่นจะมากขึ้น(จากค่าจ้างที่ได้รับเพิ่ม)เศรษฐกิจฟื้นได้ระดับหนึ่ง 3.ภาคเกษตรของญี่ปุ่นไม่ได้รับผลกระทบจากค่าเงินแข็งขึ้น ทั้งนี้ทั้งนั้นการขึ้นเงินเดือนต้องไม่ได้ควบคู่ไปกับการปลดพนักงาน..ที่จริงโลกใบนี้มันยุ่งยากก็เพราะนายทุนเจ้าของกิจการผู้บริหารพยายามแข่งขันกันผลิตสินค้าในราคาที่คุ้มค่าให้คนซื้อ...พอแข่งกันมากๆก็ลดต้นทุน..ลดต้นทุนด้านอื่นไม่ค่อยกระทบเศรษฐกิจ...แต่พอลดต้นทุนบุคคลากร,กำลังซื้อก็ลดลง...ควรมีข้อตกลงในระดับประเทศหรือระดับโลกว่าต้นทุนบุคคลากรในแต่ละประเภทอุตสาหกรรมควรเป็นกี่เปอร์เซนต์ของยอดขาย(แบบนี้social capitalismของจริง) ยกตัวอย่างห้างสรรพสินค้าที่แข่งกันน่าดูพวกยักษ์ใหญ่พยายามใช้คนคุ้มค่าที่สุดต้นทุนบุคคลากรต่อยอดขายต่ำมากๆ,แบบนี้จะพากันไปเจ๊งเพราะถ้าทุกคนทำแบบนี้คนตกงานจะมากขึ้นๆ...จะเอากำลังซื้อมาจากไหน..รัฐบาลควรออกกฎกระทรวงดูแลเรื่องต้นทุนบุคคลากรดีกว่าออกกฎกระทรวงดูแลพื้นที่ตั้งห้าง...เพราะอย่างหลังทำให้นายทุนอีกกลุ่มได้ประโยชน์แต่อย่างแรกทำให้แรงงานได้ประโยชน์ แต่บางธุรกิจต้องตกลงกันในระดับนานาชาติเพราะถ้าไทยทำประเทศเดียวนา่ยทุนก็ย้ายฐานการผลิตเช่นไปกำหนดว่าอุตสาหกรรมรถยนต์ต้องมีต้นทุนบุคคลากรเท่านั้นเท่านี้ไม่ได้...แบบนี้ต้องตกลงกันในเอเปคว่าอย่าลดต้นทุนบุคคลากรกันนักเลย...คนตกงานมากๆไม่มีอะไรทำก็จะมาก่อความวุ่นวาย,บางคนอาจไปเข้ากลุ่มอาชญากรรมหรือกลุ่มก่อการร้ายก็ได้ครับ
จากคุณ :
think_pos
- [
12 ต.ค. 46 11:49:10
]
|
|
|