ปัณหาอยู่ที่แรงงานภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น(ดีเกินไป)

    โลกนี้ไม่สมดุลทางเศรษฐกิจเพราะญี่ปุ่นเกินดุลบัญชีเดินสะพัดมากเกินไป...หลายคนบอก,ถ้าค่าเงินญี่ปุ่นแข็งขึ้นก็คงจะดี(จะได้เกินดุลบัญชีเดินสะพัดน้อยลง)..แต่ถ้ามองภาพรวมการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดที่น้อยลงจากค่าเงินแข็งขึ้น,ภาคอุตสาหกรรมส่งออกน้อยลงบ้าง(พอไหว)แต่ภาคเกษตรกรรมญี่ปุ่นคับขัน(ยิ่งต่อไปตั้งกำแพงภาษีและให้เงินอุดหนุนได้ยากขึ้น..แข่งขันกับสินค้าเกษตรประเทศอื่นไม่ได้แน่)
    มองดูที่ภาคอุตสาหกรรม,ตอนนี้ญี่ปุ่นชนะประเทศอื่นๆเพราะแรงงานยอมรับค่าจ้าง(เมื่อเทียบเป็นดอลล่าร์)ที่ถูกกว่าประเทศอุตสาหกรรมอื่นแถมยังขยันขันแข็งจริงๆ
    ถ้าจะให้สมดุลแบบภาคเกษตรไม่เดือดร้อน,บริษัทญี่ปุ่นควรขึ้นค่าแรงให้แรงงานภาคอุตสาหกรรมดีกว่าการยอมให้เงินเยนแข็งขึ้นแล้วภาคเกษตรเดือดร้อน
    สำหรับไทยเิงินบาทค่อยๆแข็งค่าขึ้นจะดีเพราะเรายังต้องซื้อน้ำมันและเทคโนโลยีจากต่างประเทศแต่พร้อมๆกับการแข็งค่าขึ้นของเงินบาทบริษัทส่งออกหลายๆแห่งต้องปรับตัว
    ภาคเกษตรต้องมีประสิทธิภาพในการผลิตสูงขึ้นซึ่งไทยได้เปรียบประเทศอื่นในด้านภูมิประเทศและภูมิอากาศอยู่แล้ว,ถ้าตั้งใจทั้งภาครัฐและเอกชนเรายังสู้ได้อีกนาน
    ภาคอุตสาหกรรมมีแบรนด์ของตนเองต้องเจาะตลาดและสร้างความโดดเด่นของสินค้ามากขึ้น...ผมยังเชื่อมั่นว่าอุตสาหกรรมอาหารแปรรูปของเรายังสู้ต่างชาติได้ในเรื่องต้นทุนวัตถุดิบและความหลากหลายของผลิตภัณฑ์แต่ต้องพัฒนาต่อเนื่องครับ
    ภาคอุตสาหกรรมที่รับจ้างผลิตต้องให้คำตอบผู้จ้างได้ว่าทำไมยังต้องใช้ไทยเป็นฐานการผลิตซึ่งภาครัฐต้องช่วยหาคำตอบให้ผู้จ้างด้วย
    อุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการคงเหนื่อยมากขึ้นอีกนิดแต่คงสู้ไหว
    ทั้งหมดนี้หว้งว่าเงินบาทไทยจะแข็งค่าพร้อมๆกับดุลบัญชีเดินสะพัดที่ไม่ลดลงมากนัก....ผมยังมั่นใจประเทศไทยครับ
    ป.ล.ผมจำได้ว่าตอนเด็กๆเงิน๑๐๐เยนเท่ากับ๔บาท,ตอนนี้เงิน๑๐๐เยนเท่ากับ๓๖บาทญี่ปุ่นก็ยังได้ดุลไทย!!?!...ญี่ปุ่นทำได้(เงินแข็งขึ้นก็ยังเกินดุล)เราก็ต้องทำได้สิครับ

    จากคุณ : think_pos - [ 11 ต.ค. 46 22:56:07 ]