มนุษย์หุ้น(ขอยืมคำ คุณ คลาย เครียด มาใช้หน่อยนะครับ)หลายๆท่าน มีความแตกต่างที่สำคัญกันอย่างมากประการหนึ่งคือ ประสพการณ์ที่ได้รับโดยตรงจากหุ้นแต่ละตัว บางท่านอย่าง คุณ คลาย เครียด รู้จักหุ้นแทบทุกตัวในตลาด (นับถือจริงๆ) แต่บางท่านอาจรู้จักหุ้นเพียงไม่กี่ตัว ถ้าถามกันตรงๆว่าใครได้เปรียบกว่ากัน คงตอบไม่ยากนะครับ
หลายท่านอาจคิดว่า ประสพการณ์ที่กล่าวถึง ต้องเกิดจากระยะเวลาในการอยู่ในตลาดเป็นสำคัญ หากอยู่มายาวนานก็จะมีประสพการณ์มาก เป็นธรรมดาครับที่จะคิดเช่นนั้น แต่อันที่จริงแล้ว ผมมีเพื่อนคนหนึ่งที่เพิ่งจะเข้าตลาดมาไม่ถึง 2 ปี เชื่อไหมครับว่า เขาก็รู้จักหุ้นในตลาดแทบทุกตัวเช่นกัน เขาใช้เวลาในการศึกษาลักษณะธุรกิจของหุ้นแต่ละตัวเรียงตามหมวดหมู่ ซึ่งผมเองก็ได้รับความรู้จากเขาพอสมควรทั้งๆที่เขาก็เพิ่งเข้ามาในตลาดไม่นานนัก
กลยุทธ์ที่ 2 ที่เป็นหัวเรื่องนี้ เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ผมเรียนรู้ได้จากประสพการณ์นานหลายปี แต่เพื่อนผมคนนี้กลับเรียนรู้ได้ในช่วงเวลาไม่ถึง 2 ปี หลายๆเรื่องผมกับเพื่อนก็มีความเห็นแย้งกัน แต่สำหรับกลยุทธ์ที่สองนี้ เรามีความเห็นตรงกันดังนี้ครับ
เราปลูกไม้แบบใดย่อมได้ผลจากไม้นั้นเท่านั้น เป็น FACT อย่างหนึ่งในการลงทุน (ที่เพิ่งคิดได้) แต่หากเราปลูกไม้หลายอย่างผสมผสานกัน เราก็จะได้ผลหลายอย่างด้วยเข่นกัน แล้วถ้าเราจัดการปลูกไม้ที่ให้ผลตามฤดูกาลที่แตกต่างกันสลับกันไปเรื่อยๆ เราก็จะได้ผลต่อเนื่องไปเรื่อยๆใช่ไหมครับ หุ้นก็เช่นกัน ในธุรกิจบางประเภท จะมีช่วงเวลาที่ธุรกิจนั้นอยู่ในระยะที่ควรสะสม(เหมือนไม้สะสมอาหาร) บางช่วงก็จะเข้าไปอยู่ในระยะให้ผล(เหมือนไม้ออกดอกออกผล) แต่ในบางช่วงก็จะอยู่ในระยะนิ่งสงบ (เหมือนช่วงจำศีลของต้นไม้บางประเภท) และในบางช่วงก็จะเข้าไปอยู่ในระยะถดถอย(เหมือนไม้ผลัดใบ)
ถ้าพิจารณาแบ่งแยกธุรกิจออกเป็นหมวดๆคล้ายกับต้นไม้ตามฤดูกาล เราก็จะพบว่า ในตลาดหุ้นบ้านเรานั้น ธุรกิจต่างๆจะมีช่วงพฤติกรรมแบ่งออกเป็นฤดูกาลได้เช่นเดียวกัน และถ้าเราเรียนรู้ได้ว่าช่วงไหน หุ้นตัวไหนอยู่ในระยะใดได้ ก็จะทำให้เราจัดการกับเงินทุนของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ เครื่องมืออย่างหนึ่งที่สามารถจะบอกเราได้ถึงระยะเวลาแต่ละช่วงของธุรกิจแต่ละอย่าง ก็คือเครื่องมือทางเทคนิค ซึ่งต้องนำไปเทียบกับการดำเนินงานของธุรกิจนั้นๆด้วยครับ และต้องตัดตัวแปรแวดล้อมในสภาวะพิเศษออกไปด้วย เช่น สงคราม ฟองสบุ่แตก ฯลฯ
ผมใช้กลยุทธ์นี้กับหุ้นบางตัวอย่างได้ผล แต่กับหุ้นบางตัวใช้ไม่ได้จริงๆ ซึ่งทำให้รู้ว่า สำหรับหุ้นบางตัวที่ใช้กลยุทธ์นี้ไม่ได้ เป็นหุ้นไม่ธรรมดา ต้องนำกลยุทธ์อื่นมาใช้แทนครับ ถือเป็นการจัดหมวดหมู่หุ้นปกติ กับหุ้นไม่ธรรมดา ด้วยกลยุทธ์ง่ายๆด้วยครับ
ระยะเวลาการเปลี่ยนแปลงของหุ้นในแต่ละช่วง มีสั้นบ้างยาวบ้าง เช่นเดียวกับพันธ์พืชแต่ละชนิด บ้างก็ให้ผลในเวลาอันสั้น บ้างก็ให้ผลในระยะปานกลาง และก็มีที่ให้ผลในระยะยาว คนปลูกพืชย่อมต้องรู้นิสัยพืชที่ตนปลูกเป็นอย่างดีฉันใด คนลงทุนสมควรต้องรู้นิสัยของหุ้นที่ตนเองลงทุนก็ฉันนั้น ผลที่ได้จะคุ้มค่าหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับการใส่ใจต่อพืชหรือหุ้นนั้นอย่างแน่นอน 5555
ปล. ตอนนี้ คนกลุ่มหนึ่งกำลังคิดว่า ช่วงของการปรับฐานกำลังใกล้เข้ามา คนบางกลุ่มก็คิดว่าปรับฐานแล้วอาจลงต่อด้วยซ้ำ(คิดตรงข้ามกับผมจริงๆ) คนบางกลุ่มก็คิดว่าอีกนานจึงปรับฐาน และคนอีกกลุ่มกำลังคิดว่า ช่วงปรับฐานอาจเป็นช่วงสั้นมากๆเนื่องจากข่าวที่กำลังจะออกมาในเร็ววัน เช่น ข่าวการปรับเครดิตของมูดี้ส์ ข่าวของกองทุนวายุภักดิ์ ข่าวการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนของกองทุนต่างประเทศต่างๆ ข่าวผลประกอบการดีๆของแต่ละธุรกิจ ฯลฯ เราได้เห็นพลังของข่าวปรับอันดับเครดิตประเทศของ S&P ในช่วงก่อน APEC ซึ่งเป็นช่วงที่อึมครึมมากพอควรไปแล้ว เราคงจะได้เห็นพลังของข่าวปรับอันดับเครดิตของมูดีส์อีกครั้งในระยะเวลาอันใกล้นี้ ขอให้สังเกตพฤติกรรมการกลับมาซื้อของต่างชาติให้ดีนะครับ ขอให้โชคดีทุกท่านครับ 55555
ปล.2 สำหรับผมคิดว่า คงมีการปรับฐานในหุ้นบางกลุ่มที่ขึ้นมามากแล้วอย่างเช่นกลุ่มพลังงาน ฯลฯ แล้วขึ้นต่อ แต่ในบางกลุ่มกำลังจะลุกขึ้นในขณะที่พลังงานปรับฐาน เช่น กลุ่มสื่อสาร แบงค์ และไฟแนนซ์ ฯลฯ และมีบางตัวในกลุ่มวัสดุก่อสร้างที่อาจไปต่อ ในขณะที่บางตัวในกลุ่มวัสดุก่อสร้างเช่นกันอาจต้องปรับฐาน และพฤติโดยรวมของ Set อาจเห็นช่วงลบระยะสั้นๆ กราฟทางเทคนิคจะเป็นตัวบอกแนวโน้มครับ
จากคุณ :
ชอบอ่าน
- [
28 ต.ค. 46 09:15:25
A:210.1.6.101 X:
]