ความคิดเห็นที่ 34
ขอบคุณเจ้าของกระทู้และบทความของคุณSci431อย่างยิ่ง ผมขอแถมความเห็นของผมอีกสักนิด
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I2581523/I2581523.html ที่ผ่านมา3ปีท่านายกได้พยายามให้ภาคเอกชนทุกระดับฟื้นไข้โดยเน้น"สร้างรายได้ลดรายจ่ายขยายโอกาส"เช่นโครงการพักหนี้เกษตรกร,ประกันสุขภาพ,กองทุนหมู่บ้าน,ธนาคารประชาชน,ปรับโครงสร้างหนี้ธุรกิจ,บสท.,เพิ่มราคาขายข้าวและยางผ่านแผนการตลาดอันแยบยล,ฯลฯ ปีหน้าจะเป็นปีแห่งการเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน(หลังจากฟื้นไข้กันแล้ว) ผู้ว่าซีอีโอและการปรับปรุงราชการจะเป็นเหมือนน้ำมันหล่อลื่นให้ธุรกิจแข่งขัน การแปลงสินทรัพย์เป็นทุนและการให้ที่ดินทำกินแก่ผู้ต้องการจะทำให้มีผู้ประกอบการใหม่ๆ การลดค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภค(จากการเพิ่มประสิทธิภาพ)จะทำให้เอกชนมีต้นทุนการผลิตถูกลง...ปตท.ได้ไปเจรจาลดราคาแหล่งพลังงานจากพม่าเมื่อหลายเดือนก่อน,การซื้อไฟฟ้าจากลาว,การทำอาเชี่ยนเพาเวอร์กริด,การเพิ่มประสิทธิภาพการจราจรและขนส่งมวลชน,ทศท.ลดค่าโทรทางไกลในประเทศ,กสท.ลดค่าโทรทางไกลระหว่างประเทศ,การเร่งให้มีการบินเสรีและโลคอสต์แอร์ไลน์,การตั้งสายการเดินเรือแห่งชาติในปีหน้าฯลฯ ทั้งหมดนี้จำเป็นต้องใช้เงินซึ่งรัฐบาลเกรงว่าดอกเบี้ยจะสูงขึ้นเร็วก็เลยหาทางป้องกันไว้แล้วโดยลดการปล่อยกู้อสังหาฯไม่ให้มากเกินไป(ธปท.จะเข้มงวดกับโครงการมากกว่า100ล้าน),ดูดเงินเข้ากระเป๋ารัฐก่อนผ่านทางกองทุนวายุภักษ์,เล่นเกมความเชื่อมั่นให้เงินไหลเข้าไทยต่อเนื่อง(แม้ธปท.ลดดอกเบี้ยเงินก็ไม่ไหลออก) ปีหน้าจะเป็นปีแห่งการแข่งขันซึ่งในประเทศมีผู้ได้คะแนนดีและด้อยแต่คะแนนเฉลี่ยของภาคเอกชนไทยน่าจะสูงขึ้นในอัตราที่มากกว่าประเทศอื่น...น่าจับตามากกว่า3ปีที่ผ่านมาครับ
แก้ไขเมื่อ 14 ธ.ค. 46 16:44:52
จากคุณ : think_pos - [ 14 ธ.ค. 46 16:18:18 ]
จากคุณ :
think_pos
- [
20 ธ.ค. 46 11:59:06
]
|
|
|