เฮีย คลายเครียด มีประสบการณ์เรื่องนี้บ้างมั้ยครับ ขอฟังเป็นวิทยาทานบ้าง ขอบคุณครับ

    เดินสวนกระแส : ต้นแบบฟองสบู่

    นายนิกร พรสาธิต อดีตผู้บริหาร บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ไทยแคปปิตอล จำกัด และประธานกลุ่มบริษัท วัฏจักร เงียบหายจากวงการธุรกิจ มาประมาณ 6 ปีแล้ว และเพิ่งปรากฏตัวอีกครั้ง หลังจากเดินทาง เข้ามอบตัวกับตำรวจ ในฐานะผู้ต้องหา ที่ถูกธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวโทษไว้

    ฐานะของนายนิกรวันนี้ แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับเมื่อประมาณ 10 ปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงแห่งความรุ่งโรจน์สุดขีด โดยเป็นเจ้าของสื่อที่มีเครือข่ายครบวงจร แต่ทุกอย่างต้องล่มสลายลง

    ภาพลวงตาการเป็นเจ้าของกลุ่มสื่อขนาดใหญ่จางหายไปแล้ว แต่ความจริงที่กำลังเผชิญหน้าคือ การตกเป็นผู้ต้องหาคดีอาญา ในความผิดการปล่อยเงินกู้ให้กลุ่มบริษัท วัฏจักร จำนวน 400 ล้านบาท โดยไม่เรียกหลักประกัน

    ถ้าจะพูดถึงนายนิกร ในฐานะอดีตผู้บริหารสถาบันการเงิน อาจจะไม่เป็นที่รู้จักมากนัก เพราะชื่อเสียงของนายนิกรดังกระฉ่อน ในฐานะเจ้าของกลุ่มบริษัท วัฏจักร ซึ่งเคยเป็นกลุ่มสื่อขนาดใหญ่

    กลุ่มบริษัท วัฏจักร เติบโตอย่างรวดเร็ว ภายในช่วงเวลาเพียง 3 ปี หลังจากนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แต่ความโตเร็ว ก็ทำให้ตายเร็ว

    นายนิกรเริ่มก่อตั้งบริษัท วัฏจักร จำกัด เมื่อปี 2525 ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มแรกเพียง 1 ล้านบาท โดยเปิดหนังสือวัฏจักร ซึ่งเป็นหนังสือสมัครงาน ก่อนที่จะขยายสื่อสิ่งพิมพ์ด้านอื่น และแม้จะมีการเติบโต แต่ก็เป็นเพียงกลุ่มบริษัทขนาดเล็กที่ฐานะยังไม่ถือว่ามั่นคงนัก

    แต่การนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ไม่มีระบบการกลั่นกรองคุณสมบัติของกิจการกันมากนัก ไม่ว่าในอดีตหรือปัจจุบัน นายนิกรจึงสามารถแต่งตัวบริษัท วัฏจักรเข้าตลาดหุ้นได้ โดยมี บงล.ร่วมเสริมกิจ เป็นแกนนำผู้จัดจำหน่ายหุ้น

    หุ้นวัฏจักร นำมากระจายสู่ประชาชนราคา 60 บาท ก่อนหุ้นจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ในวันที่ 13 ก.ย.2534

    การเข้าตลาดหลักทรัพย์ เป็นการเปิดช่องการระดมเงินของ ?วัฏจักร? และนายนิกรก็ใช้ตลาดหุ้นอย่างคุ้มค่า โดยมีการระดมเงิน เพื่อขยายการลงทุนอย่างเต็มตัว ซึ่งภายในเวลาเพียงไม่กี่ปี กลุ่มสื่อสิ่งพิมพ์เล็กๆ ก็กลายเป็นกลุ่มสื่อขนาดมหึมา

    วัฏจักรมีการระดมทุนอย่างถี่ยิบ โดยการเพิ่มทุน หรือแม้แต่การออกหุ้นกู้แปลงสภาพ เสนอขายนักลงทุนต่างประเทศ ซึ่งระดมเงินมาได้ 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ใครที่ซื้อหุ้นกู้แปลงสภาพวัฏจักร ต้องตัดบัญชีหนี้สูญ เพราะบริษัทล่มสลายก่อนที่จะครบอายุการไถ่ถอน

    เงินที่ระดมมาได้ นายนิกรนำไปขยายการลงทุนด้านสื่อ โดยซื้อสื่อทุกอย่างที่ขวางหน้า ซื้อบริษัท มีเดียพลัส จำกัด ซึ่งเป็นผู้ได้รับสัมปทานบริหารคลื่นวิทยุหลายสถานี ซื้อแม้กระทั่งบริษัท ไทยสกายเคเบิ้ลทีวี ของนายคีรี กาญจนพาสน์

    และฝันแม้กระทั่งการสร้างโรงถ่ายภาพยนตร์ขนาดใหญ่ แต่ ?วัฏจักร? พังลงเสียก่อน

    กิจการสุดท้ายที่นายนิกรเข้าไปซื้อคือ บงล. ไทยแคปปิตอล ซึ่งทำให้นายนิกรต้องเกิดคดี เพราะนำเงินจาก ?ไทยแคปปิตอล? จำนวน 400 ล้านบาท ผ่องถ่ายมาให้กลุ่ม ?วัฏจักร?

    ตั้งแต่นายนิกรแต่งตัวกิจการของตัวเองเข้าตลาดหุ้นได้ กลุ่มวัฏจักรก็โตวันโตคืน โดยช่วงเวลาเพียง 3 ปี มีแต่การขยายการลงทุน และขยายเครือข่ายสื่อทุกแขนง จนเป็นสื่อที่ครบวงจร มีทั้งสื่อสิ่งพิมพ์นับสิบฉบับ สื่อวิทยุหลายคลื่น และสื่อผ่านจอเคเบิลทีวีของไทยสกายทีวี

    แต่สื่อเกือบทุกแขนงในเครือวัฏจักร อาจจะอ่อนด้อยด้านคุณภาพ ไม่มีจุดขาย จึงทำเงินไม่ได้

    ความโตของกลุ่มวัฏจักร จึงเป็นการโตในเชิงปริมาณ หรือโตในลักษณะกลวงๆ หรือโตในลักษณะสร้างภาพมากกว่า

    เพียงแต่ภาพที่นายนิกรวางแผนสร้างอย่างเป็นขั้นตอน สามารถก่อให้เกิดผลได้ เพราะนักลงทุนแห่กันเก็งกำไรหุ้นวัฏจักร จนราคาเคยพุ่งขึ้นไปสูงสุดที่ประมาณ 620 บาทในปี 2537 ก่อนจะทรุดตัวลง จนมีค่าเหลือเท่าเศษกระดาษ และถูกเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งทำให้นักลงทุนที่เข้าไปยุ่งกับหุ้นวัฏจักร ตกอยู่ในสภาพตายหมู่

    ถ้าจะพูดกันอย่างให้ความเป็นธรรม นายนิกรอาจจะไม่มีเจตนาที่จะสร้างภาพลวงตาปั่นหุ้น ไม่มีเป้าหมายที่จะทำให้นักลงทุนเกิดความเสียหาย

    แต่อาจจะมีความฝันมากเกิน โดยหวังจะแผ่ขยายอาณาจักรให้เติบโตภายในพริบตา และเมื่อตลาดหุ้นเปิดโอกาส จึงระดมเงินอย่างไม่ยั้ง เพื่อเร่งขยายการลงทุนสุดตัว โดยไม่ต้องคำนึงว่า จะมีความเสี่ยงหรือไม่ ผลตอบแทนจะคุ้มแค่ไหน

    เพราะเป้าหมายขยายการลงทุน อาจหวังผลเพียงการสร้างภาพ เพื่อกระตุ้นราคาหุ้น

    ในยุคเศรษฐกิจฟองสบู่ นายนิกรน่าจะติดอยู่ในอันดับต้นๆ ของนักปั่นฟองสบู่ และเป็นนักธุรกิจฟองสบู่ที่ต้องพบจุดจบในอันดับต้นๆ ช่วงเวลาที่เหลือของนายนิกรต่อจากนี้คือ การสะสางปัญหาที่สร้างไว้ การดิ้นให้หลุดจากข้อหาการถ่ายเทเงินจากสถาบันการเงินไปสู่ธุรกิจของตัวเอง

    เรื่องราวความเป็นไปของนายนิกรอาจจะปิดฉากลงแล้ว แต่ตำนานการสร้างภาพ ตำนานการปั่นฟองสบู่ในตลาดหุ้นยังไม่ปิดฉาก โดยหุ้นที่โตอย่างกลวงๆ หรือใหญ่ในลักษณะพองลมเหมือน ?วัฏจักร? ยังมีอยู่ และอาจมีอยู่เยอะ

    นักสร้างภาพในอดีตอาจจะพบจุดจบไปแล้ว แต่ตลาดหุ้นจะมีนักสร้างภาพรุ่นใหม่ๆ ขึ้นมาแทนเสมอ และวันนี้ อาจจะกำลังสร้างภาพ เลียนแบบจากต้นฉบับหุ้น ?วัฏจักร? อยู่ก็ได้

    ที่มา จากกรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์

    จากคุณ : Paannn - [ 5 ม.ค. 47 06:44:57 ]