ความคิดเห็นที่ 1 ผมพอเข้าใจบ้างแต่อาจจะไม่ถูกต้องนะครับอย่างไรเช็คกับบริษัทประกันดูอีกที คือว่าน่าจะเป็นว่าโดยทั่วไปในกรมธรรมจะมีเงื่อนไขว่าเมื่อกรรมธรรมครบกำหนดตั้งแต่ 5ปีขึ้นไปลูกค้าจะมีสิทธิ์บอกเลิกกรรมธรรมได้โดยจะได้เงินคืนในอัตราที่กำหนดในตารางที่แนบมากับกรรมธรรม ซึ่งถ้าดูเป็นจำนวนเงินคือคงจะน้อยกว่าเงินที่ได้จ่ายไปมาก นี่คงเป็นที่เขาพูดๆกันว่าไม่คุ้มนะครับ ผมก็เคยดูของผมซึ่งไม่คุ้มก็เลยทำต่อมาเรื่อยๆ หรืออาจจะเลือกเป็นแบบไม่เอาเงินคืนแต่ไม่จ่ายต่อ แต่ได้รับความคุ้มครองเป็นระยะเวลาเพิ่มกี่ปีหลังจากหยุดจ่าย คุณลองอ่านดีๆในกรรมธรรมจะมีหน้าตารางคืนเบี้ยประกันและขยายเวลาประกันตามจำนวนปีที่ทำอย่างแน่นอน แล้วคุณลองคิดดูว่าคุ้มหรือไม่คุ้ม ผมคิดว่าการขอคืนก่อนครบกำหนดเป็นการผิดเงื่อนไขการประกันที่ตกลงกันไว้ 20ปีคุณจึงได้รับเงินคืนน้อยและไม่ได้รับผลประโยชน์อะไรเลย มีแต่คุณต้องจ่ายค่าคุ้มครองที่เกิดขึ้นกับคุณตลอด 5ปีที่ผ่านมาซึ่งเขาจะหักออกจากเงินต้นของคุณก่อนคืนคุณ ตัวแทนคุณบอกคุณไม่ละเอียดนะครับผมว่าคือบอกแค่ว่าคืนได้ แต่คืนจำนวนเท่าไหร่ไม่ได้บอกด้วย จากคุณ : อึ้งกิมกี่ (g2001) - [ 29 เม.ย. 47 12:36:42 ]

ความคิดเห็นที่ 2 คนขายประกันให้คุณเค้าคงหอบเอาค่าคอมไปนอนกอดเรียบร้อยแล้วไงครับ ไม่มีใครมานั่งรับผิดชอบคุณหรอก อยากซวยเชื่อเค้าเองทำไมล่ะ มีที่ไหนครับห้าปีเลิกได้ แค่เริ่มเค้าก็ต้มคุณแล้ว หากไม่คิดไรมากก็ทนส่งเค้าไปเหอะ แต่ถ้าทนไม่ได้ก็ขอตังคืน ขอเตือนนะว่าได้คืนไม่เท่าที่ส่งไปหรอกเพราะส่วนนึงต้องหักไว้เป็นค่าคอมซึ่งเยอะด้วยอาจมากถึงครึ่งนึงแน่ะครับ จากคุณ : 222 - [ 29 เม.ย. 47 13:04:26 A:203.113.35.6 X: ]

ความคิดเห็นที่ 3 พอเข้าใจนะครับ ผมคิดว่าคงเป็นแบบที่ว่ายกเลิกแล้วได้เงินคืนมาก้อนหนึ่งซึ่งจะเท่าไหร่ผมไม่รู้ แต่ถ้าจะยกเลิกเราต้องติดต่อกับบริษัทครับเพื่อขอทำเรื่อง คือผมยังไม่ทราบในรายละเอียดแบบประกันของคุณเลยว่าเป็นแบบไหนครับ ถ้ามีอะไรให้ช่วยเหลือ หรือ ต้องการให้ผมแนะนำเพิ่มเติม ก็ติดต่อมาได้นะครับ ดูเมลล์ที่อม ยิ้มข้างล่างนะครับ ยินดีช่วยเหลือครับ เข้าใจความรู้สึกครับ จากคุณ : เท้าท่องลม - [ 29 เม.ย. 47 13:06:13 ]

ความคิดเห็นที่ 4 โดยทั่วไปไม่คุ้มที่จะขอเงินคืนในช่วงเวลาเพียง 5 ปี เพราะมูลค่าเงินสดของกรมมธรรม์ยังน้อยอยู่เมื่อเทียบกับเบี้ยประกันที่ส่งไปค่ะ จริงๆแล้วถ้าอยากได้เงินคืนจริงๆ และไม่ร้อนเงินควรส่งต่อไป และขอคืนสักประมาณปีที่ 10 เป็นต้นไป (ที่เจาะจงไม่ได้เพราะไม่มีข้อมูลของแบบประกันนี้ค่ะ) ในกรณีที่ไม่อยากส่งต่อแล้ว คุณมีทางเลือก 3 ทาง 1. ขอเวนคืนกรมธรรม์ จะได้เงินสดกลับมานิดหน่อย เพราะช่วงปีแรกต้นทุนของบริษัทสูงมาก เกิน100% ของเบี้ยที่บริษัทได้รับ 2. งดการส่งเบี้ย แต่ขอคงความคุ้มครองชีวิตคุณต่อไปจนครบ 20 ปี โดยความคุ้มครอง(ทุนประกัน) จะลดลงจากเดิม 3. งดส่งเบี้ย ขอความคุ้มครอง(ทุนประกัน)เท่าเดิม แต่ระยะเวลาที่คุ้มครองชีวิตคุณอาจจะไม่ครอบคลุมถึง 20 ปี ตัวแทนลาออกไปแล้ว แนะนำให้ติดต่อกับบริษัทโดยตรงค่ะ แต่มันไม่คุ้มจริงๆแหล่ะค่ะ ทนส่งต่อไปอีกสักหน่อยจะดีกว่าค่ะ (แต่ที่ผ่านมาคุณก็ได้รับความคุ้มครองไปแล้ว 5 ปี ไม่ใช่ว่าคุณไม่ได้รับอะไรเลยนะคะ) ปล.ตัวแทนที่ขายให้คุณไม่มีจรรยาบรรณ ที่จะอธิบายให้คุณเข้าใจ แต่ให้ข้อมูลเพียงบางส่วน จากคุณ : ไม่ใช่ตัวแทน AIA - [ 29 เม.ย. 47 14:24:10 A:203.155.95.81 X: ]

ความคิดเห็นที่ 5 ไม่ชอบเลยจริงๆพวกตัวแทนขายประกันนิ จากคุณ : Neo007 - [ 29 เม.ย. 47 15:04:15 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เพราะโครงสร้างการตอบแทนหน่ะครับ เขาจะคืนค่าคอมมิชชั่นให้ตัวแทนแล้วตัวแทนจะต้องใช้เงินจำนวนนั้นมาดูแลลูกค้า แค่ส่วนใหญ่ได้เงินแล้วก้ออกจากหน้าที่ก่อนเวลาอันควร เฮ้อ! จากคุณ : เอกค่ะ - [ 29 เม.ย. 47 15:29:47 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เคยได้ยินว่ามันมีแบบนึงที่ได้เงินปันคืนทุก 5 ปี แล้วเขาให้เอาเงินที่จะได้ปันไปจ่ายเบี้ยต่อจนครบ 20 ปี คือหลังจากปีที่เขากำหนดไม่ต้องจ่ายเป็นตัวเงินแต่เอาดอกไปจ่ายแทนแต่ต้องรอจนครบ 20 ปีถึงจะได้เงินก้อนนั้นมา (แต่ผมไม่แน่ใจระยะเวลาที่จ่ายเป็นต้วเงินนะ น่าจะเป็น 10 ปีไม่ใช่ 5 ปี) สำหรับส่วนเรื่องตัวแทนนั้นผมว่าไม่เกี่ยวหรอกครับ ต่อให้อยู่ก็ช่วยอะไรคุณไม่ได้มากไปกว่าคำแนะนำจากคนในนี้ จะไปช่วยเปลี่ยนเงื่อนไขให้คุณได้เงินคืนจากบริษัทประกันเป็นไปไม่ได้ อย่างมากก็บอกแค่ว่า "คุณฟังไม่ละเอียดเขาบอกว่า 5 ปีขอคืนได้ แต่ไม่ได้บอกว่าคืนครบ" ไม่เคยได้ยินหรอกครับว่าประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ขอคืนได้ภายใน 5 ปี แล้วได้เงินต้นคืนครบ ไม่ต้องพูดถึงดอกเบี้ยหรอกครับ ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่เคยคิดจะทำประกันชีวิต การทำประกันชีวิตนั้นคุณจะคุ้มก็ต่อเมื่อคุณตายเท่านั้น ถ้าพิการถาวรก็ได้เงินไม่คุ้มค่าเลี้ยงชีพ (แต่ถ้าคิดแง่เงินก็อาจจะคุ้ม) การทำประกันชีวิตต่อให้คุณจ่ายจนครบสัญญาก็ไม่มีทางคุ้มเพราะได้น้อยกว่าดอกเบี้ยธนาคาร(ในระยะยาว)อยู่แล้ว ประกันชีวิตสมัยก่อนได้ดอกประมาณ 6% สมัยนี้ดูเหมือนจะลด เหลือ 3% คุณอาจจะคิดว่ามากกว่าดอกเบี้นธนาคาร 0.75% ผิดแล้ว ก่อนวิกฤตคุณเห็นไหมดอกเบี้ยอยู่ 10 กว่า % แล้วหลังจากนี้อีก 10 ปีคุณคิดว่าดอกเบี้ยจะอยู่เท่าไหร่ คุณลงมอกจากดอกเบี้ยเงินกู้ตายตัวก็ได้ ถ้าขอ คงที่ 1 ปี คิด 2% ขอคงที่ 3 ปีคิด 6% แล้วถ้าขอคงที่ 20 ปี ธนาคารจะคิดที่กี่ % เหตุผลก็เพราะธนาคารซึ่งมีความชำนาญด้านการเงินก็มองว่าในอนาคตดอกมันต้องขึ้นอยู่แล้ว แต่ถ้าคุณมีความเสี่ยงและคิดว่าต้องการคุ้มครองครอบครัวคุณหากคุณเป็นอะไร ผมแนะนำให้ทำประกันชีวิตแบบปีต่อปีดีกว่าเบี้ย 1000 คุ้มครอง 100,000 หรือมากกว่านั้น หากต้องการประกันสุขภาพก็ทำเป็นปีๆไปเช่นกัน ไม่ต้องไปเกี่ยวกับสะสมทรัพย์ ผมศึกษาเรื่องนี้มาดี(เพราะเพื่อนๆมาเสนอขายบ่อย) ผมทำตัวเลขให้ทุกคนเห็นได้เลยว่า ผมสามารถซื้อประกันชีวิตรายปี+ประกันสุขภาพ(ถ้าต้องการ) และเก็บเงินเอง โดยใด้ความคุ้มครอง เทียบเท่ากับการทำประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์ แต่ได้เงินมากกว่า และหากปีใดเงินเราไม่พอส่ง เราก็หยุดส่งได้ โดยได้เงินเก็บในส่วนที่สะสมคืนพร้อมดอกเบี้ยทั้งหมด (ส่วนที่เป็นค่าความคุ้มครอง 1,000 บาทนั้นไม่ได้คืนอยู่แล้ว เหมือนประกันรถ) ฉะนั้นคุณยังจะทำประกันแบบสะสมทรัพย์กันอีกหรือ คุณทราบไหมว่าเงินที่ขาดหายนั้นหายไปไหน ประมาณ 30-40% ของเงินที่คุณจ่ายในปีแรก ก็ไปอยู่ที่คนที่ขายประกันให้คุณไง ส่วนที่เหลือก็เป็นกำไรของบริษัทประกันถ้าบ.ประกัน ไม่ขาดทุนก็แสดงว่าคนทำประกันขาดทุน จากคุณ : คนคิดเว่อร์ - [ 29 เม.ย. 47 17:17:19 A:210.86.188.10 X: ]

ความคิดเห็นที่ 8 ถ้าอายุคุณไม่เกิด 40 ก็สามารถยกเลิกได้ โดยจะขาดทุนเล็กน้อย ไม่มากเท่าประกันแบบอื่น ประกันแบบนี้ถือว่าให้ผลตอบแทนที่สูง คุณสามารถโทรถามได้ที่ Call Center AIA ถามได้ทุกอย่างที่คุณอยากรู้ แต่ที่จริงแล้ว เมื่อครบ 5 ปี คุณจะได้รับเงินคืน 20% ของทุนประกัน หรือประมาณ เกือบเท่าค่าส่ง 2งวด แล้วเอามาจ่ายต่ออีก 2 ปี ครบ 7 ปีแล้วคุณจะเลิกเมื่อไหรก็ได้ เพราะเมื่อเกิน 7 ปี แล้วไม่มีขาดทุน ถ้ายังไม่เข้าใจ คุณยังสามารถถามหน่วยงานของตัวแทนที่สังกัดอยู่ได้ ถึงแม้ตัวแทนจะไม่อยู่แล้วก็ตาม หรือถ้าอยากถามผมก็ได้ที่ chok68@hotmail.com จากคุณ : chok68@hotmail.com - [ 29 เม.ย. 47 19:44:29 A:203.107.205.129 X: ]

ความคิดเห็นที่ 9 ประกันชีวิตทำน่ะดีแล้ว ไม่ต้องเลิกหรอก รถมันไม่มีชีวิตคนยังไปรักมันกว่าชีวิตเราอีก ไม่เชื่อไปถามพวกขับรถสิใครบ้างไม่ประกันรถ นี่แหละคนไทยมันแปลกๆ คราวหน้าก็ทำกับบริษัทคนไทยก็แล้วกัน ช่วยชาติกันหน่อย อย่าไปนิยมต่างชาติให้มาก จากคุณ : ผ่านมา - [ 29 เม.ย. 47 21:24:06 A:210.86.188.6 X: ]

ความคิดเห็นที่ 10 โทรไปถามแล้วล่ะ ที่ call center ได้ข้อสรุปว่า คงส่งจนครบ 5 ปี พอถึงปีที่ 6 ก็หยุดส่ง ซึ่งเค้าจะคืนเงินให้เราก่อน 20,000 แต่ถ้าเราจะเอาเงินคืนเลย ก็ได้อีกแค่ 28000 ซึ่งก็ไม่คุ้มมากๆ เพราะฉะนั้น...พอได้ 2 หมื่นมาแล้ว ก็ไปขอยกเลิก แล้วทำลืมๆ ไปซะ นับไปอีก 15 ปี แล้วค่อยมาว่ากันใหม่ อย่างว่านะ ตัวแทน เป็นพี่สาวเพื่อน ก็ไว้ใจ เลยไม่ได้ถามไรมาก เค้าก็บอกแต่ผลตอบแทนที่เราจะได้ เราก็อืมๆ อยากช่วยเพื่อนด้วย แต่ไม่เป็นไร เงินก็ไม่ได้หายไปไหน ขอบคุณทุกคนที่ช่วยนะคะ ปล.ตอนโทรคุยกับตัวแทน ฟังน้ำเสียงแล้วเหมือนเค้าจะเซ็งๆ เหมือนกันว่า เราไม่รู้เรื่องไรเลยเหรอ ... เลยอยากจะบอกเพื่อนๆ ว่า ตอนนี้เราเห็นด้วยกับความคิดเห็นที่ 7 อ่ะ จากคุณ : โมโมะ - [ 30 เม.ย. 47 12:13:20 A:10.20.7.79 X:202.176.77.137 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ค่าใช้จ่ายของบริษัทประกันส่วนใหญ่ น่าจะมาจากค่าคอมนะครับ ถ้าเราสามารถซื้อประกันเองโดยไม่ต้องอาศัยตัวแทน แล้วก็ไม่ต้องเสียค่าคอม ค่าเบี้ยประกันคงจะถูกลงมาก เดี๋ยวนี้คนซื้อก็ฉลาดขึ้นแล้ว อ่านเอกสารของบริษัท หรือเข้าเว็บไซด์ตามบริษัท ก็เข้าใจแล้วว่าอะไรเป็นอะไร ไม่ต้องมานั่งฟังลมปากที่เหม็นบ้างไม่เหม็นบ้างของพวกตัวแทนหรอก เพราะตัวแทนบางคนมีความรู้น้อยกว่าลูกค้าซะอีก เดี๋ยวนี้ไว้ใจใครไม่ได้แล้ว แต่ประกันที่ทำไปส่วนใหญ่ก็เพราะคนรู้จักมาตื้อ พวกนี้ใช้ความเป็นเพื่อนมาแลกเปลี่ยนเป็นเงินมาทั้งนั้น เฮ้อ... เสร็จแ้ล้วก็ออกรถคันใหม่โฉบไปโฉบมาอวดเรา... จากคุณ : เนเนะ - [ 30 เม.ย. 47 17:49:54 A:203.193.96.68 X: ]

ความคิดเห็นที่ 12 คนไทยชีวิตไม่มีค่า ถ้าเราทำประกันซะ ชีวิตก็มีค่า ไม่อยากให้มองว่า เอาเงินมาเปรียบกับชีวิต แต่ ถามหน่อยว่า ถ้าตาย จะเอาเงินที่ไหนมาทำศพ รบกวนพ่อแม่กันอีกเหรอ ให้ท่านเลี้ยงมายังไม่พอเหรอ นี่แหละ อย่างน้อยเอามาเป็นค่าทำศพก็ยังดี อยากให้คิดอีกมุม จากคุณ : ผ่านมา - [ 30 เม.ย. 47 19:50:05 A:210.86.188.1 X: ]

ความคิดเห็นที่ 13 เท่าที่ผมเข้าใจ 7 ปีถึงจะคุ้มครับ คุ้มในที่นี้คือ ได้เงินต้นคืนเท่าเดิม แต่ไม่คิด เรื่อง future value และ present value ให้ปวดหัวนะ เรียกง่ายๆว่าถ้าคุณนำเงินก้อนนั้นไปทำอย่างอื่นอาจคุ้มกว่า เราเรียกมันว่าค่าเสียโอกาส จากคุณ : เสียวลี้ปวยตอ - [ 3 พ.ค. 47 16:56:20 A:203.146.32.204 X: ]

ความคิดเห็นที่ 14 เคยคิดไว้ตลอดโครงการจะได้ 4 % จะคุ้มถ้าดบ ยังต่ำอยู่แบบนี้จนถึงปีที่ 20 ค่ะ และโครงการนี้ประหลาด ยิ่งฝากนานเกิน 7 ปี ยิ่งเสียเปรียบ ควรหยุดส่งปีที่ 5 เงินที่เขาจะคืนก็ฝากต่อให้ครบ 20 ปี จึงจะคุ้มทุนค่ะ โครงการนี้ไม่ได้กำไร มีแต่คุ้มทุน กับขาดทุนค่าเสียโอกาส จากคุณ : r231 - [ 7 พ.ค. 47 16:12:39 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ความคิดเห็นที่ 29 ผมจะขอให้ข้อมูลเกี่ยวกับโครงการ 20 ปีตรีคูณไว้ให้ท่านลองพิจารณากันดูเองนะครับคิดที่ทุนประกันซัก 1 แสนก็แล้วกันนะครับ จะได้คำนวนกันง่ายๆ ถ้าอยากได้ทุนประกันมากกว่านี้ก็คูณเพิ่มกันเข้าไปได้ครับ สมมุติว่าตัวคุณ เพศชาย อายุ 30 ปี ทุน 1 แสนบาท เบี้ยประกัน 12,700 บาทต่อปี รายละเอียดของสัญญานะครับ รับเงินสดคืนทุกๆ 5 ปี คือในปีที่ 5 รับ 20% ปีที่ 10 รับ 30% ปีที่ 15 รับ 100% และปีที่ 20 ครบสัญญา รับ 200% และเงินปันผลโดยประมาณ 50% (ขึ้นอยู่กับผลกำไรของบริษัท) คิดเป็นเงินนะครับ ปีที่ 5 รับ 20,000 บาท ปีที่ 10 รับ 30,000 บาท ปีที่ 15 รับ 100,000 บาท และปีที่ 20 รับ 200,000 บาท รวมกับเงินปันผลอีก 50,000 บาท รวมเป็นรายรับเมื่อครบสัญญา 305,000 บาท (กรณีนี้เป็นกรณีที่เราเลือกรับเงินปันผลนะครับ เงินที่ท่านฝากไปทุกๆ ปี เป็นเงินทั้งสิ้น 12,700 x 20 = 254,000 บาท ผลตอบแทนที่ได้รับตลอดโครงการ = 350,000 – 254,000 = 96,000 บาท เงิน 96,000 บาทสำหรับบางคน ท่านอาจจะคิดว่ามันไม่มาก ถ้าท่านเอาเงิน 254,000 บาทไปลงทุน ด้วยเวลา 20 ปี และเงินก้อนส่วนใหญ่ที่ได้รับกลับมาก็ได้รับตอนปีที่ 20 ซึ่งถ้าเอาอัตราเงินเฟ้อมาคำนวนเข้าไปด้วย ผลตอบแทนย่อมจะลดลงกว่านี้ แต่อย่าลืมนะครับว่าท่านลงทุนแบบผ่อนส่ง คือปีละ 12,700 บาทเท่านั้น และเงินจำนวนนี้ ณ วันที่ท่านชำระเบี้ยประกันไป ซึ่งเป็นเวลาในอนาคต ดังนั้นเงินที่ท่านใช้ชำระเบี้ยประกัน จึงถูกผลของเงินเฟ้อทำให้มันมีค่าลดลงด้วย ยกตัวอย่างเช่น เบี้ยประกันที่ท่านจ่ายในงวดที่ 20 ก็มิได้มีค่า 12,700 บาทเท่ากับในวันนี้แล้ว เช่นเดียวกันกับ เงินที่ได้รับเมื่อครบสัญญา ดังนั้นผมจึงถือว่ามีเหตุผลเพียงพอที่ตัวแทนประกันจะไม่จำเป็นต้องอธิบาย IRR ให้ลูกค้าฟัง และไม่ได้เป็นการปกปิดแต่อย่างใด ลองดูผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีมั๊ยครับ = 96,000/20 = 4,800 ต่อปี ท่านลงทุน 12,700 บาทต่อปี ได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 4,800 บาทต่อปี ท่านคิดว่าพอดูได้มั๊ยครับ คิดเป็น % ก็จะ = 4800/12700 * 100 = 37.8% ต่อปี ผมคิดว่าผลตอบแทนจากการลงทุนแบบผ่อนส่งปีละ 12,700 บาทต่อปี ซึ่งคิดเป็น 12.7% ของทุนประกัน ได้ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี 37.8% ต่อปี เป็นอะไรที่น่าสนใจมากนะครับ ลองเปรียบเทียบกับการฝากธนาคารด้วยจำนวนเงินเท่ากันต่อปีดูนะครับ อ้อ . อย่าลืมหัก ภาษีดอกเบี้ย 15% ด้วยนะครับถ้าคุณฝากธนาคาร หรือถ้าคุณจะเข้าข้างบริษัทประกันซักหน่อย ก็เอาผลตอบแทนจากการที่สามารถ หัก ภาษี 50,000 บาทเข้าไปด้วย ในกรณีนี้หักได้เท่ากับเบี้ยประกันที่จ่ายจริงคือ 12,70 0 บาท นะครับ เอาไว้ผมมีเวลามากกว่านี้จะมาลองคิด IRR และทำตารางเปรียบเทียบระหว่างฝากธนาคารและทะประกันแบบออมทรัพย์ รวมทั้งข้อดีและข้อเสียในแต่ละแบบมาให้ทุท่านลองคำนวนตามดูเล่นๆ บางทีท่านๆ ทั้งหลายอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้นะครับ ปล. ที่คิดให้ดูนี้ ยังไม่เกี่ยวกับดอกเบี้ยจากเงินปันผล 6% ในกรณีที่ท่านเลือกที่จะฝากเงินปันผลไว้กับบริษัทนะครับ ไว้จะมาให้ดูครั้งหน้าก็แล้วกันครับ จากคุณ : aia@maildozy.com - [ 22 ก.ย. 45 21:24:45 A:203.155.48.3 X:203.155.48.28 ] ความคิดเห็นที่ 30 ผมได้ทดลองคำนวนผลตอบแทนเปรียบเทียบกับการฝากเงินกัยธนาคารแล้วนะครับ เอามาให้พิจารณากันดู ถ้าไม่แน่ใจลองเอาไปคำนวนเองอีกครั้งก็ได้นะครับ จากคุณ : aia@maildozy.com - [ 23 ก.ย. 45 12:29:12 A:203.113.51.68 X: ] ความคิดเห็นที่ 31 ต้องขอโทษด้วยครับ ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมผมถึง Add File เกี่ยวกับรายละเอียดไม่ได้ครับ ถ้าท่านใดสนใจดูรายละเอียดเปรียบเทียบผลตอบแทนระหว่าง 20TE PAR กับการฝากเงินกับธนาคาร ปีต่อปี สามารถเข้าไปดูได้ครับที่ http://www.siam-noni.com/20TEPAR.jpg ผม upload เอาไว้ให้แล้วครับ จากคุณ : aia@maildozy.com - [ 23 ก.ย. 45 12:49:26 A:203.113.51.68 X: ] ความคิดเห็นที่ 32 แล้วถ้าเป็น 10/4 เปรียบเทียบกับพันธบัตรออมทรัพย์ของธ.ประเทศไทยล่ะครับ จากคุณ : WealthMan - [ 23 ก.ย. 45 18:43:50 A:203.155.226.8 X: ] ความคิดเห็นที่ 33 จากที่ผมได้แสดงความคิดเห็นเอาไว้ในกระทู้ที่ 29 ปรากฏว่ามีบางจุดที่ผิดพลาดครับ ต้องขอขอบคุณ คุณWealthMan ที่กรุณา e-mail มาบอกด้วยครับ โดยจุดที่ผิดพลาดอยู่ตรงนี้ครับ ปีที่ 5 รับ 20,000 บาท ปีที่ 10 รับ 30,000 บาท ปีที่ 15 รับ 100,000 บาท และปีที่ 20 รับ 200,000 บาท รวมกับเงินปันผลอีก 50,000 บาท รวมเป็นรายรับเมื่อครบสัญญา 305,000 บาท (กรณีนี้เป็นกรณีที่เราเลือกรับเงินปันผลนะครับ เงินที่ท่านฝากไปทุกๆ ปี เป็นเงินทั้งสิ้น 12,700 x 20 = 254,000 บาท ผลตอบแทนที่ได้รับตลอดโครงการ = 350,000 – 254,000 = 96,000 บาท คือในส่วนของปีที่ 15 ต้องเป็นรับเงินคืน 50% ของทุนประกัน = 50,000 บาท รวมเป็นรายรับเมื่อครบสัญญา = 20,000 + 30,000 + 50,000 + 200,000 + 50,000 = 350,000 บาทครับ เบี้ยที่ฝากต่อปี = 12,700 บาท 20 ปี = 12,700 x 20 = 254,000 บาท ผลตอบแทนรับ = 350,000 – 254,000 = 96,000 บาท ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี (ARR) = กำไรสุทธิเฉลี่ยต่อปี / เงินลงทุนเฉลี่ย = (96,000 / 20) / 12,700 * 100 = 37.79% ที่ผมเลือกคำนวณให้ดูด้วยวิธีนี้เนื่องจากเป็นวิธีที่ง่าย เพราะจากการหา ARR นี้ถ้าเราจะนำมาคำนวณหา ROI ก็ทำได้ เพียงแต่เปลี่ยนจากเงินลงทุนต่อปี ไปเป็นเงินลงทุนทั้งหมด แต่เนื่องจากรูปแบบการลงทุนแบบนี้ไม่ใช่การลงทุนครั้งเดียว แต่เป็นการฝากสะสมไปทุกปี ดังนั้น ก่อนจะหา ROI ได้ จึงต้องคำนวณ PV ของเงินที่ฝากด้วย ซึ่งด้วยวิธีนี้ก็เพียงพอที่เราจะเข้าใจได้ครับ ว่าเราฝากเงินปีละ 12,700 ได้กลับมาเฉลี่ย 4,800 บาทต่อปี เป็นใคร ใครก็ทำครับ ผมเองก็ทำ ต่อไปนะครับ คุณ WealthMan และอีกหลายท่านสนใจในเรื่องของ IRR ว่าเป็นเท่าไหร่กันแน่ วันนี้ผมลองคำนวณดูแล้วนะครับ ก่อนหน้านี้มีแต่คนอื่นบอกให้ฟังว่าประมาณ 4% กว่า ๆ วันนี้ลองคำนวนเองดู ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ครับ เนื่องจากเป็นการฝากไปเรื่อยๆ ทุกปี ดังนั้นค่าของเงิน 12,700 บาทในวันนี้จึงต้องมีค่าน้อยลงในวันข้างหน้านะครับ โดยคิดต้นทุนเงินลงทุนที่ 5% มาจากการที่เราเสียโอกาสในการนำเงินฝากไว้กับธนาคารและอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย ตัวเลขจริงๆ ณ วันนี้ยังไม่น่าจะถึง 5% เนื่องจากดอกเบี้ยธนาคารต่ำมากและเงินเฟ้อเวลานี้ก็ต่ำมากเช่นกัน แต่เนื่องจากเป็นการเฉลี่ยไปอีก 20 ปีข้างหน้า ผมจึงคิดว่าระดับนี้น่าจะเหมาะสม ผลลัพธ์ที่ออกมาได้ มูลค่าปัจจุบันสุทธิของต้นทุนเงินลงทุน (PV)= 166,184 บาท ลดลงจาก 254,000 บาท เมื่อเลือก k = 4% ปรากฏว่า NPV ยังเป็นบวกอยู่ 12381.43 บาท และเมื่อ k = 5% NPV ติดลบ = 13822.85 บาท ต่างกันอยู่ 26,204.28 บาท ดังนั้น % ที่ต่างกัน = 13,822.85 / 26,204.28 = 0.52% เพราะฉะนั้น IRR ของโครงการนี้ = 5 – 0.52 = 4.48% ครับ ในกรณีนี้คือกรณีที่เราเลือกรับเงินปันผลทุกๆ 5 ปีนะครับ แต่ถ้าเราเลือกที่จะฝากเงินปันผลนี้ไว้กับ AIA โดยได้ดอกเบี้ยทบต้น 6% IRR ของโครงการนี้จะ = 4.66% ครับ สำหรับท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้โดยยังไม่ได้อ่านกระทู้ I1760190 หากต้องการดูตารางเปรียบเทียบผลตอบแทนระหว่าง แบบประกัน 20TE PAR และ การฝากเงินกับธนาคาร สามารถเข้าไปดูได้ที่ http://www.siam-noni.com/20TEPAR.jpg ผมได้ upload เอาไว้สำหรับทุกท่านที่อยากทราบรายละเอียดครับ สุดท้ายนี้อยากเรียนว่า รายละเอียดที่แจ้งให้ทุกท่านทราบนี้ มิได้มีเจตนาทางการค้าแต่อย่างใด เพียงแต่อยากให้หลายๆ ท่านที่ยังไม่เข้าใจเรื่องการประกันชีวิต ได้มีความเข้าใจมากยิ่งขึ้น เนื่องจากต้องยอมรับความจริงว่า ตัวแทนประกันชีวิตนั้น มีเป็นจำนวนมากที่ไม่ทราบถึงผลตอบแทนที่แท้จริง และไม่สามารถอธิบายให้ลูกค้าเข้าใจได้ จนทำให้เกิดการเข้าใจผิด หากใครมีข้อสงสัย เพิ่มเติม แสดงความเห็นผ่านทางกระทู้มาได้ครับ ถ้าผมมีความรู้เพียงพอที่จะตอบคำถาม ผมจะเข้ามาตอบให้ครับ จากคุณ : aia@maildozy.com - [ 23 ก.ย. 45 22:40:27 A:202.183.172.90 X: ] จากคุณ : r231 - [ 7 พ.ค. 47 16:59:58 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เราทำไว้หลายตัว กับหลายที่ด้วย กะว่าตายไป คนข้างหลังสบายสุด ๆ แถมใช้หนี้ได้ด้วย บางคนเคยบอกว่าทำไว้ที่เดียวก็พอ แต่เราดันแยกเป็นประเภทไปอ่ะ สะสมฯ เกษียณ อุบัติเหตุ ชดเชยเวลานอนรพ.โดยใช้ใบเสร็จเบิกได้ และล่าสุด ส่งเบี้ยแค่ 5 ปี เยอะไปไม๊เนี่ย จากคุณ : Kitty_Cat - [ 13 มิ.ย. 47 23:47:26 ]

ความคิดเห็นที่ 17 การประกันชีวิต = การประกันเวลาหารายได้ในชีวิต ชีวิต = เวลา หมดเวลา หมดรายได้ จากคุณ : kul (WebSnow_OK_Fanclub) - [ 1 ก.ค. 47 03:07:28 ]