ความคิดเห็นที่ 5
เป็นเพราะสาเหตุตามข่าวนี้หรือเปล่าครับ
ต่างชาติขายหุ้นเอเชียเก็งดอลลาร์
รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ในช่วง 4 เดือนแรก ที่ผ่านมา (ม.ค.-เม.ย.) การซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติเป็นยอดขายสุทธิแล้วถึง 36,872.18 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิ 23,798.22 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันมียอดซื้อสุทธิ 13,073.96 ล้านบาท นายประสิทธิ์ศิลป์ วิศวานันท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานธุรกิจหลักทรัพย์ บล.ซิกโก้ กล่าวว่า นักลงทุนต่างชาติไม่ได้ขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยเพียงแห่งเดียว แต่ขายสุทธิในตลาดหุ้น เกือบทุกแห่งแถบเอเชียเนื่องจากต้องการถือครองเงินดอลลาร์สหรัฐไว้แทน เพราะเชื่อว่ามี ความเสี่ยงน้อยกว่า ประกอบกับเงินดอลลาร์สหรัฐจะแข็งค่าขึ้น หลังจากเศรษฐกิจประเทศสหรัฐ อเมริกามีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่อง ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ด้วย ซึ่งเมื่อเฟดปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นแล้ว เชื่อว่าจะมีผลกระทบด้านลบกับตลาดหุ้นไทยในช่วงสั้น เท่านั้น นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง กรรมการและผู้จัดการ ตลท. กล่าวว่า นักลงทุนต่างชาติขาดความ มั่นใจที่จะลงทุนในประเทศไทย อย่างไรก็ตามสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นเริ่มคลี่คลาย นัก ลงทุนต่างชาติเริ่มเข้าใจปัญหาที่เกิดมากขึ้น เชื่อว่าในที่สุดนักลงทุนต่างชาติก็จะกลับมาซื้อหุ้นใน ตลาดหุ้นไทยเอง นายนิเวศน์ เหมวชิรวรากร รองกรรม การผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย กล่าวว่า หากเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชื่อว่าจะทำให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นในช่วงสั้น เพราะ นักลงทุนส่วนหนึ่งกลับเข้ามาเก็งกำไร แต่ในระยะกลางและระยะยาวค่าเงินดอลลาร์สหรัฐยังมีแนว โน้มอ่อนตัวส่วนค่าเงินบาทนั้นแม้ระยะนี้จะอ่อนค่าลง เพราะสถานการณ์ความไม่สงบทางภาคใต้ หากสถานการณ์คลี่คลายค่าเงินก็จะกลับมาแข็งค่าขึ้นเช่นเดิม รายงานข่าวจากธนาคารพาณิชย์ กล่าวว่า ค่าเงินบาทวันที่ 4 พ.ค. นี้ เปิดตลาดที่ 39.97-40.02 บาทต่อดอลลาร์และปิดตลาดที่ 39.96-39.97 บาทต่อดอลลาร์ และว่าไม่มีแรงซื้อ มากนัก โดยเวลานี้นักลงทุนเริ่มเทขายเงินดอลลาร์สหรัฐมาเก็งกำไรเงินเยนแทนส่งผลให้ค่าบาท แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย อย่างไรก็ดี ในช่วงนี้ค่าบาทยังอยู่ช่วงขาลงอยู่และมีโอกาสอ่อนค่าถึง 40.15 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ.
จากคุณ :
ใจดีมาก
- [
วันฉัตรมงคล 16:05:35
]
|
|
|