ก่อนอื่นคงต้องขออภัยที่ตอบล่าช้าไปสองวัน
ความจริงที่สมาชิกประจำในห้องสินธรรู้ดีคือ
ผมจะไม่โพสนอกเวลาตลาดฯเปิดทำการครับ
นอกจากมีเรื่องที่คิดว่าสำคัญมากๆเท่านั้น
ดังนั้นใครอยากด่าผมฟรีๆ สองวันสองคืน
ต้องโพสเย็นวันศุกร์ครับ
เพราะโดนค่า ผมไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องตอบโต้
อย่างมากก็แอบแจ้งลบ ฮาๆๆๆๆๆๆๆๆ
มาเข้าเรื่องกันครับ
ผมมีความเห็นว่า
ราคาตลาดของหุ้น ตามแรงกรรมของผลประกอบการ
ไม่จำเป็นต้องรู้ว่าใครเป็นเจ้ามือ
เพราะความจริงที่น่าเจ็บปวดคือ
ราคาหุ้นในบริเวณนี้ จะไม่มี "เจ้ามือ" ตัวจริงเสียงจริง
ผมมักชอบใช้คำพูดอยู่หนึ่งประโยค
"หุ้นไม่มีสภาพคล่องคอ"
ที่มันไม่คล่องคอ ก็เพราะว่ามันไม่เจ้ามือนั่นเอง
พอมันไม่มีเจ้ามือ ที่จะใส่เงินก้อนยักษ์เข้ามาปั่นหุ้นตัวนั้น
หุ้นก็จะขึ้นลงอยู่ในกรอบบริเวณของ
ราคาตลาด ตามแรงกรรมของผลประกอบการเท่านั้น
ซึ่งในบริเวณนี้ เราดูแค่ปัจจัยพื้นฐานของหุ้น
บวกลบ สภาพคล่องคอ และข่าวดีร้ายจริงตามปัจจุบันก็พอ
ถ้าหุ้นไม่มีความเป็น"ตลาด"
เราแทบไม่ต้องดูอะไรเลย นอกจากดู บีวี เท่านั้น
แต่พอมันเข้า"ตลาด"
ก็เกิดอุปสงค์ อุปทานที่แตกต่างกัน ในหุ้นนั้นๆขึ้น
เงินกับหุ้น จะอยู่สลับต่ำแหน่งกันตลอดเวลา
ยิ่งถ้าหุ้น หลุดเข้าไปเล่นในกรอบ
แรงกรรมแห่งความโลภและความกลัว
เกมล่าส่วนเกินทุน จะมีข่าวดีเกินปัจจุบัน
เป็นตัวทวีคูณ ทำให้ราคาหุ้นขึ้นได้แบบไร้เหตุผล
เพราะปริมาณเงินที่อัดใส่เข้าไป พร้อมกับความโลภของคน
แต่จะมีอยู่กรณีเดียวเท่านั้น ที่หุ้นจะขึ้นได้ไม่สิ้นสุด
"ต้องมีเงินก้อนใหม่ๆ ใส่เข้าไปในหุ้นตัวนั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ"
เวลาหุ้นมีสภาพคล่องคอสูง
ลอยอยู่ในกรอบแรงกรรมแห่งความโลภฯ
เงินกับหุ้น จะสลับตำแหน่งกันเร็วมาก
เร็วจนคนที่รวยอย่างแน่นอนที่สุดคือ
คนเก็บค่าต๋ง ฮาๆๆ
ดูภาพประกอบก่อน
เดี๋ยวผมขอออกความเห็นแบบเท็มเปิ้ลบ๊อกซิ่งต่อว่า
บริเวณไหนต้องใช้ความรู้พิเศษ
มารองรับความโลภฯและความกลัวของเราที่มีเพิ่มขึ้น
จากข่าวดี และร้ายเกินปัจจุบัน
และข่าวดีเกินปัจจุบันมีอะไรบ้าง
แก้ไขเมื่อ 27 ก.ค. 47 09:24:32
แก้ไขเมื่อ 26 ก.ค. 47 09:42:08
แก้ไขเมื่อ 26 ก.ค. 47 09:39:24