ความคิดเห็นที่ 1 ปัญหาของผม คือ การ short port แล้วก็เปลี่ยนไปจับตัวอื่นที่คาดว่ามี elasticity สูง โอกาสได้เงินคืนสูงกว่า เด้งดีกว่า แต่ไปๆมาๆ ก็ยังติดหุ้นเหมือนเดิม .....ที่ cut ไปจึงหมายถึง loss จริงๆ อันนี้ยอมรับว่าพลาด เพราะมองตลาดในแง่ดีเกินไป ผิดวิธีคุณเด่นศรี ตรงการคาดหวัง คาดเดาตลาด เมื่อได้อ่านกระทู้ Rich Dad คงไม่ต่างจากทุกท่าน สิ่งที่ได้รู้สึกขึ้นมาทันที คือ ความหวังและการปรับปรุงตัว แต่ปัญหาคือ โอกาสที่เราต้องสร้าง ใช่ไหมครับ ? ความยากคือ เมื่อไหร่ดี...เมื่อไหร่ล่ะ ? เราจะเริ่มต้นตรงไหนดี ? เงินที่ cut loss ไปมันก็ร่อยหรอ ไหนจะความไม่แนอนที่รออยู่ อย่างในกระทู้ที่คุณทรงกฤษฎิ์บอกไว้นั่น...ใช่เลยละครับ ! ผมเคย cut loss UCOM จาก 55 ตอนราคา 40.50 จนป่านนี้ก็ยัง loss อยู่ : ( นอกจากนั้น ไอ้ที่เคย cut แล้วยังซื้อไม่ได้ เพราะหมดเงินแล้ว มี Asp 25000 (ทุน 100.-) cut ที่ 92.50 Fns 25000 (ทุน 52.-)cut ที่ 39.50 สองตัวนี้หายไปจาก port แล้ว โดยเปลี่ยนเป็น AOT 20000 หุ้น ที่ 54 บาท เพิ่ง cut ไปอีกที่ 51 KEST ผมซื้อ10000 หุ้น ที่ 55 cut ที่ 45 ตอนนี้เหลือแห้งติดพอร์ทอีกครึ่งนึง CNS ทุน 90 cut ที่ 80 เข้าไปรับใหม่ที่ 77 - 25000 หุ้น กะว่าจะเอามาแทน ASP แต่ก็นั่นแหละ cut มาเรื่อย ตอนนี้เหลือ11000 หุ้น แต่ปัญหาใหญ่ตอนนี้ คือ FNS-W1ติดอยู่ 28 บาท 100000 หุ้น cut ไป 20% ที่15.- แต่สามสี่วันมานี้ลงเร็วและแรงจนทำใจไม่ได้ ตอนนั้นเปลี่ยนไปจับ Noble ที่ราคาเฉลี่ย 7.5 เห็นว่ามันใกล้ par แถมมีปันผล กะว่าจะเอามาติดแทน warrant แต่มันก็ดันลงฮวบๆ มาซะอีก สรุป หุ้นในพอร์ตตอนนี้ เหลือ KEST 5000 ทุน 55 CNS 11000 ทุน 77 Noble 60000 ทุน 7.6 FNS-w1 80000 ทุน 28 ความต่างของผมกับวิธีการคุณเด่นศรีน่าจะอยู่ที่ไม่มีวินัย สะเปะสะปะ และใจร้อน เงินที่ loss ไปแล้วทบไปทบมาประมาณ 60-70 % บวกกับสภาพตลาดตอนนี้ เศรษฐกิจไม่เห็นช่องฟื้น รายได้จากการค้าขายก็ชักจะไม่ cover ค่าดอกเบี้ย จากที่อึดเต็มพิกัดแบบ Bruce Willis มาสิบกว่าปี คิดว่านี่เป็นช่องทางลงทุนที่เลือกแล้ว หุ้นในพอร์ตก็เลือกมาพอสมควร พวกปั่นสุดๆ ไม่กล้าแตะ ...ยอมรับว่า ถึงวันนี้ โมงยามนี้ มันชักจะทำใจไม่ได้แล้วละครับ โมโหตัวเองที่ทำพลาดบ่อยมาก กระทู้ Rich Dad ทำให้ผมตัดสินใจสมัครบัตรผ่านมาเขียนใน pantip จากที่เมื่อก่อนอ่านอย่างเดียว เคยอ่านที่คุณ สุเกียงเขียนปลอบเพื่อนฝูงที่กระทิงเขียว (ขอบคุณคุณสุเกียงมากๆจริงๆ ที่คุณเขียนนั้นช่วยผมได้มากๆเลย) ยามหุ้นตก ขอบอกว่าตรงใจมาก คุณสุเกียงเข้าตลาดมาก่อนผใลกน้อย แต่สภาพไม่ต่างกันเลย จากคุณ : sunny - [ 7 ส.ค. 47 09:22:15 A:203.113.76.11 X:203.150.217.114 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้ได้อ่านบทความของคุณเร็วกว่านี้ ผมคงอาจจะ...ตัดสินใจไปกับ FNS-W1 ไปก่อนหน้านี้สัก 4-5 วัน เพราะมันเป็นตัวที่มอมแมมที่สุดในพอร์ต น่าเชือดจริงๆ วานนี้ลองซื้อขายตามวิธีของคุณ - ในใจ ก็ปรากฏว่า ได้กำไรตัวนึง...(กำไรในอากาศ) ดูสิครับ - ไอ้ตัวที่ทดลองทำในใจ มันดัน work กว่าของจริง - นี่เป็นเครื่องยืนยัน ว่านิสัย/สันดานคนเรามันแก้ยากมากจริงๆ แต่ปัญหาใหญ่ของผมคงคล้ายๆกับทุกท่านที่ติด n-park คือ FNS-W1 นี่เป็นตัวหนักๆตัวนึงเลยในพอร์ท เป็นกิจการที่เรามองว่าดี แต่มันก้เริ่มมีข่าวไม่ดีเกี่ยวกับผู้บริหารออกมาถี่ขึ้นเรื่อยๆ อ่านที่คุณเด่นศรีเขียนแล้วบอกตามตรงว่า ถ้ารู้เร็วกว่านี้สัก 3-4 วันก็ดี เพราะสามสี่วันที่ผ่านมามันร่วงไปเกือบ 100 % เข้าทางตำราคุณเด่นศรีเป้ะ อ่านๆมาก็ไม่มีใครที่ติดหุ้นแบบเป็นเงินร้อนมา"นาน"ขนาดนี้ จากที่ถือหลัก ยอมจ่ายดอก ดีกว่าตัดขาดทุน ....ไม่ขายไม่ขาดทุน .....กระทั่งยอม cut loss .....ยอม loss .....แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น ผมหยุดดูหุ้น หยุด trade ไปเกือบ 2 อาทิตย์ ไม่งั้นคงได้เจ็บกว่านี้อีก อาจจะมีเข้ามาก๊อกๆแก๊กๆ บ้างแต่ไม่กล้าตัดสินใจใหญ่ๆ...เพราะมันเป๋จริงๆ เห็นราคาวันพุธ - ศุกร์ที่ผ่านมาแล้ว เล่นเอานอนไม่หลับไปเลยครับ ตอนนี้มึนไปหมดจนตั้งตัวไม่ถูก อ้อ...ต้องขอชมนําใจในนําเสียงและลีลาการเขียนของคุณเด่นศรี ว่าอ่านแล้วรู้สึกดีขึ้นจริงๆ คุณซ้อเจ็ดก็ถามได้ฮาจริงๆ ขอบคุณล่วงหน้าครับ และขอบคุณเพื่อนๆ ท่านอื่นๆด้วย friends without faces ที่เราไม่เคยเจอหน้า แต่มีนําใจ ไว้ผมจะรออ่านครับ จากคุณ : sunny - [ 7 ส.ค. 47 09:35:40 A:203.113.76.11 X:203.150.217.114 ]

ความคิดเห็นที่ 3 มาให้กำลังใจคุณ sunny ค่ะ ดิฉันวิเคราะห์พื้นฐานก่อนตัดสินใจซื้อ ก็ยังติดหุ้นเลยค่ะ ในความเห็นส่วนตัวของดิฉัน ผลประกอบการที่ขาดทุนนั้น คิดว่าเป็น" ค่าลงทะเบียน" วิชาความรู้ แต่ก่อน ดิฉันติดตามข้อมูลข่าวสารน้อยมาก ตอนนี้ตามข่าวมากขึ้น แรกๆ ติดตาม เพื่อตรวจสอบว่ามีผลกระทบต่อหุ้นที่ซื้อหรือเปล่า แต่ตอนนี้ ตามเพราะว่าสนุก (ทั้งที่บางเรื่องไม่เกี่ยวกับหุ้น) ทำให้เห็นโลกกว้าง และเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างเหตุการณ์ต่างๆที่ส่งผลกระทบซึ่งกันและกัน ขอฝาก....... " ปัญหาทำให้เกิดปัญญา" ใช้ได้ทุกเรื่อง ไม่แต่เฉพาะเรื่องการลงทุน ขอให้โชคดีค่ะ จากคุณ : Gain - [ 7 ส.ค. 47 09:57:10 A:unknown X:202.12.73.6 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ปัญหาของคุณsunnyคือcutช้าไปครับ ให้หาแนวรับแนวต้านไว้ก่อนซื้อขายหุ้น ให้คิดไว้ก่อนเลยว่าถ้าหลุดที่ราคาไหน ต้องขาย ต้องกล้าครับ อย่ากลัวการขายต่ำกว่าที่ซื้อมา (ในตลาดขาลง ยิ่งขายเร็วเท่าไรก็ยิ่งได้ส่วนต่างมากเท่านั้น) แล้วค่อยรอเก็บคืน ใหม่ๆผมก็cutช้าไป มาcutตอนราคามาถึงจุดต่ำสุดแล้ว เลยต้องยอมซื้อคืนในราคาที่แพงกว่า ผมก็พลาดไปหลายครั้งแต่ก็เอาความผิดพลาดมาเป็นบทเรียน ตอนนี้ผมก็ทำ short against port อยู่ ลดต้นทุนไปได้บ้าง ที่สำคัญมากๆคือความอดทนและไม่โลภ ขอให้คุณsunnyโชคดีนะครับ จากคุณ : ptt - [ 7 ส.ค. 47 11:32:53 A:202.28.51.6 X: ]

ความคิดเห็นที่ 5 ขอสารภาพว่าอ่านวิธีคุณเด่นศรีเพียงผ่านๆ เพราะยาวมาก จึงไม่คิดว่าจะวิพากษ์ วิจารณ์อะไรได้ ถ้าคุณเด่นศรีจะกรุณาสรุปคอนเซ็บ และแสดงวีธีการปฏิบัติไว้เป็นต้วอย่าง คงจะพิจารณาได้ง่ายขึ้น แต่อยากจะแสดงความเห็นส่วนตัวสักเล็กน้อย............. เบสิคการซื้อขายหุ้นยังคงขึ้นอยู่กับความดีความเลวของหุ้นตัวนั้นๆเป็นสำคัญ เราไม่อาจตั้งสมมุติฐานว่าหุ้นทุกตัวเป็นหุ้นที่ดีและเล่นได้ในทุกสถานการณ์ จนต้องซื้อเฉลี่ยคืนในเวลาตลาดเป็นขาขึ้นและขายเฉลี่ยลงในหุ้นขาลง (ผมมีความเห็นว่าการซื้อหุ้นทุกครั้งเป็นการลงทุนใหม่ เป็นเงินที่จะลงไปใหม่ จึงพิจารณาซื้อหุ้นที่คิดว่ามีโอกาสดีที่สุดตอนนั้น จะเป็นหุ้นเดิมที่ขายไปแล้วหรือไม่ใช่ก็ได้ ส่วนหุ้นที่ไม่ดีนั้น ควรขายให้หมดทันทีที่รู้ว่ามันไม่ดี แล้วไม่เหลียวไปมองอีก) ดังนั้น สเต็บแรกน่าจะเป็นการพิจารณาหุ้นไห้ดีก่อน (ไม่ใช่หุ้นตัวไหนก็ได็) ว่ามันจะมีปัจจัยอะไรที่จะมาทำให้ราคาเคลื่อนไหวบ้าง สเต็บที่สองเดาอนาคต ถ้าคิดว่าหุ้นจะขึ้นในเวลาที่กำหนดก็ซื้อ จะ ห้านาที หนึ่งวัน สัปดาห์ เดือน ปี ก็ว่ากันไป ตามความชอบและกลยุทธ์ของแต่ละคน บางคนอาจบอกว่า ไม่มีใครเดาอนาคตได้หรอก เสียเวลาเปล่า แต่การกระทำของคุณ(ซื้อหรือขาย) นั่นเป็นการบ่งบอกว่าคุณได้เดาอนาคตแล้ว ถ้าคุณซื้อก็แปลว่าคุณทายว่ามันจะขึ้น (ถ้าคุณคิดว่ามันลงคุณคงไม่ซึ้อไช่ไหม?) ถ้าคาดว่าราคาหุ้นจะลดลงในอนาคต ก็ขายไว้ก่อนเดี๋ยวจะต้องผ่อนทีหลัง ส่วนจะค่อยๆรินขาย ที่ละสิบ ยี่สิบ หรือ หมดเลย โดยใช้เทคนิคหรือใช้สเต็บราคาหรือวิธีการอื่นๆ ก็ขึ้นอยู่กับการมองอนาคตอย่างมั่นใจ แค่ไหน ถ้าจะซื้อเวลาเพื่อดูให้ชัดขึ้น ก็ค่อยๆขายทีละน้อยๆไปเรื่อยๆ มั่นใจมากว่าอนาคตจะเลวอย่างที่คิด ก็เทหมดเพื่อรับเต็มๆ(แต่ถ้าผิดก็โดนเต็มๆ) ถ้ายิ่งกว่ามั่นใจว่ามันเลวกว่าที่คิด ก็ไปยืมหุ้นเขามาขายด้วย จะได้รับเกินเต็ม (short selling) ถ้ามั่นใจแค่ ห้าสิบ ห้าสิบ ก็ขายแค่ ห้าสิบ อะไรทำนองนี้ ขออนุญาต เอาเพื่อนที่รู้จักกันที่ห้องค้าสมัยก่อน มาขายกินหน่อยเผื่อจะเป็นอุทาหรณ์ ตอนสมัยก่อนวิกฤติต้มยำกุ้ง ก่อนทางการประกาศปิดบริษัทเงินทุน ก่อนที่เอกธนกิจจะถูกห้ามซื้อขายไม่กี่วัน เขาบอกผมว่าเขาตัดสินใจซื้อหุ้นเอกธนกิจ ที่ราคาห้าบาท หนึ่งล้านหุ้น เขาแน่ใจเอกธนกิจจะต้องกลับคืนมาผงาดอีกครั้ง ธนราชันย์ King of Finance จะล้มได้ไง ถ้าล้มประเทศก็คงยับเยินแล้ว Fin1กลับมาวันไหน เขาจะกำไรมากมาย กี่ปีเขาก็จะรอ............. ครับ ถ้าใช้สำนวนคุณเด่นศรีก็เรียกว่าเขามีเงินสดแฝงมากมาย ครั้งหลังสุดก่อนหน้านั้น เขาขายหุ้นเอกธนกิจไปคงประมาณ 30-40บาท เสียดายว่าคงไม่มีโอกาสกลับมาเป็นเงินสดจริงๆอีกแล้ว ขอให้สนุกสนานวันหยุดครับ จากคุณ : b n' b (K.nobody) - [ 7 ส.ค. 47 11:38:35 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ผมเห็นด้วยกับคุณ b n' b ครับ จากคุณ : zz_ok - [ 7 ส.ค. 47 13:00:50 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ดิฉันอยู่ในตลาดหุ้นมาตั้งแต่ตลาดเพิ่งเปิด ธนาคารกรุงเทพยังไม่เข้ามาในตลาด เห็นมาทุกรูปแบบ แล้วมาสรุปได้ว่า เวลาหุ้นอยู่ตรงพื้นๆ ฐานๆ ราคาถูกๆ ตลาดซึมเซา คนที่มีชื่อเสียงในวงการทั้งหลาย จะไม่ค่อยออกมาให้ความคิดเห็น หรือโผล่หน้ามาให้เห็น แต่ในยามหุ้นขึ้นคึกคักถึงขีดสุด ใครต่อใครก็จะออกมาเสนอความคิดเห็น โผล่หน้ามาให้ได้เจอเสมอๆ เคยคุยกับคุณเสี่ยสอง (เย้าแกเรื่องหุ้น Alfatec ) ขัดใจกับคุณเสี่ยเซนวิช (เรื่องหุ้น kgi and krp) เคยนั่งประชุม และ dinner ข้างๆคุณวิกรม แล้วความเห็นตรงข้ามกันเรื่องหุ้นกสิกร เห็นพื่อนเจ๊งไป 10 ล้าน เพราะแกบอกว่า ดร สมชาย บอกดัชนีจะไป 2000 มีเงินเท่าไร ซื้อ เมื่อท่านทุกๆคนมีความคิดเห็นไปในทางเดียวกัน และยิ่งย้ำ ตลาดเยี่ยม หุ้นยอด อะไรทำนองนี้ บอกได้เลย นี่คือสัญญาณ ขาย ขายค่ะ ขาย ลูกเดียว สำหรับดิฉัน จะไม่มาค่อยๆหยอด ค่อยๆริน ทีละนิดๆ ซื้อคือซื้อ และขายคือขาย มาสองปีนี้ ริเล่นทาง internet ซื้อขายถี่ๆ โฮ้ย มัน ค่ะ มัน แต่ไม่ได้กำรี้ กำไร เท่าไร เคาะ itv 23 อ้าว ลง ลง 2 ช่อง ขาย (ตามวิธีใครก็ไม่รู้)ปิดตลาดพอดี วันรุ่งขึ้น เปิดคอมดู ต๊าย ตาย 29 บาทเข้าไปแล้ว แถมไปต่อ นู่น 34 มั๊ง เนื่องจากเป็นหุ้นปั่น ไม่ใช่หุ้นพื้นฐานใน set 50 จึงไม่ตาม ยัง ยังมี TPC เคาะขวา 145 OK ไม่ขึ้น ไม่ลง วันไม่ดี มาถึง อ้าว 135 รักษาวินัยสิ ขาย 3 วันต่อมา ขึ้นอีกแล้ว 145 รักษากฏอีก ซื้อคืน รู้รึเปล่า โดน 3 ครั้ง หุ้น 1000 หุ้น หายไปไม่รวมคอม 3 หมื่น ทดลองกับตัวอื่นๆอีก 10 ตัว วนให้ครบทุกกลุ่ม ผลคือ เสียหายยับเยิน และเสียเวลาไปทั้งปี มาแก้ตัวใหม่ ด้วยวิธีที่ทำมานานหลายสิบปี ตลาดดี หุ้นมีแนวโน้มขึ้น ก็ถือให้อึดที่สุด ได้กำไรมากพอแล้ว และวิเคราะห์ด้วยตัวเองว่าหุ้นจะลงแล้วนะ ก็ขายทิ้งทั้งหมด แบบไม่ต้องเสียดายของ ทีนี้ตีคืนทั้งหมด + กำไรอีก 20% ใช้เวลา เดือนเดียวเท่านั้น น้องชายดิฉันอยู่ห้องวี เห็นแกถือหุ้นในเวลาเดียวกัน เพียง 3 ตัว เป็นอย่างสูงที่สุดแล้ว ต้นปีที่แล้ว เห็นซื้อ atc ตุนเอาไว้ 10 ล้านหุ้น ตัวเดียวโดดๆ ไม่มีตัวอื่นเลย ราคาเลขหลักเดียว จากคุณ : prettypetite - [ 7 ส.ค. 47 18:01:39 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณครับ เด๋วนี้ต้องเปิดหน้ากระทู้ให้เต็มๆ หน้าแล้ว มีดีให้ดูไต่ไม่เคยดู ขอบคุณในความหนักแน่นและเฉียบขาดของคุณ prettypetite ด้วยครับ จากคุณ : ปลานิลจิ๋ว - [ 7 ส.ค. 47 20:44:30 ]

ความคิดเห็นที่ 9 โอ้ ยินดีที่ได้รับความรู้เพิ่มเติมครับ อย่างว่าครับ 100คน 100วิถี อาจคล้ายบ้างแต่ไม่ใช่ อาจแตกต่างแต่ก็คล้ายคลึง สุดท้ายที่ต้องการคือ กำไร แล้วของผมล่ะ วิถีไหน ยัง งง อยู่เลย อิอิ จากคุณ : ปิงป่องแชะ - [ 7 ส.ค. 47 21:54:03 ]

ความคิดเห็นที่ 10 คนเล่นหุ้นทั่วไป มักมองกำไรเกิดจาก ซื้อถูกแล้ว จึงขายแพง ทำให้เกิดกำไร ดังนั้นจึงจะต้องคาดเดา หรือ รอจังหวะ ที่จะซื้อให้ได้ต่ำสุด และ ขายให้ได้สูงสุด ไม่ว่าจะเป็นระยะสั้น ใน 1วันสำหรับพวกเก็งกำไร หรือ ระยะยาวเป็นปีๆ เช่นพวก VI แต่ใครจะรู้จริง และ ทำเช่นนั้นได้ทุกครั้ง และ สำหรับหุ้นทุกตัว และจะทำได้บ่อยครั้งเพียงใด DS method มีเป้าหมายระยะยาวเพื่อการครอบครองหุ้นให้ได้มากที่สุด ไม่ใช่เน้นการทำกำไรเป็นตัวเงินในแต่ละรอบ ( ซึ่งท้ายที่สุดหุ้นจำนวนมาก ก็จะแปลงกลับเป็นเงินได้นั่นเอง หากต้องการที่จะขายเปลี่ยนกลับเป็นเงินทั้งหมด ) และสามารถทำกำไรได้ทั้งสองขา ไม่ว่าจะเป็นขาขึ้น กำไรเป็นตัวเงิน หรือ ขาลง กำไรเป็นตัวหุ้นเพิ่มขึ้น ดังนั้นในแต่ละวัน ขอเพียงหุ้นมีการซื้อขาย และ เปลี่ยนแปลงราคา ทุกคนก็สามารถทำกำไรได้ ทั้งกรณีหุ้นขึ้น และ ลง ด้วยแนวคิดเช่นนี้ จึงไม่จำป็นต้องรอให้หุ้นถูก แล้วจึงเข้าซื้อ ทุกคนสามารถเรื่มต้นเข้าตลาดได้ตลอด ขอเพียงมีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าอยากครอบครองหุ้นใดให้มากที่สุด ในระยะยาว จากนั้นจึงอาศัยความผันผวนของราคาหุ้น ในแต่ละวัน ไม่ว่าจะขึ้น หรือ ลง ทำกำไร( อย่าลืมว่า กำไร เป็นทั้ง เงินสด และ จำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้น ) ในภาวะที่หุ้นตกต่ำลงตลอด จะเป็นช่วงเพิ่มจำนวนหุ้นให้มากขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณเงินลงทุน (โดยอาศัยกระแสเงินสดแฝง) แล้วลองคิดดูง่ายๆว่า เมื่อผ่านไป 6 เดือน หรือ 1 ปี เมื่อภาวะตลาดเปลี่ยน หุ้นเริ่มปรับตัวขึ้น คราวนี้มูลค่าPort ในรูปตัวเงิน ซึ่งเกิดจาก จำนวนหุ้นที่มากขึ้นXราคาที่ทยอยขยับสูงขึ้น ก็จะเพิ่มขึ้นมหาศาลเท่าใด เคยสงสัยไหมว่า ทำไม ทุกๆวันต่างชาติ จึงมีทั้ง ซื้อ และ ขาย มีการ net ซื้อ net ขายสลับไปมา และตลอดช่วงครึ่งปีที่ต่างชาติ ขายตลอด ทำไมหุ้นจึงไม่หมดเสียที พยายามอ่าน ทบทวน และ ทำความเข้าใจ อย่าเพิ่งต่อต้านครับ ถ้าคิดว่าไม่ดี ก็ ไม่ต้องทำ แต่ถ้ายังคิดว่าเข้าใจไม่ถ่องแท้ ก็ขอให้อ่านทบทวนและ พยายาม ทำความเข้าใจมากขึ้น ขอให้ทำความเข้าใจหลักการ ส่วนวิธีการ เป็นรายละเอียดปลีกย่อย หากทุกคนเข้าใจหลักการ ย่อมจะพลิกแพลงวิธีการให้เหมาะกับขนาดเงินลงทุนของตัวเอง และ สภาพของหุ้นที่จะครอบครอง จากคุณ : ขอแจม (มีประสบการณ์) - [ 7 ส.ค. 47 23:37:10 ]

ความคิดเห็นที่ 11 สวัสดีครับ คุณ ขอแจม (มีประสบการณ์) ได้ตอบในสิ่งที่ผมจะตอบเรียบร้อยแล้วครับ ......................... ขอบคุณมากครับ คุณ ขอแจม (มีประสบการณ์) .......................... แนวทางของผม เป็นแค่แนวทางที่ทำตามแนวทางของต่างชาติ ครับ ........................... เด่นศรี จากคุณ : เด่นศรี - [ 8 ส.ค. 47 12:34:42 ]