PANTIP.COM : I2951519 พิสูจน์ DSM Theory [คลับเพื่ออิสรภาพทางการเงิน]

ความคิดเห็นที่ 46

สวัสดีครับ คุณ 16 ปี

( ยิ้ม )

............................

ขออภัยด้วยครับที่เข้าใจคุณผิด เพราะบางครั้งที่มีคำถามแบบพยายามจับผิด ผมก็ไม่ค่อยอยากตอบ เพราะเกรงว่า จะเถียงกันไม่จบครับ ( แบบว่า แนวคิดคนละแนว )

เพราะผมว่า ผมเองคงมาโพสต์ผิดบอร์ดครับ แนวทางนี้เป็นแนวทางของการลงทุนระยะยาว แต่ผมมาโพสต์ในกลุ่มผู้เล่นระยะสั้น ก็เลยต้องคอยระวังคำตอบครับ

..............................

เริ่มเข้าเรื่องเลยนะครับ

................................

เรื่อง 56 ไฟแนนซ์ ที่ล้มไป แม้ว่าผมจะไม่เจอกับตัวเอง แต่ผมก็กลัวครับ พอร์ตของผมจึงมีหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ไม่กี่ตัว และเลือกแบบที่ผมชอบจริง ๆ ถ้าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ต้องหาทางแก้เกมส์กันไปครับ ( ยิ้ม )

.................................

เริ่มแรกที่ผมทำ ผมมองไปที่ วอเรนต์ บุฟเฟต และ นักลงทุนระยะยาวหลาย ๆ ท่านที่ประสบความสำเร็จ

ผมเลยตั้งใจว่าจะลงทุนตลอดชีวิต

แต่ผมคงทำใจไม่ได้ หากเห็นหุ้นที่เราถือเพื่ออนาคต ราคาค่อย ๆ ตกลงไป

ก็เลยคิดว่า เราจะทำอย่างไรตรงจุดนี้ เช่นขายทิ้ง เปลี่ยนตัวเล่น ซื้อเฉลี่ย ฯลฯ แต่มาอ่านเจอหนังสือ พ่อรวย จึงมองเห็นว่า ถ้าเรามั่นใจว่าเราจะอยู่กับการลงทุน เราสามารถทำรายได้ ( เน้นว่าเป็นรายได้นะครับ ไม่ใช่กำไร ) คือ เราสามารถทำรายได้ได้ตลอดชีวิต ( ตลอดชีวิตของหุ้น )

..............................

ก็เลยมาดูว่า หุ้นมันมีหลัก ๆ แค่ 2 ทาง คือ ขึ้น กับ ลง

ก็มาคิดว่า ลง ทำอย่างไร ขึ้น ทำอย่างไร ซึ่งคล้ายกันสิ่งที่คุณ 16 ปี คิดนั่นแหละครับ

แต่ตอนแรก ขาขึ้นเล่นอย่าง ขาลงเล่นอีกอย่าง มันทำให้เราแย่ครับ เพราะเราไม่รู้หรอกว่า มันจะเป็นขาขึ้นหรือขาลง

ก็พยายามทำให้มันประสานกัน โดยไม่ต้องมาเดาว่า มันจะขึ้นหรือลง เพราะ ราคาที่ขาย ราคาที่ซื้อ จำนวนหุ้นที่เหลือ กสงฝที่เหลือ ฯลฯ มันจะบอกเราเองอย่างอัตโนมัติครับ

เช่น หุ้นเหลือน้อย แสดงว่า หุ้นนั้นขึ้นมาเรื่อย ๆ ( เพราะซื้อคืนไม่ได้ )

หุ้นเหลือเยอะ แสดงว่าหุ้นนั้นลงมาเรื่อย ๆ เพราะซื้อคืนกลับมาได้ตลอด

หุ้นบางตัวไม่เคลื่อนไหวเลย เราก็จะรู้ เพราะเราอยู่กับมันทุกวัน ก็ต้องคิดว่าจะไล่ออกจากพอร์ต หรือให้โอกาสเค้า

เงินสดคงเหลือ เหลือมาก แสดงว่าหุ้นขึ้น เพราะขายแล้วยังไม่สามารถซื้อคืนได้

เงินสดคงเหลือติดลบ แสดงว่าลงทุนเกินกำลังเงิน

กสงฝ เหลือเยอะ ก็ต้องเอามันไปลงทุนเพิ่มเติม

กสงฝ เหลือน้อย ก็ต้องชะลอ อย่าเพิ่มขยายพอร์ตเร็วเกินไป

เพราะทุกสิ่งทุกอย่าง จะไม่มีการเดา แต่ระบบบัญชีที่ทำขึ้น จะบอกทุกอย่างได้อย่างอัตโนมัติโดยไม่ใช่อารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้องเลย

.......................

สิ่งที่ผมอยากเป็นคือ วอเรนต์ บุฟเฟต แต่ผมไม่มีเงินขนาดเค้า ทำอย่างไรละ ......

ก็เลยต้องทำแบบนี้ คือเลือกหุ้นดี แล้วหารายได้จากมันกลับมาซื้อตัวมันเอง ( ทำให้เราไม่ต้องเอาเงินส่วนตัวมาลงเพิ่ม )

............................

ส่วนหุ้นที่เลือก ผมเลือกเพราะผมอยากเป็นเจ้าของจริง ๆ ครับ เรื่องกำไรเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับผม ผมอยากได้กิจการนั้น ...... แต่เพราะผมไม่มีเงินมากพอ แนวทางนี้ก็เลยเข้ามาช่วยผมได้

ผมจึงพยายามอธิบายว่า หุ้นที่ผมเลือก เพราะผมอยากได้ อยากเป็นเจ้าของ และเมื่อผมอยากได้ ผมก็อยากได้หุ้นดี ๆ ( ในสายตาของผม ) ซึ่งคำว่าหุ้นดี ๆ แต่ผมไปใช้คำว่า หุ้นพื้นฐานดี ก็เลยถูกเอาคำจำกัดความของหุ้นพื้นฐานดีมาเถียงกันอีก ( ซึ่งมันนอกประเด็น ( ยิ้ม ))

.....................

และที่คุณ 16 ปี ถามเรื่อง เอา กสงฝ ไปซื้อหุ้น และผมตอบว่า ผมจะซื้อหุ้นที่เหลือในมือน้อย

เหตุผลคือ เมื่อผมจะลงทุนเพิ่ม ผมควรจะลงทุนในกิจการที่โตขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนกิจการที่แย่ลง ( หุ้นราคาตก ) ผมจะไม่ลงทุนเพิ่ม แต่ที่ไม่ขายทิ้งเพราะผมยังได้รายได้อยู่ และผมต้องการเป็นเจ้าของ

....................................

ดังนั้น วิธีการที่คุณ 16 ปี เล่ามา ก็เป็นแนวทางเดียวกับของผมครับ

แต่วิธีการต่างกันบ้าง และแนวโน้มของการถือหุ้น ( สั้นยาว ) ก็จะต่างกัน

.............................

ผมเองก็กลัวครับว่า หุ้นที่เราถืออยู่จะเจ๊ง หรือถูกให้ออกจากตลาด

แต่ผมคิดว่า ถ้าผมกลัว ผมก็ต้องหาแผนรองรับ เมื่อเกิดกรณีอย่างที่กลัวขึ้นมา ผมสามารถแก้เกมส์ได้ตลอด

นั่นคือ ผมเข้ามาลงทุน และพร้อมที่จะจำกัดความเสี่ยงให้เหลือน้อยที่สุด เพราะผมก็รู้เช่นกันครับว่า ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่ไม่เสี่ยง

( แค่ผมเกิดมา ก็เสี่ยงแล้วครับว่าจะรอดมั้ย เสี่ยงว่าอาการจะครบ 32 มั้ย เสี่ยงว่าโตขึ้นมาจะเป็นคนดีหรือเปล่า ขับรถออกจากบ้านก็เสี่ยงกับอุบัติเหตุ อาบน้ำก็เสี่ยงกับการลื่นในห้องน้ำ ....... แต่หากผมมัวแต่กลัวความเสี่ยง คงไม่ต้องทำอะไรครับ และคงไม่อยากเกิดมา

ผมจึงต้องจำกัดความเสี่ยง ) ( ยิ้ม ) ( ผมพูดตรงไปตรงมาหน่อยนะครับ เพราะผมคิดอย่างนั้นจริง ๆ )

........................

ส่วนเรื่องการลงทุน ที่ผมกล้าทำอย่างนี้ โดยไม่รีบขายทิ้งไปเลย มีคำตอบคือ

คำตอบ ผมสามารถคืนทุนจากหุ้นที่ผมลงทุนไปนั้น ภายใน 1-2 ปีครับ ไม่ว่าหุ้นจะตกไปแค่ไหน ขอเพียงมันอยู่ในตลาดถึง 2 ปี ผมไม่มีทางขาดทุนจากมัน

เช่น ผมลงทุนก้อนแรกด้วยเงิน 1 ล้านบาท เข้าซื้อหุ้น ABC

ส่วนใหญ่แล้ว ภายใน 1 ปี ผมสามารถทำรายได้ ( กสงฝ ) กลับคืนมาเท่าตัว ( 1 ล้านบาท )

ยิ่งหุ้นอยู่ในตลาดถึง 2 ปี ผมก็ได้ทุนคืนเรียบร้อยแล้ว

จากนั้น หุ้นตัวนั้นอยู่ในตลาดนานเท่าไหร่ ผมก็ยังมีรายได้ตลอดชีวิตจากหุ้นนั้น

ผมจึงไม่เคยสนใจกำไร เพราะกำไรเป็นเรื่องหมู ๆ สำหรับผม ยังงัยก็ได้กำไร ขอเพียงหุ้นอยู่ในตลาดเกิน 2 ปี

อันนี้ถือว่าเล่าให้อ่านเล่น ๆ นะครับ

..........................

สิ่งที่น่าจะแตกต่างระหว่าง วิธีการของคุณ 16 ปี กับวิธีการของผมคือ ผมถือหุ้นแบบระยะยาวตลอดชีวิต แต่ ผมไม่แน่ใจว่า คุณ 16 ปี เน้นการถือหุ้นแบบไหน

และ ผมเล่นขาขึ้นกับขาลงในระบบเดียวกัน แต่คุณ 16 ปี อาจแยกกันเล่น ( หุ้นขึ้นเล่นแบบหนึ่ง หุ้นลงเล่นอีกแบบหนึ่ง ) ( ส่วนผม หุ้นจะเป็นอย่างไรไม่ว่าขึ้นหรือลง ผมก็เล่นแนวทางนี้อย่างสม่ำเสมอ อาจมีการยืดหยุ่นเพื่อแก้เกมส์บ้าง )

วิธีการที่ผมทำ จะยืดหยุ่นได้ตลอด ไม่มีวิธีตายตัว เพราะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และการทำเกมส์ของเจ้ามือ

แต่แนวคิดมีอยู่อย่างเดียวคือ หารายได้จากการถือหุ้นตลอดชีวิต ครับ

.........................

( ยิ้ม )

................................

ไม่รู้ว่า จะตรงคำถามหรือเปล่านะครับ ( ยิ้ม )

...........................

ถ้าหากไม่ตรง ก็ถามเพิ่มได้ครับ ( ขอเพียงอย่าเป็นการถามแบบไม่ตั้งใจหรือลองภูมินะครับ )

...................

( ยิ้มอีกที )

.........................

เด่นศรี

จากคุณ : เด่นศรี - [ 14 ส.ค. 47 10:23:15 ]