รายละเอียด
เนื่องจากมีผู้สนใจสอบถามเรื่องนี้มามากมาย แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องยาว เป็นต้นกำเนิดของทุกสิ่งทุกอย่าง
ได้อธิบายแล้วเมื่อวันเสาร์ที่ 14 ซึ่งผู้ที่ฟังอยู่คงเข้าใจดีแล้ว
แต่มีผู้ที่ไม่ได้ไปร่วมรายการหลายคนอยากรู้ด้วย และได้สอบถามมาเป็นจำนวนมาก ผมไม่ถนัดการเขียนหนังสือ
พยายามเขียนแล้วมันก็ไม่สามารถอธิบายได้ชัดเจน ได้แต่พยายามเท่าที่ภูมิปัญญาจะพอเรียบเรียงได้
เกรงว่าผู้รู้ทั้งหลายจะหาว่าไม่รู้จริง และงมงาย จึงไม่อยากลงในรายละเอียด เขียนมาแต่ย่อๆ
เอาพอสังเขปก็แล้วกันนะครับ
ปฏิจจสมุปบาท
0 แต่เดิมโลกนี้ไม่มีอะไร ไม่มีแม้กระทั่งโลกเอง ไม่มีแม้แต่ความว่างเปล่าเวิ้งว้าง
ไม่มีผู้รู้ว่าไม่มี
1 อวิชชา ท่ามกลางความไม่มีนั้น ณ Time and Space มิติหนึ่ง เกิดอวิชชา คือความไม่รู้ เป็น Dimension
แรกของ "เต๋า" ในส่วนที่เป็น "นาม"
1 สังขาร เพราะ "เต๋า" อันเป็นหนึ่งเดียวนั้น เมื่อประกอบกับอวิชชา จึงสร้างกำเนิด
"เต๋า" ขึ้นมาอีก เป็น "รูป" เพราะในโลกนี้ย่อมมีแต่ของคู่
เนื่องจากไม่สามารถมีสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้รู้ได้โดยไม่มีผู้รู้ ทำให้ในเบื้องต้นนั้น 1 บวก 1 จึงยังคงเป็น
1 อยู่ และเพราะความไม่รู้ใน The way things truly are นั่นเอง การ "ปรุง" คือสังขาร
จึงเกิดขึ้น เกิดจากสิ่งที่มีอยู่ก่อนหน้า คือผลบวกของ 0 และ 1 เท่ากับ 1
2 วิญญาณ เพราะสังขาร จึงเป็นปัจจัยให้เกิดวิญญาณ เป็นการเกิดครั้งแรกของปฏิสนธิวิญญาณ ธาตุรู้ถือกำเนิด
ธาตุที่ถูกรู้ "หยิน" และธาตุรู้ "หยาง" จึงแยกออกจากกันเป็นอิสระไม่ได้
เพราะจะสลายกลับไปสู่ "เต๋า" ตามเดิม ที่ตั้งแห่งวิญญาณนั้น โดยปรมัติจะมี 2 กลุ่ม คือ กาย
และ สัญญา แยกโดยละเอียดเป็นกลุ่มที่มีกายต่างกันและมีสัญญาต่างกันกลุ่มหนึ่ง
กายต่างกันสัญญาอย่างเดียวกันกลุ่มหนึ่ง กายอย่างเดียวกันสัญญาต่างกันกลุ่มหนึ่ง
กายอย่างเดียวกันสัญญาอย่างเดียวกันกลุ่มหนึ่ง วิญญาณนั้นจึงมีกำลังเท่ากับ 2 คือผลบวกของ
อวิชชาและสังขารนั่นเอง
3 นามรูป วิญญาณังปัจยานามรูป วิญญาณนั้นแหละเป็นปัจจัยให้เกิดนามและรูป ได้แก่เทพเจ้าทั้ง 3 (ตรีมูรติ)
ผู้รักษาจักรวาลไว้มิให้ล่มสลาย อันประกอบด้วย พระพรหม ผู้สร้าง แทนสัญลักษณ์ของการ
"เกิดขึ้น" พระวิษณุนารายณ์ผู้รักษา แทนการ "ตั้งอยู่" และพระศิวะผู้ทำลาย
แทนการ "ดับไป" ปราศจาก "ตรีมูรติ" แล้ว จักรวาลย่อมล่มสลาย
เพราะมหาเทพทั้งสามนี้คือผู้รักษา "พระไตรลักษณ์" เพื่อเป็นพื้นฐานให้พระพุทธองค์มาค้นพบ ณ
ปฐวีแรกที่กำเนิดขึ้นในปฐมกัล์ป มีจำนวนพุทธะที่กำหนดด้วยดอกบัว ซึ่งปรากฎขึ้น 5 ดอก ในภัทรกัล์ปนี้
นามรูปเบื้องต้นนี้มีความ "สมบูรณ์" ในตัว เพราะยังไม่ได้รับอาหารอันหยาบ
เป็นนามรูปที่เกิดจากใจ มีปิติเป็นภักษา มีแสงสว่างในตัว ไปได้ในอากาศ
ต่อมาเพราะอนุสัยอันเป็นกิเลสที่นอนเนื่องอยู่ในขันธสันดาน จึงเริ่มเสพอาหารหยาบ
ทำให้แสงสว่างและอำนาจวิเศษต่างๆหายไป นามรูปที่มีวิญญาณครอง เป็น 3 จึงกำเนิดมาจาก สังขาร 1 และวิญญาณ
2 นั่นเอง
5 อายตนะ เมื่อไม่มีแสงสว่าง จึงเกิดพระอาทิตย์ พระจันทร์ ดาวนักษัตร และวันเดือนปี
ข้อนี้นักวิทยาศาสตร์ยังเข้าใจผิดอยู่มาก คิดว่าจักรวาลนี้เกิดก่อนโลก พระอาทิตย์เกิดก่อนโลก ฯลฯ
ความจริงนั้น เพราะปฏิสนธิจิตเกิดก่อน โลกจึงเกิดก่อน จักรวาลและพระอาทิตย์พระจันทร์ ฯลฯ เกิดภายหลัง
เมื่อจิตเสื่อมจากอำนาจ ปราศจากแสงสว่างในตัวและปราศจากฤทธิ์ จึงเป็นปัจจัยให้เกิดอายตนะ ตา หู จมูก
ลิ้น กาย รวมเป็น 5 คือผลบวกของ วิญญาณ 2 และ นามรูป 3 นั่นเอง อายตนะที่ 6 คือจิตนั้นสัมผัสไม่ได้
หมดอำนาจไป โลกจึงดิ้นรนไปด้วยอำนาจแห่งตัณหาและอุปปาทาน
8 ผัสสะ เมื่อมีอายัตนะทั้งภายนอกและภายในเกิดขึ้นพร้อมแล้ว จึงเป็นปัจจัยให้เกิดผัสสะ คือการกระทบกัน
ได้แก่ ผัสสะของโลกธรรมทั้ง 8 ลาภ ยศ สรรเสริญ และสุข ซึ่งเกิดขึ้นพร้อมกับ เสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา
และทุกข์ คือเกิดจากกำลัง 3 ของนามรูป และกำลัง 5 ของอายตนะนั่นเอง
แต่โลกธรรมนี้ไม่เที่ยงและไม่ใช่อัตตา บุคคลมีรูป เมื่อเห็นรูปย่อมกำหนดหมายในสิ่งที่ไม่มีรูปได้
ย่อมเห็นรูปภายนอกและน้อมใจว่า "งาม" จนถึงที่สุดแห่งความ "งาม"
คือความเหมือนกันทั้งหมดของอาภัสรพรหม จึงเกิดความหน่าย ละรูปเสีย เข้าถึงความไม่มีที่สุดของอากาศ
ถึงความไม่มีที่สุดของวิญญาณ ไม่มีที่สุดของความไม่มีอะไร ไม่มีที่สุดของแม้แต่ความระลึกได้ว่าไม่มีอะไร
ก้าวล่วงสู่การดับของของการ "ปรุง" ทั้งปวง นี้คือ "วิโมกข์" 8 ประการ
แต่เพราะอวิชชา ผัสสะทั้งหลายจึงยังส่งผล เป็นเหตุปัจจัย ผัสสะทั้ง 8 นั้นจึงมีเหตุมาจากนามรูป 3
และอายตนะ 5 รวมกันนั่นเอง
13 เวทนา สุขเวทนาและทุกข์เวทนา ที่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เป็น 12 + 1 อทุกขมสุขเวทนา รวมเป็นเวทนา
13 ที่ปราศจากปัญญา เวทนาเหล่านี้มีเหตุมาจากการรวมกันของอายตนะทั้ง 5 และผัสสะทั้ง 8
หรือจะว่าให้ละเอียดขึ้นก็ได้แก่เวทนาในสิ่งที่เป็นอาสวะ 1 สิ่งที่ไม่เป็นอาสวะ 1 สิ่งที่มีอาสวะ 1
สิ่งที่ไม่มีอาสวะ 1 สิ่งที่สัมปยุตด้วยอาสวะ 1 สิ่งที่ไม่สัมปยุตด้วยอาสวะ 1 สิ่งที่เป็นอาสวะ
แต่ไม่มีอาสวะ 1 สิ่งที่ไม่เป็นอาสวะแต่มีอาสวะ 1 สิ่งที่เป็นอาสวะและสัมปยุติด้วยอาสวะ 1
สิ่งที่สัมปยุติด้วยอาสวะแต่ไม่ใช่อาสวะ 1 สิ่งที่ไม่สัมปยุติด้วยอาสวะแต่มีอาสวะ 1
สิ่งที่ไม่สัมปยุติด้วยอาสวะและไม่มีอาสวะ 1 รวมเป็น อาสวโคจฉกะ 12 และผู้รู้ใน อาสวโคจฉกะ คือ
"พุทโธ" 1 เป็น 13 หรือ 5 + 8 นั้นเอง
21 ตัณหา กามตัณหา + ภวตัณหา + วิภวตัณหา ในโลก 1 และสวรรค์ ฉกามาพจรทั้ง 6 รวมเป็น 21
เรื่องตัณหานี้ถ้าจะว่าในรายละเอียดก็จะพ้น Scope ของการ Trade หุ้นมากเกินไป
เอาเป็นสรุปว่าปัญหาเหล่านี้ยุติลงที่ขอบเขตุแห่งปรนิมมิตวัสวัตดี เมื่อพ้นจากนี้ไปก็จะจบเรื่องของกาม
คงเหลือแต่รูปและอรูปซึ่งไม่เกี่ยวกับการค้าขายในตลาดหลักทรัพย์ เพียงแต่ให้เห็นว่า 8 + 13 = 21
34 อุปาทาน เข้าไปยึดว่าเวทนา 13 กับตัณหา 21 เป็นตัวเป็นตนจริง จึงเริ่มสร้างความคาดหมาย 34 ประการ
ความคาดหมายเหล่านั้นสำเร็จเป็นจิต 16 ดวง (ตามที่พรรณาในมหาสติปัฏฐานสูตร) และวิญญาณที่รับรู้ อีก 1
เป็น 17 ทั้ง 17 ดวงนี้ มีอวิชชามาปิดกันความจริง ทำให้เกิดทางสุดโต่งทั้ง 2 คือ ส่วนที่เป็นอิษฐารมณ์ 1
และอนิษฐารมณ์อีก 1 รวมเป็น 34 อุปปาทานขันธ์ ซึ่งก็มีเหตุมีปัจจัยมาจากการบวกกันของ 13 กับ 21 = 34
นั่นเอง
55 ภพ อุปปาทานเป็นปัจจัยให้เกิดภพ ภพ คือ ภาวะ (Becoming) ได้แก่ "ความเป็น" ต่างๆ 55 ชนิด
ได้แก่มหานรก 8 ขุม อุสสทนรก 8 ขุม ยมโลก 8 ขุม และโลกันตนรก 1 เปรตและอสุรกาย 1 และเดียรัจฉานภูมิอีก 1
รวมเป็น 27 อบายภูมิ มนุษย์ 1 เทวดาในฉพามาพจรสวรรค์ทั้ง 6 รวมเป็น 34 รูปพรหม 16 และอสัญญีสัตว์ 1 เป็น
51 และอรูปพรหมทั้ง 4 ชั้น รวมทั้งสิ้น 55 ภพภูมิ ซึ่งมีเหตุปัจจัยมาจากตัณหา 21 รวมกับ อุปปาทาน 34
เป็น 55 ภพ นี้เอง
89 ชาติ ภโวปัจจัยยาชาติ เมื่อมีภพก็เป็นปัจจัยให้เกิดชาติ คือการได้กำเนิดของสัตว์ต่างๆในภพภูมินั้นๆ
ชาติกำเนิดทั้ง 89 นี้ ถ้าจะพรรณาก็จะเป็นการเพ้อเจ้อเกินกว่าเหตุ เอาเป็นว่าตัวเลข 89
ก็มาจากการรวมกันของสองตัวเลขข้างต้น หลังจากนั้นการซื้อขายจึงเกิดขึ้น 89 ครั้ง พวกเราทั้งหลาย
จึงเริ่มรู้ว่าเราไม่รู้อะไรเลย เป็นแมงเม่าพันธุ์แท้
144 ทุกข์ เมื่อขาดทุนก็เป็นทุกข์ เมื่อเป็นทุกข์ก็ต่างพากันแสวงหาทางเพื่อจะพ้นทุกข์
คนโง่ก็จะพยายามแก้ที่ผล คือพยายาม Trade อีก ฟังคำแนะนำของ Brokers และเซียนต่างๆอีก ฯลฯ
เป็นเหตุให้เกิดทุกข์เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ คนฉลาดย่อมพยายามแก้ที่เหตุ เมื่อเหตุดับไป
ผลจึงจะดับไปด้วยการเข้าไปแก้ที่เหตุนั้น ต้องเรียนรู้เสียก่อนว่า นี่คือทุกข์ที่เกิดจากการขาดทุน
นี้คือเหตุแห่งทุกข์ คือความไม่รู้วิชชา การพ้นทุกข์คือการไม่ขาดทุน (ไม่ใช่การมีกำไร)
และทางที่จะไปถึงการพ้นทุกข์ คือการเรียนรู้และปฏิบัติ มาถึงขั้นนี้ก็จะเห็นได้ว่า 144 นั้นมาจาก 55 +
89 เป็นเหตุเป็นปัจจัยกันที่สมบูรณ์ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เมื่อเราเรียนรู้ไปถึงบทต่อๆไป ก็จะเห็นได้ว่า
ก่อนที่เคล็ดลับจะลงตัวที่ .6180 นั้น ในระดับ 144 นี้ เป็นเลข .6181 ซึ่งแปลว่า มีวิธีที่จะ Trade
ให้ขาดทุนได้ 144 วิธี (1 กุรุต) แฝงความลับของจักรวาฬ เป็นวิธีที่มีกำไร 1 วิธี
เมื่อพิจารณาตัวเลขทางซ้ายมือ จะได้ Sequence 0-1-1-2-3-5-8-13-21-34-55-89-144 และ ฯลฯ ไม่มีที่สิ้นสุด
ตัวเลขเหล่านี้มีลักษณะพิเศษคือ แต่ละตัวจะเป็นผลบวกของสองตัวก่อนหน้า เป็นต้นกำเนิดของ Fibonacci
theory ซึ่งกำหนด Dow theoryและรายละเอียดข้อกำหนดของ Elliot wave อีกทีหนึ่ง
เมื่อเอาตัวเลขตัวก่อนหน้าตั้ง แล้วหารด้วยตัวเอง 0/1, 1/1, 1/2, 2/3, 3/5, 5/8 ฯลฯ จะได้ 0.618
ในที่สุด ตัวเลข 0.618 นี้เป็นรากเง่าของสัดส่วนทุกอย่างในโลก มีข้อยกเว้นอยู่ที่ระดับ 144
แห่งเดียว
เมื่อเอาตัวเลขตัวตัวเองตั้ง หารด้วยตัวเลขก่อนหน้า จะได้ 1.618 ในที่สุด ถ้าพ้นจาก .6180
ก็จะกระโดดมาเป็น 1.610
เมื่อเอาตัวเลขตัวก่อนหน้า 2 ตัวตั้ง แล้วหารด้วยตัวเอง ก็จะกระโดดมาเป็น 2.610
เมื่อเอาตัวเลขตัวก่อนหน้า 3 ตัวตั้ง แล้วหารด้วยตัวเอง ก็จะกระโดดมาเป็น 4.2361 ในที่สุด
0
1 0.0000
1 1.0000 1.0000
2 0.5000 2.0000 2.0000
3 0.6667 1.5000 3.0000 3.0000
5 0.6000 1.6667 2.5000 5.0000
8 0.6250 1.6000 2.6667 4.0000
13 0.6154 1.6250 2.6000 4.3333
21 0.6190 1.6154 2.6250 4.2000
34 0.6176 1.6190 2.6154 4.2500
55 0.6182 1.6176 2.6190 4.2308
89 0.6180 1.6182 2.6176 4.2381
144 0.6181 1.6180 2.6182 4.2353
233 0.6180 1.6181 2.6180 4.2364
377 0.6180 1.6180 2.6181 4.2360
610 0.6180 1.6180 2.6180 4.2361
987 0.6180 1.6180 2.6180 4.2361
1597 0.6180 1.6180 2.6180 4.2361
สัดส่วน 1:0.618 หรือ 1:1.618 พบได้ตั้งแต่การหมุนตัวของ Galaxy ลงไปจนถึงลักษณะความโค้งของ Atomic
particles ที่เล็กที่สุด สัดส่วนนี้ยังพบในธรรมชาติทั่วไป ในการขดตัวของหอย ในการสืบพันธุ์ของสัตว์
ในการเรียงตัวกันของเมล็ดทานตะวัน ในสัดส่วนของสถาปัตยกรรมเอกของโลก และในนามบัตรของพวกเรากันเอง
นอกจากนี้ ตัวเลข .6180 นี้ เมื่อยกกำลัง 2 จะมีค่าเท่ากับ .382
เมื่อลบออกจาก 1 ก็จะมีค่าเท่ากับ .382 เช่นเดียวกัน
ส่วนตัวเลข 1.6180 เมื่อยกกำลัง 2 จะได้ 2.6180
และเมื่อบวกกับ 1 ก็ได้ 2.6180 เช่นเดียวกัน
แต่เมื่อคูณ 1.6180 ด้วย 0.6180 กลับได้ตัวเลข 1
และตัวเลขสองตัวนี้เมื่อลบกันก็ได้ 1 เช่นเดียวกัน
ถ้าเราแบ่งเส้นตรงเส้นหนึ่ง ที่จุดจุดหนึ่ง ทำให้สัดส่วนระหว่างส่วนที่สั้นต่อส่วนที่ยาว
มีค่าเท่ากับสัดส่วน
ของส่วนที่ยาวต่อความยาวทั้งสิ้น เท่ากัน จุดที่แบ่งได้จะมีจุดเดียว คือที่ .6180 ของความยาว
และถ้าเราเอาส่วนที่ยาวของเส้นไปเป็นส่วนที่สั้นของสี่เหลี่ยมผืนผ้า และเอาความยาวทั้งหมดเป็นความยาว
ของสี่เหลี่ยมนั้น เราจะได้สัดส่วน 1:1.618 ตามเดิม ซึ่งเป็น Golden rectangle
อันเป็นแม่บทของสัดส่วนที่สำคัญของธรรมชาติ
เรื่องนี้เขียนหนังสือได้เป็นเล่ม จึงขอแนะนำให้ไปหาอ่านกันเอาเอง
เมื่อเข้าใจดีแล้วก็จะเข้าใจตลาดหุ้นได้
โดยใช้ตัวเลขเหล่านี้เป็นเครื่องกำหนด เมื่อตลาดจะเคลื่อนไหว ตลาดจะอิงตัวเลข .6180 เสมอ โดยมี
Resonance ที่
1.6180, 2.6180 และ 4.2361 แต่มีตัวเลขแอบแฝงอยู่ 1 ตัว ตามที่เอ่ยถึงข้างต้น
ซึ่งเป็นความลับสุดยอดในการทำกำไร นั่นคือ
Square root ของ .6180 ซึ่งเท่ากับ .7861 หรือ 78.6% ซึ่งไม่มีใน Metastock
เอาแค่นี้ก่อนนะครับ
โดย : Chaloke [ 22/08/2004 , 01:00:10 ]
http://www.set50.com/webboard/view.php?topic=231
จากคุณ :
NonBuri
- [
22 ส.ค. 47 20:05:44
]