ความคิดเห็นที่ 1 1. ปัญหามาร์ฯ ย้ายค่าย อันนี้เกิดขึ้นจากผลประโยชน์ล้วน ๆ เลย ถ้ามาร์ฯ ไม่ได้ต้องการผลประโยชน์จะย้ายทำไม ถ้าโบรกฯ ไม่เป็นฝ่ายเสียผลประโยชน์ จะโวยวายหาทางไม่ให้มาร์ฯ ย้ายทำไม ทางออกที่ทางตลาดฯ ทำในปัจจุบัน คือการสั่งพักใบอนุญาตของมาร์ฯ นานเท่าไหร่ก็ว่ากันไป ถ้าไม่ได้เป็นการจากกันด้วยดี ระหว่าง โบรกฯ และมาร์ฯ อันนี้มาร์ฯ ก็ผิดที่เห็นแก่ผลประโยชน์ แต่ทราบหรือเปล่าว่าสาเหตุที่แท้จริงคืออะไร ก็เพราะอยู่กับอีกโบรกฯ มีผลประโยชน์ที่มากกว่า ไอ้ผลประโยชน์ที่ว่านี้ส่วนใหญ่ ไม่ใช่ตกอยู่ที่มาร์ฯ หรอกมันไปตกอยู่กับลูกค้าที่อยู่ในการดูแลของมาร์ฯ คนนั้นหรือมาร์ กลุ่มนั้นต่างหาก เห็นได้จากการย้าย แบบยกทีม ยกสาขา เพราะว่าปัญหาที่เกิดจากการย้ายจริง ๆ ของมาร์ฯ เกิดขึ้นจากการที่มาร์ฯ ต้อง ย้ายตามลูกค้า ไม่ใช่ลูกค้าย้ายตามมาร์ฯ ถ้าลูกค้าไม่ได้ผลประโยชน์ที่เพิ่มขึ้น จะย้ายโบรกฯ ให้ยุ่งยากทำไม เพราะฉะนั้นปัญหาการย้ายค่ายของมาร์ฯ จะพูดให้ถูกต้องเรียกเป็นการแย่งลูกค้ามากกว่า ไม่ใช่การ แย่งมาร์ฯ เพราะถ้ามาร์ฯ คนนั้นหรือมาร์ฯ กลุ่มนั้นไม่มีลูกค้าถามว่าโบรกฯ ไหนอยากได้บ้าง ลองเปรียบ ง่าย ๆ ว่าตัวคุณเป็นลูกค้ารายใหญ่ดูสิ แล้วคุณจะรู้ว่าคุณไม่ต้องไปดิ้นรนหาผลประโยชน์ที่ไหนหรอก ไอ้ผลประโยชน์จากโบรกฯ ต่าง ๆ จะวิ่งเข้ามาให้คุณเลือกได้ตามใจชอบ ว่าชอบของโบรกฯ ไหน ที่ไหนให้มากกว่า อย่ามาปากแข็งว่าโบรกฯ ทุกโบรกฯ มีข้อตกลงที่ตลาดฯ ให้ไว้คือเก็บค่าคอมฯ ขั้นต่ำที่ 0.25% เป็นมาตรฐานเดียวกัน จะบอกให้รู้ไว้ว่า ลูกค้าที่เป็นรายใหญ่นะเสียไม่ถึงหรอก จะบอกให้ อันนี้ก็แล้วแต่ว่าโบรกฯ จะเสนอมาในรูปแบบไหน ซึ่งจะเชื่อมโยงไปยังปัญหาต่อไปคือ ***การรีเบท*** จากคุณ : มาร์ฯ จน ๆ - [ 30 ส.ค. 47 12:44:28 A:202.59.251.216 X: TicketID:071623 ]

ความคิดเห็นที่ 2 2. ปัญหาการรีเบท ปัญหานี้มีมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยค่าคอมฯ ขั้นต่ำยังเป็น 0.5% ผลประโยชน์ระหว่างโบรกฯ กับมาร์ฯ ไม่ได้ กำหนดตายตัว บางโบรกฯ ให้เปอร์เซ็นต์มาก บางโบรกฯ ก็ให้น้อย มาร์ฯ ก็ต้องเลือกอยู่กับโบรกฯ ที่ให้มาก กว่าแน่นอน แต่อย่าคิดว่าไอ้เปอร์เซ็นต์ที่มาร์ฯ ได้เพิ่มขึ้นนั้นตกอยู่ที่มาร์ฯ มันตกอยู่ที่ลูกค้าต่างหาก ยกตัวอย่าง โบรกฯ แห่งหนึ่ง ให้ 20% ของคอมฯ ถ้าลูกค้าเทรด 1 ล้านบาท ก็จะตกอยู่ที่มาร์ฯ 1,000.-บาท แต่อีกโบรกฯ ให้มาร์ฯ 40% ของคอมฯ ถ้าลูกค้าเทรด 1 ล้านบาทเหมือนกัน ก็จะได้มาร์ฯ 2,000.-บาท ถามว่าใครมีอำนาจต่อรองกับลูกค้ามากกว่ากัน อย่าบอกว่าลูกค้าไม่สนการรีเบท ลูกค้าขอแค่การบริการจากมาร์ฯ เท่านั้น มันจะมีลูกค้าสักกี่คนที่ไม่ต้องการ ถ้าคุณเป็นมาร์ฯ ที่มีลูกค้าอย่างที่ว่านั้น คุณยิ่งกว่าถูกรางวัลที่หนึ่ง 3 งวดซ้อนเสียอีกจะบอกให้ ก็แค่ทางมาร์ฯ จากโบรกฯ แห่งที่ 2 มาบอกลูกค้าว่าถ้าพี่เทรดกับหนูนะ 1 ล้าน พี่เอาคืนไปเลย 1,000.- มาร์ยังมีรายได้เท่ากับมาร์ฯ จากโบรกฯ แห่งที่ 1 เลย ลูกค้าก็เสียค่าคอมฯ แค่ ล้านละ 4,000.- บาท จากที่ต้องเสีย 5,000.- บาท ถ้าลูกค้าเทรดแค่เดือนละ 10 ล้าน ก็ประหยัดค่าคอมฯ ไปได้ 10,000.- บาทแล้ว แล้วความจริงที่เป็นอยู่มันไม่ใช่รีเบทแค่ ล้านละ 1,000.- บาทเท่านั้น อาจถึงกับ 2,000.- หรือ 3,000.- ด้วยซ้ำไปแล้วแต่ว่าเทรดมากหรือเทรดน้อย ปัญหาที่ตามมาคือการย้าย เพราะที่ไหนให้มากกว่า ก็ต้องไปอยู่ที่นั้นเพื่อจะได้มีคืนลูกค้าได้มากขึ้น ลูกค้าจะได้อยู่กับเรา บางโบรกฯ ในสมัยนั้นบางโบรกฯ ให้มาร์ฯ ถึง 80% ของคอมฯ แล้วส่งนโยบายให้มาร์ฯ บอกว่าที่ให้เยอะนี้เพื่อเอาไป ลดให้ลูกค้า เอาอาวุธไปต่อสู้ ไม่ใช้ให้มาร์ฯ เปล่า ๆ สู้กันจนโบรกฯ เล็ก ๆ อยู่ไม่ได้ ไอ้การรีเบทที่ว่านี้ แหล่งใหญ่มันก็อยู่ที่จังหวัดที่มีการแข่งขันกันสูง นอกจาก กทม. แล้วที่ไหนล่ะที่มาร์เก็ตแชร์สูงสุด ไม่บอกก็คงรู้ว่าที่จังหวัดไหนสาขาของโบรกฯ มาเปิดมากที่สุด แล้วทีนี้ทางตลาดฯ ก็แก้ปัญหาด้วยวิธีง่าย ๆ คือลดค่าคอมฯ เป็นขั้นต่ำ จาก 0.5% เป็น 0.25% แล้วคิดว่าปัญหานี้จะหมดไป มันแก้ไม่ถูกจุดเพราะระบบ การจ่ายผลประโยชน์ระหว่างโบรกฯ และ มาร์ฯ ยังเป็นเหมือนเดิม มันไม่มีทางหรอก เพราะมาร์ฯ ยังมีการรีเบทได้ เมื่อแก้ไม่ได้ ในเมื่อมาร์ฯ แอบรีเบทกันดีนัก ดังนั้นทางตลาดฯ ก็แก้ปัญหาอีกวิธีหนึ่งคือ ก็ให้โบรกฯ แข่งกันเองเลย คือการเปิดค่าคอมฯ เสรี แล้วเป็นไงล่ะท่าน แข่งกันจนเกือบตาย มันจะไม่ตายได้ยังไงล่ะท่าน ก็เล่นให้เทรดฟรียังมี เพื่อรักษาฐานลูกค้าเอาไว้ งานนี้ลูกค้าชอบมาร์ฯ ก็ชอบ แต่โบรกฯ ไม่ยักกะชอบ ก็โบรกฯ เล็กเจ๊งกันเป็นแถบ ๆ โบรกฯ ใหญ่ ๆ ที่สายป่านยาวยังเกือบตายแทบจะอยู่ไม่ไหว ก็กลับมาใช้ค่าคอมฯ ขั้นต่ำ 0.25% เหมือนเดิม ตลาดฯ ก็ออกมาบอกว่าเรายังไม่พร้อม ต้องรออีกหน่อย จึงให้ใช้ค่าคอมฯ ขั้นต่ำ 0.25% แบบนี้ไปก่อน แล้วค่อยประชุมกันทุก 2 ปี ว่าจะกลับไปใช้ค่าคอมฯ เสรีเมื่อไหร่ ไม่รู้ว่าสมาคมโบรกฯ ต้องเสียค่าใช้จ่ายงานนี้ไปเท่าไหร่ แต่การใช้คอมฯ 0.25% ใหม่นี้ มีแถมด้วยว่า มาร์ฯ จะได้ผลประโยชน์จากโบรกฯ ไม่เกิน 27.5% ของค่าคอมฯ งานนี้โบรกฯ Happy มาร์ฯ ไม่ชอบ เพราะรายได้ลดลง ส่วนลูกค้าไม่มีปัญหาเพราะ Customer is the king งานนี้โบรกฯ เสนอรีเบทเองเลย ไม่ต้องผ่านมาร์ฯ เป็นรูปแบบไหนก็ได้อาจจะเป็นหุ้น IPO ที่มากกว่าลูกค้าทั่ว ๆ ไป หรือหุ้นของ โบรกฯ ในนามผู้มีอุปการะคุณ หรือให้ถือหุ้นเลยก็ได้ ขอย้ำว่าลูกค้าที่ได้รับข้อเสนอจากโบรกฯ เช่นนี้เฉพาะรายใหญ่จริง ๆ บอกแล้วว่าเป็นรายใหญ่ผลประโยชน์วิ่งเข้าหาเอง ไม่ต้องกลัว ส่วนรายเล็กทำอย่างไรล่ะ เมื่อทางโบรกฯ ไม่ให้ ก็ต้องเรียกร้องจากมาร์ฯ เพราะที่นี้ มันเป็นแบบนี้จนเป็นเรื่องธรรมดาแล้ว ถ้าผมไปเทรดกับคุณ คุณให้เท่าไหร่ว่ามา ถ้าผลประโยชน์ลงตัวก็เทรดกันไป ถ้าได้การรีเบทจากมาร์ฯ คนอื่นมากกว่า ก็ไปเทรดกับคนอื่น ไอ้รายได้ของมาร์ฯ ที่ได้จากโบรกฯ ก็ต้องถูกแบ่งไปให้กับลูกค้าอีก ไอ้ลูกค้าที่เปรียบเสมือนเค็กเพียงชิ้นเดียว ก็พยายามแย่งกันไป แย่งกันมา และเมื่อรายได้ของมาร์ฯ น้อยลงจากการที่โดนทางตลาดฯ บังคับ มาร์ฯ ก็สร้างปัญหาให้กับตลาดฯ อีกข้อหนึ่งคือ ***การให้กู้ยืมเงิน (นอกระบบ) เพื่อซื้อหลักทรัพย์*** จากคุณ : มาร์ฯ จน ๆ - [ 30 ส.ค. 47 12:45:01 A:202.59.251.216 X: TicketID:071623 ]

ความคิดเห็นที่ 3 3. การให้กู้ยืมเงิน (นอกระบบ) เพื่อซื้อหลักทรัพย์ เนื่องจากรายได้ของมาร์ฯ ที่ลดลง ทำให้ระบบการกู้ยืมเงิน (นอกระบบ) แบบนี้ยิ่งแพร่ขยายออกไปมากขึ้น ทั้งที่ เมื่อก่อนก็มีการทำแบบนี้มานานแล้ว แต่ไม่มากเหมือนช่วงที่ตลาดบูมเหมือนเมื่อปลายปีที่แล้ว เมื่อปลายปีที่แล้ว มูลค่าการซื้อขายการซื้อขายเยอะมาก แต่เงินนอกระบบที่ว่านี้อยู่ในจำนวนนั้นเยอะมาก ไม่อยากอธิบายวิธีการใน การปล่อยเงินกู้นอกระบบนั้น แต่ผลกระทบที่ตามมาคือ ลูกค้าซื้อขายเกินความสามารถของตัวเอง อย่างมีทุน 100,000.- นี่ ถ้าต้องการเล่นแบบเก็งกำไรเร็ว ๆ ได้เสียตามประสานักพนัน สามารถซื้อหุ้นติดพอร์ตกลับไป นอนกอดที่บ้านแล้วพรุ่งนี้มาขายได้ ประมาณ 5 ถึง 10 ล้านบาททีเดียวล่ะ คิดดูแล้วกันว่าไอ้มูลค่าการซื้อขาย ที่เห็นกันเยอะ ๆ นะ ของจริงมันมีอยู่เท่าไหร่ แล้วมาร์ฯ ล่ะ จะได้เงินเพิ่มขึ้นเป็นเท่าไหร่ ทำไมจะไม่ทำ แล้วคนที่ เป็นนายทุนปล่อยเงินกู้จะรับเท่าไหร่ ได้เกือบ ร้อยละ 25 ต่อไป ก็ปล่อยกันใหญ่ ได้ผลประโยชน์กันไปเป็น ล่ำเป็นสัน เรียกได้ว่าเป็นที่รู้กันว่าที่จังหวัดนี้ ถ้าจะไปเทรดที่โบรกฯ ไหน ให้ถามว่า "มีให้กู้หรือเปล่า รีเบทให้เท่าไหร่" เป็นเรื่องธรรมดา พอทำอย่างนี้เวลาที่ตลาดเป็นขาขึ้นก็ทำรายได้กันทุกฝ่าย ลูกค้า, มาร์ฯ, โบรกฯ และนายทุน ก็แฮปปี้กันทุกฝ่าย แต่พอตลาดขาลงเท่านั้นแหละ เหตุมันก็เกิด จากที่ซื้อขายกันเกินความสามารถอย่างมาก อย่างเช่นมีเงิน อยู่ 1 ล้านบาท ถ้าเล่นแบบกู้นอกระบบ วงเงินในการซื้อขายนี่เผลอ ๆ อาจจะถึง 20-50 ล้าน เชียวล่ะจะบอกให้ คิดดูแล้วกันนะว่าเวลาตลาดมันเป็นขาลงโดยเตรียมตัวไม่ทันนี่จะเกิดอะไรขึ้น ขายหุ้นออก มาแล้วขาดทุนมากกว่าที่มีเงินอยู่ สมมุติมีเงิน 1 ล้าน ซื้อหุ้นกลับไป 20 ล้าน พรุ่งนี้เกิดหุ้นลง 10% ขายออกมา ขาดทุน 2 ล้าน แต่มีเงินแค่ 1 ล้าน จะเกิดอะไรขึ้น พอยอดขาดทุน นายทุนก็ไม่ปล่อย ไม่มีเงินจ่ายค่าหุ้นที่ซื้อ ขายหุ้นออกมาขาดทุน อยากถามว่า ไอ้ 2 ล้าน ที่ขาดทุนใครจะรับผิดชอบ คำตอบคือ มาร์ฯ โบรกฯ ส่วนใหญ่ มีวิธีง่าย ๆ คือหักรายได้ของมาร์ฯ คนนั้นไปเรื่อย ๆ ส่วนเรื่องฟ้องร้อง โบรกฯ จะดำเนินการไปเรื่อย ๆ ไม่เดือดร้อนเพราะไม่ว่ายังไง ก็หักเอาจากมาร์ฯ ได้ ยิ่งถ้ายอดขาดทุนไม่เยอะ (สำหรับโบรกฯ) แล้ว จะฟ้อง ทำไมให้มากเรื่องเสียค่าใช้จ่ายไปทำไม แต่มาร์ฯ ที่โดนหักรายได้ไปมันเป็นจำนวนเงินที่มากสำหรับเขา แล้วจะ ย้ายไปไหนก็ไม่ได้ ต้องทำงานชดใช้หนี้ไปเรื่อย ๆ จนหมดภาระกับโบรกฯ ทีนี้อาจจะมีคำถามว่า แล้วมาร์ฯ เสือกหาเรื่องเอง อยากได้วอลุ่มมาก ๆ ก็สมน้ำหน้าไป แต่รู้มั้ยว่า ไอ้ผลประโยชน์ที่ตลาดฯ กำหนดให้โบรกฯ จ่ายให้มาร์ฯ นะ มันไม่พอกิน ภายนอกอาจมองว่าเป็นมาร์ฯ เป็นมนุษย์ทองคำ ใคร ๆ ก็อยากเป็น มันเป็น เพียงบางส่วนเท่านั้นแหละ มาร์ฯ บางคนถ้าคิดรายได้ต่อเดือน เป็นแสน ๆ แต่บางคนเชื่อมั้ยว่า 5,000.- บาท ยังหาไม่ได้เลย ถ้าคิดตามวอลุ่มที่เกิดจริง ๆ ก็ต้องทำวิธีนี้ เพื่อหารายได้ (บนความเสี่ยง) ถ้าเจอลูกค้าที่ดี ก็ดีไป แต่มันยากเพราะลูกค้าที่ดีจริง ๆ ก็อยู่ในมือมาร์ฯ คนอื่นกันหมดแล้ว เพราะฉะนั้นการแย่งลูกค้า การแข่งขันในจังหวัดนี้ถึงสูงมาก มาร์ฯ ที่ทำหน้าที่มาร์ฯ จริง ๆ จึงอยู่ไม่ได้ เพราะมันไม่มีจะกิน ถ้าทำตาม ข้อกำหนดที่ตลาดฯ กำหนดไว้ รับรอง ไม่มีจะกินแน่นอน มันเลยต้องต่อสู้กันไป ถึงกับเคยมีประวัติ มาร์ฯ ผู้หญิง ตบกันแย่งลูกค้าก็มี ได้ลูกค้าเป็นสามีก็มี การแข่งขันมันสูงมาก ทางตลาดฯ เคยรับรู้หรือเปล่าว่า ที่พื้นที่นี้การแข่งขันมันสูงขนาดนี้ ได้แต่คอยจับผิด คอยลงโทษ หาว่ามาร์ฯ เป็นตัวทำให้ระบบตลาดฯ เสียหาย โดยที่ตลาดฯ ผลิตมาร์ฯ มาเองคอยเก็บผลประโยชน์จากมาร์ฯ ผลิตมาร์ฯ หน้าใหม่กันเข้าไป โดยที่ไม่มีลูกค้าคอยรองรับ แล้วมาร์ฯ จะไปหาลูกค้าเองยังไง ก็ต้องดิ้นรนแข่งขันกันไป งัดกลยุทธ์ทุกรูปแบบ เพื่อที่จะทำให้ตัวเองอยู่รอด มีรายได้ขึ้นมา และแล้วก็มีปัญหาตามมาอีกคือ ***มาร์ฯ ไม่มีจรรยาบรรณ ไม่มีคุณภาพ*** จากคุณ : มาร์ฯ จน ๆ - [ 30 ส.ค. 47 12:45:28 A:202.59.251.216 X: TicketID:071623 ]

ความคิดเห็นที่ 4 4. มาร์ฯ ไม่มีจรรยาบรรณ ไม่มีคุณภาพ*** มาร์ฯ ที่จังหวัดอื่น เราก็ไม่รู้ว่าเวลาทำงาน ทำกันอย่างไร มีหน้าที่อะไรบ้าง แต่ที่นี่ รู้ไว้เลยว่า มาร์ฯ คือTrader ดี ๆ นี่เอง เพียงแต่สามารถเปิดบัญชีลูกค้าได้เท่านั้นแหละ ที่ต่างจาก Trader หน้าที่คือ คอยคีย์ออร์เดอร์ ให้ทันกับคำสั่งของลูกค้า ไอ้เรื่องที่จะมานั่งวิเคราะห์ว่าหุ้นตัวนี้ ปีนี้ผลประกอบการอย่างนี้ ราคาพื้นฐานสมควร จะเป็นเท่าไหร่ ไม่ต้องพูดถึง ตั้งแต่สอบได้ ถามว่ามาร์ฯ จังหวัดนี้มีกี่คนที่วิเคราะห์งบให้ลูกค้าฟัง อาจจะไม่มี สักคนเลยก็ได้ มีแต่หาข่าวให้ลูกค้าเพราะอย่างที่รู้ ๆ กันว่าตลาดฯ เมืองไทยขึ้นลงตามพื้นฐานความเป็นจริง ซะที่ไหน หุ้นที่ขึ้นลงตามหลักพื้นฐาน ถามว่ามีสภาพคล่องแค่ไหน หุ้นที่มีสภาพคล่อง คือหุ้นที่มีข่าว นั่นคือสิ่ง ที่ลูกค้าต้องการ ยิ่งลูกค้าจังหวัดนี้แล้ว หุ้นยิ่งขึ้นแรง ลงแรง ยิ่งชอบ เพราะมันเก็งกำไรได้ง่าย แล้วที่มัน ขึ้นแรงลงแรงมาจากไหน ก็มาจากข่าว โดยเฉพาะข่าวลือ เรียกว่ามาร์ฯ คนไหนให้ข่าวแม่น ลูกค้าก็ชอบ เทรดกับคนนั้น วันนี้ตัวนี้ลืออย่างนั้น วันนั้นตัวนั้นลืออย่างนี้ ลูกค้าชอบ อย่างนี้ถึงเป็นมาร์ฯ ที่เก่งในสายตา ของลูกค้า แต่ทางตลาดฯ มองว่าเป็นการบ่อนทำลายระบบ หาว่ามาร์ฯ เป็นตัวการเผยแพร่ข่าวลือ แต่นั่นคือ ในมุมมองของตลาดฯ แต่ในมุมมองของลูกค้านั้น ลูกค้าต้องการข่าวลือ แล้วทางตลาดฯ เคยจับต้นตอจริง ๆ ได้หรือไม่ล่ะ ว่าไอ้ต้นตอข่าวลือที่ออกมานั้นมาจากไหน กว่าจะออกมาปฏิเสธข่าวกัน เกิดอะไรขึ้นกับหุ้นตัวนั้น ไปแล้วบ้าง ลูกค้ารายย่อยเป็นอย่างไรบ้าง รายใหญ่ไม่ต้องพูดถึง สบายตัวไปแล้ว มาร์ฯ ทุกคน อยากให้ลูกค้า กำไรทั้งนั้นแหละ มาร์ฯ คนไหนอยากจะให้ลูกค้าตัวเองขาดทุนบ้าง ก็ต้องพยายามหาหุ้นที่ลูกค้าสามารถทำกำไรได้ ที่จังหวัดนี้ลูกค้าไม่ได้มองว่าตลาดฯ เป็นการลงทุนหรอก มันคือการพนันดี ๆ นี่เองแหละ อยู่ที่ว่าจะได้จะเสีย กันเท่าไหร่มากกว่า มาร์ฯ ก็ต้องปรับตามลูกค้า จะให้มานั่งแนะนำพื้นฐาน วิเคราะห์งบ ให้ลูกค้าฟังบอกลูกค้าให้ ถือไปสัก 3 เดือน 6 เดือน เป็นไปไม่ได้ ลูกค้าอย่างมากถือแค่เจ็ดวัน ไม่ขึ้นไม่ลงก็ขายทิ้งแล้ว ถือว่าเป็นหุ้นที่ ไม่มีข่าวให้เล่น ไม่มีใครเล่น ไปหาหุ้นตัวอื่นต่อ ลูกค้าส่วนน้อยที่จะมาถามพื้นฐานให้มาร์ฯ วิเคราะห์ให้ฟัง ถาม ทางตลาดฯ หน่อยเถอะ ตัวการปล่อยข่าวลือหุ้น KTB จนทำให้ Index ร่วงอย่างนี้จาก 11 บาทมาเหลือเท่านี้ จัดการได้หรือยัง ถ้าวันนั้น แบงค์ชาติ ไม่ออกมาแถลง ถามว่าจะเหลือเท่าไหร่ แล้วทำไมปล่อยให้มันลงมา ขนาดนี้ แล้วถึงค่อยมาแถลง ผู้ถือหุ้นรายย่อย ขาดทุนกันไปเท่าไหร่ แล้วมาหาว่ามาร์ฯ เป็นคนปล่อยข่าวลือ ถ้ามาร์ฯ ไม่บอกลูกค้าว่ามีข่าวลืออย่างนี้ จะให้ลูกค้าไปรอขายตอนไหนล่ะ ตอนข่าวจริงออก หรือตอนออกมา ปฏิเสธข่าว แล้วไอ้ราคาหุ้นที่มันลงมาเนี่ย มันกลับขึ้นไปตามที่ปฏิเสธหรือเปล่าล่ะ ทางตลาดฯ สามารถปกป้อง ผู้ถือหุ้นรายย่อยได้มากแค่ไหนล่ะ อีกกรณี อย่าง ROYNET นี่ ให้เข้ามาระดมทุนในตลาดฯ ได้อย่างไร เข้ามา ยังไม่ทันไรก็เจ้งเสียแล้ว ใครรับผิดชอบ ผู้ถือหุ้นรายย่อย ต้องรับชะตากรรมไป ทางตลาดฯ ทำอะไรได้บ้างละ ถ้ามาร์ฯ มีข่าวเกี่ยวกับหุ้นตัวนี้ ลูกค้าจะเข้าไปซื้อมั้ย มีหุ้นจะขายออกมามั้ย จะต้องให้ลูกค้ารายย่อยมานั่งรับกรรม ที่ ทางตลาดฯ กับโบรกฯ ที่อันเดอร์ไรท์ ให้หุ้นอย่างนี้เข้ามาระดมทุนในตลาดฯ หรืออย่างไร แล้วกลับมาโยนให้ มาร์ฯ หาว่าเป็นตัวการปล่อยข่าวลือ เป็นตัวการทำให้ตลาดฯ เสียบ้างล่ะ จากคุณ : มาร์ฯ จน ๆ - [ 30 ส.ค. 47 12:45:53 A:202.59.251.216 X: TicketID:071623 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ขอระบายแค่นี้ก่อนแล้วกัน พี่ ๆ น้อง ๆ ทุกท่านมีความเห็นอย่างไร ก็แสดงออกมาได้ จะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย จะหาวิธีแก้ไข ช่วยกันเสนอกันหน่อย รู้สึกว่าได้ระบายบ้าง ก็ดีจะได้รู้กันว่าเป็นอย่างไร "ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย" จากคุณ : มาร์ฯ จน ๆ - [ 30 ส.ค. 47 12:46:17 A:202.59.251.216 X: TicketID:071623 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ขอบคุณครับ ได้เห็นความจริงของมาร์ฯนึกว่ากินค่าคอมฯก็อิ่มแล้ว..จริงๆมีอะไรมากกว่าที่เห็น จากคุณ : sn00py (sn00py) - [ 30 ส.ค. 47 13:20:44 ]

ความคิดเห็นที่ 7 สรุป แล้ว ก็คือ มาร์จนๆคนนี้อยากย้ายค่ายโดยเสรี ในฐานะที่เป็นก็เป็นลูกค้า ก็บอกว่าเห็นด้วย แต่ควรจะ เปิดเสรีค่าคอมด้วย และถ้าจะเปิดเสรีค่าคอม ก็ต้องอนุญาติให้ บล.เทรดอัตราแลกเปลี่ยนด้วย ซึ่งถ้าอนุญาติตรงนี้ได้ วอลุ่มของตลาดจะพุ่งเกิน 1 แสนล้านต่อวันทันทีเลยครับ(ในภาวะปกตินะครับ และภาวะที่คึกคักจะยิ่งสูงกว่านั้นมาก) การเทรดเงินตรามันวอลุ่มเยอะจริงๆเลยนะครับ และรายใหญ่มากๆๆๆ ส่วนใหญ่เขาก็แอบเล่นที่ต่างประเทศกันทั้งนั้น จากคุณ : วงใน - [ 30 ส.ค. 47 14:29:05 A:203.150.85.94 X: TicketID:000432 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ขอ save ไว้นะคะ ที่ดิฉันเห็นและเจอมาด้วยตัวเองนะคะ มาร์ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ไม่ใช่แค่นั่งรับออร์เดอร์อยู่ในสำนักงาน แต่จะทำหน้าที่เป็น sale ด้วย สมัยก่อนนู่น น้าน นาน มาแล้ว อย่าว่าแต่มาร์เลยคู้ณ แม้กระทั่งเจ้าของโบรก ยังต้องออกมาเอาอกเอาใจรายใหญ่ๆเลย ห้องวีใหญ่ ขนกันมานั่งเล่นได้ทั้งครอบครัว ลูกเล็กเด็กแดง พี่เลี้ยงมาพร้อม เจ้าของขนซื้อของเล่นให้ลูกๆรายใหญ่ทุกวัน ขนมนมเนย ของขบเคี้ยว กินกันไม่หมด แต่พอหุ้นเจ๊ง อย่าให้บอกเลย ว่าเกิดอะไรขึ้น แค่ฆ่าตัวตายน่ะ เรื่องปกติธรรมดา เห็นๆรู้ๆกัน แต่ที่เลวร้ายกว่า ไม่เห็นมีใครรู้จริง หรือรู้ก็ไม่พูดออกมา เพราะคนที่รู้คือคนใน คนนอกเห็นแค่ที่เปิดให้เห็น บอกไป จะไม่มีรายใหญ่รายไหน กล้าเข้ามาเล่นหุ้นกันแน่ๆ เวลาหุ้นขึ้นดุเดือด มาร์จะตามล่ารายใหญ่ๆ ใครใหญ่ เทรดเยอะๆ เขารู้กัน ซึ่งไม่รู้ว่าหาข้อมูลมาได้ยังไง ตามถึงห้องวีที่รายใหญ่นั้นๆอยู่ประจำเลยนะ แล้วก็ยื่นข้อเสนอ ต่อหน้าต่อตามาร์ส่วนตัวที่นั่งอยู่ด้วย แบบว่า เป็นความตั้งใจของรายใหญ่เลยแหละ เพราะไม่งั้นมาร์จากโบรกอื่นคงเข้ามาไม่ได้ และมาร์ส่วนตัว โดยปกติ ถ้าไม่เรียก ก็จะไม่กล้าเข้ามารบกวนดอก ถ้าไม่มีเรื่องจำเป็น มันก็น่าช้ำใจนะมาร์ที่รัก เอาใจกันแทบตาย ไม่ไว้หน้ากัน รายใหญ่ๆอยู่ จะมี sale (ก็คือ มาร์นะแหละ) จากโบรกอื่นๆ จากคุณ : prettypetite - [ 30 ส.ค. 47 14:35:34 ]

ความคิดเห็นที่ 9 พูดได้คำเดียวว่า แจ่มแจ้งแดงแจ๋ เลยน้อง จากคุณ : สุขา - [ 30 ส.ค. 47 14:38:32 ]

ความคิดเห็นที่ 10 แล้วที่ผจก.ส่งลูกค้าให้แต่หลานตัวเองล่ะครับ ตลาดหลักทรัพย์ว่าไง จากคุณ : ต้น - [ 30 ส.ค. 47 16:08:04 A:203.144.204.161 X: TicketID:070263 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ในฐานะที่ผมก็เป็นมาร์ฯ เหมือนกัน ผมเข้าใจปัญหาที่ว่ามา เหมือนกัน แต่ว่าทางแก้นี่คงลำบาก เพราะระบบมันเป็น อย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เรื่องที่ว่าอยากย้ายค่ายโดย เสรีนั้น ไม่ใช่ประเด็นหรอก แต่อ่านดูแล้วเหมือนอยากให้ รู้ว่าไอ้ที่ต้องการย้าย เพราะอะไร มาร์ฯ ทุกคนผมว่าไม่ อยากย้ายค่ายหรอก ถ้าเลือกได้ เพราะมันยุ่งยาก วุ่นวาย เรื่องมาก ส่วนเรื่องเปิดเสรีค่าคอมฯ ผมเห็นด้วย แต่อย่าง ว่าแหละครับ โบรกฯไม่ยอมแน่ ๆ เพราะจะตายเอาอย่าง ที่ได้อ่านมา จากคุณ : red_devil - [ 30 ส.ค. 47 16:14:28 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เปิดเป็นโบรกเอื้ออาทรไปเลยไม่ครับ ให้รัฐบาลเป็นคนดำเนินการเอง แล้วนำค่าคอมมาทำประโยชน์ให้กับสังคมเหมือนกับเอาเงินหวยใต้ดินมาให้เป็นทุนการศึกษา หรือจะมีสินเชื่อเอื้ออาทรเพือการลงทุนก็ได้นะ รัฐบาลเข้ามาดำเนินการเองให้หมดจะได้ควบคุมง่ายๆ เปิดสาขาไปเลยหนึ่งอำเภอหนึ่งสาขา จะได้ให้ประชาชนได้มีโอกาสศึกษาการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ด้วย ไหนๆก็มีปัญหากันมากนัก จะได้ให้คนที่มีความรู้ความสามารถที่แท้จริงได้มีอาชีพด้วย ไม่ใช่เอาแต่พวกญาติโกโหติกา ของพวกตัวเองเข้ามา แล้วก็มีปัญหาเรื่องการปล่อยข่าว ยึดใบอนุญาติให้หมดแล้วรัฐผูกขาดไปเลย จากคุณ : apornnee - [ 30 ส.ค. 47 16:40:12 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ไม่รู้จะเกี่ยวกันหรือเปล่านะครับ ขอเป็นการบ่นให้ฟังละกันเกี่ยวกับงานตรงนี้ฐานะที่เคยทำมาก่อน ตอนนี้ออกแล้วไม่ชอบงานด้านนี้แต่ว่าเป็นประสบการณ์ที่น่าสนใจ ก่อนที่จะมาเป็นมาร์ นี่ ก็มีหลายที่เรียกสัมภาษณ์ เจอคำถามโครต ประทับใจหลายคำถาม เช่น 1.ผู้สัมภาษณ์(หลายบริษัท ) คุณสามารถ หาลูกค้าได้กี่คน ตอบ ยังไม่แน่ครับ ก็ต้องลองชักชวนมาดูก่อน ท่าทางเพื่อนหรือญาติไม่สนใจก็คงต้องลองให้เค้าศึกษาดู คนสัมภาษณ์(หลายบริษัท) สวนมากว่า คุณยังไม่รู้เลยว่าคุณจะหาลูกค้าได้ไง แล้วจะมาทำอาชีพนี้ทำไม คุณรู้มั้ย ว่าอาชีพนี้ พวกเราทำงานโดยอาศัย Volume ตอบ รู้ครับ งั้นผมถามกลับละกัน ท่าหาก คุณแนะนำเพื่อvolume แล้วลูกค้า ขาดทุนคุณทำไง ผู้สัมภาษณ์(หลายบริษัท) อันนั้นเราค่อยหาข้อแก้ตัวกลับไปก่อน แต่คุณอย่าลืมนะ เราอยู่ได้ด้วยVolume ตอบ เอ่อ ผมไม่ได้ขายแอมเวย์ หรือขายประกันนะครับ สรุปว่า พวกผู้สัมภาษณ์ รู้สึกจะหน้าตาโมโหขึ้นมาเฉยๆ แล้วผมก็ไม่ได้งานกับบริษํทพวกนั้น (หลายบริษัท) จนกระทั่งมีอีกโบรกเกอร์นึงโทรมาเรียก ขอบอกว่าผมประทับใจส่วนตัวนะครับ อดีตหัวหน้า ถาม คุณมองว่าVolume กับ การขาดทุนของลูกค้า คุณลองอธิบายมาหน่อยสิ ผม ตอบ ท่ากรณีว่าผมได้volume แต่ลูกค้าขาดทุน ผมคงรู้สึกผิด แต่ว่าผมบอกตรงๆ ตอนนี้ท่าจะหวังว่าให้ทำvolume ในสามเดือน หกเดือน ผมทำไม่ได้หรอกครับ ท่าคิดว่า ผมจะมีฐานลูกค้า คงต้องหาคนอื่นแล้ว อดีตหัวหน้า ตอบมากว่า การทำvolume ไม่สำคัญเท่ากับการที่คุณทำให้ลูกค้าคุณมีรายได้เพิ่มคุณ คุณพอใจนักหรือกับรายได้ในความทุกข์ของลูกค้า หลังจากนั้นจะมีการสัมภาษณ์กับประธานบริษัทอีกที เรียกว่าเป็นการคุยเล่น ยิ่งประทับมใจ(แม้ว่าอาจจะเป็นคำพูดที่ทำให้ดูดีก็เถอะ) เค้าบอกว่า ช่วงแรกก็ลำบากหน่อย อาจจะหาลูกค้ายาก แต่ไม่เป็นไรค่อยๆทำไป ถือว่าช่วงที่ยังไม่มีลูกค้า คุณก็ศึกษางานก่อนละกัน พอเริ่มมีลูกค้าคุณก็คล่องแล้ว ไม่ต้องกังวลเรื่องลูกค้ามา บริษัทเรามีฝ่ายหาลูกค้า สุดท้ายผมได้ทำงานที่นี่ หกเดือนกว่านี่ไม่เคยทำถึงยอดที่เค้าให้ แต่ว่า เค้าไม่มีตัดเงินเดือน เพื่อนที่ทำข้างๆ ปีกว่าก็ไม่ถึงเป้าก็ได้เต็มสองหมืน (แบบ Fix ไม่มีincentive) กล่าวโดยรวม มาร์นี่ก็คือtrader ครับ คุณคาดหวังอะไรไม่ค่อยได้ เรื่องข่าวถนัดนัก แต่เรื่องพืนฐาน การเงิน ไม่ค่อยจะทราบ บริษัทหลายๆบริษัทโดนผมตอกกลับไปเยอะ แต่ผมก็สงสารมาร์ด้วยเหมือนกันในบางครั้งที่ต้องรองรับอารมณ์ของลูกค้าพวกtrading เพราะพวกนี้ทำvolumeให้เยอะ แต่ว่าท่าเราทำช้านี่โดนด่าแหละ ในขณะลูกค้าคุณภาพ ศึกษาบริษัท(เจอน้อยแต่ว่ามีครับ และได้ตลอด ไม่ว่าหุ้นขึ้นหรือลง)ไม่เคยเร่งเลยในการซื้อขาย ท่าเคาะไม่ทันก็ไม่ด่าหยาบคาย อาชีพนี้ต้องมีความอดทนสูงครับ นอกจากservice mindแล้ว คุณต้องอ่านลูกค้าให้ออกด้วย ปล ผมจบโท และมี CISA น่ะครับ ที่ทำมาร์ตอนนั้นเพราะว่า อยากรู้ไหนๆก็สอบมาได้แล้ว จากคุณ : อดีตมาร์คนหนึ่ง - [ 30 ส.ค. 47 16:52:43 A:202.59.243.168 X: TicketID:010641 ]

ความคิดเห็นที่ 14 คุณ อดีตมาร์คนหนึ่ง ทำไมไม่บอกละว่าบริษัทอะไร อยากรู้นะ จากคุณ : solarplexus - [ 30 ส.ค. 47 17:03:10 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เวลาตลาดซบเซา มาร์เขาก็ถือเป็นโอกาส และหาเวลา vitsit customers มานั่งกินข้าวกลางวันด้วย และขอรับออร์เดอร์กันถึงบ้าน เพื่อกระตุ้นยอดขาย มีความสามารถสูงมากๆ ตามล่าใบหุ้นจากพนักงานที่ได้หุ้นมาฟรีๆ หรือถูกๆมาให้ได้ เห็นแล้วอึ้งเลย อ้อ ต่อ ตอบกระทู้ข้างบน ยังไม่จบ มาร์จากโบรกอื่นๆ ที่มุ่งเข้ามาแย่งตัวลูกค้า ก็จะเสนอว่า (แบบเกรงใจมาร์ด้วยกันเล็กๆ) ขอให้เปิดบัญชีเพิ่ม ลองดูก่อน ยังไม่ต้องย้ายโบรกก็ได้ แล้วว่า ตอนนี้มีเทรดผ่านเนท เราก็เลยมีบริการแจกตัวอย่างให้ไปทดลองใช้ฟรีๆ ว่าแล้วยกมือถือเรียกไป สักครู่ มีคนแบก computer ใหม่เอี่ยมเข้ามาในห้อง แล้วก็หยิบเอกสารที่เตรียมไว้ บอกว่า ถ้าเปิดบัญชี จะเอาคอมเครื่องนี้แหละ ไปติดตั้งให้ที่บ้าน แต่ เดี๋ยวก่อน ถ้าโทรภายใน 10 นาที เอ๊ย ไม่ใช่ ถ้าเซ็นต์เดี๋ยวนี้เลย จะเอาไปติดตั้งให้ทันที แถม internet package 24 ชั่วโมงด้วย ไม่มีข้อแม้ใดๆ เอามั๊ย อย่าคิดนานนะ promotion นี้พิเศษสุดๆ ช้า อด เออ ไม่รู้ใครไปบอกคุณเธอ ว่าคอมที่บ้าน ที่ยกไปซ่อม เจ้าร้านที่ซ่อม ปิดร้านหายตัวไปพร้อมคอม กำลังประกอบคอมตัวใหม่เองอยู่ (เวลาเสียอีก จะได้ซ่อมเองเป็น) อา ปิดการขายได้ เจ๋ง เป็นเรื่องจริง ไม่ได้แต่ง มาร์สาวสวยด้วย เก่งจริงๆ แต่ทุกวันนี้ ยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนจ่ายเงินซื้อเครื่องคอม ตอนนี้ รายใหญ่รายนั้น ได้คอมมา 3 เครื่องฟรีๆ แต่ไม่ได้อยู่กับโบรกทั้ง 3 ราย จากคุณ : prettypetite - [ 30 ส.ค. 47 17:04:32 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ต้องขออภัยครับ ผมคงไม่สามารถบอกได้ว่าเคยทำงานกับโบรกเกอร์ไหน แต่อยากจะบอกว่า ทุกโบรกเกอร์มีทั้งมาร์ที่ดี และมาร์ที่มองvolume ตอนผมทำงาน รุ่นพี่ในทีมก็ไม่ใคร่ จะปลืมผมสักเท่าไหร่เนื่องจากว่าเค้าเล่นหุ้นตามข่าว จำได้ว่ามีหุ้นตัวนึง รุ่นพี่เค้าเชียร์น่าดู( ผมไม่ชอบเลยเวลาเค้าพูดกันว่า เชียร์ตัวนั้นตัวนี้ เหมือน เด็กเชียร์แขก) ในขณะที่ผม บอกกับลูกค้าผมว่ามันไม่ดีนะ ท่าว่าทางพื้นฐาน แต่อยากบอกว่าท่าคุณเจอมาร์ที่ดี (ผมขอย้ำว่ามีครับ ) คุณจะโชคดีมาก แต่คุณอาจจะโชคร้ายท่าคุณเป็นลูกค้าประเทภtrading เพระว่ามันทำให้คุณขาดรายได้ จากแมงเม่ากลุ่มนึง จากคุณ : อดีตมาร์คนหนึ่ง - [ 30 ส.ค. 47 17:10:46 A:202.59.243.168 X: TicketID:010641 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ตามมาอ่านครับ น่าสนใจดีครับ ขอเซฟไว้อ่านละเอียด ๆ อีกทีนะ จากคุณ : ขุนอิน - [ 30 ส.ค. 47 17:29:45 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขอถามหน่อยเถอะครับ ผมเคยได้ยินว่ารายใหญ่ดู bid offer ได้มาก 3 ช่องได้ เป็นเรื่องจริงหรือเปล่าครับ แล้วเรื่อง front runner มีในเมืองไทยไหมครับ จากคุณ : อยากรู้ - [ 30 ส.ค. 47 19:06:31 A:61.90.23.107 X: TicketID:024039 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ข้อมูลชัดเจนและละเอียดจนเห็นภาพ น่าเห็นใจครับ คงต้องทำใจ..อย่างเดียว ทักทายสวัสดีท่านขุนด้วยครับ แก้ไขเมื่อ 30 ส.ค. 47 20:21:45 จากคุณ : Mond - [ 30 ส.ค. 47 20:20:12 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เรื่องที่รายใหญ่เห็นมากกว่า 3 ช่องเคยได้ยินมา ขอทราบด้วยครับ จากคุณ : Joy.BJ - [ 30 ส.ค. 47 20:37:47 ]

ความคิดเห็นที่ 21 #18 เรือง บิด มากกว่าสามช่องนี่ไม่ทราบเหมือนกันครับว่าราใหญ่ดูได้มากกว่าหรือเปล่าแต่ คอมของมาร์ ดูได้สามช่องเอง ส่วนเรื่อง front running นี่ เอาเป็นว่าเท่าที่สังเกตุนี่ มาร์ทุกคนก็มี บัญชีของตนเองแต่ใช้ชื่อคนอื่น นะครับ แต่จะfront running หรือเปล่า อันนี้ผมไม่ทราบครับ เพราะว่า ส่วนใหญ่มาร์จะไม่ยุ่งเรื่องลูกค้า ของคนอื่นนะครับ ท่าไม่สนิทกันจริงๆ แต่ตอนที่อบรมCFA เคยมีอาจาร์ยท่านหนึ่งบอกว่า การอบรมนี่ท่าคุณสามารถตี research ที่นักวิเคราะห์เขียนได้ว่า เค้าเขียน โดยข้อเท็จจริง หรือว่า มีวัตถุประสงค์แอบแฝงได้ ถือว่าคุณเยี่ยม ซึ่งอาจารย์ท่านนี้เน้นเรื่องจรรยาบรรณมากว่าใครที่ได้เข้ามาในวงการนี้ควรซื่อสัตย์ต่ออาชีพและลูกค้ารายย่อย เพราะรายย่อย น่าสงสาร ซึ่งผมก็เห็นด้วยกับท่าน จากคุณ : อดีตมาร์คนหนึ่ง - [ 30 ส.ค. 47 20:42:29 A:210.203.177.84 X: TicketID:010641 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เอ่อ กระทู้นี้เป็นของคุณ มาร์ จนๆ น่ะครับ เผอิญผมเคยทำอาชีพนี้มากว่า แม้ว่าจะไม่นานนัก (ครึ่งปีกว่าได้)ก็แค่ต้องการนำเสนอถึงช่วงหนึ่งในการทำงานน่ะครับ ท่าผู้ใดต้องการทราบเรื่องใด ท่าผมทราบก็จะบอกด้วยนะครับ แต่อยากฝากไว้นิดนึงน่ะครับ ว่า มาร์ก็เป็นอาชีพนึงที่ค่อนข้างน่าเห็นใจโดยเฉพาะมาร์ที่ไม่มีลูกค้ารายใหญ่ๆ ดังนั้นเวลาคุณอาจจะหงุดหงิดเรื่องบริการบ้าง อย่าไปลงที่มาร์มากเลยครับ อยากให้เอาใจเขามาใส่ใจเราบ้าง คุณก็คงไม่ชอบท่าโดนใครตะคอก หรือด่าหยาบคาย จากคุณ : อดีตมาร์คนหนึ่ง - [ 30 ส.ค. 47 20:46:56 A:210.203.177.84 X: TicketID:010641 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ธรรมดามากทุกวงการมันมีดีมีแย่ทั้งนั้นแหละ ทั้งพ่อค้าและลูกค้า วงการนี้ผลประโยชน์มันเยอะ มันก็รุนแรงหน่อย แต่ยืนยันเช่นเดียวกับคุณ อดีตมาร์ฯ. คือ มาร์ดี ๆ ก็มี หาได้อยู่ (แต่อาจจะน้อยหน่อย) จากคุณ : มาร์ แก่ (ดีด้วย) - [ 30 ส.ค. 47 21:20:07 A:203.170.175.51 X: TicketID:070710 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ผมไปสมัคร เวลาเรียกผมไปสัมภาษณ์ถามแต่ Volume อย่างเดียวไม่สนด้วยว่าผมรู้ไรบ้าง เลยยังไม่ได้เป็นมาร์ สักทีคุณอดีตมาร์โชคดีนะครับที่เจอคนที่เข้าใจ จากคุณ : zumojet - [ 30 ส.ค. 47 21:28:47 ]

ความคิดเห็นที่ 25 สวัสดีครับ ผมก็เป็นลูกค้าคนหนึ่ง เเละเทรดหุ้นเเบบไม่เคยมีมาร์ มาเเนะนำหรือไกด์อะไรเลยครับ สบายดีออก เเต่บางครั้งมันน่าหงุดหงิดตรงที่ ถามอะไรก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่อง เเนะอะไรเราก็ไม่ได้ ทั้งที่ผมเทรด ผมว่าวอลุ่มผมก็ทำเงินให้เค้าเดือนนึงก็เป็นพันบาทได้นะครับ เเต่ช่วงนี้ลดลงเเล้วหล่ะครับ เพราะมันเล่นยาก ถนอมกำลังตัวเองไว้ดีกว่า เท่าที่อ่านๆดู ผมว่าปัญหาคือ ในเมืองไทยคนเล่นหุ้นนี่มันน้อยอ่ะครับ เอาเเบบที่เล่นจริงๆ ด้วยเงินของตัวเองนะครับ หายาก ไปดูเถอะ ในหมู่เพื่อนๆคุณมีเล่นกันจริงๆเเบบเป็นมืออาชีพนะ มีซักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ก็เล่นกันเเบบหวังรวยเร็วๆ หวังกำไรทีเป็นร้อยเปอร์เซ็นต์ในเดือนเดียว เเล้วเป็นไงหล่ะ สุดท้ายก็หมดตัวกัน เเล้วก้เลิก ออกจากตลาดไป ทีนี้เงินมันก้ไปสะสมอยู่ที่รายใหญ่ ขาปั่น ทั้งหลาย รายย่อยก็มีน้อย รายใหญ่คุมซอยหมด เเล้วมาร์จะทำไงหล่ะ รายย่อยเข้ามาเล่นก็อยุ่ไม่ยั่งยืนเพราะเจ้งไปหมด ก็ต้องไปเเย่งลุกค้ารายใหญ่ในระบบที่มีไม่กี่ราย ก็ต้องไปเเข่งเสนอผลประโยชน์ ใครได้ไปก็สุดเเสนจะโชคดี ผมว่าถ้าจะเเก้ ก็ต้องเเก้ให้ถูกจุดกันหน่อย ก็คือเพิ่มคนลงทุนหรือเล่นหุ้นให้มีมากขึ้นเเละยั่งยืน ไม่ใช่มานั่งยุลูกค้า ปั่นวอลุ่ม ซื้อขายมั่วซั่ว ทำเเบบนี้ลุกค้ามีเเต่ขาดทุน เจ็บตัว ส่วนรายใหญ่ก็มีเเต่ได้ๆๆ พอลุกค้าเจ็บตัวบ่อยๆ เค้าก็เลิก ทำไมถึงไม่มีการปลุกฝังมาร์กันหน่อยว่า ให้สร้างลูกค้าขึ้นมามั่ง จริงอยู่ เเรกๆ อาจจะลำบาก เพราะลุกค้ารายย่อยๆ นี่เงินมันน้อย เทรดทีเดือนนึงคงไม่พอกินหรอก เเต่ก็ต้องมองที่ระยะยาวมั่งว่า ซักวันลุกค้าจะโตขึ้น เล่นได้ดีขึ้น เค้าก็เอาเงินมาลงทุนเยอะขึ้น วอลุ่มมันก็มาเอง เเล้วถ้ามีลุกค้าเเบบนี้เยอะๆ ก็อยู่ได้ ทุกอย่างมันต้องใช้เวลา ไม่ใช่มาหวังว่าจะให้ลูกค้าเทรดๆ มันมากๆ ทุกวันนี้ตัวผมเองก็ลูกค้ารายเล็ก ขี้มดคนหนึ่ง เริ่มต้นก็ 20,000 บาทเอง ตอนที่เริ่มลงทุนตอนนั้น ตลาดซบเซามาก มาร์นี่ออกมาเอาใจน่าดู เเต่พอเปิดเเล้ว ก็ไม่มีคำเเนะนำ หรือเเนะเเนวอะไรผมเลย พอผมซื้อเเล้วขาดทุน ก็ไม่มาเเนะคัดลอส ปล่อยทิ้งไว้ เเล้วเเบบนี้จะอยู่รอดไหมหล่ะ เเต่ผมมาคิดได้เอง ว่าควรจะทำไง เเล้วก็ศึกษา ซื้อหุ้น พอหุ้นกำไร 10% ก็โทรมาเเนะว่าให้ขายทำกำไร ผมก็ลองขายดู ปรากฎว่าปล่อยหมู ขาดทุนกำไรไปเป็น 50% ผมมาคิดเอาว่าเป้นการรีดหุ้นจากรายย่อยเเน่เลย(หรือป่าวไม่รู้) เเนะนำผมเเต่ละอย่างสุดยอดจริงๆ เเต่เดี๋ยวนี้มาร์คนนั้นเค้าก็ออกไปอยู่โบรกอื่นเเล้ว ผมก็ไม่ตาม คนใหม่มา เค้าก็โยนผมให้คนใหม่ ก็ไม่มีเเนะนำอะไรอีกเลย ถามอะไรก็ไม่บอก(หรือไม่รู้หรือไม่อยากบอก) เเล้วถ้ารายย่อยมาเจอเเบบผมเยอะๆ นี่เค้าจะพอร์ตโตขึ้นไหมหล่ะ ส่วนผมเองก็เผอิญว่าเป้นคนที่พยายาม เเล้วก็เอาเงินมาลงทุนเพิ่ม เดี๋ยวนี้ พอร์ตก็โตไป 24% ใน 2 ปีที่ผ่านมา เเล้วเอาเงินมาเพิ่มด้วย กลายเป้นเเสนเเล้ว เเละก็คงจะเล่นไปเรื่อยๆ เเต่ผมอยากบอกเลย ว่า คนที่เล่นไปเรื่อยๆ เเบบผมนี่มันมีไม่กี่คนเอง ส่วนใหญ่ไม่ขาดทุนก็เลิกไปเลย ไม่ก็นอนดอย ข้ามปีหวังว่าซักวันมันจะหลับมา เเล้วเเบบนี้มาร์จะเอาอะไรกินหล่ะ ก็คงต้องออกไปง้อหารายใหญ่เเล้วก็เกิดปัญหาอีกนั่นเเหละ ทีนี้ตัวผมเองก็กำลังเรียนอยุ่ปี่ 2 ผมหวังว่าเมื่อเรียนจบผมจะได้เป็นมาร์ ผมหวังเอาไว้มานาน เเล้วก็ตั้งใจว่าจะเอาตัวเองเนี่ยเป็นบทเรียนหรือประสบการณ์ สอนรายย่อยคนใหม่ๆหน้าใหม่ๆ ซึ่งผมคิดว่าจะเป็นเพื่อนผมส่วนนึงเเละ ญาติๆ รวมถึง ที่โบรกจะโยนเศษๆลูกค้าของโบรกมา ผมจะยินดีรับไว้อย่างไม่รังเกียจเลย เเล้วเวลาสัมภาษณ์ผมก็จะบอกเค้าไปตรงๆเลยว่า ผมคงหารายใหญ่ หาเศรษฐี ลากเพื่อนๆให้เอาเงินเป็นเเสนๆมาเล่นหุ้นเเบบไร้ความรู้ ผมคงทำไม่ได้ เพราะเรื่องเงินๆทองๆนี่ มันเรื่องใหญ่ เเต่สิ่งที่ผมทำได้คือ ผมสามารถบอกหรือจะเรียกว่าสอนก็ได้ เเนะเเนวทางสำหรับนักเล่นหุ้นหน้าใหม่ ที่คิดจะเริ่มต้น เริ่มน้อยๆก่อน โดยตัวผมเอง ที่ได้ลองมาเเล้วหลายสารพัดวิธี ผมมีวิธี style การเเบ่งพอร์ต ทั้งลงทุนเเละ เล่นเกงกำไรในเเบบที่ไม่เจ็บตัวมาก ผมได้ทำมาหมดเเล้ว ขาดทุนวันเดียว 25 % ก็เคยเเล้ว ผมจึงมุ่งมั่นที่อยากจะเป็ฯมาร์เเละสร้างลูกค้ารายย่อยๆค่อยๆเรียนรู้ ให้พอร์ตเค้าค่อยๆเติบใหญ่ขึ้น ผมยังจะภูมิใจมากกว่า ที่มานั่งปั่นวอลุ่มเเล้วเค้าก็เจ้งหมดตัว เเล้วไปฆ่าตัวตายออกข่าวซะอีก ผมหวังว่าความฝันผมจะเป็นจริง ซึ่งถ้าเป็นไม่ได้ ผมก็อาจจะทำได้เเค่ เป็นคนเล่นหุ้น ธรรมดาคนหนึ่ง ก็ได้ จากคุณ : คนๆนึง - [ 30 ส.ค. 47 22:15:37 A:202.133.137.50 X: TicketID:070043 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ขออ่านอย่างเดียวครับ ไม่มีความเห็น จากคุณ : aeaw - [ 30 ส.ค. 47 22:32:41 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณครับ ทุกๆความเห็น ตาสว่างขึ้นเยอะเลย จากคุณ : Livestock - [ 30 ส.ค. 47 23:12:54 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ขอออกตัวก่อนว่าอันนี้เป็นความเห็นของผมคนเดียวแล้วกัน จะเห็นด้วยหรือไม่ก็แล้วแต่ ความเห็นผมว่า อาชีพมาร์ นี่นับวันจะด้อยค่าลงเรื่อยๆ นะครับ ถ้าลองพิจารณาดูจะเห็นว่ามาร์มีหน้าที่ 3 ส่วนคือ 1. ให้คำปรึกษาลูกค้า 2. หาลูกค้าใหม่ๆ และ 3. คอยคีย์ออร์เดอร์ให้ ดังนั้นคนที่เป็นมาร์จึงต้องพยายามทำหน้าที่ส่วนแรกให้ดีที่สุด และทำให้ได้เยอะๆ เพื่อรักษารายได้ของตัวเองไว้ ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้ว ต้นทุนของงานน่าจะอยู่ที่ส่วน 2 และ 3 มากกว่า ... ลองคิดดูว่าคนที่สามารถให้คำปรึกษาเรื่องการลงทุนได้จะต้องใช้คนที่มีความรู้ขนาดไหน ... การหาลูกค้าก็เช่นกัน ต้องอาศัยศิลปะการพูด การชักจูง connection ต่างๆ ส่วนคนที่แค่คีย์ข้อมูลได้ผมว่า แค่ใช้ com เป็นก็ฝึกได้แล้ว ที่ผมบอกว่าอาชีพนี้ด้อยค่าลงไป ก็เพราะว่าหน้าที่เกือบทั้งหมด ส่วนของมาร์ จริงๆ มีคนอื่นทำอยู่แล้ว เช่น นักวิเคราะห์ทำหน้าที่ให้คำปรึกษา ส่วนถ้าจะคีย์ออร์เดอร์ก็ให้ trader เป็นคนทำ หรือเดี๋ยวนี้มี internet เข้ามา ก็ยิ่งไปกันใหญ่ รวมถึงลูกค้าใหม่ๆ เดี๋ยวนี้ ผมว่ามาที่บริษัทโดยตรงเยอะขึ้น การที่มาร์จะไปหามาเองก็น้อยลง เพราะสื่อต่างๆ ทำให้คนทั่วไปเข้าถึงบริษัทได้มากกว่าแต่ก่อน ทางรอดของมาร์ เลยต้องไปทำหน้าที่อื่นแอบแฝง นั่นคือการหาข่าว ... โดยเฉพาะข่าวลือ ... ให้ลูกค้า เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับตัวเอง และเพิ่มรายได้ที่จะจาก order ด้วย เพราะข่าวพวกนี้มันทำให้เกิด order ได้ทุกวัน และดูเหมือนลูกค้าจะชอบด้วย ผมว่าน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงได้แล้ว ถ้าเราลองแปลคำว่า marketing กันตรงๆ ก็น่าจะมีหน้าที่อย่างเดียวก็พอก็คือหาลูกค้าใหม่ หรือทำหน้าที่ทำ campaign โฆษณาให้เป็นเหมือนแผนก marketing ของบริษัททั่วไปเลย กินเงินเดือนตามปกติ หรือจะมี sale force แบบ direct sale ก็ได้ อาจจะให้ค่า com ตามมูลค่าพอร์ตที่ลูกค้ามาขอเปิด นอกจากนั้น คนที่เหลืออาจจะไปเป็นนักวิเคราะห์ หรือ มีหน้าที่ใหม่ขึ้นมาเป็นที่ปรึกษาการลงทุนให้กับลูกค้าเฉพาะคนก็ได้ คิดค่าบริการจากการให้คำปรึกษาเป็นรายๆ ไป ไม่ได้ค่า com จากการซื้อขาย คนคีย์ order ก็รับโทรศัพท์แล้วคีย์อย่างเดียว ค่า com อาจจะแพงกว่า internet นิดหน่อย ถือเป็นค่าแรงในการคีย์ พวกนี้กินเงินเดือนแล้วไม่ได้ค่า com เหมือนกัน พวกนี้ผมก็ฝันของผมไปเอง ถ้าทำได้จริงก็คงดี ... จบมันห้วนๆ แค่นี้แหละ จากคุณ : Minesweeper - [ 30 ส.ค. 47 23:37:05 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ก็เห็นด้วยกับทุกความเห็นที่ว่ามาร์น่ะครับ แต่ขอเสริมในส่วนของความเห็นที่25 เพิ่มนะครับ ส่วนนึงผมว่าความคิดนี้ก็ทำให้มาร์เก็ตติ้งที่ดีๆ อยู่ส่วนนึงวางตัวลำบาก การที่บอกว่าคุณก็ได้เดือนๆนึงจากผมหลายพันอยู่ สำหรับมาร์ที่ไม่มีรายใหญ่นี่บอกได้เลยว่าเค้าอยู่ไม่ได้และทำให้เกิดปัญหาที่บอกมาว่า(ที่บริษัทผมยอดขั้นต่ำต้อง 20ล้าน ผมทำได้สูงสุดแค่สิบสองล้านเอง) มาร์เก็ตติ้งก็ลำบากแล้วครับ ท่ารับโทรศัพท์ตามคิว คนสุดท้ายที่ได้รับบริการก็ต่อว่า บาททีเจอกรณีถามว่า วันนี้หุ้นจะขึ้นกี่จุด ขึ้นตอนกี่โมง พอเราตอบไม่ได้ โดนด่าเลยว่า yes แม่ ทำไมไม่รู้วะ พอหุ้นตก ก็ด่าอีกว่าจะตกไปถึงไหน ไอ้ animal แต่ก็เห็นด้วยว่าเดี๋ยวนี้มาร์เก็ตติ้งนี่ไม่รู้อะไรเลย รุ่นพี่ในทีม ทำvolumeตอนตลาดห้าหกหมื่นล้านวันนึง ได้เกือบร้อยห้าสิบล้าน (ย้ำนะครั้บว่าวันเดียว) แต่ไม่รู้เรื่องพื้นฐานแต่คุยเก่งมากครับ ขอใช้คำพูดว่า ตอแหล ไปเรื่อย ตอนแรกผมก็คิดว่ามาร์ ที่ทำมานานคงฝากความหวังพัฒนาตลาดหุ้นไทยไม่ได้ เจอมาร์ยุคใหม่ (ผมอายุยี่สิบกลาง ไปทางปลายๆแล้ว) ผมสิ้นหวังเลยครับ แค่เข้ามาฟังนักวิเคราะห์ให้ข้อมูล นี่คุยกันเม้าท์แตก ไม่สนใจข้อมูลเลย ไม่รู้ว่า เพราะมาร์แย่ หรือว่าเพราะนักลงทุน เป็นนักพนันกันหมด ทุกเช้าคุยกับเพื่อนโปรกเกอร์อื่น เพื่อเช็คข่าวอย่างเดียว และเท่าที่สังเกตุนี่ อาชีพมาร์เก็ตติ้ง นี่คุณต้องเป็นปลาไหลไปเรื่อย นักวิเคราะห์ก็เหมือนกัน เคยดูอยู่คนทางช่องเก้า ผู้หญิงไม่รู้ชื่ออะไร มาแนะนำหุ้น เหมือนมาใบ้หวย พอลูกค้าโทรมาถามว่าใบ้หุ้น ตอบว่าไม่ทันแล้วค่ะ บอกให้ซื้อเมื่อวาน คุณไม่ซื้อเอง ราคามันขึ้นไปแล้ว แต่ที่สลดใจที่สุด คือรุ่นพี่ในทีมหลายคนชอบ นักวิเคราะห์รายนี้มาก บอกว่านี่แหละนักวิเคราะห์ที่มาร์เก็ตติ้งต้องการ บอกราคาเสร็จสรรพ ( แต่ไม่เห็นพูดเวลาเค้าแก้ตัวเลย) แต่ผมไม่เห็นนักวิเคราะห์ท่านนี้มาหลายเดือนแล้ว อีกส่วน ทางตลาดหลักทรัพย์ก็สักแต่ผลิตมาแต่ไม่มีคุณภาพเลย แค่กาข้อสอบแล้ว ผ่านก็แค่นั้น เพื่อนที่ทำงานด้วยกัน แน่ผ่านแล้วก็คืนความรู้หมด เอาเป็นว่า ผมสลด กับ ตลาดหลักทรัพย์ พอสมควร ทั้งในสว่น กำกับ (กลต ตลท) โบรกเกอร์ นักลงทุน(นักพนัน) จากคุณ : อดีตมาร์คนหนึ่ง - [ 31 ส.ค. 47 09:43:12 A:202.59.243.11 X: TicketID:010641 ]

ความคิดเห็นที่ 30 555 สงสัยผมจะไม่ได้สอบ EQ ซะแล้ว เห็นแบบนี้แล้วไม่ค่อยชอบ ยิ่งคุยไม่เก่งด้วย 55 จากคุณ : Zionism - [ 31 ส.ค. 47 11:36:59 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ตลาดหุ้นไทย หุ้นที่ขึ้นแรง ส่วนใหญ่ เน้นว่าส่วนใหญ่ ก็มักเป็นหุ้นที่เจ้ามือทำราคา โดยมีข่าวคอยมาสนับสนุนราคา ออกข่าวลือต่างๆ ทั้งนั้น และลูกค้าส่วนใหญ่ ก็ชอบเล่นหุ้นพวกนี้แหละ ดังนั้น มาร์ที่ลูกค้าชอบก็ต้องเป็นมาร์ที่มีเพื่อนฝูงเยอะไว้เช็คข่าว ยิ่งมีเพื่อนที่ดูแลขาใหญ่ยิ่งดี ส่วนนักวิเคราะห็ก็เหมือนกัน ใครที่ความรู้ดีๆ ก็สู้นักวิเคราะห์ที่มีใบสั่งจากรายใหญ่ไม่ได้ วิเคราะห์ปุ๊บ รายใหญ่ก็ไล่ ให้เห็นกัน จะๆ อย่างเสี่ยดังๆ เขามีนักวิเคราะห์ของบริษัทดังๆ คอยหาข้อมูลให้ เสี่ยสนใจตัวไหน เดี๋ยวจัดให้ แล้วเสี่ยก็พาไปเลี้ยง พาไปเที่ยวต่างประเทศ แถมตังค์ให้เป็นการตอบแทน โอย เยอะ ตลาดไทย รายย่อยต้องขวนขวายกันอีกเยอะ เพื่อจะได้รู้ทันรายใหญ่ จากคุณ : สุขา - [ 31 ส.ค. 47 12:36:00 ]

ความคิดเห็นที่ 32 รายย่อยต้องขวนขวายกันอีกเยอะ เพื่อจะได้รู้ทันรายใหญ่ โดนใจกับประโยคนี้จริงๆ แก้ไขเมื่อ 01 ก.ย. 47 00:08:09 จากคุณ : สติสตังค์ - [ 31 ส.ค. 47 21:46:54 ]

ความคิดเห็นที่ 33 มาอ่านเอาความรู้ครับ อยากรบกวนถามคุณอดีตมาร์คนหนึ่งใน คคห.21 ช่วยอธิบายแนะนำเกี่ยวกับเรื่อง front running ให้เป็นความรู้หน่อยครับว่า...คืออะไร ? ขอบคุณล่วงหน้ครับ จากคุณ : Mond - [ 1 ก.ย. 47 01:12:39 ]

ความคิดเห็นที่ 34 เป็นอดีตมาร์ฯคนหนึ่งเช่นกันค่ะ ขอคอนเฟริ์มว่าเป็นอาชีพที่ต้องใช้ความอดทนสูงมากกกกก ทำมาได้ 2 ปี เครียดมากๆ รับไม่ได้ที่ลูกค้าไม่สนใจสิ่งที่เราบอกเลย นอกจากถามว่า "วันนี้เล่นตัวไหน" แต่พอหุ้นตก เราก็โดนด่าๆๆๆๆ ทั้งที่ตัวเองเป็นคนเลือกเองแท้ๆ สุดท้ายทนไม่ไหวก็ต้องลาออกมาเนี่ยแหละค่ะ จากคุณ : คนสวยแย่แล้ว - [ 6 ก.ย. 47 22:33:17 A:203.113.81.8 X:203.150.217.113 TicketID:061801 ]

ความคิดเห็นที่ 35 งั้นบวกผมกับเพื่อนได้อีก 2คนเลยครับ คุณคนสวยแล้วแย่ พวกผมก่อนเข้ามาแบบหนังฮ่องกงเลย ฮึกเหิมเต็มที่ แต่ตอนออกนี้อารมณ์อยากไปทำงานกลุ่ม Greenpeaceเลย งานนี้ได้อารมณ์ครบทุกรสจริงๆ บายๆอาชีพมาร์เก็ตติ้งครับ ข้อดีอย่างคือผมได้ทีมที่ดี ทุกวันนี้ผมกับพี่ที่เทรนผมมาก็ยังเป็นเพื่อนกันครับ ว่าไปผ่านมาก็ครึ่งปีละนะเรื่องพวกนี้นะ อาชีพนี้อาจจะเหมาะกับบางคน โชคร้ายที่ผมคงไม่ใช่คนในกลุ่มบางคนนั้นครับ ก็แค่บ่นเท่านั้นนะครับ ^+^ จากคุณ : defeho - [ 7 ก.ย. 47 04:03:19 ]

ความคิดเห็นที่ 36 คุณ คนสวยแย่แล้ว ทำงานใหม่หรือยัง ติดต่อมาหน่อยซิ chumpan_mek@hotmail.com จากคุณ : พล - [ 7 ก.ย. 47 11:14:02 A:202.183.248.166 X: TicketID:007659 ]

ความคิดเห็นที่ 37 เราก้อเคยเป็นมาร์ค่ะ และก็เห็นเพื่อนๆที่เป็นมาร์อยู่ตอนนี้เหน็ดเหนื่อยกันเหลือเกิน วอลุ่มบางทีก้อไม่ cover เฮ้อ......................เบื่อ ตลาดไม่ดีอีกตะหาก ปล.. จะบอกว่า ส่วนใหญ่คนที่ได้กำไร ก็รายใหญ่ทั้งนั้นแหละค่ะ ตลาดไทย ใครรู้อินไซด์ก็กำไรไปเลย พวกรายใหญ่เค้าไม่ดูเทคนิคกันเลยจริงๆนะคะ แทบไม่ดูเลยอ่ะ แบบที่เราเห็นๆกันในห้องสินธรเนี่ย ดูกันละเอียดยิบเลยยิ่งกว่ารายใหญ่ซะอีก คือ แบบว่าเคยผ่านประสบการณ์คีย์ให้รายใหญ่มาเลยพอรู้อ่ะค่ะ ไม่มีอะไรจะพูดแระ พอดีกว่า เด๋ว กลต ตามจับหนู หุหุ . . . จากคุณ : The Secret Garden - [ 7 ก.ย. 47 13:54:12 ]