ผมเพิ่งเคยได้ยินคำว่า
อิสรภาพทางการเงินมาไม่นานนี่เอง
และขอสารภาพตามตรงว่า
ไม่เคยอ่านหนังสือพ่อรวยสอนลูกแม้แต่หน้าเดียว
อิสรภาพทางการเงินกลายเป็นคำอินเทรนด์
ที่เจาะใจคนหน่มสาวในสังคมเมืองได้อย่างตรงใจที่สุด
คนในสังคมเมืองที่ตัวใครตัวมัน
ชีวิตเร่งรีบ แด็กส์ด่วนไปเกือบทุกอย่าง
ความเร่งรีบ แด็กส์ด่วนของชีวิต
ทำให้ผู้คนเริ่มโหยหาสิ่งที่จะทำให้ตัวเอง
ไม่ต้องแด็กส์ด่วนตามชาวบ้าน
ซึ่งคำตอบที่ได้ก็คือ เงิน เงิน เงิน และเงินเท่านั้น
ทุกคนอย่างมีอิสรภาพ แต่จำเป็นต้องมีเงินเสียก่อน
คือถ้าไม่มีเงิน ก็จะไม่มีอิสรภาพ?
ปัญหาที่น่าสงสัยคือ
เงินทำให้เกิดอิสรภาพได้จริงหรือ
ทำไมบางคน พอมีเงินแล้ว
ชีวิตกลับมีอิสรภาพแค่ทางวัตถุ ?
อิสรภาพทางจิตใจกลับไม่มีโดยสิ้นเชิง
ต้นทุนทางสังคมเหือดหาย
ความเอื้ออาทรระหว่างญาติพี่น้องเหือดแห้ง
พี่ฆ่าน้อง แม่ฟ้องลูก
ทั้งๆที่พวกเขาเหล่านั้นมียิ่งกว่า
สิ่งที่เรียกว่าอิสรภาพทางการเงินหลายร้อยเท่า
ผมเคยถามตัวเองเล่นๆว่า
ระหว่างพระป่าผู้ละจากทางโลกย์กับบิล เกตต์
ใครคือผู้ที่มีอิสรภาพทางเงินอย่างแท้จริง
ทำตอบจากคนรุ่นใหม่
ต้องบอกว่าบิล เกตอย่างไม่ลังเล
ส่วนคนรุ่นเก่าอย่างผม
ก็จะตอบว่าพระป่าผู้ละจากทางโลกย์ อย่างไม่ลังเลเหมือนกัน
คำตอบนี้ไม่มีใครผิด ใครถูก
มันขึ้นกับว่าเราจะเลือกใช้ชีวิตแบบไหน
สำหรับผมมีความเห็นว่า
การใช้ชีวิตแบบไหนก็ทำให้เรามีความสุขได้
ถ้ารู้จักคำว่า "พอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่"
เขาว่าในโลกนี้ความจนที่แก้ได้คือ
จนเพราะไม่มี
ส่วนที่แก้ไม่ได้คือ
จนเพราะไม่จักพอ
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ผมได้ไปร่วมงานศิษย์เก่า
แต่ละคนอยู่ในวัยแก้แล้ว เอ๊ยแก่แล้ว
เลยห้าสิบทุกคน
งานศิษย์เก่ามักจะ เป็นงานสังคม
ซึ่งคนที่มาร่วมงาน
ใส่หน้ากากสังคมมาร่วมงานกัน น้อยกว่างานอื่นๆ
ผู้ชายเกือบทุกคนจะอนุรักษ์ภาษาพ่อขุนรามเอาไว้
เป็นภาษาที่เราจะไม่มีทางพบในงานสังคมอื่นๆ
ที่ทุกคนใส่หน้ากากสังคมไว้หลายชั้น
ในงานนี้ ได้เจอเพื่อนร่วมรุ่น
ซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทแห่งหนึ่งในตลาดหลักทรัพย์
ข่าวแบบเพื่อนของน้องเมียและแม่ยายที่ไม่น่าจะเป็นความลับก็คือ
เขายืนยันว่า ปีหน้าจ่ายปันผลได้ไม่ต่ำกว่าปีนี้ ฮาๆๆๆ
ระหว่างที่ผมส่งภาษาพ่อขุนรามกันคนนั้นที คนนี้ที
มีอยู่ช่วงหนึ่ง
ได้อยู่ร่วมฟังวิวาทะระหว่างสองขั้วความคิด
ฝ่ายหนึ่งเป็นตัวแทนของบิล เกต
ผู้มากล้นไปด้วยอิสรภาพทางการเงิน
อีกฝ่ายหนึ่งเป็นตัวแทนของพระพุทธองค์
มหาบุรุษ ผู้ไร้ซื่งอิสรภาพทางการเงินอย่างสิ้นเชิง ?
อดีตเพื่อนนักเรียนชาย
ถือได้ว่าประสพความในชีวิตการงานสูงมาก
ตำแหน่งปัจจุบัน
เป็นถึง ผู้อำนวยการฝ่ายขายประจำภาค
ของบริษัทขายมอเตอร์ไซด์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
เงินเดือนสูงระดับแสนบาท
ชีวิตเต็มไปด้วยสวัสดิการทุกรูปแบบ
พูดแบบหยาบๆคือ เที่ยวฟรี แด็กส์ฟรี มีสปอนเซอร์ตลอด
เดินทางตรวจงานด้วยเครื่องบินทุกครั้ง
ได้ท่องเที่ยวไปทุกหน ทั้งในและนอกประเทศ
กินดีอยู่ดี อาหารอร่อยๆ
ไม่ว่าภาคไหน ประเทศไหน แด็กส์ เอ๊ยกินมาหมด
มีสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับเขาคือ
ไอ้จอนนี่นักเดิน เพื่อนสนิทผู้รู้ใจ ที่ตามไปทุกที่
ขณะที่กำลังดื่มด่ำกับไอ้จอนนี่นักเดินผู้รู้ใจ
จนในตาเยิ้มหวานฉ่ำ
เพื่อนนักเรียนหญิงก็ปรากฏกาย
มาพร้อมขาประจำ เอ๊ยญาติธรรมที่ตามไปไหนมาไหนด้วยกันทุกที
ใบหน้าของคุณเธอที่ยังเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนคือ
ไม่มีสิ่งแปลกปลอมจากธรรมชาติอยู่บนใบหน้าแม้แต่นิดเดียว
หน้าดูอ่อนกว่าวัยห้าสิบต้น
ใบหน้ายิ้มละมัยแบบเมคานิค เอ๊ยแบบมาจากใจ
เขาว่าหน้ากากสังคม สามารถปกปิดความจริงได้
แต่สิ่งที่ปกปิดยากมากคือแววตา
บางคนหน้าเปื้อนยิ้ม แต่แววตาร้องไห้
เช่นผมเป็นต้น ฮาๆๆๆ
ตั้งแต่คุณเธอเรียนจบมา ก็ฝักใฝ่ทางธรรม
เป็นญาติธรรมของสันติอโศกมานานเกือบสามสิบปี
กินเงินเดือนระดับสองสามพัน มายี่สิบกว่าปีแล้วมั่ง
ไม่ยักจะมีอิสรภาพทางการเงินเลยแฮะ ฮาๆๆ
ทุกวันนี้ก็ยังคงใช้ชีวิตแบบเศรษฐกิจเพียงพอ และพอเพียง
กินง่าย อยู่ง่าย มีแรงก็ช่วยเหลือสังคมต่อต้านอบายมุข
ด้วยการสอนสั่งโปรดเวไนยสัตว์
ผู้ไม่ได้เป็นญาติธรรมและมากไปด้วยกิเลส ฮาๆๆๆ
บังเอิญ เวไนยสัตว์ที่เธอพยายามสอนสั่งให้เลิกคบกับไอ้จอนนี่ฯ
ดันเป็นปุถุชนผู้เดินตามรอยท่านโกวเล้งอย่างเคร่งครัด
ปุถุชนท่านนั้นก็เลยโต้กลับว่า
ชีวิตตัวเองมีความสุขสบายดีทุกอย่าง
อย่างกินอะไรก็ได้กิน อยากไปเที่ยวไปก็ได้ไป
อยากซื้ออะไรก็มีเงินซื้อ
เรียกว่าชีวิตku เอ๊ยฉัน สุขสบายกว่าเธอเยอะเลยหวะ
ไม่เห็นต้องมาลำบากลำบน
ฝืนตัวเอง กินอยู่ลำบากอย่างมืง เอ๊ยเธอเลย
ฝ่ายญาติธรรมท่านนั้น
เธอยังคงรับคำชี้แนะหรือว่าด่าก็ไม่รู้
ด้วยใบหน้ายิ้มละมัยเหมือนเดิม
และแล้วในที่สุด ต่างฝ่าย ต่างก็แยกย้ายไปเม้าท์กับคนอื่นต่อ
พร้อมกันดวงตาที่หวานฉ่ำทั้งคู่ ฮาๆๆ
สรุปแบบมั่วๆก็คือ
จะมีใครกล้าพูดได้ว่า
ใครเป็นคนที่มีความสุขใจมากกว่ากัน
เรื่องความสบายกายไม่ต้องพูดถึง
ปุถุชนที่คบหากับไอ้จอนนี่นักเดิน
สบายกายกว่าแน่นอน ด้วยเงินที่มีล้นเหลือ
แต่ถ้าถามหาถึงความสุขใจ
ผมกลับเห็นว่าเพื่อนของไอ้จอนนี่นักเดิน
เป็นรองท่านญาติธรรมจากสันติอโศกอยู่หลายขุม
ดังนั้นพระป่าผู้ละจากทางโลกย์ ก็ย่อมเป็นผู้มีอิสรภาพทางการเงิน
เหนือกว่าบิล เกตต์หลายร้อยเท่า ฮาๆๆ
"คนเรามีความพอใจผิดกันเว้ย ไอ้จอนนี่นักเดิน
ทางใครก็ทางมันซิวะ ฮาๆๆๆ"
แก้ไขเมื่อ 08 ก.ย. 47 08:01:24
แก้ไขเมื่อ 07 ก.ย. 47 10:46:44
แก้ไขเมื่อ 07 ก.ย. 47 10:34:47
จากคุณ :
คลาย เครียด
- [
7 ก.ย. 47 10:23:43
]