ความคิดเห็นที่ 8
สวัสดีค่ะคุณคนล่าห่าน
จริงๆ ที่ไม่ได้ชมไว้ในความเห็นแรกก็คือ... อยากบอกว่า คุณคนล่าห่านตั้งคำถามดีมากค่ะ ...
ส่วนคำตอบในระดับภาพรวมยุทธศาสตร์ (ส่วนตัว) อยู่ในความเห็นที่ 1
********
สำหรับคำถามในความเห็นที่ 7 .... ค่อนข้างหมิ่นเหม่ ... การตอบอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดใหญ่หลวงต่อผู้อ่านค่ะ ...... แต่จะพยายามขยายความที่คิดว่าจะทำให้เกิดประโยชน์ได้บ้าง (ไม่มากก็น้อย)
gap & lot .... เป็นผลพวงจากการเลือกกิจการ ซึ่งต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย (พูดได้อีกยาวเกี่ยวกับการเลือกกิจการ)
นอกจากนั้น gap & lot ยังเป็นผลพวงจากการดูกราฟอีกด้วย
ที่ไม่อยากให้สับสนนั่นคือ ... การดูกราฟอาจทำให้เข้าใจว่าเป็นการเดาตลาด
แต่ที่เราปฏิบัติอยู่ ... จะตั้งกฎเกณฑ์ไว้ชัดเจน ว่าดัชนีอยู่ระดับใด (Indicator ต่างๆ) จะวางแผน Sell & Buy อย่างไร
สิ่งที่ปฏิบัติอยู่เป็นผลพวงมาจากการเทรดแบบพื้นฐาน ......
1. นานเข้าก็จะเริ่มเห็นรูปแบบของหุ้นแต่ละตัว โดยเฉพาะช่วงที่รับคืนไม่ทัน (รับคืนไม่ทันคนละ cycle, หรือ cycle เดียวกัน ... รูปแบบก็แตกต่างกัน)
2. จากนั้นก็จะปรับกองทัพให้เหมาะกับการดำรงชีวิตประจำวัน
3. โดยส่วนตัวแล้ว การ short port ของเรา ไม่ได้เน้นผลตอบแทน (ไม่สนใจว่าจะมาก หรือ น้อย) แต่เน้นที่ความสม่ำเสมอ และให้ ระบบและเงิน ทำงานให้กับเรา ( .... แต่แอบมีบัญชีไว้เทรดแบบหวือหวาอยู่ด้วย ... แยกคนละ account เลยค่ะ ไม่ควรปะปนกัน ..... บัญชีนี้ ไว้ลองของค่ะ ... )
4. กิจการที่เลือกสรรแล้ว ก็จะมีอยู่จำนวนหนึ่ง (ไม่ขอระบุจำนวน) ถ้าจะสลับร่างก็ควรอยู่ในกลุ่มนี้ เพราะเป็นกิจการที่เราได้ศึกษาคัดเลือกมาอย่างดีแล้ว (โดยพื้นฐาน Future Never Die)
5. การเทรดซ้ำแล้วซ้ำอีก อยู่ในกลุ่มกิจการที่เลือกไว้ ........ จะทำให้เห็นรูปแบบที่เหมาะกับกิจการและเหมาะกับการดำรงชีวิตของนักลงทุนแต่ละคน (ดังนั้น ถ้าไม่ใช่หุ้นตัวเดียวกัน,ไม่ใช่ initial investment จำนวนเดียวกัน, ไม่ใช้ระยะเวลาและความถี่ในการเช็คราคาเดียวกัน ฯลฯ ก็ยากที่จะระบุ gap & lot .... เพราะถึงบอกทุกอย่างเหมือนกัน นักลงทุนคนละคน (ที่ประสบการณ์และพื้นฐานต่างกัน) ก็ยังไม่ทำตามกฎเกณฑ์เดียวกันเลยค่ะ ทุกคนอยากทำตามใจตัวเองมากกว่า ซึ่งก็ไม่ผิดอะไร ขอให้ยึดมั่นในหลักการ........แต่ทำครึ่งๆกลางๆ นำมาซึ่งความเสียหาย)
6. การขยายกิจการ ก็จะทำเมื่อกิจการเติบโตและมีเงินสดหมุนเวียนเหลืออยู่ (มูลค่าพอร์ตรวมเพิ่มขึ้น, มี cash available) หากมีเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น เหลือเงินสดแต่กิจการหดตัว ... ปัญหาจะเกิดขึ้นเมื่อกิจการที่ขยายไปมีรูปแบบการขึ้นลงราคาเหมือนกัน แต่ถ้าเลือกกิจการดี ก็ช่วยลดปัญหาขาดสภาพคล่องได้ (เช่น ราคาน้ำมัน กระทบต่อ โรงไฟฟ้า และ กิจการสำรวจน้ำมัน ในทิศทางผกผันกัน .......ถ้าจะขยายกิจการก็จะเลือกแบบนี้ ....... แต่ก็ไม่อยากแนะนำ เพราะอาจเกิดการสะดุดได้ ........ ซึ่งจริงๆ ก็แก้ปัญหาได้โดยกลับมาใช้แผนเดิม ...... แต่ส่วนมากจะทำใจไม่ได้ ใจไม่นิ่งพอ (มองเงินให้เป็นเพียงตัวเลขทางบัญชี) ... ก็อาจจะเสียความรู้สึก และเกิดความเสียหายอื่นๆตามมา โดยเฉพาะถ้าครอบครัวไม่เข้าใจ ...... สรุปว่า ไม่แนะนำค่ะ)
7. การดูกราฟ oversold, overbought, MA, แนวรับแนวต้าน ...... ต่างๆเหล่านี้ ก็จะกำหนด gap & lot เอาไว้สำหรับแต่ละกิจการ (ขอย้ำว่า ........ ยึดหลักการเดิม) เพียงแต่พยายามลดปัญหาการรอรับคืนเท่านั้น ........ ซึ่งจริงๆ ปัญหานี้จะหมดไป อย่างที่คุณ Coyote เคยบอกไว้เกี่ยวกับมิติเรื่องเวลา เพียงแต่ทำตามหลักการ
8. นอกจากนั้นยังมีข้อคิดที่ดีมากๆ ในกระทู้ของคุณเด่นศรี, คุณ Coyote และเพื่อนๆสมาชิก .... ขอเพียงได้วางแผน, ทดลอง, ฝึกฝน, ปรับปรุง ........ และสอบถามพูดคุยกันบ่อยๆ .... บ่อยมากๆจนมันซึมอยู่ในสมองส่วนลึก แล้วในที่สุด ก็จะทำได้อย่างเป็นธรรมชาติ (ไม่ตื่นเต้น, ไม่ตกใจ, ปล่อยวาง, สมดุล) ....... คิดว่า สิ่งนี้น่าจะเป็นสุดยอดที่เพื่อนๆสมาชิกทุกคนต้องการ
สรุปว่า คำตอบที่ชัดเจนและเป็นผล .... ขึ้นอยู่กับการวางแผน, ทดลอง, ปฏิบัติ, ปรับปรุง .... ของนักลงทุนแต่ละคน ....... และคำตอบที่ได้นั้น มันไม่ใช่จำนวนเงินที่เพิ่มขึ้น ...... เพราะสิ่งที่ได้มันมีค่ามหาศาลมาก
การพูดคุย, ถกเถียง, ระดมสมอง, meeting กับเกม Cashflow ฯลฯ ทั้งหมดจะช่วยให้พวกเราทั้งทีม ... มุ่งหน้าสู่อิสรภาพใกล้เข้าไปเรื่อยๆค่ะ (หวังเช่นนั้น และมั่นใจว่าคลับ DSM ทำได้แน่นอนค่ะ)
*********
โปรดใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจ .... ขอตัวไปทำหน้าที่แม่บ้านต่ออีกนิดนึงค่ะ (เพราะเราก็คือแม่บ้านธรรมดาๆคนหนึ่ง)
จากคุณ :
คนชื่อนินจา
- [
1 ต.ค. 47 14:08:12
]
|
|
|