CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    ขายหมู กับ ขายเพื่อสร้างโอกาสซื้อ ในDSM

    เพิ่มเติมครับ
    หลังจากที่ตั้งใจอ่านกระทู้หลังๆหลายๆกระทู้(ตาโหลเลย)
    โดยเฉพาะช่วงหลังๆ ที่ภาวะตลาดโดยรวมเป็นขาขึ้น

    สรุปได้ว่า
    ประเด็นหนึ่งที่ DSMers รู้สึกขัดกับความรู้สึกอยู่มาก
    เมื่อเริ่มทำDSM ในขาขึ้นก็คือ

    การขายหมูครับ

    ซึ่งเรื่องนี้ ถ้าเข้าใจและติดตามอ่านพี่เด่นศรีมาตลอด
    แม้แต่ตัวผู้คิดวิธีนี้ก็ยังรู้สึกลำบากใจเลยครับ
    ผมเองก็เผลอเรื่อยๆเหมือนกัน ฮี่ๆ

    เพราะในขาขึ้น เมื่อเทียบกับผู้ที่เล่นเก็งกำไรแล้ว
    เราจะได้น้อยกว่าเขามากทีเดียว
    แต่สิ่งหนึ่งที่จะต้องเตือนใจตลอดเมื่อใช้วิธีนี้
    ก็คือ เราต้องการเติบโตไปพร้อมตลาดอย่างมั่นคงครับ
    เราแทบจะไม่สนใจเลยว่า กำไรจากการซื้อมาขายไป คือเท่าไรด้วยซ้ำ
    ที่เราสนใจคือ รายได้จาก กสงสฝ เป็นเท่าไรต่างหาก(ขายแล้วซื้อได้ส่วนต่างเท่าไร)
    และนำรายได้นั้นทำให้พอร์ตเติบโตขึ้นทีละน้อย
    ซึ่งถ้าจะใช้DSM
    ก็ต้องคิดผลตอบแทนแบบDSM ครับ

    ผมเองก็เป็นครับ
    ทุกครั้งที่ขายไป แล้วหุ้นไปต่อ
    ก็จะรู้สึกว่า เฮ้อ รู้งี้ไปขายข้างบนดีกว่า
    แต่รู้ไหมครับว่า
    ถ้าเราเดาถูก ว่าหุ้นไปต่อแล้วหุ้นไปต่อได้จริงๆ
    เราจะขายได้ราคาสูงกว่าเดิมถูกไหมครับ
    แต่ถ้าเราเดาผิด
    ปรากฎว่าหุ้นหักหัวลง
    แล้วดิ่งลงแรงๆล่ะครับ ผลจะเป็นอย่างไร
    ผลก็คือ เราอดขายที่จุดเกือบ peak ถูกไหมครับ
    และแน่นอนว่า เมื่อไม่ได้ขายสร้างโอกาส
    ก็หมดโอกาสที่จะซื้อคืน เพื่อสร้างรายได้ไปโดยปริยาย
    ความเป็นจริงยิ่งกว่าที่เกิดขึ้นก็คือ
    ที่จุดลอคขายนั้น พอหุ้นลงแล้ว
    เราก็ไม่ขาย เพราะหวังว่ามันจะขึ้นไปอีกสิน่า(ก็มันเขียวทั้งกระดานนี่อ่า อะไรแบบนี้)
    หลังจากนั้น ปรากฎว่า หุ้นมันลงเอาๆ จนกลับมาที่เดิม
    สรุปว่า รอบนั้น ก็เลยไม่ได้ขาย ไม่ได้ซื้อ
    ก็ไม่ได้กสงสฝเลย

    หรือ ในทางกลับกันถ้าเราคิดว่าหุ้นต้องลง
    เราก็เทขายไปหมด แทนที่จะขาย 10%
    ปรากฎว่าหุ้นไปต่อล่ะ
    คิดดูสิครับว่า มีกีครั้ง เมื่อเล่นเก็งกำไร แล้ว indicator
    หลายตัวบอกว่า มันจะลง แต่มันกลับไปต่อ
    คำถามคือ ในพอร์ตของคุณ กำไร หรือ ขาดทุนมากกว่ากัน
    คำถามต่อไปคือ ถ้าจะเล่นเก็งกำไร ก็ต้องคิดแบบเก็งกำไร
    งั้นจะใช้วิธี DSM เพื่อขายหมูกันเพื่อสิ่งใด ถูกไหมครับ
    และความจริงก็คือว่า ที่จุดชอร์ตแต่ละจุด
    เราขายแค่ไม่กี่เปอร์เซนต์ของพอร์ตเท่านั้นเองไม่ใช่หรือครับ?
    ยังมีอีกตั้งเยอะขึ้นไปเอากำไรอ่ะ

    ความแตกต่างอยู่ที่วิธีคิด และมุมมองครับ

    ที่สำคัญคือ รายได้ของDSMersเกิดจากการสร้างโอกาสซื้อ แล้วซื้อคืนกลับมาได้ไงครับ (กสงสฝ)
    เมื่อมีกสงสฝ มากพอแล้ว ก็ขยายงานต่อไปเรื่อยๆครับ

    ลองมาคิดแบบเล่นๆว่า ถ้าไม่ชอบขยายงาน
    เราจะอยู่กับหุ้นของเรา โดยไม่ขยายงานได้ไหม
    กสงสฝ เราเอาไปกินขนมหมดเลย โดยไม่ขยายงานได้ไหม
    คำตอบคือ
    ได้ครับ
    ถ้าเราไม่ต้องการหุ้นเพิ่มขึ้น เราก็ทำเช่นนั้นได้
    อาจจะเหมือนพวกที่เข้าซื้อ หุ้นชั้นดี แล้วไม่ทำอะไรเลย
    รอรับปันผลอย่างเดียว(ยกตัวอย่าง ptt)
    แต่ทุกครั้งที่หุ้นมีการเปลี่ยนแปลงราคา
    ตรงนี้เราก็ได้ด้วยไงครับ
    ซึ่งผมจะทำแน่นอนครับ(เมื่อ กสงสฝ รายวันมีเยอะมากๆ)
    ผมจะเอาไปกินขนมให้หมด โดยไม่ขยายงานเลย ฮี่ๆ

    DSM เป็นระบบที่กลับแนวความคิดแบบสุดขั้วกับเก็งกำไร

    คนอื่นซื้อเพราะหวังจะขึ้น
    เราขายเพราะหวังจะลง

    คนอื่นซื้อแล้วติดดอย
    เราขายแล้วลงดอย

    คนอื่นขายแล้วเป็นขายหมู
    เราซื้อแล้วไม่ขาย

    คนอื่นซื้อเพื่อขาย
    เราขายเพื่อซื้อคืน

    คนอื่นมีหุ้นแล้ว เหมือนถือของร้อน อยากรีบปล่อยจนขายหมู(ยกเว้นเจ้ามืออ่ะนะ)
    เรามีหุ้นแล้วรักทนุถนอมจนมันมากกว่าเดิม

    คนอื่นว่าไม่ขายไม่ขาดทุน
    เราว่ายิ่งซื้อยิ่งกำไร

    แต่นั่นล่ะครับ
    ที่พูดออกมาทั้งหมด
    ต้องใช้เวลานานมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
    จะปรู๊ดปร๊าดได้เงินในพอร์ตเพิ่มที 30-40% ในขาขึ้น
    ก็คงไม่ไหว(เพราะเอารายได้จากส่วนต่างเป็นหลัก เฮ้อ บางทีก็เหนื่อยแฮะ)

    สิ่งที่เราคิดน่ะง่าย และตรงตัวมากเลยครับ
    แต่ทำยากกกกกกกกกกกกกกกกก ฮี่ๆๆๆๆๆๆ

    นอกเรื่องเยอะไปหน่อย

    สรุปแล้วครับผม

    ครั้งต่อไป DSMers พันธุ์แท้ต้องไม่รู้สึกว่า ขายหมู
    DSMers พันธุ์แท้ต้องคิดว่า
    วางหมากไว้อีก 1 ตัวละ

    ลงมาเมื่อไร เสร็จตูแน่!! ฮี่ๆ

    จากคุณ : ทรงกฤษฎิ์ - [ วันเกิด PANTIP.COM 13:09:10 ]