ความคิดเห็นที่ 2
ขออนุญาตมาแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวในฐานะนักลงทุนคนหนึ่งนะคะ
สำหรับเราแล้ว (ใน account แบบ short port).... การดูกราฟ ไม่ใช่เพื่อคาดการณ์ใดๆทั้งสิ้น (... account อื่นๆ นั่นอีกเรื่องหนึ่ง ... ไม่ขอกล่าวถึง ณ ที่นี้)
นั่นหมายความว่า ไม่ได้รอ indicators ต่างๆ confirm แล้วถึงปฏิบัติการ (Sell & Buy)
.. แต่ดู indicators เพื่อกำหนด gap & lot เท่านั้นเอง
และเน้นว่า .... indicators ที่ดูเพื่อการต่างๆนั้น ต้องกำหนดไว้ชัดเจน, เข้าใจง่าย และปฏิบัติได้จริง
โดยมีเป้าหมายในภาพรวมของพอร์ต .... เพื่อให้สามารถรับคืนได้อย่างทั่วถึง และให้ เงิน ทำงานอย่างเต็มที่ ด้วย ระบบ ที่เราวางไว้ ...... อย่างไรก็ตาม จะต้องไม่นำอารมณ์ส่วนตัวไปปะปนเป็นอันขาด
ทุกๆวัน ต้องประเมินสถานการณ์ปัจจุบันของพอร์ต (มูลค่าพอร์ตรวม, จำนวนหุ้น ฯลฯ จากตัวเลขในบัญชี)
ทุกๆสัปดาห์ ต้องประเมินสถานการณ์ของตลาด และประเมินประสิทธิภาพการทำงานของเงินทุน (สภาพคล่อง และค่าเสียโอกาส ของเงินทุน)
ทุกๆเดือน ต้องประเมินภาพรวมของพอร์ต (เติบโต, เงินสดคงเหลือ, กิจการเหมาะสมหรือไม่, อาจต้องหมุนเวียนกิจการที่ผลงานเริ่มไม่เข้าตา (ไม่ swing ตามแผน) ฯลฯ ........ แต่ยังเน้นว่า กิจการผลงานไม่เข้าตา แต่ถ้าเราคุ้นเคยและรู้จักธุรกิจนั้นๆดี (เห็นการเคลื่อนไหวของราคามานาน) ก็ยังดีกว่า กิจการที่ผ่านมาแบบฉาบฉวย เราจะไม่ยอมให้ดูดเงินจากเราไปในกิจการที่เราไม่คุ้นเคยเด็ดขาด .......)
นอกจากนั้น การ switch ชั่วคราวหรือถาวร ก็ตามแต่ ก็ต้องเข้าเงื่อนไขที่กำหนดไว้ชัดเจน (เช่น กิจการเติบโตเต็มที่จนอยู่ในระดับ star แล้วปรับฐาน พร้อมกับที่มีเงินสดเหลือ ...... ก็อาจมองหากิจการระดับ cash cow ที่เริ่มปรับฐานเหมือนกัน) ........ ที่สำคัญ ต้องเป็นกิจการที่เราคุ้นเคยและเข้าใจธรรมชาติของราคาพอสมควร (เฝ้าดูมาระยะหนึ่งแล้ว)
กิจการระดับ Dog หรือ Question Mark (? ไม่รู้จัก, ไม่เข้าใจ) ....... แม้จะหวือหวาขนาดไหน ก็จะหลีกไกลๆเลยค่ะ
สำหรับกิจการต่างๆ ที่ทดแทน หรือส่งเสริมกันและกัน ก็ต้องจัดระบบให้ดี ...... ก็จะทบทวนประมาณ ไตรมาสละครั้ง หรือ ตามความเหมาะสม *********
สำหรับเราแล้ว DSM concept นั้นยังทำงานได้ดีมากๆ ได้กับทุกๆสถานการณ์เช่นกัน ..... ไม่ว่าระยะเวลาในการดูราคาหุ้นที่แตกต่างกัน, ไม่ว่าจะเทรดผ่านเน็ตหรือผ่านเจ้าหน้าที่การตลาด, ไม่ว่าจะดูวันละครั้ง, วันละสองครั้ง, ชั่วโมงละครั้ง, สัปดาห์ละครั้ง ฯลฯ ก็ยังทำได้ดีมากๆ ....... โดยส่วนตัวแล้ว เคยแนะนำให้น้องๆ (ที่คลานตามกันมา) ลองเทรดแบบ DSM basic ...... ในเงื่อนไขที่ต่างๆกัน, ผ่านมาระยะหนึ่งแล้ว .... คิดว่าน่าพอใจมากๆค่ะ
น้องคนหนึ่งเทรดวันละครั้ง หรือสัปดาห์ละครั้ง, น้องอีกคนหนึ่ง เทรด วันละ 3-4 วัน แต่ละคนมีหุ้นหลายแบบหลายตัว ....... คิดว่าน้องๆได้รับความรู้มากๆค่ะ จาก DSM
********
ตราบใดที่ยังมีอารมณ์ตามกราฟ ..... ก็กลับมาเหมือนเดิมว่า ไม่ได้ใช้ระบบทำงาน กราฟจึงมีประโยชน์สำหรับเรา ... เพราะเรากำหนดไว้ชัดเจน, ไม่ยากไม่ซับซ้อน แต่ก็ช่วยดูภาพรวมของพอร์ตได้ ........ แต่ถามว่าจำเป็นหรือไม่ ..... อาจจะไม่เหมาะกับความพึงพอใจของแต่ละคน (เพราะคนเรานั้นแตกต่างกันมากค่ะ ไม่ว่าจะเป็นพื้นฐานการดำรงชีวิต, ประสบการณ์, สิ่งแวดล้อม ..... สิ่งที่เราปฏิบัติอยู่จึงเหมาะกับเรามากๆ มันทำให้เรามีความสุขและดำเนินชีวิตอย่างลงตัว ... กับเรื่องอื่นๆด้วย)
ขออนุญาตยกตัวอย่างที่คุณ Coyote เคยบอกว่า (เมื่อวันเล่นเกม) คุณ Coyote รู้สึกสบายใจมากๆที่เหลือกองหลังไว้ส่วนหนึ่ง ..... เราตีความไปเองว่า กองหลังส่วนนี้ แม้จะไม่ได้ทำงานอย่างเต็มที่ให้ได้เม็ดเงิน (เน้นว่าเม็ดเงิน) แต่มูลค่ามันมากกว่านั้นจริงๆ เพราะทำให้คุณ Coyote สบายใจ
แต่สำหรับตัวเรากลับแตกต่างกัน .... เราจะสบายใจมากๆ เมื่อหุ้นในมืออยู่ครบ (รักและหวงอย่างยิ่ง) ....... จึงไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์รับคืนไม่ทัน
นี่เป็นตัวอย่างง่ายๆ ว่า แต่ละคนแตกต่างกันจริงๆ ...... วิธีการหนึ่งซึ่งดีมากๆสำหรับคนหนึ่ง อาจจะไม่เหมาะกับนักลงทุนอีกคนหนึ่งอย่างสิ้นเชิง
***************
กลับมาเรื่องจุดอ่อนที่พี่แมงเมงคู่หูได้กล่าวถึงไว้ สำหรับข้อ 1 3 นั้นสามารถแก้ไขได้ไม่ยากเลยค่ะ อาจต้องทบทวนแนวทางที่จะลงตัวสำหรับนักลงทุนแต่ละคน ว่ายอมรับผลตอบแทน (ทั้งตัวเงินและจิตใจ) กับวิธี DSM ได้มากน้อยขนาดไหน ส่วนที่เหลือก็แบ่งเงินบางส่วนไป DayTrade หรือแบบอื่นๆ ตามต้องการ ...... คนละ account กัน (เราเองก็ทำเช่นนี้ ...... เพราะชอบทดลองสิ่งใหม่ๆอยู่เหมือนกัน .....)
โดยยึดหลักว่า ภูมิปัญญามีค่ากว่าทองคำ เพราะภูมิปัญญาจะทำให้ทองคำงอกเงยได้ .... อีก account ไว้สร้างภูมิปัญญาใหม่ๆ และก็แก้เซ็งได้ด้วยค่ะ
สำหรับวิธี Short Port แบบส่วนตัวนี้ ก็เกิดมาจากการแยก account มาพลิกแพลงนี่ล่ะค่ะ (เมื่อนานมาแล้ว) .... จึงได้วิธีการนี้ แล้ววิธีการและระบบก็ทำงานต่อไป โดยไม่ลืมที่จะค้นคว้าเพิ่มเติมตลอดเวลา
หรือยังมีอีกวิธีคือขายๆซื้อๆ ทีละ 1% ก็น่าจะช่วยแก้ปัญหาจิตใจ, วินัย, ความอดทน และแก้เซ็งได้ระดับหนึ่ง ........ คันไม้คันมือก็ 1% ผิดพลาดอย่างไร ก็กลับมาแผน DSM basic แบบเดิม
****** ส่วนกรณีที่มาร์ไม่เข้าใจ ..... อาจต้องลดจำนวนหุ้นให้กำชับมากขึ้น คำสั่งซื้อขายต้องกระชับและชัดเจนจะช่วยได้มั้ยคะ ........ เพราะเคยแนะนำ คุณป้าที่เทรดหุ้นมาเหมือนกัน เมื่อสองปีก่อนเค้าเริ่มต้น Short Port (อธิบายนานมาก กว่าจะเข้าใจและปฏิบัติ) ก็ยุบกิจการเล็กๆ มาเป็นกิจการใหญ่ๆ ไม่กี่ตัว และสั่งซื้อขายให้มาร์เข้าใจ concept ง่ายๆ (กิจการไม่มาก, ขนาดเงินลงทุนต่อกิจการเท่าๆกัน, ขนาดใกล้เคียงกัน) ..... แล้วคุณป้าก็มีหุ้นอีก 1 ตัวต่างหาก จะซื้อจะขายแบบเดิมๆ ก็ทำไปเลย
********
ส่วนเรื่องหนังสือ ..... สามารถทำได้หลายรูปแบบ ตามที่เพื่อนๆสมาชิกเสนอกันไว้ (แต่รอความเห็นคุณเด่นศรีเหมือนกัน ยังไม่ทราบความเห็นของคุณเด่นศรีเลยค่ะ) แต่จะ e-book ก่อนเพื่อใช้ในกลุ่มกันก็ได้
โดยส่วนตัวแล้วคิดว่า แนวทาง DSM คงไม่ใช่การเสนอความเห็นลอยๆ เพราะคุณเด่นศรีได้ศึกษาอย่างละเอียด และปฏิบัติได้จริงมาแล้ว ...
*******
เขียนมาซะยาว ....... ขอบคุณที่เสียเวลาอ่าน และขอคำแนะนำด้วยค่ะ
สำหรับคำอวยพร ..... ขอรับไว้ด้วยคนค่ะ
จากคุณ :
คนชื่อนินจา
- [
8 ต.ค. 47 12:01:11
]
|
|
|