ความคิดเห็นที่ 2
RMF คืออะไร? RMF (Retirement Mutual Fund) หรือ "กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ" เป็นกองทุนรวมประเภทหนึ่งที่มีลักษณะพิเศษ คือ เป็นกองทุนที่มีลักษณะผสมระหว่างการเป็นกองทุนรวม กับการเป็นเครื่องมือสะสมเงินไว้ใช้ในยามชราภาพ ที่ทางการให้การสนับสนุน โดยให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่ผู้ลงทุนเพื่อเป็นแรงจูงใจ
RMF แตกต่างจากรูปแบบการสะสมเงินเพื่อวัยเกษียณแบบอื่นอย่างไร?
RMF เป็นเครื่องมือหนึ่งที่จะช่วยส่งเสริมการสะสมเงินเพื่อวัยเกษียณ นอกเหนือจากระบบสวัสดิการที่มีอยู่แล้ว เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund) กองทุนบำเหน็จบำนาญ (Pension Fund) กองทุนประกันสังคม:ประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ (Social Security Fund : Old Age Pension) เป็นต้น
RMF เปิดโอกาสให้ผู้ที่ไม่มีสวัสดิการสะสมเงินเพื่อวัยเกษียณ เช่น ผู้ที่ประกอบวิชาชีพอิสระที่ไม่มีนายจ้าง หรือผู้ที่มีสวัสดิการอยู่แล้วแต่ต้องการสะสมเพิ่มเติม ได้มีโอกาสสะสมเงินเพื่อวัยเกษียณ
RMF เปิดโอกาสให้สามารถสะสมเงินเพื่อวัยเกษียณ โดยเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงและผลตอบแทนสอดคล้องกับความต้องการของตนเองได้ เช่น ผู้ที่รับความเสี่ยงได้มาก ก็สามารถเลือกลงทุนในกองทุนที่มีความเสี่ยงอยู่ในระดับสูงแบบกองทุนหุ้นได้ ซึ่งก็จะมีโอกาสได้ผลตอบแทนในอัตราที่สูงด้วย ในขณะที่ในระบบสวัสดิการข้างต้น การเลือกลงทุนจะขึ้นอยู่กับคณะกรรมการผู้ดูแลกองทุน
RMF เปิดโอกาสให้สะสมเงินได้สะดวก เนื่องจากเพียงกำหนดให้ซื้อหน่วยลงทุนอย่างน้อยปีละ 1 ครั้งเท่านั้น นอกจากนี้จำนวนเงินขั้นต่ำที่ต้องลงทุนก็ไม่สูงมาก
RMF เปิดโอกาสให้ผู้สะสมเงินผ่านเครื่องมือนี้ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีถึง 3 ทาง ได้แก่ ทางที่ 1 เงินซื้อหน่วยลงทุนของ RMF สามารถนำไปยกเว้นภาษีสูงสุดไม่เกิน 15%ของเงินได้ในแต่ละปี และเมื่อนับรวมกับเงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) แล้ว ไม่เกิน 300,000 บาท/ปี ทางที่ 2 เมื่อครบกำหนดเงื่อนไขไถ่ถอนการลงทุน เงินที่ได้รับจากการไถ่ถอนจะได้รับยกเว้นภาษีทั้งจำนวน ทางที่ 3 เป็นประโยชน์ทางอ้อมที่ผู้ลงทุนจะได้รับ เนื่องจาก RMF เป็นกองทุนรวมรูปแบบหนึ่ง ซึ่งไม่นับเป็นหน่วยภาษี ดังนั้น ผลประโยชน์ที่เกิดจากการลงทุนของ RMF จึงไม่ต้องเสียภาษี และผู้ลงทุนจะได้รับผลประโยชน์ในส่วนนี้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
ใครควรลงทุนใน RMF? คนทำงานที่ไม่มีการสะสมเงินสำหรับวัยเกษียณผ่านระบบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ คนทำงานที่แม้จะมีการสะสมเงินสำหรับวัยเกษียณผ่านระบบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการแล้ว แต่มีความต้องการสะสมเงินเพิ่มเติม คนที่ประกอบวิชาชีพอิสระ เช่น แพทย์ วิศวกร สถาปนิก นักบัญชี ทนายความ ฯลฯ คนที่ไม่ได้ทำงานประจำแต่มีรายได้จากบำเหน็จ บำนาญ เบี้ยหวัด ค่าธรรมเนียม ค่านายหน้า ฯลฯ
ลงทุนอย่างไรให้ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษี เงินลงทุนใน RMF ต้องเป็นเงินได้จาก - เงินเดือน ค่าจ้าง เบี้ยเลี้ยง โบนัส บำเหน็จ บำนาญ เบี้ยหวัด ค่าธรรมเนียม ค่านายหน้า ฯลฯ - การรับเหมา - วิชาชีพอิสระ - การพาณิชย์ การเกษตร การอุตสาหกรรม การขนส่ง - ค่าลิขสิทธิ์ที่ไม่ได้รับโอนมาทางมรดก ต้องสะสมเงินอย่างต่อเนื่อง โดยซื้อหน่วยลงทุนของ RMF ไม่น้อยกว่าปีละ 1 ครั้ง และต้องไม่ระงับการซื้อหน่วยลงทุนเกินกว่า 1 ปีติดต่อกัน (ยกเว้นกรณีไม่มีเงินได้ในปีภาษีนั้น ก็ไม่ต้องลงทุน) ต้องซื้อหน่วยลงทุนของ RMF ไม่น้อยกว่า 3% ของเงินได้ในแต่ละปี หรือไม่น้อยกว่า 5,000 บาท (แล้วแต่ว่าจำนวนใดจะต่ำกว่า) และลงทุนสูงสุดไม่เกิน 15% ของเงินได้ในแต่ละปี โดยเมื่อรวมกับเงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ แล้วไม่เกิน 300,000 บาท/ปี การไถ่ถอนหน่วยลงทุนทำได้เมื่อผู้ลงทุนอายุไม่น้อยกว่า 55 ปี และ ลงทุนมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ลงทุนครั้งแรก (กรณีทุพพลภาพหรือตาย เงินที่ไถ่ถอนจะได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีทั้งจำนวน)
*หากมีการลงทุนที่ไม่เป็นไปตามกติกา เช่น ไถ่ถอนหน่วยลงทุนก่อนกำหนด หรือไม่ได้ลงทุนอย่างต่อเนื่อง ฯลฯ จะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี
หมายเหตุ คณะรัฐมนตรีในการประชุมเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2547 ได้มีมติเห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงการคลัง เกี่ยวกับมาตรการภาษีเพื่อการพัฒนาตลาดทุน อันเป็นการช่วยพัฒนาการลงทุนในตลาดทุนในระยะยาว โดยการปรับปรุงสิทธิประโยชน์ทางภาษีเกี่ยวกับการลงทุนใน RMF ซึ่งสรุปได้ดังนี้ 1. ขยายขอบเขตประเภทของเงินได้ที่จะนำมาลงทุนใน RMF จากเดิมที่กำหนดให้เฉพาะเงินได้บางประเภท เพิ่มเป็นครอบคลุมเงินได้ทุกประเภท เช่น ดอกเบี้ย เงินปันผล เป็นต้น 2. ผ่อนปรนให้ผู้ลงทุนที่เป็นบุคคลธรรมดาได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ สำหรับเงินได้หรือผลประโยชน์ใดๆ ที่ได้รับจากการขายคืนหน่วยลงทุนที่ถือมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี จากเดิมที่กำหนดให้ได้รับยกเว้นภาษี เฉพาะกรณีการขายคืน หน่วยลงทุนเมื่ออายุ 55 ปีขึ้นไป หรือ มีเหตุทุพพลภาพหรือเสียชีวิตเท่านั้น
จากคุณ :
songtham kks
- [
11 ต.ค. 47 03:43:08
]
|
|
|