นี่เป็นงานวิจัยเล็กๆ ฉบับที่ 4 ที่ผมทำต่อจาก 3 ฉบับแรก
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I3063979/I3063979.html
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I3074358/I3074358.html
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I3074994/I3074994.html
งานฉบับนี้นำ MACD 12, 26 มาทำการทดสอบความสามารถในการทำกำไรเทียบกับการลงทุนแบบ buy-and-hold โดยการใช้ข้อมูลรายวันของ SET Index (ต้องการศึกษาภาพรวมของทั้งตลาด จึงไม่เจาะจงหุ้นเป็นรายตัว) ตั้งแต่วันที่ 14/12/2000 ถึง 23/7/2004 เก็บข้อมูลจาก REUTERS Version Kobra โดยมี Transaction Cost คือ อัตราค่านายหน้า 0.25% และภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% การคิด Return ใช้วิธี Continuous Compounded Return สัญญาณการซื้อขายของ MACD 12, 26 คือ MACD Cross คือ พิจารณาที่เส้น MACD 12, 26 และเส้น Signal หาก MACD 12, 26 ตัดเส้น Signal ขึ้น ให้ซื้อ ตัดเส้น Signal ลงให้ขาย
Assumption ในการศึกษาคือ
1.คิดอัตราผลตอบแทนเฉพาะ Capital gain เท่านั้น ไม่นำ Dividend yield มาคิด
2.ช่วงที่สัญญาณบอกให้ขาย ให้นำเงินนั้นไปลงทุนใน risk free เท่านั้นไม่มีการนำเงินไปทำอย่างอื่น โดย risk free rate ที่ใช้ ใช้ Repo 1 day rate โดยการเก็บข้อมูลจาก DataStream
3. ใช้ราคาปิดมาคำนวณอัตราผลตอบแทน
ผลการทดสอบพบว่า
MACD Cross ให้อัตราผลตอบแทน 57.02% ของช่วงเวลาศึกษา หรือ คิดเป็น 14.26% ต่อปี
การลงทุนแบบ buy-and-hold ให้อัตราผลตอบแทน 86.91% ของช่วงเวลาศึกษา หรือ คิดเป็น 21.73% ต่อปี
สรุปผลการทดลอง
1. การลงทุนแบบ buy-and-hold ให้อัตราผลตอบแทนที่สูงกว่าการใช้ MACD 12, 26 ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในช่วงเวลาที่ทำการศึกษา อย่างมีนัยสำคัญ
2. การลงทุนโดยใช้ SSTO ให้อัตราผลตอบแทนที่สูงกว่าการใช้ RSI 14 ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในช่วงเวลาที่ทำการศึกษา (ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกัน) อย่างมีนัยสำคัญ
3. การลงทุนโดยใช้ MACD 12, 26 ให้อัตราผลตอบแทนที่สูงกว่าการใช้ SSTO ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในช่วงเวลาที่ทำการศึกษา (ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกัน) อย่างมีนัยสำคัญ
จากคุณ :
หมากเขียว
- [
22 ต.ค. 47 12:17:58
]