PANTIP.COM : I3177016 คุยโขมงหุ้นไทยในสินธร ===== ภาคเช้า ประจำวันที่ 15 ธันวาคม 2547 [หุ้น]

ความคิดเห็นที่ 17

สรุปข่าวตลาดเงิน-ตลาดทุน หนังสือพิมพ์กระแสหุ้นรายวัน
ธ.พาณิชย์สำรองเงินรับวันหยุดยาว มั่นใจ42,000ล้านเพียงพอให้บริการ

ธนาคารพาณิชย์สำรองเงินสดไว้เตรียมให้บริการช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งมีวันหยุดยาว 4 วัน กว่า 42,000ล้านบาทมั่นใจเพียงพอที่จะให้บริการลูกค้าBAYจับมือPTTเปิดสาขาไฮเทค

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จับมือ ปตท. นำนวัตกรรมใหม่รุกบริการสาขาไฮเทคเปิดสาขา DRIVE-THRU Banking แห่งแรกของประเทศ ในปั๊ม ปตท. เพื่อสวัสดิการ ร.1 รอ. ถนนวิภา วดีรังสิตTOPลั่นซื้อไอพีทีคุ้มค่า-ช่วยเพิ่มรายได้

'ไทยออยล์' มั่นใจการซื้อหุ้น 'บ.ผลิตไฟฟ้าอิสระ' คุ้มค่าช่วยเพิ่มรายได้ในทันที เหตุใช้ ต้นทุนที่ต่ำ และยังอยู่ใกล้โรงกลั่นของบริษัท พร้อมเปิดแผนรุกขยายกำลังผลิตทั้งการกลั่นน้ำมัน และพาราไซลีนเพิ่มในปี49ธุรกรรมยืมหลักทรัพย์เปิดบริการQ3 ศูนย์รับฝากฯชี้ช่วงแรกสถาบันเพียบ

ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ คาดธุรกรรมยืม-ให้ยืมหลักทรัพย์จะสามารถเปิดให้บริการได้ใน ไตรมาส3/48 ชี้ยังได้รับความสนใจน้อย และนักลงทุนช่วงแรกน่าจะมีแต่นักลงทุนในสถาบัน มากกว่ารายย่อย'บีโอเอ'รุกออกกองทุนอนุพันธ์ หลังก.ล.ต.ไฟเขียวเป็นรายแรก

บลจ. บีโอเอ เตรียมออกกองทุนตราสารอนุพันธ์ หลัง ก.ล.ต.อนุมัติประกอบธุรกิจนับ เป็นบลจ.แรกที่ได้รับอนุมัติUMIตั้งเป้ายอดขายปีหน้าโต3พันล. เร่งขายกำลังผลิต-โหมกิจกรรมตลาด

'สหโมเสค' คาดยอดขายปีนี้แตะระดับ 2,400 ล้านบาท ส่วนปีหน้าพุ่ง 25% หรือ 3,000 ล้านบาทแน่ จากเพิ่มกำลังการผลิต และการโหมกิจกรรมการตลาดของบริษัท พร้อมเร่งหาตลาด ใหม่เพิ่มตลท.เลื่อนพิจารณาลบชื่อROYNET

ตลาดหลักทรัพย์ฯเลื่อนพิจารณาเพิกถอน ROYNET ออกจากการเป็นบริษัทจด ทะเบียนตามคำขอ หลังยื่นงบการเงินประจำปี46-47 ฉบับแก้ไข ตามคำสั่งก.ล.ต.แล้วเลควูดยืนยันจ่ายTFIเงิน150ล.แน่ เชื่อดันกำไร-รายได้โต&ฉุดดบ.ลด

'เลควูดเรียลเอสเตท' ยืนยันจ่ายเงิน 150 ล้านบาท แก่ 'ไทยฟิล์มอินดัสตรี่' แน่ หลัง ปล่อยขายหุ้นไอพีโอ 'ไทยน๊อคซ์ฯ' มั่นใจสรุปดีลได้ภายในไตรมาส4/47 ซึ่งขณะนี้รอเพียงผู้ถือหุ้น อนุมัติ ด้าน 'ไทยฟิล์มฯ' มั่นใจช่วยสร้างกระแสเงินสด-กำไร-รายได้ให้บริษัทฯ พร้อม ลดภาระ ดอกเบี้ย'บล.ภัทร'รุกซื้อ18ล.หุ้นMCOTคืนคลัง

'มิ่งขวัญ'แจงบล.ภัทร เดินหน้าซื้อหุ้นจากกระทรวงการคลัง เพื่อส่งคืนหุ้น กรีนชู 18 ล้าน ที่ยืมส่งผลให้คลังถือหุ้นเพียง 531 ล้านหุ้นบล.ทิสโก้เล็งดัน5บจ.เข้าตลาดปี48

บล.ทิสโก้ เล็งดัน 4-5 บริษัทเข้าจดทะเลียนปีหน้า พร้อมโชว์ยอดเม็ดเงินระดมทุนบจ.ใน ปีนี้ของบริษัทฯกว่า 1.7 หมื่นล้านบาทฟันธงปี48ทิศทางดอลลาร์ขาลง ปมเหตุสหรัฐขาดดุลหลายบัญชี

นักวิเคราะห์-นักลงทุน เชื่อทิศทางค่าเงินดอลลาร์ปีหน้ายังอยู่ในช่วงขาลงเหตุภาวะขาด ดุลหลายบัญชีส่วนแนวโน้มดอกเบี้ยคาดจะขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 3.5%ชี้อุปทานฤดูหนาวฉุดน้ำมันผันผวน จับตาตัวเลขสำรองสหรัฐเพิ่มขึ้นอีก

นักวิเคราะห์เชื่อราคาน้ำมันผันผวน หลายปัจจัยกดดันโดยเฉพาะการบริโภคน้ำมันใน สหรัฐเพิ่ม จากอุปทานฤดูหนาวที่อุณหภูมิกำลังลดลงต่ำมากกว่าปกติจับตาปริมาณสำรองสหรัฐ เพิ่มขึ้นอีกสหรัฐเชื่อ'หวัดนก'กำจัดไม่หมด

สหรัฐระบุ 'เชื้อไข้หวัดนก' ยากกำจัดให้หมดไป และพร้อมจะกลับมาแพร่ระบาดได้ทุก เมื่อชมไทยเอาจริงเอาจังและเฝ้าระวังเข้มงวดคาดปีหน้าหันมาใช้วัคซีนกันมากขึ้นManulifeมั่นใจกวาดหุ้นINLIFEเกลี้ยง

'Manulife Financial' มั่นใจรายย่อยแห่ขายหุ้น 'อินเตอร์ไลฟ์' เกลี้ยง ยืนยันราคาซื้อ หลักทรัพย์ ที่ 21 บาทนั้นสูงกว่าราคาตลาดแน่ เตรียมเดินหน้าขอเพิกถอนออกตลาดหลักทรัพย์ หลังล่าสุดถือครองสัดส่วนหุ้นสูงถึงร้อยละ95 แล้วบลจ.กสิกรไทยปิดขายRK9 โชว์ยอดจองซื้อพุ่ง3.7พันล. ฟุ้งนักลงทุนเชื่อฝีมือบริหาร

บลจ.กสิกรไทย ตอกย้ำความแรงของกองทุน RK 9 โชว์ยอดจองซื้อหลังปิดขายหน่วยลง ทุนกว่า 3,773 ล้านบาท ซึ่งแสดงให้เห้นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนในการบริหารกองทุนตรา สารหนี้ของบลจ.กสิกรไทยครม.ไฟเขียวคุมขายเหล้า-บุหรี่ กำหนดทั้งเวลา,สถานที่จำหน่าย

คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้มีการจัดระเบียบควบคุมการจำหน่ายสุราและบุหรี่ แก่ เยาวชนทั้งกำหนดเวลาจำหน่าย และห้ามจำหน่ายในพื้นที่ใกล้สถานศึกษาผู้เลี้ยงกุ้งจี้พาณิชย์ทวงสิทธิGSP

นายกสมาคมผู้เลี้ยงกุ้งน้ำจืดนำเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งน้ำจืดจำนวน 270 คน ยื่นหนังสือถึง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์หวั่นลืมทวงสิทธิ GSP สินค้ากุ้งไทยคืนจาก EU ด้าน 'อรทัย ฐานะจาโร' ระบุขณะนี้อียูอยู่ระหว่างการพิจารณาและเตรียมเสนอร่างต่อสภา EU คาดว่าจะผ่าน สภาได้ภายในสิ้นปีนีที่มา : นสพ.กระแสหุ้นรายวัน
ข้อมูลหลักจาก efinancethai.net

จากคุณ : ก้อนหิน MBA - [ 15 ธ.ค. 47 06:41:50 ]

ความคิดเห็นที่ 26

ลุ้นแบงก์ชาติขึ้นดอกเบี้ยวันนี้ สกัดเงินไหลออก-คุมเงินเฟ้อ

จับตาวันนี้ (15 ธ.ค.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะประกาศขึ้น
ดอกเบี้ยตามธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) หรือไม่ โดยนายแบงก์คาดจะปรับขึ้นแน่
เพื่อสกัดเงินไหลออก และชะลอการเติบโตภาวะเงินเฟ้อภายในประเทศให้ลดลง
ขณะที่นักวิเคราะห์ประเมินยังไม่ปรับขึ้น เพื่อป้องกันการไหลเข้าของเงินทุนจาก
ต่างประเทศ ที่จะส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นจากความต้องการถือเงินสกุลบาทเพิ่ม
ขึ้น อันจะส่งผลด้านลบต่อสภาพเศรษฐกิจโดยรวม

* นายแบงก์เชื่อ ธปท.ปรับดอกเบี้ยตามเฟด
นายจำลอง อติกุล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) แสดงความเชื่อ
มั่นว่า ในการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันนี้ (15 ธ.ค.) จะมีการปรับ
ขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามเฟด เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อในประเทศยังอยู่ในระดับสูง จึงต้องมีการปรับ
เพิ่มขึ้นเพื่อชะลอการเติบโตภาวะเงินเฟ้อภายในประเทศให้ลดลง
“คาดว่าพรุ่งนี้แบงก์ชาติจะปรับขึ้นดอกเบี้ยประมาณ 0.25% ตามเฟด ที่ได้ปรับขึ้น
ดอกเบี้ยเช่นกัน โดยการปรับขึ้นของแบงก์ชาติจะมีลักษณะค่อยเป็นค่อยไปเพื่อชะลอภาวะอัตรา
เงินเฟ้อภายในประเทศที่อยู่ในระดับสูง” นายจำลอง กล่าว
สำหรับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคาร เขากล่าวว่า BAY จะปรับขึ้น
อัตราดอกเบี้ยหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับนโยบายการบริหารของธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นสำคัญ ซึ่ง
หาก ธปท.ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 15 ธันวาคมนี้ คาดว่าทางธนาคารอาจมีการ
ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในทิศทางเดียวกัน โดยคาดว่ามีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเป็นครั้ง
แรกในช่วงไตรมาส 1/2548 ทั้งด้านดอกเบี้ยเงินฝาก และดอกเบี้ยเงินกู้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยปีหน้าจะทรงตัวในระดับสูง แต่ก็เชื่อว่าไม่มี
ผลกระทบให้การดำเนินธุรกิจในประเทศชะลอลงมากนัก

* โบรกฯ คาด ธปท.คงดอกเบี้ยไว้ที่ 1.75%
ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ให้ความเห็นว่า แม้เฟดจะปรับ
ขึ้นดอกเบี้ยอีก 25 basis-point แต่ความเห็นของนักวิเคราะห์ต่อผลการประชุมของคณะ
กรรมการนโยบายการเงิน (MPC) ในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ยังคงแบ่งเป็น 2 แนวความคิด
โดยกลุ่มแรกสนับสนุนความคิดที่ว่า MPC คงจะประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
นโยบาย 25 basis point ตามการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐ มิฉะนั้นแล้วจะทำให้ส่วนต่างอัตรา
ดอกเบี้ยในประเทศกับนอกประเทศขยายกว้างขึ้นเป็น 50 basis point และจะเป็นการยากที่จะ
ป้องกันเงินทุนไหลออก หรือปรับขึ้นดอกเบี้ยตามในภายหลัง
ในขณะที่อีกฝ่ายมองว่า การปรับขึ้นดอกเบี้ยไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นในขณะนี้ และจะเกิดต้น
ทุนทางเศรษฐกิจที่สูง โดยฝ่ายวิจัยฯ ประเมินว่า ธปท.จะตัดสินใจคงระดับอัตราดอกเบี้ยไว้ที่
1.75% ในการประชุมครั้งนี้ จาก 2 ปัจจัยหลัก ดังนี้ คือ
1.โดยหลักการแล้ว อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะทำให้เกิดการไหลเข้าของเงินทุนจากต่าง
ประเทศ ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น จากความต้องการถือเงินสกุลบาทเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม
จากสภาวะการณ์ค่าเงินบาทในปัจจุบันที่แข็งค่าต่อเนื่องจนหลายฝ่ายวิตกว่าจะส่งผลกระทบต่อการ
ส่งออก และเศรษฐกิจโดยรวม การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย R/P จะยิ่งสร้างแรงกดดันต่อค่าเงินบาท
ให้แข็งค่ามากขึ้น ซึ่งจะส่งผลด้านลบต่อสภาพเศรษฐกิจโดยรวม
2.ธปท.ให้เหตุผลในการสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งที่ผ่านมาว่า เพื่อ
ควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มสูงขึ้นจากราคาน้ำมัน อย่างไรก็ตาม ล่าสุดอัตราเงินเฟ้อทั่วไป
และพื้นฐานของเดือนพ.ย. 47 อยู่ที่ 3% และ 0.6% ตามลำดับ ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับต่ำ และภาค
รัฐยังคงมีนโยบายควบคุมราคาสินค้า ทำให้คาดว่าอัตราเงินเฟ้อของปี 47 จะอยู่ในระดับ 2.8-
3.0% โดยถ้ามีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้เพื่อควบคุมแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ
แล้ว ก็จะมีต้นทุนที่ค่อนข้างสูงด้านการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
ด้วยต้นทุนในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย คือ ค่าเงินบาทที่จะแข็งค่าขึ้น และการ
ขยายตัวทางเศรษฐกิจที่น้อยลง ทำให้ฝ่ายวิจัยประเมินว่า ความจำเป็นในการปรับขึ้นอัตรา
ดอกเบี้ยในวันนี้ มีน้อยกว่าต้นทุนทางเศรษฐกิจที่คาดว่าจะเกิดขึ้น และคาดว่า ธปท.จะคงรักษา
ระดับอัตราดอกเบี้ย R/P14 วันไว้ที่ระดับ 1.75% ในการประชุมครั้งนี้

* ไทยไม่มีแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อ
นายสิทธิเดช ประเสริฐรุ่งเรือง ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ซีมิโก้
จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในวันนี้ ธปท. จะยังไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในประเทศแต่อย่างใด
เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อในประเทศยังอยู่ในเกณฑ์ดี ประกอบกับต้องการชะลอค่าเงินบาทไม่ให้
แข็งค่าจนเกินไป
“โดยส่วนตัวเห็นว่ายังไม่มีความจำเป็นที่ทางคณะกรรมการนโยบายการเงินจะปรับขึ้น
ดอกเบี้ยในวันที่ 15 ธันวาคมนี้ เนื่องจากขณะนี้ไม่มีแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อในประเทศ รวม
ถึงป้องกันการแข็งค่าเงินบาทไม่ให้รุนแรงจนเกินไป โดยหากมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในประเทศ จะ
เป็นส่วนสำคัญกระตุ้นให้ค่าเงินบาทแข็งค่าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเกินไป” นายสิทธิเดช กล่าว
อย่างไรก็ดี หาก ธปท.มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจริง ก็ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ดีใน
อนาคต เนื่องจากขณะนี้ต่างประเทศกำลังจับตามองการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไทยว่าจะปรับขึ้น
ตามเฟดหรือไม่ โดยเชื่อว่าหากอัตราดอกเบี้ยไทยปรับขึ้นตามเฟด จะมีผลให้เงินทุนต่างประเทศ
ไหลเข้าลงทุนในตลาดทุนไทยมากขึ้น

* บลจ.วรรณ ชี้นักลงทุนมั่นใจไม่ขึ้นดอกเบี้ย
นางวิวรรณ ธาราหิรัญโชติ กรรมการผู้จัดการ บลจ.วรรณ เปิดเผยว่า คณะกรรมการ
กำหนดนโยบายการเงินธนาคารแห่งประเทศไทยคงไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย RP14 วัน เนื่องจาก
ภาวะราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงส่งผลให้แรงกดดันต่อภาวะอัตราเงินเฟ้อในประเทศไม่สูงมาก และ
ถ้าธปท.ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจส่งผลให้ค่าเงินบาทแข็งค่าเกินไปซึ่งจะส่งผลกระทบต่อ
เศรษฐกิจของประเทศได้
“นักลงทุนส่วนใหญ่ก็คาดเดาอยู่แล้วว่า ธปท.ต้องไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย RP จึงคาด
ว่าตลาดเงินและตลาดทุนจะตอบรับกับข่าวนี้ไม่มาก โดยในส่วนของตลาดทุนเองเรื่องดังกล่าวคง
ไม่มีผลกระทบต่อภาวะการลงทุนมากนัก เนื่องจากตลาดตอบรับข่าวนี้มานานแล้ว” นางวิวรรณ
กล่าว
ทั้งนี้ กลยุทธ์ในการลงทุนในช่วง 2 สัปดาห์ที่เหลือก่อนหมดปีนี้ คงแนะนำให้นักลงทุน
รอจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคาหุ้นปรับลงมาต่ำกว่าพื้นฐาน เพราะมองว่าพื้นฐานเศรษฐกิจของไทยในปี
หน้ายังมีแนวโน้มที่ดีกว่าปีที่ผ่านมา โดยในส่วนของอัตราดอกเบี้ยนั้นนักลงทุนตอบรับกับข่าวนี้ไป
แล้ว ขณะที่ราคาน้ำมันช่วงนี้ก็ปรับตัวลงมาอยู่ในระดับที่ไม่สูงมากนัก

จากคุณ : MengOdean - [ 15 ธ.ค. 47 09:00:49 ]