ความคิดเห็นที่ 4
ไม่รู้ว่าท่านเล่นหุ้นประจำอยู่แล้วหรือไม่ ถ้าท่านไม่มีเวลาที่จะมาซื้อขายเก็งกำไร ขอให้ท่านอ่านความเห็นข้างล่าง
ความคิดเห็นนี้เหมาะสำหรับบุคคลไม่มีความรู้เรื่องหุ้น ไม่เหมาะพวกเก็งกำไรหรือนักพนัน อย่างไรก็ตามต้องศึกษาค้นคว้าว่าสิ่งที่ผมพูดเป็นไปได้หรือเปล่า อย่าเชื่อแบบไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร เชื่อคนง่ายจะทำให้เราเสียหายง่ายๆเช่นกัน ต้องเชื่อตัวเอง
จากประสพการณ์ที่อยู่ในตลาดมาก็หลายปี ขอแนะนำจากก้นบึ้งหัวใจด้วยความปรารถนาดี
อย่าคิดยึดเล่นหุ้นเป็นอาชีพหลัก หางานทำเป็นหลักฐานของตัวคุณเองและครอบครัว อนาคตคุณอยู่ที่งาน ในขณะเดียวกันหุ้นเล่นได้ควรเล่นเป็นการสะสมออมเงิน ไม่ต้องไปมักมุนกับมันขอเวลาเพียง 5-10 นาทีต่อวันดูข่าวในหนังสือพิมพ์
ก่อนเล่น(เพื่อความสบายใจ) คุณต้องศึกษาค้นคว้าหุ้นบริษัทหลักทรัพย์ เช่นว่า asp, cns, kest, zmico ว่ามีฐานะการเงินศักย์ภาพจ่ายปันผล หุ้นเหล่านี้จะขึ้นลงตามตลาดปริมาณซื้อขายแต่ละวัน ในอดีตผลต่างราคาหุ้นระหว่าง low/high ได้ถึง 100% ต้องค้นคว้าดูประวัติในอดีตได้ว่าจุด low และ high ตอนนั้นวอลลุ่มซื้อขาย(จำนวนเงินต่อวัน)เท่าไร หลังศึกษาท่านจะพบว่าราคาขึ้นหรือลงของบริษัทเหล่านี้จะเป็นไปตามปริมาณซื้อขายแต่ละวัน (a) ถ้าปริมาณซื้อขายถดทอยน้อยลง ราคาก็จะซึมๆลงไปเรื่อยๆ ช่วงนี้เป็นขาลง; (b) เช่นเดียวกันกับขาขึ้นราคาก็ขึ้นตามปริมาณซื้อขาย
ถึงตอนนี้ท่านพอที่จะหาจุดซื้อซึ่งอาจไม่ใช่จุดต่ำสุด (เทวดาก็ไม่รู้) ถึงจะลงต่ำอีกก็ไม่มาก ซื้อแล้วอยู่เฉยดูหนังสือพิมพ์ที่มีการรายงานหุ้นว่าปริมาณซื้อขายเท่าไร ระหว่างรออย่าไปได้ตื่นเต้นกับการเคลื่อนไหวราคาหุ้นที่ซื้อไว้ (a) ถ้าราคาขึ้นมาได้เท่าตัวขาย อย่าไปฟังนักวิเคราะห์ว่าดัชนีจะไปเท่านั้นเท่านี้ อีกนั้นและถ้าราคาหุ้นจะไปต่ออย่าเสียใจ เพราะเราได้ประสพความสำเร็จ goal ของเรา; (b) เอาเงินเข้าแบงค์ไม่ซื้อหุ้นเด็ดขาด; (c) ใจเย็นรอด้วยความอดทน ทำงานทำการของท่านอย่างดีเพื่อความเจริญก้าวหน้าของท่าน รอวันซื้อต่อเมื่อวอลลุ่มซื้อขายลงมาที่เป้าตั้งไว้แต่ต้น ขออย่างเดียวพอถึงเวลาเป้าหมายท่านต้องกล้าๆซื้อไม่ต้องไปวิตกต่อข่าวร้ายต่างๆซึ่งจะมีเข้ามาทำให้ท่านกลัวอย่างมากมาย ขอย้ำใจกล้าๆซื้อแล้วรอขายตามเป้า
1. จุดซื้อจุดขาย
จากประสพการณ์ในอดีต วอลลุ่มต่ำสุดอยู่ที่ 1,000 ล้านบาทตอนเศรษฐกิจฟองสะบู่ เนื่องจาก market caps ใหญ่ขึ้นมาร่วมล้านล้านบาทโอกาศที่จะเห็น 1,000 ล้านบาทย่อมเป็นไปค่อนข้างยาก เมื่อเร็วๆนี้วอลลุ่มต่ำสุดอยู่ประมาณ 7,000 กว่าล้าน คิดว่าจุดซื้อควรตรงที่วอลลุ่ม 6,000 บาท ต้องค่อยๆซึมลงเป็นอาทิตย์ๆหรือเดือนๆ ท่านจะต้องสังเกตจากการติดตามปริมาณซื้อขายแต่ละวัน จุดขายอยู่ที่ว่าถึงเป้ากำไรเท่าตัวขายลูกเดียว
2. สะสมออกทรัพย์
การเล่นหุ้นเป็นการเสี่ยงตลอดเวลา แต่วิธีว่านี้เป็นการสะสมออมทรัพย์ ความเสี่ยงแทบไม่มี อยากให้ท่านเล่นแบบสบายๆไม่เครียดมาเป็นห่วงกับมันตลอดเวลา ท่านคิดว่าเงินจำนวน 10,000 ถึง 50,000 บาทที่สามารถปันมาเล่นหุ้น เราอยากทำเงินเราเป็นเงินล้านๆ นั้นหมายถึงว่าท่านต้องไม่แตะต้องเงินจำนี้เป็นสิบปีขึ้นไป ระหว่างนี้ไม่เอาไปใช้อย่างอื่นนอกจากลงทุนในหุ้น มาลองคำนวนเล่นๆว่าเงินท่าน(50,000)จะพอกพูนขึ้นเท่าไรในสิบปีข้างหน้า สมมติว่าท่านจะซื้อขาย 2 รอบใน 3 ปี ในระยะเวลาสิบปีท่านจะซื้อขายเพียง 7 รอบ
รอบทที่ 1 ลงทุน 50,000 บาท พอกพูนเป็น 100,000 บาท รอบทที่ 2 ลงทุน 100,000 บาท พอกพูนเป็น 200,000 บาท รอบทที่ 3 ลงทุน 200,000 บาท พอกพูนเป็น 400,000 บาท รอบทที่ 4 ลงทุน 400,000 บาท พอกพูนเป็น 800,000 บาท รอบทที่ 5 ลงทุน 800,000 บาท พอกพูนเป็น 1,600,000 บาท รอบทที่ 6 ลงทุน 1,600,000 บาท พอกพูนเป็น 3,200,000 บาท รอบทที่ 7 ลงทุน 3,200,000 บาท พอกพูนเป็น 6,400,000 บาท
3. จุดจบกลางคัน
ขอย้ำวิธีดังกล่าวเป็นการสะสมทรัพย์ค่อยเป็นค่อยไป มีความอดทนไม่สะทกสะท้านต่อสิ่งใดๆทั้งสิ้น ท่านเริ่มต้นด้วยเงินเท่าไรก็ให้เป็นเท่านั้น ข้อสำคัญไม่มีการเพิ่มเงินอย่างเด็ดขาด ถ้าท่านทำจะทำให้ท่านไม่เป็นอันกินอันนอนมีความวิตกกังวลเงินท่าน จิตใจท่านจะจดจ่ออยู่กับหุ้นตลอดเวลาไม่มีกะจิตกะใจทำงาน ถึงตอนนั้นท่านได้เปลี่ยนตัวท่านมาเป็นนักพนันเต็มรูปแบบ นี้คือจุดจบการงานและหุ้นของท่าน ฉะนั้นสำเร็จหรือไม่อยู่ที่ตัวท่านแต่ผู้เดียว
สร้างกรุงโรมใช่ว่าสร้างวันเดียวเสร็จ เราคิดใหญ่ที่จะให้เงินหมื่นเป็นเงินล้านต้องใช้เวลา อดทน ใจเย็นๆ
4. มีอะไรเสีย
ขอให้ท่านนั่งคิดดีๆว่าท่านมีอะไรที่จะเสียวิธีนี้ ถ้าวอลลุ่มลงมาไม่ถึงเป้าท่านก็ไม่ซื้อเงินก็ยังอยู่ในกระเป้าท่าน รอขายขาขี้นแล้วอยู่เฉยๆไม่ซื้ออย่างเด็ดขาด ท่านก็ไม่ติดหุ้น หุ้นลงมาที่เป้าเงินอยู่ครบทุกบาททุกสตางค์พร้อมที่จะซื้อ ท่านไม่มีอะไรจะเสียมีแต่ได้อย่างเดียว
ขอให้โชคดีทุกๆท่าน
จากคุณ :
luck me
- [
26 ม.ค. 48 08:08:20
]
|
|
|