CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    =====วางหมาก...กระดานหุ้น ตอน ปฐมบทแห่งการลงทุน 3 =====

    ด้วยประสบการณ์อันน้อยนิดของผม หากเทียบกับผู้รู้หลายท่านในห้องนี้แล้ว ผมคงจะเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวของประสบการณ์ที่พวกท่านเหล่านั้นได้สะสมมา บทความ งานเขียนของผม มีข้อผิดพลาดประการใด ขอให้พวกท่านเหล่านั้น ได้ชี้แนะให้กับผมด้วยครับ เพื่อเกิดประโยชน์แก่ทั้งผู้ให้และผู้รับ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในอนาคต

    =====วางหมาก...กระดานหุ้น ตอน ปฐมบทแห่งการลงทุน 3=====

    คราวที่แล้ว ปฐมบทแห่งการลงทุน 2 ว่าด้วยเรื่อง “ทำอย่างไรเงินที่เราอุตสาห์เก็บหอมรอมริบมา จะสามารถนำมาลงทุนในตลาดหุ้นและเกิดดอกออกผลได้?” ซึ่งคำตอบก็คือ นักลงทุนหรือจอมยุทธ์ต้องประกอบไปด้วยองค์ประกอบ 5 อย่าง ได้แก่ “คัมภีร์ยุทธ์ อาวุธ กระบวนท่า เคล็ดวิชา และการฝึกฝน” ตามลิงค์นี้ครับ

    http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I3256937/I3256937.html

    เมื่อมีครบทั้ง 5 องค์ประกอบแล้ว (5 องค์ประกอบนี้สำคัญมาก หากท่านยังไม่มีหรือมีไม่ครบ ก็ควรจะมีซะ ถ้ายังอยากท่องยุทธภพนี้ต่อไป ไม่เช่นนั้นถูกจอมยุทธ์เก่งๆ ฆ่าตายแน่) คำถามต่อไปก็คือ “จะเลือกเป็นนักลงทุนแบบใด” ซึ่งคำถามนี้ คำตอบอาจจะบ่งบอกได้จาก “แนวทางในการบริหารพอร์ทการลงทุนของตน”

    จากประสบการณ์อันน้อยนิดของผม ผมได้วางแนวทางในการบริหารพอร์ทการลงทุนในแบบฉบับของผมเอง เป็นสูตร 5-4-1 สูตรนี้ไม่ได้เป็นสูตรการวางตำแหน่งนักฟุตบอลแต่อย่างใด แต่เป็นสูตรที่มาจาก 50% : 40% : 10%

    50% ในพอร์ทการลงทุนของผมเป็นแบบ VI (Value Investing) คือผมเป็น Value Investor เพียงครึ่งตัวเท่านั้น

    40% ในพอร์ทการลงทุนของผมเป็นแบบ FTA (Fundamentally Technical Analysis) เป็นเทคนิคที่ผมผสมผสานจุดเด่นของการวิเคราะห์ทางด้านปัจจัยพื้นฐานและทางเทคนิคเข้าด้วยกัน มีแนวคิดหลักคือ “ทำอย่างไรให้เงินจำนวนเท่าเดิม มีจำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นมาได้ เพื่อเพิ่มโอกาสในการรับเงินปันผลให้มากขึ้น” ซึ่งแนวคิดหลักจะเหมือนกับ DSM แต่วิธีการแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง คือ “เคล็ดวิชา” เดียวกัน แต่ต่างกันที่ “กระบวนท่า”

    10% ในพอร์ทการลงทุนของผมเป็นแบบ VS (Value Speculating) คือผมเป็น Value Speculator เพียงเศษเสี้ยวของพอร์ท สาเหตุที่มีเพราะผมยังหนุ่ม ยังชอบความระทึกใจ เร้าใจในการใช้เทคนิคล้วนๆ ในการเก็งกำไรหุ้นอยู่ และยอมรับความเสี่ยงนั้นได้ (ก่อนใช้เทคนิคล้วนๆ ผมใช้ปัจจัยพื้นฐานเพื่อสรรหาหุ้นก่อน ซึ่งผมยึดหลักว่าพวกหุ้นเน่าแต่เป็นหุ้นปั่นผมไม่เข้า เด็ดขาด) ซึ่ง10% นี้ผมจะไม่กล่าวถึง เพราะเป็นแนวทางที่ไม่แนะนำให้ลอง สังเกตว่าผมไม่ใช้คำว่า Speculator เพราะในความหมายนั้น ตามความรู้สึกของผมคือพวกนักพนันที่เล่นไพ่ป๊อกเด้ง ไฮโล ที่อาศัยดวงในการเก็งกำไร ต่างจาก Value Speculator ที่เป็นนักพนันแต่เล่นไพ่โป๊กเกอร์ ดัมมี่ เก้าเก ที่อาศัยชั้นเชิง กลยุทธ์ ความน่าจะเป็น การวิเคราะห์คู่แข่ง ฯลฯ

    จากสูตรการบริหารพอร์ทการลงทุน บ่งบอกได้ว่าผมเลือกที่จะเป็น “นักลงทุนแบบผสมผสานระหว่างทางบุ๋นและทางบู๊” เป็นจอมยุทธ์ที่ “ลงทุน” ในเชิงระยะยาว กล่าวคือ

    50%ใช้การวิเคราะห์พื้นฐานไม่ใช้เทคนิคเลย อาศัยแนวคิดของ “บัฟเฟตต์” เป็นหลัก เมื่อเลือกหุ้นได้ก็ถือยาว

    40% ใช้การวิเคราะห์พื้นฐานเลือกหุ้นก่อน อาจจะไม่เข้มงวดเท่ากับหลักของ “บัฟเฟตต์” จากนั้นก็ถือยาว และอาศัยเทคนิคช่วยในการเพิ่มจำนวนหุ้นให้มากขึ้นๆ โดยใช้เงินเท่าเดิม เพื่อมุ่งหวังผลตอบแทนในรูปปันผล (Dividend yield) มากกว่าส่วนต่างราคา (Capital gain) ทั้งนี้สามารถเติมเงินเข้าไปเพิ่มได้ แต่ต้องบันทึก และคำนวณไว้ในไฟล์ Excel เพื่อใช้ตรวจสอบต้นทุนที่แท้จริง และจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้น

    ส่วนอีก 10% ไม่ได้ “ลงทุน” ในหุ้น แต่เป็นการ “เล่นหุ้น” ซึ่งผมจะไม่กล่าวขยายความถึง

    มาเริ่มกันที่ 50% แรกเลยดีกว่า นั่นก็คือ VI

    VI นั้นถ้าพูดถึงต้นตำรับของการลงทุนแบบเน้นคุณค่าแล้ว คงจะเริ่มมาจาก “ศาสตราจารย์เบนจามิน เกรแฮม” แห่งมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย อาจารย์ของ “วอร์เรน บัฟเฟตต์” อภิมหาเศรษฐี นักลงทุนเบอร์หนึ่งของโลกนั่นเอง ซึ่ง “บัฟเฟตต์” ทำให้โลกทั้งโลกยอมรับว่า VI เป็นแนวทางการลงทุนที่ดีที่สุดของนักลงทุน หากนักลงทุนคนนั้นไม่หวังที่จะรวยทางลัดกับตลาดหุ้น “บัฟเฟตต์” ยังทำให้ VI เป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไป และทำให้ “นักลงทุน” หน้าใหม่ ใฝ่ฝันอยากที่จะร่ำรวยแบบเขาบ้าง

    ผมย้ำนะครับ “นักลงทุน” ไม่ใช่ “นักเก็งกำไร” เพราะนักเก็งกำไร คงจะยึดต้นแบบที่ไม่ใช่ “บัฟเฟตต์” แน่นอน “นักเก็งกำไร” ที่ผมยกให้เป็นมือหนึ่งของโลกนั้น ก็คือ “จอร์จ โซรอส” (แถมให้อีกตำแหน่งก็ได้เอ๊า สุดยอดนักฉวยโอกาส)

    กลับมาเรื่องของเราต่อดีกว่า...
    แนวคิดหลักของ VI นั่น เป็นแนวคิดที่ไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลย คือให้ลงทุนแบบเน้นคุณค่ากับบริษัทที่ “มีความได้เปรียบในเชิงแข่งขันอย่างยั่งยืน” แต่รายละเอียดในการหาบริษัทอย่างว่าต่างหาก ที่นักลงทุนไม่ยอมสละเวลามาทำการศึกษา และค้นหาอย่างจริงจัง

    ผมได้อ่าน “Buffetology” และ “The New Buffetology” พอที่จะสรุปประเด็นในการตรวจสอบบริษัทที่น่าลงทุนของ บัฟเฟตต์ ได้ดังนี้
    1. มีอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (Return on shareholders’ equity หรือ ROE) ที่เหมาะสม เหมาะสมในที่นี้หมายถึง เมื่อเทียบกับกลุ่มอุตสาหกรรมนั้นแล้ว ควรจะสูงกว่าค่าเฉลี่ย
    2. มีอัตราผลตอบแทนต่อเงินลงทุนทั้งหมด (Return on total capital หรือ ROTC) ที่เหมาะสม คือสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มอุตสาหกรรมนั้นๆ
    3. มีประวัติการทำกำไรที่ดีเยี่ยม โดยกำไรนี้ให้ดูที่ กำไรต่อหุ้น ส่วนดีเยี่ยมก็คือต้องเป็นกำไรต่อหุ้นที่แข็งแกร่ง มีติดต่อกันหลายปี และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น
    4. อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (Debt/Equity ratio หรือ D/E ratio) ที่เหมาะสม คือต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มอุตสาหกรรม
    5. สินค้าหรือบริการที่มีความได้เปรียบเชิงแข่งขันอย่างยั่งยืน กล่าวคือ ต้องเป็นสินค้าหรือบริการที่มีแบรด์เนม ติดตลาดในกลุ่มอุตสาหกรรมนั่นๆ
    6. ปัญหาที่เกิดจากสหภาพแรงงานของบริษัทนั้นๆ กล่าวคือถ้าสหภาพแรงงานมีอำนาจในการต่อรองสูงย่อมส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิต (นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ผมนำเอาองค์ความรู้ทางด้าน “การจัดการเชิงกลยุทธ์” มาใช้ในการเลือกหุ้น ซึ่งผมเกริ่นไว้ในตอนที่แล้ว)
    7. การวิเคราะห์เพื่อดูว่าบริษัทสามารถปรับราคาของสินค้าหรือบริการ ให้สูงขึ้นตามภาวะเงินเฟ้อได้หรือไม่
    8. ต้นทุนการดำเนินงานที่เหมาะสม
    9. บริษัทสามารถซื้อหุ้นคืนจากตลาดเพื่อประโยชน์ของนักลงทุนได้หรือไม่ กล่าวคือถ้าบริษัทนั้นมีประวัติการซื้อหุ้นคืนได้อย่างต่อเนื่อง แสดงถึงว่าบริษัทนั้นมีศักยภาพทางธุรกิจที่จะก่อให้เกิดกระแสเงินสดเป็นจำนวนมาก (อันนี้ต้องระวังว่า กระแสเงินสดที่ได้มานั้น ได้มาจากทางใด ถ้าได้มาจากการออกหุ้นกู้ เพื่อมาซื้อหุ้นคืน การซื้อคืนนั้นก็ไม่มีนัยสำคัญทางด้านศักยภาพทางธุรกิจ)
    10. กำไรที่สะสมไว้ได้ไปทำให้มูลค่าตลาดของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นหรือเปล่า กล่าวคือ กำไรสะสมของบริษัทจะทำให้มูลค่าของธุรกิจเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง และส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทดีดตัวสูงขึ้น

    จากคุณ : หมากเขียว - [ 2 ก.พ. 48 11:48:01 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป