ด้วยประสบการณ์อันน้อยนิดของผม หากเทียบกับผู้รู้หลายท่านในห้องนี้แล้ว ผมคงจะเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวของประสบการณ์ที่พวกท่านเหล่านั้นได้สะสมมา บทความ งานเขียนของผม มีข้อผิดพลาดประการใด ขอให้พวกท่านเหล่านั้น ได้ชี้แนะให้กับผมด้วยครับ เพื่อเกิดประโยชน์แก่ทั้งผู้ให้และผู้รับ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในอนาคต
=====วางหมาก...กระดานหุ้น ตอน เจาะลึกกลยุทธ์ FTA=====
คราวที่แล้ว ปฐมบทแห่งการลงทุน 3ว่าด้วยเรื่อง จะเลือกเป็นนักลงทุนแบบใด? คำถามนี้ คำตอบอาจจะบ่งบอกได้จาก แนวทางในการบริหารพอร์ทการลงทุนของตน ซึ่งผมได้เสนอสูตร 5-4-1 นั่นก็คือ VI (Value Investing) 50%, FTA (Fundamentally Technical Analysis) 40% และ VS (Value Speculating) 10% ตามลิงค์นี้ครับ
http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I3271246/I3271246.html
ตอนนี้เรามาเจาะลึกกับกลยุทธ์ FTA กันว่าเป็นอย่างไร เหมาะกับใคร มีกฎอะไรบ้าง และผลกระทบจากการที่ใช้ผิดพลาดเป็นอย่างไร และตัวอย่างการใช้
FTA คืออะไร?
FTA (Fudamentally Technical Analysis) เป็นกลยุทธ์การลงทุนโดยอาศัยจุดเด่นของการวิเคราะห์ทางปัจจัยพื้นฐานมาช่วยในการสรรหาหุ้นดี มาลงทุน ซึ่งหลักการในการสรรหาหุ้น หรือบริษัทที่น่าลงทุน เหมือนกับหลักการของ บัฟเฟตต์ ทุกประการ (หากจำไม่ได้ให้กลับไปอ่านวางหมาก...ตอนที่ 3) แต่อาจจะไม่เข้มงวดเท่าก็ได้ และที่เพิ่มเติมคือ จะต้องเป็นบริษัทที่นิยมเทรดกันพอสมควร คือให้มีระลอกคลื่น เพื่อที่จะได้ทำ FTA ได้ โดยดูที่มูลค่าการซื้อขายตามลิงค์นี้
http://www.set.or.th/static/market/mainboard.html
จากนั้นก็อาศัยแนวคิดหลัก หรือเคล็ดวิชาเดียวกับ DSM คือ ทำอย่างไรให้เงินจำนวนเท่าเดิม มีจำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นมาได้ เพื่อเพิ่มโอกาสในการรับเงินปันผลให้มากขึ้น แต่วิธีการแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยผมจะใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค มาช่วยเพิ่มจำนวนหุ้น
ใช้เครื่องมือทางเทคนิคอะไร มาประยุกต์ใช้กับ FTA?
เครื่องมือทางเทคนิคที่ผมใช้เป็นอาวุธหลักคือ ทฤษฎีคลื่นอีเลียต, Fibonacci Retracement, เส้นแนวรับแนวต้านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น เส้น Trend line และ เส้น EMA ค่าต่างๆ
อาวุธรองที่ผมใช้เป็นประจำคือ MACD, แท่งเทียน, Patterns และเครื่องมือ Basic Technical ที่ผมดัดแปลงขึ้น คือ T-EMA (ซึ่งผมจะนำมาเผยแพร่ในตอนต่อไป)
FTA จะใช้อาวุธใดก็ได้ ขอให้เป็นอาวุธที่ใช้ถนัด และเหมาะสำหรับผู้ใช้ ซึ่งอันนี้ผู้ที่ใช้เครื่องมือจะรู้เอง
ความรู้ทางด้านการวิเคราะห์ทางเทคนิค เข้าไปดูที่ลิงค์นี้
http://inv2.asiaplus.co.th/abn/web/thai/investor_learning.jsp
FTA เหมาะกับใคร?
1. คนที่อยากมีอิสรภาพทางการเงินจากการ ลงทุน ในหุ้น คือมุ่งหวังที่จะรับผลตอบแทนจากปันผล (Dividend Yield) มากกว่าผลตอบแทนในรูปส่วนต่างราคา (Capital Gain) แต่ก็ยังชื่นชอบการซื้อ-ขายหุ้นโดยการใช้เครื่องมือทางเทคนิคจับจังหวะเข้าทำการซื้อ-ขาย
2. คนที่มีองค์ประกอบทั้ง 5 ครบแล้วเท่านั้น นั่นคือ คัมภีร์ยุทธ์ อาวุธ กระบวนท่า เคล็ดวิชา และการฝึกฝน (ทั้งทางด้านบุ๋นและบู๊)
3. คนที่ชอบการวิเคราะห์ทางปัจจัยพื้นฐาน และสนุกกับการวิเคราะห์ทางเทคนิค
4. คน เล่นหุ้น ที่เป็นนักพนันดัมมี่ โป๊กเกอร์ เก้าเก ที่อาศัยความรู้ ไหวพริบ ประสบการณ์ การคาดการณ์ การวิเคราะห์คู่แข่ง ฯลฯ ที่อยากปรับพฤติกรรมมาเป็น นักลงทุน
5. คนที่มี เงินเย็น เหลือเก็บบางส่วนจากงานที่ทำ
6. คนที่มีวินัยในการลงทุน ซื้อ-ขายตาม Model Trade ที่คิดว่าเหมาะสำหรับตน
7. คนที่อยากเป็นเจ้าของกิจการ ในบริษัทที่ตนเองชื่นชอบ
8. นักลงทุนระยะยาว ยาวมาก ยาวโครตๆๆ
FTA ไม่เหมาะกับใคร?
1. คนที่มุ่งหวังที่จะรับผลตอบแทนจากส่วนต่างราคา (Capital Gain) มากกว่าผลตอบแทนจากปันผล (Dividend Yield)
2. คนที่ไม่ชอบการวิเคราะห์ทางปัจจัยพื้นฐาน
3. คนที่ไม่ชอบหรือไม่ยอมรับการวิเคราะห์ทางเทคนิค
4. คนที่มีองค์ประกอบทั้ง 5 ไม่ครบ
5. คน เล่นหุ้น ที่เป็นนักพนันป๊อกเด้ง ไฮโล ที่อาศัยดวงอย่างเดียว
6. คนที่นำ เงินร้อน มา เล่นหุ้น (รวมทั้งพวกที่กู้เงินมาเล่นด้วย)
7. คนที่อยากรวยทางลัดจาก ตลาดหุ้น หรือ ยุทธภพ
8. คนที่ลงทุนระยะสั้น สั้นมาก สั้นโคตรๆๆๆ
ไม่มีความรู้เกี่ยวกับการวิเคราะห์ทางปัจจัยพื้นฐาน หรือทางเทคนิคเลย จะใช้ FTA ยังไง?
ก็ทำให้ตัวเองรู้ซักทีสิครับ!!! 555 คือ ต้องทำให้องค์ประกอบทั้ง 5 ครบซะก่อน
ไม่มีเวลาศึกษามานั่งอ่านหรือศึกษา ให้ครบองค์ประกอบทั้ง 5?
จัดสรรเวลาว่างเพียงวันละ ครึ่งช.ม. หรือ หนึ่งช.ม. ก่อนเข้านอน ทำให้คุณสามารถเกษียณก่อนกำหนดได้ เป็นการ ลงทุน ที่คุ้มค่ามาก
ต้องทำงานหนักทุกวัน กลับบ้านเหนื่อยอยากพักผ่อน ไม่มีเวลามานั่งอ่านหรือศึกษาแบบเด็กๆ เตรียมสอบหรอก?
คุณอยากทำงานหนัก กลับบ้านเหนื่อย ไปตลอดชีวิตหรือเปล่าล่ะครับ? หรืออยากทนเหนื่อยแค่เพียงช่วงระยะเวลาหนึ่ง และสบายในวันข้างหน้า เลือกเอาก็แล้วกัน
อายุมากแล้ว ทำ FTA ตัวเองก็ไม่ได้ใช้ ทำไปทำไม?
อย่างน้อยก็ยังมีมรดกเป็นหุ้นของบริษัทดีๆ ไว้ให้ลูกหลานน่า ยังดีกว่าไม่มีอะไรให้ หรือมีหนี้ให้ช่วยล้างต่อหลังจากตัวเองตายไม่ใช่หรือ?
ชอบความสนุกเร้าใจของการเก็งกำไร ทำ FTA มันสนุกเร้าใจหรือเปล่า?
เวลาได้หุ้นเพิ่มขึ้นมาสะใจโครตๆ เลยล่ะครับ เพราะนอกจากจะได้จำนวนหุ้นเพิ่มแล้ว โอกาสรับเงินปันผลในอนาคตตามจำนวนหุ้นที่เพิ่มก็สูงขึ้นด้วย
เวลาได้หุ้นน้อยลงกลับไม่ค่อยเสียใจเท่าไหร่ (จะเกิดขึ้นไม่บ่อย ถ้ามี วินัย ในการใช้ Model Trade) ก็เพราะว่าที่ขายออก 20%เพื่อที่จะซื้อคืนในต้นทุนที่ต่ำกว่ามันกลับเป็นขายหมู (คือขายออก 20% แต่หุ้นดันรีเบาวน์ ช้อนซื้อคืนไม่ได้) นั่นก็แสดงว่าอีก 80% ที่เหลืออยู่ในพอร์ทเราได้กำไรเพิ่มขึ้นอีกแนะ จะเสียใจทำไมอ่ะ
ชอบพนันอ่ะ สนุกดี โอกาสรวย 50-50?
ก็ลองมาเล่นพนันแบบใช้กึ๋นอย่างเล่นดัมมี่ โป๊กเกอร์ เก้าเก แทนเล่นไพ่ป๊อกเด้ง ไฮโล ดูบ้างสิครับ โอกาสมันมากกว่า 50-50 แน่นอน ซึ่งไม่ได้อาศัยดวงอย่างเดียว
ทำ FTA แล้วหยุดกลางคันได้ไหม?
ได้ครับ หากคุณทำ FTA แล้วเห็นว่าได้จำนวนหุ้นมากพอควรแล้ว จะเลิกทำแล้วถือยาวๆ เป็น VI ต่อไปก็ได้ หรือ อยากลองหันมาทำ DSM ดูบ้างก็ย่อมได้ เพราะแนวคิดหลักเดียวกัน
จากคุณ :
หมากเขียว
- [
16 ก.พ. 48 17:19:58
]