ความคิดเห็นที่ 1 อย่า ... ทำ ... แต่ต้อง  ....  เป็น .................................... ถ้าเข้าใจความแตกต่างระหว่างคำว่า    "  ทำ " (หน้าที่ ) มาร์เก็ตติ้ง  กับ     คำว่า   " เป็น"  มาร์เก็ตติ้ง   ได้มากเท่าไหร่ ก็จะเป็นมาร์ ที่ดีได้มากขึ้นเท่านั้น ................................... ความเห็นส่วนตัวเล็ก ๆ นะครับ จากคุณ : เด่นศรี - [ 22 ก.พ. 48 13:11:28 ]

ความคิดเห็นที่ 2 อืม มันต่างกันยังไงครับ ผมยังตีไม่ออกเลย รบกวนพี่เด่นศรี ช่วยมาขยายความด้วยครับผม หงิง หงิง จากคุณ : สุมาเต๊กโช - [ 22 ก.พ. 48 13:46:09 ]

ความคิดเห็นที่ 3 จากหนังสือ  wink and grow rich หน้า  21   ครับ   และอีกหลาย ๆ  หน้า  ที่เค้าพยายามสื่อให้ไปคิดครับ  เกี่ยวกับคำว่า    ทำ   กับ   เป็น ( ยิ้ม ) เด่นศรี  ครับ     ตีความได้อย่างไร   มาบอกกันด้วยนะครับ จากคุณ : เด่นศรี - [ 22 ก.พ. 48 14:07:01 ]

ความคิดเห็นที่ 4 นึกไว้เสมอว่าเงินของลูกค้าคือเงินของคุณ เมื่อไหร่ที่ลูกค้าขาดทุนจงหักเงินของตัวเองออกมา(ตามอัตราส่วนที่กำหนด) เก็บไว้อีกบัญชีหนึ่ง แล้วอย่าไปใช้มัน ถ้าลูกค้าขาดทุนเยอะ ๆ คุณก็จะไม่มีเงินใช้ไปด้วย เมื่อลูกค้ามีกำไร ค่อยนำเงินส่วนนั้นกลับเข้ามาใช้ _________________________ ผมเคยใช้วิธีนี้อยู่เหมือนกันนะ กลายเป็นว่าสิ้นปีมีเงินเก็บซื้อบ้านได้หลังนึง...... แป่ว...ล้อเล่น จากคุณ : มาร์แก่ - [ 22 ก.พ. 48 15:06:10 ]

ความคิดเห็นที่ 5 อ้าวพี่มาร์แก่ หายไปนานเลยครับเป็นอย่างไรบ้าง ผมได้ข่าวพี่แล้วล่ะครับ ด้วยความเป็นห่วง.... คุยต่อหลังไมค์ดีกว่าครับ แก้ไขเมื่อ 22 ก.พ. 48 15:50:33 จากคุณ : สุมาเต๊กโช - [ 22 ก.พ. 48 15:48:22 ]

ความคิดเห็นที่ 6 สวัสดีค่ะน้องจอม ... รอฟังความคืบหน้าอยู่นะคะ ... ****** สวัสดีค่ะพี่เด่นศรี ... เดี๋ยวนี้ ไม่ค่อยได้เข้า msn ค่ะ .. แฟน (สามี) บอกว่า TOT free ที่บ้านโป่งเค้า block ไม่ให้เข้า msn ค่ะ (แฟนไปสืบสาเหตุมาให้ ...อิอิ...) อยากทราบความเห็น เรื่อง "ทำ" กับ "เป็น" ... ที่พี่เด่นศรีกล่าวถึงด้วยค่ะ .... พี่เด่นศรี มีความเห็นอย่างไรบ้างคะ ลองยกตัวอย่างได้มั้ยคะ ... แล้วจะมาแชร์ความเห็นด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ ****** สวัสดีค่ะพี่มาร์แก่ (อาวุโส) ... ไม่เห็นพี่นานเลยค่ะ ... รักษาสุขภาพด้วยนะคะ ด้วยความเป็นห่วงค่ะ จากคุณ : คนชื่อนินจา - [ 22 ก.พ. 48 16:14:59 ]

ความคิดเห็นที่ 7 คิดถึงพี่สาวอยู่ตั้งนาน... นึกว่าพี่นินจาหายไปไหน.. ผมเองก็รอฟังความคิดจากพี่สาวแสนดีอยู่นะครับ หงิง หงิง จากคุณ : สุมาเต๊กโช - [ 22 ก.พ. 48 16:39:53 ]

ความคิดเห็นที่ 8 รอฟังด้วยคนครับ จากคุณ : ballito - [ 22 ก.พ. 48 18:44:12 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ไม่รู้ว่าผมเป็นมาร์ ที่ดีปะนะ แต่ในความคิดผม มาร์ที่ดี น่าจะ 1) ไม่หยุดเรียนรู้ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับหน้าที่ของเรา พวกการ วิเคราะห์ หลักๆ เราควรจะรู้อย่างละเอียด ทั้ง technical fundamental และ DSM ^ O ^ 2) ทำหน้าที่โดยเน้น ประโยชน์ของลูกค้าเป็นสำคัญ มากกว่า Volume เพื่อให้Port size ของลูกค้าโตขึ้นเรื่อย จะเป็นกุศล ส่งผลให้ Port เราโตแบบเดียวกับลูกค้า เพราะลงทุนเหมือนกัน^ O ^ 3) รู้จักจังหวะในการลงทุน อย่ามือซน หุหุ อย่าเห็นแก่เล็กแก่น้อย ลงทุนเพื่อผลกำไร อย่าเพื่อความเร้าใจ(เหมือนบทที่ว่าเรื่องพายเรือ) 4) ระลึกเสมอว่าเราทำงานให้ลูกค้า ไม่ใช่ให้บริษัท ถ้า บริษัทไล่เราออก ลูกค้ายังจะตามเราไปเสมอ 5) เวลาว่างที่เรามีในเวลาทำงานอย่าปล่อยให้ผ่านไปเฉยๆ เพิ่มเติม สิ่งที่เรายังขาดอยู่ ด้วยการอ่าน ถาม ทดลอง ถือว่า อาชีพนี้โชคดีมากๆ ที่จะได้ศึกษา มากมาย ถ้าเราทิ้งโอกาศเหล่านี้ไปก็เป็นเรื่องน่าเสียดาย 6) จำไว้เสมอว่า Volume = Port size * Turn over   มาร์ที่ดีต้องรู้ว่าควรจะเน้นที่ตัวไหน กิจการถึงจะดีและได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าหน้าที่การตลาดที่ดี 7) อย่ามัวแต่ลงทุนในหุ้น ลงทุนในความรู้ด้วย ซึ่งเป็นความรู้ไม่จำกัดว่าจะต้องอยู่แต่ในเรื่องหุ้นนะ 8) ถ้าทางที่เราเดิน เรามั่นใจว่าถูกแล้ว จงเชื่อมั่นแล้วเดินต่อไป ไม่ต้องสน มาร์ ที่ไม่ดี จะ มาเปรียบเทียบอย่างไร เพราะอาจจะถูกกดดันว่า เราไม่เหมือนเขา 9) รู้จักประหยัด อดออม วางแผนการลงทุนเพื่อทำให้ชีวิต พึ่งพา Volume น้อยลงไปเรื่อยๆ 10) เมื่อได้รับสิ่งดีๆ ในชีวิตมามากมายแล้ว แบ่งปันให้ผู้อื่นบ้าง เช่น สอนมาร์น้องใหม่ทั้งหลายให้ วิเคราะห์หุ้นเป็น ทำทานตามกล่องรับบริจาค สอน DSM ให้กับ DSMer หน้าใหม่ ในห้องนี้ด้วย (รวมผมคนนึง T_T) ก็พยายามนึกให้ออกมาเยอะๆ อาจจะผิดนะ แต่ผมเดินแบบนี้อะ ในสายอาชีพเจ้าหน้าที่การตลาด และก็มีความสุขมาก และก็มีความรู้สึกว่า เรากำลังเดินไปถึงความมั่งคั่ง ในไม่ช้า อ่านหนังสือเล่มนั้นจบก็คิดเหมือนกันว่า เราจะเป็นมาร์ที่ดียังไง และก็คิดไม่ออกแต่เชื่อว่าเป็นอยู่ จนมาอ่านกระทู้นี้ถึงได้ลองเขียนดูว่าเราทำอะไรบ้าง ที่เราคิดว่าเป็นมาร์ที่ดี ขอบคุณคนตั้งคำถามนะครับ ทำให้ผมตอบตัวเองได้ชัดขึ้น จากคุณ : chinn - [ 22 ก.พ. 48 20:15:43 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ( กระซิบ   ......   สวัสดีครับพี่มาร์แก่ ) ............................... มารออ่านด้วยคนครับ ................................... เด่นศรี จากคุณ : เด่นศรี - [ 22 ก.พ. 48 20:57:34 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เป็นอะไรที่ดี.....ก็ได้ โดยการ....เป็นด้วยหัวใจ และใช้มันสมอง : ) โดยส่วนตัว...พี่เชื่อว่าจอมเป็นอยู่แล้ว จากคุณ : (คู่หู) (แมลงเม่าทนไฟ) - [ 22 ก.พ. 48 21:13:41 ]

ความคิดเห็นที่ 12 16. จงมองให้เห็นไม้จากต้นไม้ (See the wood from the trees) Wealth is more than meet the eye ! จากคุณ : ฯกาเย - [ 23 ก.พ. 48 00:30:10 A:61.91.151.219 X: TicketID:051115 ]

ความคิดเห็นที่ 13 พี่ ฯกาเย   ครับ     ข้อนี้  หมายความว่าอย่างไรครับ   ( ข้อ  16  ) .................................... เด่นศรี  ครับ   ( ยังไม่ค่อยเข้าใจครับพี่ ) จากคุณ : เด่นศรี - [ 23 ก.พ. 48 02:04:55 ]

ความคิดเห็นที่ 14 หวัดดีครับพี่มาร์หนุ่มน้อย ไม่เห็นพี่มาลงความเห็นนานแล้วนะครับ ^^ ว่าจะลงความเห็นซักหน่อย แต่เห็นของคนอื่นแล้ว ดีทั้งนั้น เลยแค่มาทักทายแล้วกันครับ ^^ จากคุณ : มือใหม่DSM - [ 23 ก.พ. 48 09:17:48 ]

ความคิดเห็นที่ 15 การที่เป็นมาร์ แสดงว่ามีโอกาสเรียนรู้การลงทุนได้หลากหลาย สามารถพบนักลงทุนได้มากมายหลายประเภท สามารถสร้างเครือข่าย และเรียนรู้จากประสบการณ์ของแต่ละคนได้ไม่ยาก จากคุณ : Windi - [ 23 ก.พ. 48 15:07:57 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เห็นด้วยกับ   คห  ที่  9  คับ (เมื่อไหร่   พี่  กาเย   จะมา เล่าเรื่อง  โปรไฟล์  คับ) (รอพี่อยู่เสมอคับ  ......) จากคุณ : Vprawat - [ 23 ก.พ. 48 15:30:28 ]

ความคิดเห็นที่ 17 จอมคุณต้องตั้งคำถามว่านี่ คุณจะเป็นคนดีได้ยังไงดีก่า อิอิ(แซว) จากคุณ : ยง (savia) - [ 23 ก.พ. 48 18:58:47 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ถ้าให้ซ้อเข้าใจ คำว่า "ทำ" คือ .. ทำตามหน้าที่ ทำตามความเข้าใจ แค่ ทำ ... มันจะผิวเผิน คำว่า "เป็น" คือ มาจากใจ ทุกอย่างสุดตัว ตย. "ทำตัวเป็นแม่ของลูก" กับคำว่า "เป็นแม่ของลูก" ...ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน และก็ให้ความหมายที่แตกต่างกัน (อธิบายไม่ถูก)    และนั่นก็จะทำให้เกิดการกระทำที่แตกต่างกันด้วย ซ้อยกตัวอย่างถูกหรือเปล่า ... ถ้าไม่ถูก โปรดชี้แนะด้วยค่ะ จากคุณ : ซ้อสี่ค่ะ (คิมิเอะ-จัง) - [ 23 ก.พ. 48 19:29:31 ]

ความคิดเห็นที่ 19 โพสต์ซ้ำครับผม ไม่มีไร อิอิ แก้ไขเมื่อ 23 ก.พ. 48 22:15:15 จากคุณ : สุมาเต๊กโช - [ 23 ก.พ. 48 20:00:52 ]

ความคิดเห็นที่ 20 อืม ขอบคุณสำหรับทุกความเห็นนะครับ อยากอ่าน อีกเยอะๆเลย เพื่อนๆพี่ๆลองเสนอมาได้ทุกอย่างเลยนะครับ ขอบคุณคุณ chinn ด้วยนะครับ เป็นคนในวงการเดียวกัน จะตั้งใจฟังครับ "ไม้จากต้นไม้" เหรอครับ อืม..... แนวคิดแบบซ้อสี่ก็ดีครับ เริ่มทำให้เห็นความแตกต่างขึ้นมาบ้าง ขอบคุณพี่ปูที่อุตส่าห์เชื่อมั่นในตัวผมขนาดนั้น อิอิ ขอบคุณสำหรับทุกๆความเห็นนะครับ จะมารออ่านต่อนะครับ พี่กาเยฯครับ สำหรับข้อ 16 นี่ ... ผมเองก็ยังไม่ค่อยเข้าใจนักครับ ผมเดาว่า เป็นการมองสิ่งมีค่าที่เรามีอยู่แล้ว ที่อยู่รอบๆตัวเรา แต่เรามักมองข้ามไป อย่างนั้นรึเปล่าครับ จากคุณ : สุมาเต๊กโช - [ 23 ก.พ. 48 20:06:48 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ว้า... พี่นินจาเข้า msn มะได้หรอ... แย่จัง ลองใช้  yahoo messenger สิคะพี่... เผื่อเค้าไม่ได้ block ไว้ ฝากข้อความได้ด้วยนา.. ไม่ต้องออนไลน์ทั้งสองฝั่ง มารออ่านเพิ่มพูนความรู้ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : noopiglet - [ 24 ก.พ. 48 03:38:27 ]

ความคิดเห็นที่ 22 สวัสดีค่ะทุกๆท่าน ... สำหรับเรื่องการมองให้เนื้อไม้จากต้นไม้ ... (เน้นที่ "เนื้อไม้" นะคะ) ... โดยส่วนตัวแล้ว จากการอ่านมาหลายรอบ (ไม่กล้าบอกจำนวนครั้ง เกรงว่าจะตกใจ) และจากพื้นฐานประสบการณ์ส่วนตัวนะคะ ... ขออนุญาตเพิ่มเติมดังนี้ การมองให้เห็นเนื้อไม้ นั้นมีหลายลักษณะ ยกตัวอย่าง ลักษณะนี้ให้ หวังว่าคงเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยค่ะ "มองให้เห็นเนื้อไม้" เปรียบเสมือนวิธีคิดแบบให้รู้หรือให้เห็นคุณค่าแท้-เทียม 1. คุณค่าแท้ อาศัยการเห็นจากแก่นแท้ (ทั้งภายในและภายนอก) เป็นเครื่องตีค่าหรือวัดราคา (คุณค่าสนองปัญญา) 2. คุณค่าเทียม หรือคุณค่าเสริม ใช้สิ่งอื่น (นอกจากแก่นแท้) เป็นเครื่องตีค่า ซึ่งคุณค่าทั้งสองอย่าง ต้องเกื้อกูลซึ่งกันและกัน แต่ต้องใช้ให้เกิดประโยชน์ ... ***** การมองให้เห็น แบบคุณค่าแท้ (แก่นแท้) แบ่งเป็น 3 แบบ (1) เห็นจากภายใน (inside out) เปรียบเสมือนการมองให้เห็นคุณค่าในตัวเอง และเคารพคุณค่าของตนเอง การเห็นคุณค่าของตัวเอง จะเป็นแรงกระตุ้นให้เห็นคุณค่า ภายนอกตัวเองได้เป็นอย่างดี เรื่องการเห็นคุณค่าในตัวเอง อาจมองให้เห็นด้วยตัวเอง หรือมองผ่านกัลยาณมิตรก็ได้ เช่น โค้ช, ผู้ฝึก, ที่ปรึกษา, ผู้สนับสนุน ... ที่ดีทั้งหลาย เป็นต้น เรื่องมองคุณค่าในตัวเอง เคยคุยกับน้องจอม ไว้บ้างแล้ว รวมทั้งท่านอื่นๆด้วย การมองให้เห็น ก็มีหลายรูปแบบ ได้แก่ เห็นในสมอง, เห็นในความคิด, ทัศนคติ, การอบรมสั่งสอนที่ได้รับการปลูกฝังมา เป็นต้น เห็นด้วยจินตนาการ, เห็นด้วยความฝัน, เห็นด้วยการสร้างสรรค์ ต่อมา ก็เห็นตัวยความจริง เห็นด้วยปัญญา เห็นรูปแบบต่างๆเพื่อนำมาประยุกค์ใช้ให้ได้จริงและเกิดประโยชน์จริงๆ (2) เห็นจากภายนอก (outside in) เสมือนการเห็นคุณค่าของสิ่งแวดล้อม สังคม คนอื่น ภายนอกทั้งหมด ... จึงเป็นการเสริมคุณค่าภายในให้เด่นชัดและเป็นที่ยอมรับมากขึ้น, ขณะเดียวกัน การยอมรับคุณค่าภายนอก ก็จะสามารถทำให้เห็นคุณค่าภายใน อาจจะเริ่ม งง นิดหน่อย ... คือ เสมือนว่า เป็นแรงผลักดันซึ่งกันและกัน ต้องประกอบกัน ... แต่รวมกันอย่างมีกาล เทศะ ถูกที่ ถูกเวลา ถูกสภาพที่เป็นไป ณ ขณะนั้น สิ่งที่เห็นจากภายในและภายนอก จะส่งเสริมกันและกัน ยังผลให้เกิดประโยชน์ อย่างมั่งคั่งและยั่งยืน (3) สมดุลและปรับตัว สำหรับการเห็นประจักษ์ ทั้งจากภายในและภายนอก ... องค์ประกอบ, จังหวะ, เวลา, สภาพ ก็ยังต้องปรับปรุงให้สมดุลอยู่เสมอ ... ******* การมองให้เห็นเนื้อไม้จากต้นไม้ ... ก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ สามารถ "เป็น" .. ตัวตนของตัวเองได้ดี ไม่ว่าจะสถานการณ์ใด ******* ขอรบกวน ช่วยแชร์ความเห็นว่า "ท่านเป็น ... ที่ดีได้อย่างไร" ... เพื่อจะได้จูนความคิด และแลกเปลี่ยนกันต่อไปนะคะ เช่น พี่เด่นฯ เป็นเภสัชกรที่ดีได้อย่างไร (หรือบทบาทอื่นๆ), หรืออาซ้อเป็นอาชีพปัจจุบันที่ดีได้อย่างไร และท่านอื่นๆด้วยค่ะ .... ขอคำแนะนำด้วย ...ขอบคุณค่ะ ... จากคุณ : คนชื่อนินจา - [ 24 ก.พ. 48 13:25:12 ]

ความคิดเห็นที่ 23 อืม ขอบคุณมากเลยครับพี่นินจา ผมจะเอากลับไปวิเคราะห์ดูอีกหลายๆรอบ ... เมื่อคืนคุยกะพี่เด่นศรี พี่เขาบอกว่า .... ทำ เหมือนทำอาชีพนั้น ประกอบอาชีพนั้นเฉยๆ เป็น เหมือนกับเราประกอบอาชีพนั้น แต่เป็นมากกว่าจะทำแค่อาชีพนั้น ส่วนข้อ 16 นี่ ...พี่วัติพูดไว้ดีมาก แต่ผมจำไม่ได้แล้ว เอ... พี่วัติมาเสริมด้วยครับ... จากคุณ : สุมาเต๊กโช - [ 24 ก.พ. 48 14:18:35 ]

ความคิดเห็นที่ 24 รอฟังต่อนะคะ พี่วัติ และพี่เด่นฯ และทุกๆท่านค่ะ จะได้ต่อความเห็นและแลกเปลี่ยนได้ดียิ่งขึ้นค่ะ (อย่างน้อยการมีปฏิสัมพันธ์ น่าจะทำให้เข้าใจกันและกันมากขึ้นค่ะ) ขอบคุณค่ะ ... ขอคำแนะนำด้วยค่ะ จากคุณ : คนชื่อนินจา - [ 24 ก.พ. 48 15:53:38 ]

ความคิดเห็นที่ 25 คุณนินจาครับ ที่ว่าอยู่บ้านโป่ง นี่จ.ราชบุรีหรือเปล่าครับ ถ้าใช่ ว่างๆไปขอความรู้บ้างได้ไหมครับ ผมอยู่จังหวัดใกล้เคียงกันครับ จากคุณ : คนนอกชมรม - [ 25 ก.พ. 48 02:26:02 A:61.7.128.6 X: TicketID:085758 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เท่าที่ผมคิดเอาเองนะครับ  ( ตามความเข้าใจ ) การ .... ทำ   กับ   ... เป็น     จะแตกต่างกันคือ การ...ทำ    อาจจะหมายถึงการ  ทำงานเพื่อหาเงิน  หรือหมายถึงการเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในระบบของงาน ส่วนการ ... เป็น     อาจจะหมายถึง   การดำเนินงาน    หรือ คือการควบคุมงาน     นั่นคือ   การวางตัวเองอยู่นอกเหนืองาน   ตัวเรามีหน้าที่ดูแลระบบเพื่อให้ระบบทำงานแทน .................................... ที่คิดเช่นนี้เพราะ    แต่ละท่านที่เด็กน้อยไปพบ    จะบอกกับเด็กทุกครั้งว่า     เขาไม่ได้ทำงาน .................................... และด้วยข้อความที่บอกว่า การ ...  ทำ   คือการ     ใช้เวลา แต่การ  ...  เป็น   คือการ   ลงทุนเวลา นั่นอาจจะหมายความว่า    การทำงาน     ก็ยังคงต้องทำ  ทุกวัน    ( เหมือนงานประจำ  ) แต่การ   เป็น ( หรือการดูแลงาน )   จะเป็นการลงทุนคิดระบบขึ้นมาเพื่อทำงานแทนเรา ดังนั้น  การ  ... เป็น ...  จะเป็นการลงทุนเวลาเพื่อดูแลและสร้างระบบขึ้นมา    เมื่อได้ระบบแล้ว   จะไม่ต้องเสียเวลามาทำงานนั้นซ้ำ ๆ ทุกวัน .......................................... จะ  งง  มั้ยเนี่ยะครับ ( แป่ว   ตะแหน่ว   หงิง หงิง ) ...................................... จากคุณ : เด่นศรี - [ 25 ก.พ. 48 05:31:03 ]

ความคิดเห็นที่ 27 นั่นคือ สำหร้บหน้าที่มาร์เก็ตติ้งแล้ว การ  ... ทำ   อาจจะต้องใช้เวลาต่อลูกค้าหนึ่งคน   ค่อนข้างมาก    ทำให้การดูแลลูกค้าในมือ   ทำได้เพียงจำกัด   ( เช่น  ดูแลลูกค้าได้เพียง   30  คน ในมือ ) แต่การ .. เป็น อาจทำให้สามารถดูแลลูกค้า   กี่คนก็ได้ที่ต้องการ   เพราะเมื่อสร้างระบบ  ( เช่น   หากมีการวางระบบเพื่อจัดหาข้อมูลให้ลูกค้าค้นหา     )    ทำให้  ไม่ว่าลูกค้าจะกี่ท่านก็ตาม     มาร์เก็ตติ้งก็สามารถดูแลได้อย่างครบถ้วน ทุกวัน  ก็มีหน้าที่คอยตรวจสอบดูแลระบบว่า   เพียงพอหรือไม่   ลูกค้าต้องการอะไรอีก      แล้วก็ปรับปรุงระบบเพื่อให้ตรงความต้องการของลูกค้า ครับ (  พอจะตรงประเด็นหรือเปล่าครับ  ) จากคุณ : เด่นศรี - [ 25 ก.พ. 48 05:41:38 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ขอบคุณพี่เด่นศรีมากๆเลยครับ ตรงประเด็นและเป็นแนวคิดที่ดีมากเลยครับ ผมจะเอาไปปรับปรุงการทำงานของผมครับ แล้วท่านอื่นๆละครับ ผมยังรอความคิดเห็นจากเพื่อนๆ พี่ๆทุกคนนะครับ จากคุณ : สุมาเต๊กโช - [ 25 ก.พ. 48 10:31:25 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ขอบคุณพี่เด่นมาครับ สำหรับคำว่า "ทำ" กับ "เป็น" จากคุณ : ชินจังช้างน้อย - [ 25 ก.พ. 48 12:43:02 ]

ความคิดเห็นที่ 30 Born to do.................. and Born to be................... ต่างที่ จินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ การทุ่มเทเอาใจใส่ การมองเห็นในรายละเอียด(โยนิโสฯ) จิตวิญญาณ และ การลงมือ...สร้าง ขอบคุณสำหรับความคิดดีๆ และคำถามดีๆ ขอคำแนะนำและข้อโต้แย้งเพื่อให้เกิดสันดาปทางความคิดเพิ่มเติมครับ จากคุณ : ฯกาเย - [ 25 ก.พ. 48 13:48:49 A:61.90.42.25 X: TicketID:051115 ]

ความคิดเห็นที่ 31 พี่กาเยฯ ฝากให้ช่วยมาตอบ น้องเด่น และทุกท่านเรื่อง 16. จงมองให้เห็นไม้จากต้นไม้ (See the wood from the trees) Wealth is more than meet the eye ! จริงๆแล้วเมื่อได้อ่านตาม คห.22 ของนินจาแล้วรู้สึกว่า "ใช่" คำตอบที่พี่กาเยฯ ต้องการสื่อสาร เอาเป็นว่า ขอนำสิ่งที่ได้คุยกับพี่กาเยฯ มาเสริมด้วยแล้วกันนะคะ "จงมองให้เห็นไม้จากต้นไม้ " การมองสามารถมองได้ 2 ทาง คือ 1. internal มองเห็นจากภายใน .. โดยการมองเห็นคุณค่าของตัวเอง มองเห็นมูลค่าของสิ่งต่างๆ โดยเนื้อในของมันเอง ทั้งนี้ การมองเห็นจากภายในที่ชัดเจน ก็จะส่งผลออกมาภายนอก ทำให้เห็นจากภายนอกได้เด่นชัดขึ้น 2. เห็นจากภายนอก ก็คือ สิ่งที่เห็นและรับรู้โดยคนภายนอก ซึ่งโดยปกติ ก็น่าจะเกิดจากการที่เราได้เห็นจากภายในก่อน และทำมันให้ชัดเจนจนเห็นออกมาถึงภายนอก (อันนี้พี่กาเยฯ ไม่ได้พูดถึงข้อ 2 แต่ซ้อประยุกต์มา คิดว่าน่าจะใช่แบบนี้ ถ้าไม่ใช่ พี่กาเยฯ มาปรับปรุงด้วยนะคะ ) ยกตัวอย่าง Bill Gates .. ทำไม Bill Gates ถึงเป็น Bill Gates? แต่เดิมครอบครัวของ Bill เป็นครอบครัวนักกฎหมาย เมื่อ Bill เติบโตเข้ามหาวิทยาลัย ที่บ้านก็ยังอยากสืบทอดความเป็นนักกฎหมาย จึงให้ Bill สมัครเข้าเรียนในสาขานี้ แต่เนื่องจาก Bill รู้ว่านั่นไม่ใช่ตัวเขา ... ตัวเขาจริงๆ ชอบด้าน computer .. เขาจึงเริ่มศึกษาให้ความสนใจกับคอมพิวเตอร์มากกว่า และอย่างไม่ละความพยายาม... นั่นเป็นเพราะ เขาเห็นคุณค่าของตัวเขาเองในด้านcomputer .... นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งของการมองเห็นจาก internal ตย.ที่ 2 .. มีใครเคยรู้มั้ยว่า Bill เคยเข้าไปฝึกงานที่ IBM? และนั่นทำให้ IBM ต้องเสียเงินไปหลายแสน ดอลล่าร์ จาก" การมองไม่เห็น" ระหว่างฝึกงานที่ IBM, Bill ได้เสนอโครงงานที่น่าสนใจขึ้นไปหลาย Project แต่ก็ถูกปฎิเสธ โดยผู้ใหญ่ของ IBM ที่มอง IBM เป็นแค่เพียงผู้ผลิต Hardware อันดับหนึ่งของโลก ทั้งนี้ "การมองไม่เห็น" ของผู้ใหญ่ใน IBM เป็นเพราะถูก "อัตตา" ปิดกั้นอยู่ .. คิดว่าตัวเองเก่ง ยิ่งใหญ่ และ Bill เป็นแค่เด็กฝึกงาน ... สิ่งนั้นทำให้ IBM ต้องสูญเสีย Project ที่ทำเงินเหล่านี้ไป Bill ไม่หยุดยั้งเพียงเท่านั้น ในเมื่อผู้ใหญ่ไม่สนใจ ... แต่เขาสนใจ .. เขารู้คุณค่าของตัวเอง รู้คุณค่าของสิ่งที่เขาเสนอ (internal) เขาจึงรวมตัวกับ Paul Allen ไปซื้อ OS จากบ. software หนึ่ง และมาพัฒนาเป็น MS DOS IBM เมื่อถึงจุดหนึ่งก็ต้องการพัฒนา software  แต่เนื่องจากหาบริษัทที่พัฒนา software ไม่ได้ จึงได้ติดต่อ Bill ให้พัฒนา software ให้ ซึ่ง Bill OK ทันที แต่มีเงื่อนไข...? IBM ก็ยังคง "มองไม่เห็น" คงมองแต่เพียงว่า software จะเป็นตัวที่ทำให้ hardware ขายได้ดีขึ้น และเป็นเพียงส่วนประกอบเล็กๆ ที่ไม่สำคัญนัก .... ขณะที่ Bill มองเห็นว่า software จะเป็นสิ่งที่ประเมินค่ามิได้อย่างมหาศาลในอนาคต ขณะที่ Hardware จะเป็นสิ่งที่มูลค่าลดลงเรื่อยๆ ...Bill จึงเสนอเงื่อนไขที่จะพัฒนา software ให้กับ IBM แต่....... แต่.......ลิขสิทธิ์ของ software ทั้งหมดต้องเป็นของ Bill นี่จึงเป็นที่มาของ wealth อันมหาศาลของ Microsoft หรือ Bill Gates นั่นเอง !!! และก็เป็นคำตอบของ "ความมั่งคั่ง มีมากกว่าที่ตาเห็น" ด้วย เพื่อนๆ อ่านแล้วพอเห็นภาพมั้ยคะ ว่า "ความมั่งคั่ง มีมากกว่าที่ตาเห็น" จริงๆ ค่ะ จากุการที่ได้คุยกับพี่กาเยฯ จะพบว่า .. ในการอธิบายสิ่งที่ต้องตีความ ใช้เวลามาก แต่ถ้าได้พูดคุยกัน หรือ interactive กันเลย จะสามารถสื่อสารได้ดีกว่า ได้ใจความกว่า เพราะ ภาษาเขียน บางทีมีมิติเดียว ทำให้สื่อสารและเข้าใจผิดกันได้มาก อย่างไรก็ตาม การอ่านหนังสือ หรือ การฟังธรรมหลายๆ เที่ยวก็เป็นสิ่งที่ดี เพราะทำให้เกิดประโยชน์หลายประการ ที่พี่กาเยฯ อยากฝากมาย้ำค่ะ 1. ทำให้สิ่งที่ไม่เข้าใจ .... เข้าใจ 2. ทำให้สิ่งที่เข้าใจแล้ว ... เข้าใจได้ดียิ่งขึ้นไปอีก 3. ทำให้เกิดการ "บรรลุ" หรือ "เห็นแจ้ง" (Breakthrough) ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ซ้อนำมาถ่ายทอดเท่านั้น หากผิดพลาดประการใด ขออภัยณ ที่นี้ด้วย จากคุณ : ซ้อสี่ค่ะ (คิมิเอะ-จัง) - [ 25 ก.พ. 48 14:19:21 ]

ความคิดเห็นที่ 32 สวัสดีทุกๆท่านค่ะ เพิ่งกลับมาจากธุระ (เดี๋ยวต้องไปต่อ) ดีใจมากๆค่ะที่ได้อ่านข้อความของหลายๆท่าน ... (ตื้นตัน ซาบซึ้ง กระซิกๆๆ) ****** ยินดีมากๆที่ได้เห็นคำตอบจากหลายๆท่าน   (ยังรอท่านอื่นๆมาช่วยเสริมในส่วนของตนเองนะคะ)... ไม่เช่นนั้น การบอกเล่าหรือการสื่อสารใดๆ (ที่เราได้กล่าวมาแล้ว และรวมถึงที่จะกล่าวต่อไป) จะไม่มีประโยชน์สำหรับการประยุกต์ใช้จริงๆ สิ่งที่เราสนทนาแลกเปลี่ยนกันและกัน มิได้หวังเพื่อคิดค้นหาเหตุผลเพียงเพื่อตอบสนอง "ความต้องการของปัญญา" เป็นสำคัญ .... (ไม่ได้มุ่งเน้น แนวอภิปรัชญา) เพราะที่สำคัญกว่า .. คือการประยุกต์ให้ใช้งานได้จริง ในการดำรงชีวิตประจำวัน ... (มิใช่ เพียงเพื่อ เขียนยาวๆ แล้วเก็บไว้เฉยๆ หรือผ่านมาแล้วผ่านไป ... เนื่องจากสิ่งต่างๆ นั้น ... ทุกท่าน เคยเห็นมาแล้ว เคยผ่านมาแล้วทั้งสิ้น) จึงอยากเน้น การปฏิสัมพันธ์ เพื่อให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริงๆ ... เพราะ เราอยากให้เกิดประโยชน์สูงสุด การถ่ายทอดแต่เพียงฝ่ายเดียว ประโยชน์จะน้อยค่ะ ... ส่วนใหญ่คือ “เก็บไว้ก่อน” ไว้ค่อยมาอ่านทีหลัง ... ซึ่งจริงๆ สิ่งเหล่านี้ ทุกๆท่านรู้อยู่เกือบทั้งหมดแล้วใช่มั้ยคะ ... แต่จะนำมาใช้อย่างไร ... จะชัดเจนขึ้นได้อย่างไร --> นี่คือสิ่งสำคัญค่ะ เพราะทุกท่านที่กล่าวมา มีจุดเด่นอยู่ในตัวเองทั้งสิ้น (เดี๋ยวจะกล่าวต่อไป) นอกจากนั้น การปฏิสัมพันธ์ ย่อมทำให้พวกเราทุกคน “มีพลัง” มากขึ้นอีกด้วยค่ะ (เดี๋ยวจะกล่าวต่อไป) ******** ส่งข้อความก่อนนะคะ ติดธุระนิดหน่อย แล้วจะมาต่อค่ะ รอฟังความเห็นทุกๆท่านนะคะ ขอบคุณค่ะ ****** มาเพิ่มอีกนิด ... ที่กล่าวมาข้างต้น ... เป็นสัญลักษณ์แห่งความดีใจจริงๆค่ะ ... เพราะไม่อยากให้ "การเขียนยาวๆ" แล้วต้องนำไปเก็บไว้ ... อยากให้เป็นเสมือนกับการ "กำลังที่จะเรียนรู้ ที่จะค้นหาตัวเอง" นะคะ (ไม่ใช่ เรียนรู้ให้เข้าใจความรู้ ... แต่เรียนรู้ที่จะเรียนรู้ด้วยตัวเองให้ได้) ขอบคุณค่ะ รอฟังความเห็นต่อไปเรื่อยๆด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ แก้ไขเมื่อ 25 ก.พ. 48 14:48:29 จากคุณ : คนชื่อนินจา - [ 25 ก.พ. 48 14:43:58 ]

ความคิดเห็นที่ 33 สวัสดีค่ะทุกๆท่าน จากคำตอบของแต่ละท่าน เราขอสรุปและลองยกมาเขียนรวมกันได้ดังนี้ ************ พี่มาร์แก่ ... “เงินของลูกค้าคือเงินของคุณ” ************ คุณ chinn หนึ่ง .. “ไม่หยุดเรียนรู้ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับหน้าที่ของเรา และเน้นประโยชน์ของลูกค้าเป็นสำคัญ รวมทั้งศึกษาเพิ่มเติมด้านอื่นๆต่อไป ... พึ่งพา volume ให้น้อยลง” สอง .. “รู้จักจังหวะในการลงทุนอย่าเห็นแก่เล็กแก่น้อย” สาม .. “แบ่งปันให้ผู้อื่นบ้าง” สี่ ... “ขอบคุณคนตั้งคำถาม ทำให้ตัวเองตอบตัวเองได้ชัดขึ้น” ************* พี่แมลงเม่าคู่หู ... “เป็นด้วยหัวใจ และใช้มันสมอง” ************* น้อง windi “ใช้โอกาสของการเป็นมาร์ เพื่อเรียนรู้การลงทุนและนักลงทุนได้หลากหลาย สามารถสร้างเครือข่าย และเรียนรู้จากประสบการณ์ของแต่ละคน” ************* อาซ้อ ... “เป็นสิ่งนั้นๆ ด้วยมาจากใจ ทุกอย่างสุดตัว” (นึกถึงเวลาสวิงเต็มวง สุดใจ ยังไงยังงั้น ...อิอิ... ล้อเล่นค่ะ) *********** พี่เด่นศรี .. “ไม่เฉพาะทำงานเพื่อหาเงินอย่างเดียว” “สร้างระบบขึ้นมา, ไม่ได้เอาตัวเองเข้าไปอยู่ในระบบของงาน, ลงทุนกับเวลาเพื่อดูแลงานของตนและลูกค้าให้ได้ประสิทธิภาพมากขึ้น” ********** ถ้าอ่านจากความเห็นบางส่วน ของแต่ละคน ... ก็พอ “เริ่มที่จะเห็นเนื้อไม้” ได้มากขึ้นกว่าแต่ก่อน ... สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นและดำเนินไป (งานและชีวิตประจำวัน) ... ถ้ามี “แผนที่” ก็จะทำให้ “มุ่งสู่เป้าหมาย หรืออิสรภาพอย่างแท้จริง” ได้เร็วขึ้น อิสรภาพอย่างแท้จริงในที่นี้ เรามิได้หมายถึงเฉพาะอิสรภาพทางการเงิน (cashflow form asset มากกว่า expense) แต่ยังรวมถึง “ตัวตนที่แท้จริงตามธรรมชาติที่เป็นไป และอิสรภาพจากการที่สามารถเป็นไปตามธรรมชาติ” กลับมาเรื่อง “แผนที่” หากเรามีแผนที่ที่ดี กล่าวคือ นอกจากจะทำให้เห็น “แนวทาง” (เส้นทาง) ที่ชัดเจนขึ้นแล้ว ... ยังเป็นแนวทางที่ “ปฏิบัติได้จริง เป็นตัวตนที่แท้จริง” นั่นย่อมเป็นสิ่งดี ... ในที่นี้ เราขอเรียกว่า เป็น “แผนที่ยุทธศาสตร์” (strategy map) จึงสรุปได้ว่า สิ่งที่ต้องเรียนรู้และค้นหา ขั้นต่อไปคือ (1) จะเห็นแผนที่ ...ได้อย่างไร (2) แผนที่ยุทธศาสตร์ ... เป็นอย่างไร การจะเห็น “เนื้อไม้” จึงต้องมี “เครื่องมือ” สำหรับตรวจหา เครื่องมือ นั้นมีหลายแบบ ซึ่ง ไม่ได้แปลว่าเครื่องมือใดเครื่องมือหนึ่ง ... จะเป็นเครื่องตรวจวัดที่ดีที่สุดสำหรับทุกคน เสมอกัน ... การตรวจวัดนั้น มีทั้งตรวจวัดแบบ “เชิงปริมาณ และ คุณภาพ” .... แล้วยังได้ผลการตรวจวัด ทั้ง “เชิงปริมาณ และคุณภาพ” แยกย่อยไปอีก ... ********* สมมติว่า เครื่องมือของพี่กาเย “weath dynamic profile” ตรวจวัดได้สำหรับบางคน แต่บางคนอาจยังไม่ใช่ ยังไม่เห็น “เนื้อไม้” ... ก็จำเป็นต้องหาเครื่องมืออื่นๆต่อไป ของเราก็จะมีเครื่องมือ อยู่บ้างเช่นกัน (ตามที่เคยกล่าวไว้แล้ว เป็น Investment Components Matrix ที่รวมเกี่ยวกับ wealth indicator & psycology of engagement with everyday life) เป็นต้น ********** เครื่องมือต่างๆ ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็น “สูตรสำเร็จ” ... แต่เป็นเปรียบเสมือน “ช่างทำแว่นตา” สำหรับคนสายตาไม่ปรกติ หรือ เหมือน“ที่ปัดน้ำฝน” สำหรับคนที่กำลังขับรถเดินทางเมื่อยามฝนตก หากเหมาะกับคนใด หรือทำให้เห็น “ตัวตนแท้จริง” เมื่อไร ... ก็จะช่วยให้ “จัดการ” ... “เข้าถึง” ... และ “หลุดพ้น เป็นอิสรภาพ” ได้เร็วขึ้น ... ********* ทีนี้ เกริ่นมานาน .. ดังนั้นเมื่อแต่ละคน เห็น profile (โพรไฟล์) ของตัวเองแล้ว ... ย่อมสามารถ เขียน “แผนที่ยุทธศาสตร์” สำหรับตัวเองได้ดียิ่งขึ้น จริงมั้ยคะ ยิ่งไปกว่านั้น ... แต่ละคนที่มี profile ต่างกัน .. ก็สามารถ “เสริมจุดเด่นกันและกัน” .. เป็น ทีมเวิร์ค ที่มีพลังยิ่งขึ้นไปอีก (พลัง + ความเร็ว ... เป็นพลังทวี) จึงสรุปได้ว่า ... “ความชัดเจน” จึงเป็นสิ่งสำคัญ ... เมื่อไม่เห็น ... ก็ไม่รู้จะวางแผนต่อไปอย่างไร ... เมื่อไม่มีแผน ... แล้วการหลุดพ้น หรือ อิสรภาพ ก็คงจะขึ้นกับยถากรรม ...  (อาจจะถึง, หรืออาจจะไม่ถึง, หรืออาจไม่รู้แม้กระทั่งว่าต้องการอิสรภาพ คือ วนเวียนต่อไปเรื่อยๆ ... เป็นต้น) ประเด็นต่อมาคือ .. แต่ละคน มี “จุดเด่น” ในแต่ละด้านที่แตกต่างกัน ก็สามารถวางแผนต่อไปได้ดังนี้ (1) เสริมจุดเด่นของตนให้เด่นขึ้น เพราะมันเสริมง่าย มันเป็นตัวตน มันเป็นสิ่งที่ชอบ มันคือสิ่งที่ถนัด มันคือชีวิตและจิตใจ แน่นอน มันคือธรรมชาติของตัวเรา (2) เพิ่มจุดเด่นด้านอื่น (จุดด้อยของเรา แต่เด่นสำหรับทีมงานคนอื่น) ... ก็จะเด่นยิ่งขึ้นอีก ... เพราะมันเสริมง่าย (จุดเด่นของคนนั้นๆ) มันเป็นตัวตน (ของคนนั้นๆ) มันเป็นสิ่งที่ชอบ (ของคนนั้นๆ) มันคือสิ่งที่ถนัด คือชีวิตและจิตใจ (ของคนนั้นๆ) และแน่นอน “มันคือธรรมชาติของทีมงาน” (3) การเสริมดังกล่าว .. จึงต้องเริ่มจากการยอมรับคุณค่าในตนเอง + ยอมรับคุณค่าสิ่งภายนอก + สร้างสมดุลจากคุณค่า และประสานซึ่งกันและกัน ถ้าเปรียบเทียบ ที่เราสรุปจากข้อความบางส่วน (อันน้อยนิด) จะเห็นได้ว่า ... ที่คุณ chinn กล่าวว่า “ขอบคุณคนตั้งคำถาม ทำให้ตัวเองตอบตัวเองได้ชัดขึ้น” นี่ก็เสมือนการยอมรับภายในและภายนอก ... (ยอมรับตนเองภายในว่า ตนเองเป็นมาร์ที่ดีอย่างไร พร้อมๆกับเห็นคุณค่าจากภายนอกที่ทำให้เกิดคำตอบกับตัวเองดียิ่งขึ้น .... การส่งเสริมกันและกัน ก็ยกตัวอย่างเช่นนี้ .... ตรงจุดนี้ จึงอยากให้ความสำคัญ กับ “กัลยาณมิตร” ที่จะช่วยสนับสนุน หรือ “โค้ช” ที่จะช่วยฝึกซ้อม แนะนำ ฯลฯ) นอกจากนั้น ยังมีตัวอย่าง เช่น นักเทนนิส ภราดร, อดีตนักชก เขาทราย  เป็นต้น ********* นอกจากนั้น ยังสามารถเห็นเพิ่มเติมอีกว่า บางท่านเป็นคนลักษณะเก็บตัว ชอบอิสระ อยู่ลำพัง (ไม่ชอบไปปรากฏในสถานที่คนเยอะ, ไม่ชอบพูดคุยตัวต่อตัว ฯลฯ)  แต่ ...บางท่านกลับ ชอบคลุกคลีกับลูกค้า ชอบติดต่อปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น ชอบพูดต่อหน้าคน เป็นต้น ดังนั้น คนกลุ่ม introvert หากต้องการติดต่อลูกค้า (เช่น ธนาคาร, พันธมิตรในธุรกิจ, นักธุรกิจอื่นๆ ฯลฯ) จึงจำเป็น ต้องมีคนกลุ่ม extrovert มาช่วยเสริมให้เติมเต็มยิ่งขึ้น ... งานก็จะราบรื่น และมีความสุขทุกๆฝ่าย ก็ต้องมาชั่งน้ำหนักว่า ... ระหว่างเลือกกิจกรรม ที่ไม่ต้องพึ่งพาผู้อื่นเลย (ขอทำคนเดียว) กับการร่วมทีม ... “ประโยชน์จากทีม” เทียบกับ “ต้นทุนที่เกิดจากการติดต่อประสานงานในทีม” แบบใด จะเหมาะสม มีประสิทธิภาพสูงสุด... เป็นต้น อย่างเช่น กลุ่มที่มีลักษณะ extrovert.. อาจจะมีลักษณะค่อนไปทางกลุ่มนี้ เช่น พี่มาร์แก่, คุณ chinn, น้องสุมาเต็กโช พี่มาร์แก่กล่าวว่า ... “เงินของลูกค้าคือเงินของคุณ” คุณ chinn กล่าวว่า “เน้นประโยชน์ของลูกค้าเป็นสำคัญ” (ซึ่งเป็นเพียงประมาณการณ์ ... ขึ้นกับว่า สิ่งที่ทำอยู่ นั้น ทำด้วยใจรักหรือไม่ ทำด้วยเพราะเป็นตัวตนหรือไม่ ... เป็นต้น) สำหรับ น้อง windi กล่าวว่า “จงใช้โอกาสของการเป็นมาร์ เพื่อเรียนรู้การลงทุนและนักลงทุนได้หลากหลาย สามารถสร้างเครือข่าย และเรียนรู้จากประสบการณ์ของแต่ละคน” นั่นก็ขึ้นกับว่า .. น้องวินด์ดิ เขียนด้วยการเห็นคุณค่าจากตัวของน้องจอม ... หรือว่า จากการคิดประมาณการณ์ด้วยใช้พื้นฐานบุคลิกของตนเอง... ผลการตรวจวัด ย่อมแตกต่างกัน สำหรับ อีกกลุ่มหนึ่ง ลักษณะ introvert ... อาจมองได้จาก ... การคิดหรือสร้างระบบให้ทำงานให้ เช่นที่ พี่เด่นศรี ..กล่าวว่า “สร้างระบบขึ้นมา, ไม่ได้เอาตัวเองเข้าไปอยู่ในระบบของงาน, ลงทุนกับเวลาเพื่อดูแลงานของตนและลูกค้าให้ได้ประสิทธิภาพมากขึ้น” หรือ การที่พี่เด่นฯ อาจจะมีความสุขมากกว่าที่จะได้อยู่ลำพังเป็นส่วนตัวกับครอบครัว, หรือชอบการอ่านมากกว่าการไปพูดคุยพบปะ, หรือชอบการเขียนมากกว่าการพูด ... เป็นต้น .... ต่างๆเหล่านี้จะทำให้เห็น “ตัวตน” ได้ชัดยิ่งขึ้น ********* ชักจะเหนื่อย .. ต่อนะคะ เดี๋ยวต้องไปรับลูกแล้วค่ะ ********** เรื่องการ “ค้นหา profile” จึงมีขั้นตอบพอสมควร เพื่อที่จะได้เห็น “เนื้อไม้” ให้ชัดที่สุด ตรงเป้าหมายมากที่สุด เป็นเนื้อแท้ และเป็นธรรมชาติมากที่สุด ********* เห็นแล้ว อย่างไรต่อ ... เมื่อเห็นแล้ว .... ก็จะรู้ว่า ... “คนๆนั้น” ... มีอะไรเป็นเรือนธาตุ เช่น ดิน น้ำ ลม ไฟ มีฤดูกาลแบบไหน, มีลักษณะอย่างไร ฯลฯ เป็นต้น ... อันได้แก่ ... earth, metal, wood, fire, autumn, winter, spring, summer, tempo, steel, dynamo, blaze, timing, multiply, innovation, magnigy, sensory, introvert, intuitive, extrovert etc .. อย่าเพิ่งตกใจนะคะ .... ให้อ่านผ่านๆไปก่อน แล้วค่อยๆอธิบาย จะเข้าใจมากขึ้นเรื่อยๆค่ะ ********** ที่สำคัญกว่า ... คือการ “ค้นหาตัวเอง” ให้เจอก่อนค่ะ ... ที่เหลือ จะตามมาอีกที ต่อจากนี้นะคะ .... รบกวนช่วยแชร์ความเห็น (ของแต่ละคนนะคะ ....ไม่ต้องคิดแทนคนอื่น) ... ดังนี้ค่ะ จริงๆเคยถามแล้วค่ะ แต่ยังไม่ตอบกันเท่าไร (ถามอีกครั้งนะคะ) ******** 1.  "โอกาส" กับ "ความสามารถ" คุณคิดอะไรต้องมาก่อน เพราะอะไร 2.   เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ 100% คุณคิดว่าควรให้ความสำคัญกับ "วิธีการ" และ "เป้าหมาย" แบ่งเป็นอย่างละกี่เปอร์เซ็นต์ 3.  "เงิน" กับ  "เวลา" สำหรับคุณสิ่งไหนมีค่ามากกว่ากัน เพราะเหตุใด 4.    “การศึกษา"   กับ   "ทัศนคติ"   คุณให้ความสำคัญเรื่องไหนมากกว่ากัน เพราะเหตุใด 5.      ถ้าคุณมีเงิน กระแสเงินสด วัน 1,000  ล้านบาท ณ ตอนนี้ คุณจะทำอะไร (อาชีพ) คุณจะอยู่ที่ไหน และคุณจะจัดการกับเงินนั้นอย่างไร 6. หัวข้อที่คุณมีความสุขที่จะได้สนทนานานๆโดยไม่เบื่อ... เป็นหัวข้อเกี่ยวกับอะไรบ้าง ...3 ลำดับแรก 7. งานอดิเรก ที่คุณทำด้วยใจรักและมีความสุขมากที่สุด มีอะไรบ้าง ...3 ลำดับแรก 8. มีอะไรบ้าง ที่คุณชอบและมักจะทำให้คนอื่นด้วยความภูมิใจและมีความสุขอย่างยิ่ง ... 3 ลำดับแรก 9. หากคุณต้องจากโลกนี้ไปอย่างสงบสุข ... สิ่งใดที่คุณอยากให้คนรุ่นหลังระลึกถึงผลงานที่คุณทำไว้ หรือ สิ่งที่คุณได้เป็น ... 3 ลำดับแรก 10. สิ่งที่ประสบความสำเร็จที่สุด ณ ตอนนี้ ที่นึกออกทันที นึกปุ๊บ คิดได้ปั๊บ คืออะไร ... 3 ลำดับแรก ********* ลองตอบดูนะคะ ... แล้วจะมาลองแยกกลุ่มกัน ... ( โปรดระลึกเสมอว่า ....ทุกกลุ่มดีทั้งนั้นนะคะ เรามักบอกเสมอว่าทุกคนมีข้อดีของตัวเอง ... เพราะการมีจุดเด่นคนละแบบ แล้วจะได้ ส่งเสริมให้เด่นยิ่งขึ้นค่ะ) จากนั้น ... ก็จะมาวิเคราะห์ แต่ละประเภทของแต่ละกลุ่มอีกทีค่ะ ขอบคุณค่ะ แก้ไขเมื่อ 25 ก.พ. 48 16:44:39 จากคุณ : คนชื่อนินจา - [ 25 ก.พ. 48 16:39:38 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ขอเซฟไว้ก่อนครับ   ไปเล่นฟุตบอลครับ   แล้วจะกลับมาอ่านให้ละเอียดครับ ขอบคุณมากมากเลยครับ เซฟ เซฟ เด่นศรี จากคุณ : เด่นศรี - [ 25 ก.พ. 48 17:02:32 ]

ความคิดเห็นที่ 35 แง แง ไม่เห็นนินจาเขียนถึงซ้อมั่งเลย ...สงสัยซ้อจะไม่มีจุดเด่นอะไรให้นินจาจับได้เลย ฮือ ฮือ เดี๋ยวซ้อกลับไปทำ 10 ข้อแล้วกลับมาส่งใหม่น๊า ... แล้วอย่าลืมบอกมั่งว่าซ้อเป็นแบบไหน .. จะได้ค้นเจอตัวเองซักที ฮือ ฮือ อิอิ แก้ไขเมื่อ 25 ก.พ. 48 17:13:41 จากคุณ : ซ้อสี่ค่ะ (คิมิเอะ-จัง) - [ 25 ก.พ. 48 17:12:37 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ขอส่งก่อนนะครับ หุหุ เผื่อได้ตรวจก่อน 1.  "โอกาส" กับ "ความสามารถ" คุณคิดอะไรต้องมาก่อน เพราะอะไร - ความสามารถ เพราะโอกาสหาไม่ยากถ้ามีความสามารถ 2.   เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ 100% คุณคิดว่าควรให้ความสำคัญกับ "วิธีการ" และ "เป้าหมาย" แบ่งเป็นอย่างละกี่เปอร์เซ็นต์ -ให้เป้าหมาย 99 %ไปเลย วิธีการให้ 1%ก็เยอะแล้ว ถ้ามีเป้าชัดเจน วิธีการก็หาไม่ยาก มาถามหาเอาในwebbroad ก็ได้ ^ O ^ (คิดงั้นจิงๆนะ ถ้าเป้าหมายชัด หาคนปรึกษาหน่อยก็ได้ วิธีการ 108-1009 แล้ว) 3.  "เงิน" กับ  "เวลา" สำหรับคุณสิ่งไหนมีค่ามากกว่ากัน เพราะเหตุใด -ให้เวลาอะครับ เงินหาไม่ยากเลย อยากได้ก็ทำเอา แต่เวลา ได้ฟรีแต่ไม่เคยพออยากได้เพิ่มก็ หาซื้อไม่ได้ 4.    “การศึกษา"   กับ   "ทัศนคติ"   คุณให้ความสำคัญเรื่องไหนมากกว่ากัน เพราะเหตุใด -ผมว่าทัศนคติสำคัญกว่าครับ เพราะ การศึกษา หาง่ายมากเลยในปัจจุบัน แต่ทัศนคติ เป็นมากกว่าความรู้ มีเรื่อง ศีลธรรม จรรยาบรรณ จินตนาการ และอื่นๆ ที่สร้างได้ยาก ต้องฝึกฝน 5.      ถ้าคุณมีเงิน กระแสเงินสด วัน 1,000  ล้านบาท ณ ตอนนี้ คุณจะทำอะไร (อาชีพ) คุณจะอยู่ที่ไหน และคุณจะจัดการกับเงินนั้นอย่างไร -ข้อนี้คิดสักพัก ก็นึกได้ว่าอยาก อยู่ที่เดิมเหมือนเดิม อาจจะเปลี่ยนไปก็แค่ ให้ความรู้ผู้อื่นมากขึ้น มีความสุขในชีวิตการลงทุนเพิ่มอีกนิด คือเห็นเงินเพิ่มไวดี แต่ก็ยังอยากใช้ ชีวิตเเบบเดิม (แต่พอนึกไปถึงตอนท้ายของชีวิตก็รู้สึกเสียดายจัง ที่ไม่ได้ สร้างสมบารมี ไว้ในชาติหน้าเต็มที่   หุหุ คิดไกลไปไหมเนียะ)อยากนั่งสมาธิแต่ไม่ได้เลยท้อและ 6. หัวข้อที่คุณมีความสุขที่จะได้สนทนานานๆโดยไม่เบื่อ... เป็นหัวข้อเกี่ยวกับอะไรบ้าง ...3 ลำดับแรก - 1)วิเคราะห์หุ้น 2 )วางแผนการลงทุน 3)วางแผนการเงิน 7. งานอดิเรก ที่คุณทำด้วยใจรักและมีความสุขมากที่สุด มีอะไรบ้าง ...3 ลำดับแรก - 1)อ่านข่าว 2)กินข้าวเย็นกับเพื่อนสาว แล้วคุยเรื่องเศรษฐกิจ (T_T) 3)สอนอะไรก็ตามที่มีคนมาขอให้สอน (เช่นเทคนิคเคิล เลข ENG) 8. มีอะไรบ้าง ที่คุณชอบและมักจะทำให้คนอื่นด้วยความภูมิใจและมีความสุขอย่างยิ่ง ... 3 ลำดับแรก - 1)สอนอะไรก็ตามที่มีคนมาขอให้สอน (เช่นเทคนิคเคิล เลข ENG)  2)ทำงานบ้านให้แม่นิดหน่อย เช่น ล้างจาน กรอกน้ำใส่ขวดแช่ตู้เย็น  3)เอาเงินบริจาคใส่ตู้ พวกมูลนิธิต่างๆ และบริจาคอะไรต่างๆเกี่ยวกับการศึกษา 9. หากคุณต้องจากโลกนี้ไปอย่างสงบสุข ... สิ่งใดที่คุณอยากให้คนรุ่นหลังระลึกถึงผลงานที่คุณทำไว้ หรือ สิ่งที่คุณได้เป็น ... 3 ลำดับแรก - 1)เป็นแบบอย่างของคนที่ร่ำรวยและมีความสุข โดยที่ไม่ได้เป็นทาสของเงิน และสุดท้ายก็บริจาคเงินจำนวนเกือบทั้งหมดให้กับองค์กรที่เกี่ยวกับการศึกษา และต่อต้านสิ่งเสพติด  2)เป็นแบบอย่างของคนที่ไม่ได้มาจากครอบครัวที่ร่ำรวย แต่สร้างฐานะขึ้นมาได้ จากการทำงาน ธรรมดา + การวางแผนการเงินที่ดี ไม่เสพอบายมุขทั้งหลาย อยากให้คนรุ่นหลัง เอาเป็นตัวอย่าง   3)อยากเป็นคนยุติการจำหน่ายสุรา และ บุหรี่ และสิ่งเสพติดทุกประเภทที่มีในโลก (อันนี้ก็ไม่รู้จะทำไงแค่อยากเป็นคนทำให้สิ่งที่เลวร้ายหมดไป ก็รู้ว่าไม่ดีแล้วให้ขายทำไมก็ไม่รู้) 10. สิ่งที่ประสบความสำเร็จที่สุด ณ ตอนนี้ ที่นึกออกทันที นึกปุ๊บ คิดได้ปั๊บ คืออะไร ... 3 ลำดับแรก -1) กำไรจากการลงทุนในหุ้นPSL เกือบ480% เมื่อ2ปีที่แล้ว(เคยเรียนกับอาจารย์ท่านนึง ท่านบอกว่า ถ้า หุ้นตรง index 400 จุด ได้กำไรไม่ถึงเท่าตัวอย่าเรียกตัวเองว่า marketing เลยภูมิใจทำสำเร็จ)  2) ทำให้ลูกค้าที่เคยเป็นคนเล่นหุ้นเหมือนเล่นการพนัน เข้าใจการลงทุนมากขึ้น  3) ทำให้พ่อที่เกลียดหุ้นมากที่สุด เข้าใจเรื่องของการลงทุนดี จนเก่งกว่า marketing อาวุโสบางคนด้วยซ้ำไป ปล.ใช้เวลาตอบเกือบ ครึ่งชม ไม่รู้ว่าคำตอบดูไร้เดียงสาหรือเปล่า แบบว่าเป็นคนไม่ค่อยฉลาด คิดยังไงก็ตอบอย่างนั้น รบกวนพี่ นินจา ช่วยตรวจด้วยครับ ^_/ \_^ แก้ไขเมื่อ 26 ก.พ. 48 00:40:04 แก้ไขเมื่อ 26 ก.พ. 48 00:37:05 จากคุณ : chinn - [ 26 ก.พ. 48 00:35:29 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ( ย่อง  ย่อง  ย่อง ) ( มาแอบลอกคำตอบครับ ) ( จะได้เอาไปตอบคุณครู ) ( ตะแหน่ววววว ) จากคุณ : เด่นศรี - [ 26 ก.พ. 48 07:44:35 ]

ความคิดเห็นที่ 38 สวัสดีค่ะคุณ chinn .... โดยส่วนตัว (ที่ตรวจวัดมาเยอะแล้ว) ... เริ่มเห็น "ธาตุ และ ฤดูกาล" ในตัวคุณ chinn ลางๆแล้วค่ะ... กล่าวคือ ... จะเริ่มเห็นในเชิงคุณภาพขั้นต้น เชิงคุณภาพ หมายถึง ... จัดกรุ๊ปเข้าเป็นส่วนหลักๆไว้แล้ว ... เพื่อจะวิเคราะห์ เพื่อตรวจวัด "เชิงปริมาณ" มากน้อยเท่าไรต่อไป และเพื่อตรวจวัด "เชิงคุณภาพขั้นกลาง" เพื่อแยกย่อยให้ละเอียดกว่าเดิม ******** ก่อนที่จะกล่าวต่อไป ... ต้องเพิ่มความเข้าใจสักนิด การแบ่งกลุ่ม เป็น "ธาตุ, ฤดูกาล, หรือ จริต ฯลฯ" ต่างๆเหล่านี้ .... หมายถึงว่า บุคคลนั้นๆเน้นหนักไปทางจริยาใดๆ, เน้นหนักที่พื้นฐานใดๆ .... ไม่ใช่ว่า "มีลักษณะเดียว" ..... เพราะทุกคนมีทุกแบบ แต่เน้นหนัก หรือเป็นตัวตนธรรมชาติ จะเน้นไปบางลักษณะมากกว่า ..."กลายเป็นลักษณะเด่น" ที่ได้แบ่งกลุ่มไว้ เป็นต้น ******* สำหรับแต่ละกลุ่ม .. ก็มีจุดเสริมและวิธีการที่แตกต่างกัน ... ไม่ได้หมายถึงว่า แบบใดจะดีกว่ากัน ... (ย้ำตรงนี้อีกครั้งนะคะ.... ทุกกลุ่มมีวิธีเสริมจุดเด่น ตามที่กล่าวข้างต้นว่าจุดเด่นในตัวเองและจุดเด่นของทีม ... มุ่งสู่เป้าหมายสูงสุดได้เช่นกันทุกคน) ******* สำหรับคุณ chinn ต่อเลยนะคะ ... (1) ... เรือนธาตุ หรือจริต เบื้องต้น ... จะส่งให้ทางหลังไมค์นะคะ (แต่คุณ chinn ยังไม่ได้ใช้อะไรนะคะ .... แค่บอกให้ทราบเฉยๆ ... เพราะยังต้องตรวจวัดต่อ) (2) .... ช่วยเล่าเหตุการณ์ที่ประสบความสำเร็จ 2 เรื่องคือ เรื่อง กำไรจากการลงทุนในหุ้นPSL ...... และ ...... เรื่องเปลี่ยนลูกค้านักพนันกลายเป็นนักลงทุนได้อย่างไร ... ประมาณเรื่องละ ครึ่งหน้ากระดาษ (จะเล่าส่งเมล์ หรือจะเล่าในกระทู้ก็ได้ค่ะ) ... ส่วนมากเรื่องที่ประสบความสำเร็จ จะเป็นประโยชน์กับผู้อื่นด้วย ตรงจุดนี้ ตามสะดวกค่ะ (3) ..... เล่าเรื่องที่รู้สึกว่า "เสียใจที่สุดในชีวิต และบทเรียนที่ได้รับ" ... ประมาณครึ่งหน้ากระดาษ (จะล่งเมล์ หรือจะส่งเล่าในกระทู้ก็ตามสะดวกเช่นกันค่ะ .. บางเรื่องอาจละเอียดอ่อน ไม่เหมาะเผยแพร่ ก็ส่งเมล์ได้ค่ะ ... สำหรับเรื่องที่เป็นอุทาหรณ์ที่ดี ลงกระทู้ อาจจะเป็นประโยชน์ต่อคนหมู่มากค่ะ ... ตามสะดวกนะคะ) ********* ขั้นต่อไปจากข้อสองและข้อสาม ที่คุณ chinn จะส่งมา .... ก็จะมาแยกเป็นประเภทนักลงทุนแต่ละประเภทแล้วล่ะค่ะ นักลงทุนในที่นี้ หมายรวมถึง ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์, ลงทุนในหุ้น หลักทรัพย์, ลงทุนในธุรกิจ และลงทุนในทรัพย์สินทางปัญญา ******** ปล. คุณ chinn ..ที่บอกว่าไม่ฉลาดนี่นะ ... คิดไปเองหรือเปล่า ...อิอิ... (ถ่อมตัวจัง ... คิกๆๆ) ... ฟันธงได้เลยค่ะ ... ว่าทุกคน "มีศักยภาพอยู่ในตัว" ทุกคนนะคะ ... กล่าวคือ ..... "สามารถฝึกตน จนสูงสุด คืออิสรภาพ ได้ทุกคน" ค่ะ ******* สวัสดีค่ะอาซ้อ ... ที่อาซ้อเขียนมา ... 2 ประโยค ... คือยังไม่ได้ระบุตัวตนของตัวเองค่ะ ... จึงยังไม่อยากสรุป (แต่ให้เดาเอาเอง... ล่ะก็พอไหว ... ล้อเล่นค่ะ ... อิอิ...) ******** คำเตือน : ตัวคุณเองเท่านั้น ที่จะเป็นผู้ตัดสินใจทุกๆอย่าง และเป็นผู้ที่ต้องรับผิดชอบจากผลการตัดสินใจนั้นๆ ..... ****** ขอคำแนะนำด้วยค่ะ ...ขอบคุณค่ะ สัปดาห์หน้าไม่ค่อยว่างนะคะ .... คงจะไม่ได้เขียนยาวๆ ... แต่จะแวะเวียนมาเรื่อยๆค่ะ ******* ระหว่างนี้ ก็รอท่านอื่นๆมาเสริมส่วนของตัวเองนะคะ (ตามสะดวก) สำหรับคุณ chinn ... รบกวนเช็คหลังไมค์ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ แก้ไขเมื่อ 26 ก.พ. 48 09:36:50 แก้ไขเมื่อ 26 ก.พ. 48 09:33:44 จากคุณ : คนชื่อนินจา - [ 26 ก.พ. 48 09:27:27 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เล่าในกระทู้นี้เลยนะครับ ชอบเปิดเผย (อีกหนึ่งนิสัยของความไม่ค่อยฉลาด คือไม่ค่อยกั๊ก หุหุ) ขอตอบเรื่องนี้ก่อนเลยนะครับ จะได้เป็นลำดับ เล่าเรื่องที่รู้สึกว่า "เสียใจที่สุดในชีวิต และบทเรียนที่ได้รับ" ... ประมาณครึ่งหน้ากระดาษ เกิดจากการลงทุนlot แรกๆ ในชีวิต ผมเริ่มลงทุนตอนปี 4 ตอนนั้นคิดว่าเตรียมความรู้เรื่องพื้นฐานมาดีแล้ว จากการอ่านหนังสือ ตีแตก อ่านกระทู้ต่างๆใน pantip  และไปงานสัมมนาด้วย (โชคดีตอนนั้นตลาดไม่boom เลยมีงานสัมมนา ให้ความรู้เยอะ ไม่ใช่เชียร์ซื้อขายเหมือนปัจจุบัน) ก็ลงทุนlot แรก 40000บาท ก็ได้บ้าง เสียบ้างไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่มักได้ อาทิตย์ละ 5-10 % เราก็คดว่าตัวเองเก่ง(คือซื้อขายตาม Stochatic) แต่พอไม่นานก็มีรุ่นพี่โทรมาบอกให้ซื้อ tisco -c1ที่6บาท จะไป 12บาท เราก็ค่อนข้างมั่นใจข่าวสารว่างบดี มั่นใจมากเกินไป น่าจะเป็นผลจากการสำเร็จหลายๆครั้งติดๆกัน เราก็ไปบอกพ่อว่า ให้ลงเงินสัก 5แสนบาท เพื่อ ได้กำไรเป็นเท่าตัว แล้วเราก็ซื้อ tisco-c1 ที่6บาท แต่บังเอิญเราดันไปเห็น kgi-w3 เห็นว่างบก็น่าจะดีด้วย แถมมี discount ด้วย เราก็มองว่าถ้า kgi งบดี เพราะตอนนั้นพวก บล. งบดีทุกตัวเพราะกำไร จาก portลงทุน แต่ kgi-w3 ใกล้หมดอายุแล้ว เราก็คิดว่า มี discount ก็น่าจะมีคนซื้อไปแปลง ตอนใกล้ๆหมดอายุ เลยซื้อที่ 0.49 1ล้านหุ้น แต่มีวันนึง มีแรงขายหนักมาก เราก็ cutตาม technical ที่0.39 แล้วรุ่นพี่ก็รีบโทรมาบอกให้ซื้อกลับ ได้ยินว่าจะมีคนมาลาก เราเลยยอมรับกลับราคาเดิม สุดท้ายมันลงไปเหลือ 0.20 เรายอม cut loss ตรงนั้น เพราะใกล้หมดอายุแล้ว และถ้ายอมเสียหมดจะไม่มีโอกาศกลับมาใหม่ สุดท้าย ขาดทุนไป 3แสน เหลืออยู่ 2แสน และtisco -c1 ก็ไปถึงราคาที่เรามองไว้ 12บาทจิงๆ ผลลัพท์ 1) ขาดทุน 3แสนบาท ต้องหากำไรให้ได้ 150%จาก2เเสน หนักใจมาก และผมก็ยังไม่ได้ทำงานด้วย 2) ต้องปิดเป็นความลับ ไม่ให้พ่อรู้เด็ดขาด เพราะ เขาเป็นคน เก็บหอมรอมริบ ไม่ใช้จ่าย แล้วต้องมาเสียเงินก้อนนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำให้เรา เสียใจมาก รู้สึกผิด และไม่มีความสุขมาตลอด 1ปี 3) ทำให้เราได้คิดได้ว่า ทางที่จะทำให้รวยได้ เราไม่ควรจะ สร้างความเสี่ยงสูงมาก เพราะ เราต้องลงทุนอีกหลายครั้ง ถ้าการลงทุนเรา มีแนวโน้มเสี่ยงมากไป สักครั้งที่ผิดพลาด จะต้องเสียเวลาเริ่มต้นใหม่นานมาก สุดท้ายก็ทำ portกลับมาเท่าทุนแล้วก็คืนเงินคุณพ่อไป ช่วยเล่าเหตุการณ์ที่ประสบความสำเร็จ 2 เรื่องคือ เรื่อง กำไรจากการลงทุนในหุ้นPSL ...... และ ...... เรื่องเปลี่ยนลูกค้านักพนันกลายเป็นนักลงทุนได้อย่างไร ... -1)กำไรจากการลงทุนในหุ้น PSL 2ปีที่แล้วผมก็เริ่มทำงานเป็น marketing ได้มีโอกาส อบรมกับ อาจารย์ท่านนึงชื่ออาจารย์ประเสริฐ ทำให้ผมมีความมั่นใจในการลงทุนหุ้นพื้นฐาน มากขึ้น บวกกับการที่ ผมได้ศึกษาเรื่องหุ้น มาพอสมควร สิ่งที่ผม ใช้ตัดสินใจคือ กระเเสเงินสด ผมจะมองว่าที่ราคานี่ กิจการนั้นจะมีเงิน กลับมาสักเท่าไหร่ คุ้มค่าไหมที่ราคาที่ซื้อไป กลางปี 2003 บังเอิญผมไปพบกับ ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นนักวิเคราะห์  และก็ได้มาคบกับเป็นแฟน แล้ว ตอนนั้นเธอกำลังจะวิเคราะห์หุ้นกลุ่มเดินเรือ ผมก็แนะนำให้เข้าไปในห้อง Taladhoon .com  ซึ่งผมเคยเห็นคุณ LOSOเขาพูดถึงกลุ่มเดินเรือซึ่งเขาให้ข้อมูลดีมากเลย แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้สนใจ พอแฟนจะทำการวิเคราะห์ ผมก็ไปรวบรวมข้อมูล แล้วบางที่แฟนก็มาวิเคราะห์ให้ฟังด้วย (ตอนนั้นแฟนพึ่งเข้ามาเริ่มเล่นหุ้นเพราะผม เลยช่วยกันตัดสินใจ) ผมก็อ่านไปด้วย ผมจบเศรษฐศาสตร์มาด้วย ก็เข้าใจภาพรวมของธุรกิจ และ ศกโลก รวมทั้งความเสี่ยง ก็พบว่า ราคาตอนนั้น 100 บาท par10  เป็นราคาที่ถูกมากๆ ยังไงปันผลก็จ่ายเกินราคาที่ผมซื้ออยู่แล้ว เพราะถ้าดูจาก p/e กระแสเงินที่น่าจะเกิดในอนาคต และภาพรวมอุตสาห์กรรม ตอนปลายปี2003 ก็ยังดีอยู่จากประเทศจีน ก็เลยให้ลูกค้าทุกคนซื้อไว้ รวมทั้งตัวเองด้วย แล้วบอกว่า อย่างน้อยๆ ต้องเห็น 20บาทที่ par 1 เพราะกำลังจะแตก par และเรามีความมั่นใจมากจิงๆ เพราะขนาดแฟนจะขายที่ 16 บาท ผมบอกผมซื้อต่อให้ 18 บาทเลย แฟนเลยเปลี่ยนใจไม่ขาย เพราะแฟนทำมูลค่าไว้ แถว18บาทกว่า แต่ลูกค้าส่วนใหญ่ทนไม่ไหว แอบไปขาย แถว 14-18 บาท ไปสั่ง traderให้เคาะขาย เพราะผมไม่ยอมเคาะ คือโน้มน้าวไม่ให้ขาย (เพราะลูกค้าไม่เห็นพื้นฐาน เลยเอาแค่กำไร) เนื่องจาก ผมมองว่า ศก กำลังดี p/e setต่ำ ดอกเบี้ยก็ต่ำ แล้วก็เคยไป ประชุมในวัน opportunity day ของ psl 2ครั้ง เราก็ชอบผู้บริหารเขา ว่ามีธรรมาภิบาลดี และก็ได้เห็นว่า ต่อให้ ศก แย่ กลุ่มเดินเรือยังมีกระแสเงินสดเป็นบวก และหนี้สินที่กู้ยังไงก็ใช้คืนได้ แถมเหลือเรือเยอะแยะให้แล่น แถมชอบทัศนะคติของ ผู้บริหารที่มองเห็น โอกาศในวิกฤติ เลยซื้อเพิ่ม ที่ 25บาท ที่par1 เพราะ มองว่า p/e ยังต่ำอยู่อีก เพราะ eps ขยับ และยัง growth ดี ราคานี้ยังถูกมากอยู่ เราก็ถือต่อไปจนถึง 50บาท และได้ขายไปที่ 48-49บาท ล้าง port เพราะมองว่าราคานั้น สูงเกินไป แม้ p/e ยังอยู่ แถว 6 เท่า แต่หุ้น cycle ดู p/e อย่างเดียวไม่ได้ ต้องดูกระแสเงินสดเป็นหลัก คิดว่า แต่ละปีจะมีเงินเข้าเท่าไหร่จะปลอดภัยกว่า บวกกับการใช้ความรู้ทางด้าน technicalด้วย ก็ ได้กำไรตามที่บอกครับ 480% ของก้อนแรก ก้อนหลังอีก 100% ซึ่งเงินทั้งหมดที่ลงไปก็มาจากการทำงานทั้งหมด 3แสนบาท และกู้ครอบครับอีก 2แสนห้าหมื่นบาท ก็ได้เงินคืนครอบครับ 3แสนบาท เหลือไว้ลงทุนเองอีกประมาณ 1ล้านบาท 2)เรื่องเปลี่ยนลูกค้านักพนันกลายเป็นนักลงทุนได้อย่างไร ก่อนที่ผมจะเข้ามาทำงานผมก็พบกับ ลูกค้าคนนึง เขาขาดทุนหุ้น20%ของport แต่ portมีมูลค่ามาก เลย ไม่สบายใจ และมีแต่หุ้นไม่ดี ซื้อๆขายๆ ผมเลยบอกให้เขา ล้าง port แล้วซื้อหุ้น stec ที่ราคา 5 บาท แล้วตอนนั้นก็ลงไปเหลือ 3บาทกว่า เขาก็ถามว่าให้ทำยังไง น่ากลัวไหม ผมบอกว่าไม่ต้องกลัว ยังไง พื้นฐานตัวนี้ไม่ต่ำกว่า 7 บาท เขาก็เชื่อ แล้วซื้อเพิ่ม จนราคากลับมา ก็ได้ทุนคืนสำเร็จ และจากการถือหุ้นตรงนั้น ลูกค้า ก้ได้เริ่มสนใจในการลงทุนหุ้นพื้นฐานมากขึ้น หลังจากนั้นผมก็เข้ามาดูแลเขา ทุกตัวที่ผมจะชวนเขาซื้อ ผมจะต้อง เล่าให้ได้ว่า P/E เท่าไหร่ P/B เท่าไหร่ ROE เท่าไหร่ และ แนวโน้มธุรกิจของหุ้นตัวนั้นเป็นอย่างไร เขาก็เริ่มสนใจพื้นฐานมากขึ้นทุกๆวัน บวกกับการที่ผมก็จะสอน ประชดและว่าเขาบ้าง ในเวลาที่เขาจะเล่นหุ้นที่กิจการไม่ค่อยดี เป็นหุ้นปั่น ว่าไม่เข็ด ทำไมต้องไปเสี่ยงขนาดนั้น จนสุดท้าย ก็จะซื้อตัวไหน จะไม่ถามว่าน่าเล่นไหมแล้ว แต่จะถามว่า ทำธุรกิจอะไร พื้นฐานเป็นอย่างไร p/e เท่าไหร่ หุหุ เราก็ดีใจ ว่า เขาลงทุนโดยมองพื้นฐานมากขึ้น เเละเขาก็บอกว่า เขาไม่เอาหุ้น ไม่ดีแล้ว Marketingอีกที่เขาจะชอบชวนเล่น เพราะคงได้ ซื้อขาย ไวๆ เขาพบว่าการซื้อหุ้นที่กิจการดี มีกำไร เวลา พลาดไป แล้ว ยังไง ราคาก็จะกลับมาได้ และก็ นอนหลับสบายใจกว่าเยอะ และผลตอบแทนก็ดีพอควร แต่ไม่เร้าใจ ลูกค้าส่วนใหญ่ตอนนี้ก็เป็นอย่างนี้เกือบทุกคน เวลาโทรมาผมก็เล่า ทิศทาง แนวโน้ม ใหญ่ๆ แล้วก็ เขาก็จะหาหุ้นที่เขาสนใจและศึกษามาแล้ว มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน บางทีผมไม่รู้ก็ไปนั่งดูเพิ่ม หมดแล้วครับพี่นินจา รบกวนพ่ตรวจด้วยครับ น้ำเยอะไปหน่อย ผมพยายามจะบีบ เนื้อหาแล้ว แต่ด้วยความเป็นคนเขียนไม่เก่ง คิดอะไรออกว่าเป็นองค์ประกอบก็เขียนไปให้หมด ขอบคุณพี่มากเลยครับ แก้ไขเมื่อ 26 ก.พ. 48 11:39:33 แก้ไขเมื่อ 26 ก.พ. 48 11:20:31 จากคุณ : chinn - [ 26 ก.พ. 48 11:19:47 ]

ความคิดเห็นที่ 40 http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I3313032/I3313032.html link ที่ต่อเนื่องกัน ทำให้แล้วครับคุณนินจา ผมเข้าใจใช่แบบนี้หรือเปล่าครับ ---------- จากคุณ : ฯกาเย - [ 26 ก.พ. 48 11:54:51 A:61.90.42.4 X: TicketID:051115 ]

ความคิดเห็นที่ 41 เอ้า...ไม่ไปแฮะ.... ต้องซ้อสี่แล้วละครับ อิอิ จากคุณ : ฯกาเย - [ 26 ก.พ. 48 12:00:28 A:61.90.42.4 X: TicketID:051115 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ช่วยทำ link ให้ครับ หัวข้อที่เกี่ยวเนื่องกัน http://www.pantip.com/cafe/sinthorn/topic/I3313032/I3313032.html จากคุณ : แมลงเม่าทนไฟ - [ 26 ก.พ. 48 12:07:08 ]

ความคิดเห็นที่ 43 สวัสดีค่ะทุกๆท่าน ขอบคุณพี่กาเยฯ และพี่แมลงเม่ามากๆค่ะ ... ******* น้องชินคะ ... สุดยอดมากๆเลยค่ะ (เดี๋ยวมาตรวจวัดต่อให้นะคะ) ******* การที่บอกว่า การที่น้องชอบเปิดเผย เป็นอีกหนึ่งนิสัยของความไม่ค่อยฉลาด --> ตรงนี้ น้องชิน เข้าใจผิดแล้วล่ะค่ะ การเปิดเผย เป็นสิ่งที่ดีมากๆค่ะ (ยิ่งสิ่งที่จะเป็นประโยชน์, เป็นอุทาหรณ์สอนใจ, เป็นบทเรียนที่ดี สำหรับผู้อื่น ฯลฯ และไม่เกิดโทษใดๆ) ........ เป็นสิ่งที่ดีมากๆค่ะ ********* แต่ไม่อยากให้เข้าใจผิด หากเพื่อนๆสมาชิก บางท่าน ไม่อยากเปิดเผยนะคะ (ไม่ได้แปลว่า ท่านนั้นเค้ากั๊ก เสมอไป).... แต่ละคน มีรูปแบบที่แตกต่างกันค่ะ ... เนื้อหา รายละเอียดบางเรื่อง อาจจะละเอียดอ่อนต่อผู้อื่น ก็เป็นไปได้ทั้งนั้นค่ะ... จึงไม่อยากให้อึดอัดค่ะ .... ได้ทุกรูปแบบ ตามสะดวก ตามความสบายใจค่ะ ... ขอแค่ว่า "ให้มีการสื่อสาร" ต่อกัน เท่านั้นค่ะ ไม่สื่อสาร ก็ไม่มีวันเห็น ไม่มีวันเข้าใจ .... ดังนั้นบางท่าน อยากเล่าผ่านเมล์ หรือจะเล่าในกระทู้ ก็ตามสะดวกของแต่ละท่านค่ะ อย่างไรก็ตาม ...  สิ่งที่เป็นประโยชน์ โดยสรุปสุดท้าย ... ก็จะนำมาสรุปและเรียนรู้ ถ่ายทอดเพื่อเป็นประโยชน์กับทุกๆท่านต่อไปค่ะ ********** เดี๋ยวไปทานข้าวก่อนนะคะ ... เดี๋ยวมาใหม่ ... รอฟังท่านอื่นๆเสริมในส่วนของตัวเองด้วยค่ะ ... ขอบคุณค่ะ แก้ไขเมื่อ 26 ก.พ. 48 12:33:31 จากคุณ : คนชื่อนินจา - [ 26 ก.พ. 48 12:29:58 ]

ความคิดเห็นที่ 44 มาแอบอ่านครับเด้วต้องไปเข้าห้องเก็บตัวครับ ตอนนี้ไม่ค่อยมาตอบเก็บตัวต้องการสมาธิครับ ต้องคิดและจินตนาการต้องการความสงบครับ เล่นmsnจนฝืดตอนนี้กำลังลื่นครับ...... จากคุณ : ยิ้ม (ลำชี) - [ 26 ก.พ. 48 14:19:27 ]

ความคิดเห็นที่ 45 สวัสดีทุกๆท่านค่ะ สำหรับท่านอื่นๆ ... ที่ติดตามอยู่ ... อย่าได้ยึดถือคำถามที่ถามน้องชิน ว่าจะเป็นคำถามเดียวกันสำหรับทุกคนนะคะ เพราะแต่ละคนต้องผ่าน มาจากคำถามชุดแรกก่อน ... แล้วไปลงเครื่องฯ ให้แยกแยะ ...เพื่อระบุ กลุ่มเรือนธาตุ หรือเรือนจริต .. แบบกว้างก่อน ... จากนั้น จึงจะได้คำถามเพิ่มเติมต่อไป ... ดังนั้น แต่ละคน คำถาม แต่ละชุด จึงต่างกันไป ด้วยประการฉะนี้ ******** สำหรับน้องชิน ... ถึงตอนนี้ ... เริ่มเห็นแผนที่ชัดขึ้นมาอีกหน่อยแล้วค่ะ ... น้อง chinn ถือว่าโชคดีมากๆค่ะ ... หากได้เห็นแผนที่ได้ชัดเจนตั้งแต่อายุยังน้อย เหมือนกับว่า เรากำลังร่วมกันวาดแผนที่ ค่อยๆวาดไปที่ละขั้น ให้ชัดยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ เมื่อไรที่เห็นเป้าหมายชัดเจน และต้องเข้าลักษณะเป้าหมายที่ดี ... เมื่อนั้น ก็จะได้ “อิสรภาพทันที” (จุดเริ่มต้น คือ จุดสิ้นสุด, จุดสิ้นสุด คือ จุดเริ่มต้น) (ลักษณะของเป้าหมายที่ดี ไม่ขอกล่าวซ้ำในรายละเอียดนะคะ เพราะได้เขียนไปบางส่วนแล้วในกระทู้เป้าหมายของน้องสุมาเต๊กโช ฯลฯ ) ผู้ที่ร่ำรวยเงินทอง เมื่อถึงจุดสูงสุด หากยังไม่มี “อิสรภาพที่แท้จริง” ส่วนใหญ่มักพลาดพลั้ง เสื่อมลง ฯลฯ ******** อย่างไรก็ตาม เครื่องมือต่างๆเหล่านี้ ... อย่าได้ยึดถือ เกาะไว้เป็นอันขาด ... การใช้ประโยชน์เครื่องมือต่างๆนั้น อย่าได้ยึดถือเอาไว้ (แม้จะเป็นความจริง หรือเป็นความถูกต้อง) ... จงใช้ประโยชน์และคุณค่าจาก “เครื่องมือ” ตามความหมาย ตามความเป็นจริง .... เมื่อเครื่องมือหรือวิธีการต่างๆ ก็เพื่อที่จะนำไปสู่จุดหมายสุดท้าย โดยผ่านเป้าหมายย่อยๆระหว่างทาง ... ดังนั้น เครื่องมือต่างๆ จึงไม่ใช่สิ่งลอยๆ หรือ สิ่งที่จบในตัว เครื่องมือ แต่ละอย่าง เมื่อแนะนำทิศทาง ช่วยสนับสนุน พันธกิจย่อยๆ ....จะต้องไปสิ้นสุด ที่เครื่องมือหรือวิธีการต่อๆไปเป็นลำดับ ...จนกว่าจะเห็นเป้าหมาย และได้รับอิสรภาพทันที มนุษย์ทั้งหลาย เปรียบเหมือนผู้เดินทางไกล พบห้วงน้ำใหญ่ ..... ฝั่งข้างนี้ที่ยังอยู่นั้น น่าหวาดกลัว น่าระแวงภัย .. แต่ฝั่งโน้น ปลอดภัย ปลอดโปร่ง ไม่มีภัย .. จะหาพาหนะ ก็ลำบากเหลือเกิน ไม่มีแม้ เรือ หรือ สะพาน ใดๆ ฯลฯ .. ถึงกระนั้น ...ก็ได้พยายามรวบรวมหญ้า ท่อนไม้ กิ่งไม้ มาผูกเป็น “แพ” แล้วอาศัยแพนั้น พยายามทุกวิถีทาง (ด้วยมือ, เท้า และกัลยาณมิตร ฯลฯ) จนข้ามฝั่งได้สำเร็จ คราวนี้ .. ก็มาคิดว่า “แพนี้มีอุปการะแก่ผู้เดินทางจริงๆ ทำให้ถึงฝั่งโดยสวัสดิภาพ ดังนั้น จึงควรยกแพนี้เทินศีรษะไว้ หรือแบกไว้บนบ่า ไปตามปรารถนา” ... ซึ่งจริงๆแล้วแพ ก็เป็นเพียงเครื่องมือหนึ่งๆ ที่ช่วยให้ไปต่อยังพันธกิจย่อยๆ มุ่งสู่เป้าหมายสุดท้ายต่อไป ... เมื่อหมดหน้าที่ ก็ควรปล่อยไว้ตามสภาพความเป็นจริงๆ... ดังนั้น ... “เครื่องมือ มีไว้เพื่อใช้ข้ามฝั่ง มิใช่เพื่อถือค้าง หรือแบกโก้ไว้” ...จงใช้ประโยชน์ และลงมือปฏิบัติ เพื่อปรับปรุง พัฒนาต่อไปถึงเป้าหมาย ******* เครื่องมือ ดังกล่าว ช่วยให้มี “เข็มทิศที่ดี” และ “แผนที่ชัดเจน” ขึ้น ... อย่างไรก็ตาม ยังต้องการ “ความเพียรที่ถูกต้อง” และ “เครื่องบังคับทิศทางดี” มาช่วยให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น นั่นคือ ... สิ่งที่ต้องใช้อยู่เสมอๆ เพื่อให้ดำรงชีวิตอย่างถูกต้องเหมาะสมดีงาม (องค์สาม ของมรรคมีองค์แปด) ... (1) สัมมาทิฏฐิ (ความเห็นที่ถูกต้อง, ความเข้าใจที่ถูกต้อง) เปรียบเสมือน “ไฟส่องทาง” หรือ “เข็มทิศ” (2) สัมมาวายามะ (ความเพียรพยายามที่ถูกต้อง) เปรียบเสมือน “การออกแรงมุ่งหน้าไป” หรือ “การขับเคลื่อนต่อไป” (3) สัมมาสติ (ระลึก รู้ตัวอย่างถูกต้อง) เปรียบเสมือนเป็น “พวงมาลัย” หรือ “หางเสือ” ที่จะควบคุมการเดินทางให้อยู่ในเส้นทาง, ให้ถูกจังหวะ, หลบหลีกวิกฤติต่างๆ ******* รอฟังท่านอื่นๆเพิ่มเติมนะคะ ... น้อง chinn รอ step ต่อไปนิดนึงนะคะ ... ******* กลุ่มสมาชิกชุดแรก .... ที่ test 3 steps ครบแล้ว... ก็จะรวบรวมอีกครั้ง เพื่อเอาส่งโมเดลสามมิติของแต่ละคนไปให้ดูค่ะ (แล้วจะขอที่อยู่อีกที จะได้จัดส่งทีเดียว) .... ******* เพิ่งเห็นข้อความพี่ลำชีค่ะ ... เป็นกำลังใจให้สำหรับงานที่ทำอยู่นะคะ ... เห็นว่ากำลังต้องการความคิดและจินตนาการ ... เอาใจช่วยค่ะ ... ******** msn มีฝืดด้วยหรอคะ ... นึกภาพไม่ออกอะ ...อิอิ.. (ล้อเล่นค่ะ) .... จากคุณ : คนชื่อนินจา - [ 26 ก.พ. 48 15:30:02 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ขอมอบ ให้เพื่อน ๆ ทุกคนค่ะ จากคุณ : ชราร่า - [ 26 ก.พ. 48 21:00:50 ]

ความคิดเห็นที่ 47 รอstep ต่อไปครับ พี่นินจา พอกลับไปอ่านที่พี่ซ้อสี่เขียนในกระทู้ wink and grow richรอบที่3 เริ่มตอบตัวเองได้มากขึ้น ขอบคุณครับ แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 48 01:23:37 แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 48 01:22:07 จากคุณ : chinn - [ 27 ก.พ. 48 01:07:06 ]

ความคิดเห็นที่ 48 แหม ++ คิดว่าจะส่งอาจารย์คนแรก .. แต่ก็ยังช้ากว่าของคุณ chinn อีก ไม่เป็นไร ส่งตามเลยแล้วกัน 1.  "โอกาส" กับ "ความสามารถ" คุณคิดอะไรต้องมาก่อน เพราะอะไร - จริงๆ คิดว่าน่าจะต้องมาพร้อมกันเพราะถ้ามีเพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็จะไม่สมดุล และไม่ก่อให้เกิดมูลค่าเต็มที่ -แต่ถ้าต้องเลือก ก็เลือก "ความสามารถ" ค่ะ .. เพราะถ้าไม่มีความสามารถ และโอกาสมาถึง ... ก็ไม่สามารถจับโอกาสนั้นได้ โอกาสก็จะผ่านไป แต่ถ้าไม่มีโอกาส .. มีแต่ความสามารถ .. ด้วยความสามารถก็อาจจะสร้างโอกาสให้เกิดขึ้นได้ค่ะ 2.   เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ 100% คุณคิดว่าควรให้ความสำคัญกับ "วิธีการ" และ "เป้าหมาย" แบ่งเป็นอย่างละกี่เปอร์เซ็นต์ -ตามที่เคยได้ยินมา และคิดว่าใช่ ก็ควรให้ความสำคัญกับ "เป้าหมาย"99.9% ค่ะ เพราะเป้าหมายที่สำคัญกับเราจะส่งผลให้เราค้นหาวิธีการได้เองค่ะ .. เหมือนรู้ที่ที่จะไป แล้วเราก็หาพาหนะไปได้เองแหละ - แต่ตัวจริงเนื่องจากเป็นคนไม่คาดหวังอะไร สบายๆ love peace ทำให้ไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน ดังนั้นในการทำอะไรให้ได้ผลลัพท์ 100% ซ้อก็จะกำหนดผลลัพท์คร่าวๆ ก่อน และกำหนดวิธีการให้รัดกุมเพื่อผล 100% ค่ะ ... ดังนั้นถ้าเป็นตัวจริงให้ เป้าหมาย 50 วิธีการ 50 ค่ะ 3.  "เงิน" กับ  "เวลา" สำหรับคุณสิ่งไหนมีค่ามากกว่ากัน เพราะเหตุใด -คิดว่าเวลาค่ะ เพราะจะให้ผลลัพท์หลากหลายกว่าเงิน เวลาให้คนที่เรารัก เช่น ดูแลคุณพ่อ คุณแม่เวลาป่วย คุยกับคุณแม่ รับฟังคนอื่น คุยกับเพื่อน .. พูดคุยกับลูก ฯลฯ สิ่งเหล่านี้มีค่ามากกว่าเงิน และเมื่อผ่านไปแล้ว เราเรียกคืนไม่ได้ เพราะคุณพ่อคุณแม่ก็แก่เฒ่าขึ้น และอะไรๆ ก็ไม่แน่นอน .. ดังนั้น "ทำวันนี้ให้ดีที่สุด" คือ เน้นใช้เวลาให้ดีที่สุด ใส่ใจกับคนรอบข้างและสังคมค่ะ ในเรื่องเงิน ก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่ขาดไม่ได้เช่นกัน เพราะเป็นองค์ประกอบที่ทำให้มีเวลามากกว่าคนอื่น เช่น .. จ้างแม่บ้านทำงานบ้าน เราก็มีเวลาดูครอบครัวมากขึ้น เป็นต้น เงินก็สำคัญ และก็ควรจะทำให้มีพอเพียง โดยการจัดสรรด้วยค่ะ 4.    “การศึกษา"   กับ   "ทัศนคติ"   คุณให้ความสำคัญเรื่องไหนมากกว่ากัน เพราะเหตุใด -ซ้อว่า "ทัศนคติ"ค่ะ ที่สำคัญกว่า "การศึกษา" .. ถ้าเรามีทัศนคติที่ดี ที่ถูกต้อง ที่เป็นบวก .. ก็จะทำให้การศึกษาของเราเห็นมุมมองที่ชัดเจน ที่ถูกต้องมากขึ้น เช่น ถ้าเรามีทัศนคติที่ดีกับเงิน .. ว่าเงินเป็นเพื่อนเรา เงินเป็นเพียงสิ่งดำรงชีวิตส่วนหนึ่ง สิ่งที่สำคัญกว่าเงินก็มีเช่น การออกกำลังกาย ครอบครัว สังคม ฯลฯ .. นั่นก็จะทำให้เราปฎิบัติตัวแบบหนึ่ง แต่ถ้าเรามีทัศนคติที่ไม่ได้เกี่ยวกับเงิน คิดว่าเงินเป็นพระเจ้า เป็นทุกสิ่งในชีวิต เราก็จะปฎิบัติตัวอีกแบบหนึ่งค่ะ 5.      ถ้าคุณมีเงิน กระแสเงินสด วัน 1,000  ล้านบาท ณ ตอนนี้ คุณจะทำอะไร (อาชีพ) คุณจะอยู่ที่ไหน และคุณจะจัดการกับเงินนั้นอย่างไร -ถามว่าทำอะไร (อาชีพ).. คงจะเป็นนักลงทุนค่ะ .. ให้เวลากับการสัมมนา และสร้างเครือข่ายให้กว้างขวางขึ้นค่ะ เพราะเรามีเวลาเหลือเยอะแยะแล้ว -อีกอย่างคือ จะให้เวลากับครอบครัว โดยเฉพาะคุณแม่ให้มากขึ้น แบ่งเงินให้ท่าน ท่านจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินอีก คุณจะอยู่ที่ไหน .. ก็คงอยู่ในประเทศไทยค่ะ .. แต่จะมีการเดินทางไปต่างประเทศด้วย เพื่อเพิ่มมุมมอง และประสบการณ์ และชวนญาติพี่น้อง ไปด้วยเพื่อเปิดหูเปิดตา เปิดโอกาสให้เขาได้เจอโลกที่กว้างขึ้น คุณจะจัดการกับเงินนั้นอย่างไร -แบ่งเงินลงทุนต่อ 50% -แบ่งเงินเข้าอบรมสัมมนา 10% -แบ่งเงินทำบุญ 10% -แบ่งเงินให้คุณแม่ 20% -แบ่งเงินเป็นงบ entertain สร้างความสุขในชีวิตบ้าง เปิดมุมมองบ้าง 5% 6. หัวข้อที่คุณมีความสุขที่จะได้สนทนานานๆโดยไม่เบื่อ... เป็นหัวข้อเกี่ยวกับอะไรบ้าง ...3 ลำดับแรก - 1)ชีวิตคืออะไร     2)แนวจิตวิทยา สืบสวน ทำความเข้าใจคนอื่นจากการตี ความ  3)มุมมองของคนอื่นกับเรื่องต่างๆในชีวิตเขา ถ้าเจอปัญหานี้ คุณคิดว่าไง อะไรทำให้คุณตัดสินใจอย่างนั้น และอะไรทำให้คุณเป็นคุณเช่นทุกวันนี้ 7. งานอดิเรก ที่คุณทำด้วยใจรักและมีความสุขมากที่สุด มีอะไรบ้าง ...3 ลำดับแรก - 1)ไปเที่ยวที่ใหม่ๆ แปลกๆ - ออกไปเจอโลกภายนอก   2)ดูหนัง   3) เต้นไปตามเพลงมันส์ๆ 8. มีอะไรบ้าง ที่คุณชอบและมักจะทำให้คนอื่นด้วยความภูมิใจและมีความสุขอย่างยิ่ง ... 3 ลำดับแรก - 1)เวลาใครมีปัญหาปรึกษา .. เรามีเวลาให้กับเขา คุยกับเขา ทำให้เขาสบายใจ และช่วยเหลือเขาได้ เป็นประโยชน์กับเขา 2) ทำบุญ .. ไหว้พระ 3) บอกในสิ่งที่คนอื่นไม่รู้ และเรารู้และเขาก็อยากรู้ 9. หากคุณต้องจากโลกนี้ไปอย่างสงบสุข ... สิ่งใดที่คุณอยากให้คนรุ่นหลังระลึกถึงผลงานที่คุณทำไว้ หรือ สิ่งที่คุณได้เป็น ... 3 ลำดับแรก - 1)เป็นลูกที่ดี รักพ่อแม่มาก รักครอบครัวมาก อยู่ช่วยเหลือเขาในเวลาที่เขาต้องการเสมอ 2) เป็นคนที่จิตใจดี ชอบทำบุญ .. เป็นตัวอย่างเล็กๆ ที่น่าจะทำตาม 3)เป็นคนที่อยู่อย่างพอดี .. เข้าใจชีวิต ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร มีแต่จะช่วยเขาเท่าที่ทำได้ 10. สิ่งที่ประสบความสำเร็จที่สุด ณ ตอนนี้ ที่นึกออกทันที นึกปุ๊บ คิดได้ปั๊บ คืออะไร ... 3 ลำดับแรก -1) ฝึกพิมพ์ดีดด้วยตัวเอง จนเป็น และพิมพ์เก่งทั้งไทยและอังกฤษ 2) เป็นคนใจเย็น เข้าใจคนอื่น พยายามมองโลกในแง่ดีไม่โกรธ ปล่อยวางเท่าที่ทำได้ 3) เป็นคนดีในระดับหนึ่ง ซ้อตอบครบแล้ว 10 ข้อ .. เป็นสิ่งที่ซ้อคิดจริงๆ .. จะเห็นได้ว่าเน้นเรื่องครอบครัวมาก .. รักครอบครัวค่ะ ไม่ทราบจะตรงตามที่นินจาต้องการหรือเปล่า บางทีซ้อก็อาจจะเฉไปบ้าง (ชอบแหกคอก) .. ยังไงขอส่งอาจารย์เลยแล้วกันค่ะ จากคุณ : ซ้อสี่ค่ะ (คิมิเอะ-จัง) - [ 27 ก.พ. 48 12:18:56 ]

ความคิดเห็นที่ 49 อิอิ ไม่ค่อยได้เข้ามาเท่าไหร่ แต่อยากมีส่วนร่วมอะค่ะ ขอส่งคำตอบด้วยคนค่ะ ก่อนอื่น ขอบอกพี่นินจา (ขอเรียกอย่างงี้นะคะ) เป็นความคิดหลังจากเริ่มหาอาหารให้สมองในช่วงไม่นานอะค่ะ รู้สึกตัวเลยเหมือนกันว่ามีความคิดเห็นหลายๆ อย่างเปลี่ยนไปและกำลังพัฒนาอะค่ะ ขอคำชี้แนะด้วยค่ะ 1.  "โอกาส" กับ "ความสามารถ" คุณคิดอะไรต้องมาก่อน เพราะอะไร ---> ขอตอบว่า “ความสามารถ” ค่ะ เพราะว่า ถ้าไม่มีความสารถแล้ว คงจะไม่รู้ว่า โอกาสนั้นมีอยู่ทั่วๆ ไป เพียงแต่ว่าเราจะหยิบมาใช้ให้เป็นโอกาสของเราได้หรือเปล่า หรือไม่ก็ ถ้าเรามีความสามารถ และมีคนยอมรับเราแล้วละก็ คงมีแต่คนหยิบยื่นโอกาสต่างๆ มาให้เราถึงที่แน่นอน จนเราอาจจะแค่เลือกโอกาสที่ดีที่สุดของเรา โดยใช้ความสามารถที่มี (คงมีความสุขมากๆ เลยนะเนี่ย ถ้าได้เป็นแบบนี้บ้าง) 2.   เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ 100% คุณคิดว่าควรให้ความสำคัญกับ "วิธีการ" และ "เป้าหมาย" แบ่งเป็นอย่างละกี่เปอร์เซ็นต์ ---> ขอตอบว่า เราต้องให้ความสำคัญกับเป้าหมายมากกว่าวิธีการอยู่แล้ว เพราะเป้าหมายที่ชัดเจนจะทำจะทำให้เราเดินไปสู่มันอย่างมุ่งมัน ไม่ไร้ทิศทาง แต่สำหรับพูห์แล้ว ถ้าเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ 100 เปอร์เซ็นต์ วิธีการที่ดี ก็จะเป็นตัวที่ทำให้สามารถไปสู่เป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว เลยขอแบ่งเป็น เป้าหมาย 75 เปอร์เซ็นต์ และวิธีการ 25 เปอร์เซ็นต์ 3.  "เงิน" กับ  "เวลา" สำหรับคุณสิ่งไหนมีค่ามากกว่ากัน เพราะเหตุใด ---> ขอตอบว่า เวลา เป็นสิ่งที่มีค่ามากๆๆ เพราะตอนนี้รู้ซึ้งอย่างแรงว่า อยากมีเวลามากกว่านี้ เพื่อให้มีเวลาศึกษาหาความรู้ที่อยากรู้ ไม่ใช่ เพื่อทำงานเพื่อแลกเปลี่ยนเงินให้มากขึ้นอะค่ะ (งานยุ่งมั่กๆ จนไม่มีเวลาคิดเลย ซึ่งน่ากลัวมาก...) ที่คิดว่า เวลา สำคัญเพราะ ถ้าเรามีเวลาเพื่อทุ่มเทให้กับสิ่งที่เราสนใจและทำให้ชีวิตมีความสมดุลได้แล้ว เราก็จะมีประสิทธิภาพในการทำงานได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น เราก็สามารถยืมเงินคนอื่น หรือเวลาของคนอื่นมาทำงานให้เรา 4.    “การศึกษา"   กับ   "ทัศนคติ"   คุณให้ความสำคัญเรื่องไหนมากกว่ากัน เพราะเหตุใด ---> ขอตอบว่า จะให้ความสำคัญกับ “ทัศนคติ” มากกว่า แน่นอน เพราะ เป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนมากว่า ถ้าเรามีทัศนคติต่อสิ่งต่างๆ เช่นไร ก็จะทำให้เราเป็นคนเช่นนั้น หรือไปสู่ทิศทางนั้นๆ เสมอ เช่น การคิดว่า การลงทุนมีความเสี่ยงสูง ไม่ควรเข้าไปเกี่ยวข้อง ในทางกลับกันถ้าเรามีทัศนคติที่ว่าเราควรจะจัดการกับความเสี่ยงนั้นอย่างไร แนวทางในการดำเนินชีวิตคงไม่เพียงแค่แตกต่างกันแล้ว แต่คงเป็นแบบที่ตรงกันข้ามกันเลยทีเดียว 5.      ถ้าคุณมีเงิน กระแสเงินสด วัน 1,000  ล้านบาท ณ ตอนนี้ คุณจะทำอะไร (อาชีพ) คุณจะอยู่ที่ไหน และคุณจะจัดการกับเงินนั้นอย่างไร ---> ขอตอบว่า ..... (อยากมีจริงๆ จังเลย) คิดว่ากระแสเงินสดวัน (ละ) 1,000 ล้านบาท คงขึ้นกับว่า ตอนนี้ มีความรู้อะไรบ้างที่สามารถช่วยคนอื่น ถ้าทำได้จะแบ่งเวลาส่วนนึงใน 1 สัปดาห์เพื่อทำสิ่งนั้น ส่วนนึงก็อยู่กับครอบครัว ถ้าเป็นไปได้ก็เที่ยวด้วยกัน (คือพ่อ แม่ ไม่ต้องทำงานหนักๆ อีกต่อไป) ส่วนเงิน ขอจัดการโดยการ แบ่งส่วนนึงเพื่อใช้จ่าย กินอยู่ เที่ยว แบ่ง 20 เปอร์เซ็นต์ลงทุนต่อ 200 ล้าน อิอิ คงลงอะไรก็ได้ และได้ลองอะไรใหม่ๆ เป็นความรู้แน่นอน ส่วนนึงก็ตอบแทนสังคม ขึ้นกับสถานการณ์ว่า ณ ตอนนั้นๆ เค้าต้องการมากน้อยแค่ไหน (แค่คิดก็มีความสุขแล้ว) 6. หัวข้อที่คุณมีความสุขที่จะได้สนทนานานๆโดยไม่เบื่อ... เป็นหัวข้อเกี่ยวกับอะไรบ้าง ...3 ลำดับแรก ---> ขอตอบว่า 1. เรื่องความเป็นอยู่ทั่วๆ ไป สภาพแวดล้อม สารทุกข์สุขดิบของญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง 2.เรื่องที่ทำให้เกิดการถกเถียง เสนอความคิดเห็นของตนเอง ขยายกรอบความคิดต่างๆ กับเพื่อนฝูง พี่น้อง 3.เรื่องเบาๆ เช่น หนังสือที่อ่าน หนังที่ดู การท่องเที่ยว ว่าเราได้อะไรบ้างจากมัน 7. งานอดิเรก ที่คุณทำด้วยใจรักและมีความสุขมากที่สุด มีอะไรบ้าง ...3 ลำดับแรก   ---> ขอตอบว่า 1.อ่านหนังสือทุกๆ ประเภท ดูทีวี ดูหนัง เล่นเน็ต 2.คุยกะพ่อ แม่ พี่ น้อง เพื่อนฝูง 3.ท่องเที่ยวในหลากหลายสถานที่ 8. มีอะไรบ้าง ที่คุณชอบและมักจะทำให้คนอื่นด้วยความภูมิใจและมีความสุขอย่างยิ่ง ... 3 ลำดับแรก ---> ขอตอบว่า 1.ช่วยพ่อ แม่ทำงาน (ตอนทำอาจจะต้องอึด อดทนบ้าง เพราะต้องอดนอน แต่ได้ทำและได้ทำจนครบถ้วนแล้วล่ะก็ จะมีความสุขมากๆ และนานด้วย ไว้โม้กะพี่ๆ ไง ว่าช่วยงาน อิอิ) 2.เป็นตัวแทนของที่บ้านในการทำสิ่งต่างๆ เช่น ไปงานต่างๆ ติดต่อธนาคาร เฝ้าไข้ เยี่ยมไข้ ฯลฯ 3.ให้คำแนะนำ เป็นที่ปรึกษาของเพื่อนๆ บางที่ก็แค่รับฟังเฉยๆ เท่านั้นแหละเมื่อเค้าต้องการ 9. หากคุณต้องจากโลกนี้ไปอย่างสงบสุข ... สิ่งใดที่คุณอยากให้คนรุ่นหลังระลึกถึงผลงานที่คุณทำไว้ หรือ สิ่งที่คุณได้เป็น ... 3 ลำดับแรก ---> ขอตอบว่า 1.เป็นคนที่ไม่ค่อยเอาเปรียบใคร 2.พยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เท่าที่ตัวเราจะทำได้ (แต่คนอื่นอาจทำได้ดีกว่าอะนะ) 3.เป็นคนที่ถ้าไม่คิดมากแล้ว ก็คือไม่คิดจริงๆ (แต่ถ้าจะคิดแล้ว ก็จะบ้าคิดไป 3 วัน แล้วก็เลิกคิดอีกน่ะแหละ) 10. สิ่งที่ประสบความสำเร็จที่สุด ณ ตอนนี้ ที่นึกออกทันที นึกปุ๊บ คิดได้ปั๊บ คืออะไร ... 3 ลำดับแรก ---> ขอตอบว่า 1.สามารถสร้างแรงบันดาลใจอย่างแน่วแน่ แรงกล้า ฯลฯ ให้กับตัวเองในการทำสิ่งต่างๆ เพื่อนำไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ได้แล้ว (สำหรับคนอื่นคงจะไม่ยากอะนะ แหะๆๆ) 2.จัดการกับสิ่งที่วุ่นวายในที่ทำงานได้ลงตัวมากขึ้น คือไม่ใช่ว่าสามารถทำสิ่งที่วุ่นวายนั้นๆ ให้น้อยลง แต่เป็นการรู้วิธีการที่จะจัดการ จัดลำดับความสำคัญ และเลือกทำในสิ่งที่ต้องทำเท่านั้นได้อย่างเหมาะสม 3.การติดต่อสื่อสารผ่านสายโทรศัพท์ จะสามารถทำได้ดีมากขึ้น แต่กลับทำให้การติดต่อแบบเผชิญหน้าแย่ลง (แง้ๆๆๆๆ) ตอบไปงงไปจนครบทุกคำถาม แล้วจะรอคำถามต่อๆ ไป.... ขอบคุณที่ช่วยแนะนำด้วยค่ะ จากคุณ : พูห์ชี้ฟ้า - [ 27 ก.พ. 48 20:37:57 ]

ความคิดเห็นที่ 50 สวัสดีค่ะ แวะมาแป๊บนึงค่ะ Step 2 สำหรับอาซ้อนะคะ (1) อาซ้อช่วยเล่าต่อด้วยค่ะว่า อาซ้อจะสร้างเครือข่ายให้กว้างขวางขึ้น ... ในรูปแบบไหนคะ ที่อาซ้อทำแล้วรู้สึกมีความสุขมากๆๆๆ .. ทุกวันนี้ อาซ้อรู้จักผู้คนมากน้อยขนาดไหน และคนเหล่านั้นรู้สึกอย่างไรกับอาซ้อบ้างคะ (แบ่งกลุ่มๆได้ยิ่งดีค่ะ) ........ ประมาณ 1 หน้ากระดาษ (2) เงินลงทุนของอาซ้อ ประมาณวันละ ห้าร้อยล้านบาท ( ที่อาซ้อวางแผน 50% จากกระแสเงินสดประมาณวันละ พันล้านบาท) ....อาซ้อ จะลงในหุ้นกี่ตัวคะ, จะลงทุนในกี่ประเทศคะ, จะลงทุนอสังหาฯ กี่ชิ้นคะ, จะลงทุนธุรกิจกี่อย่างคะ ... ที่ประมาณการณ์ไว้ ... แล้วจะบริหารเองหรือว่าจะจ้างมืออาชีพคะ ..... ประมาณครึ่งหน้ากระดาษ (3) มุมมองของคนอื่นกับเรื่องต่างๆในชีวิต และการแก้ปัญหาชีวิต ... เรื่องที่อาซ้อประทับใจมากๆมีเรื่องอะไรบ้างคะ  .. และเรื่องที่อาซ้อรู้ และได้บอกคนอื่นที่ไม่รู้ จนคนนั้นได้รู้และประทับใจมากๆในสิ่งที่อาซ้อบอกเล่าแนะนำ คือเรื่องอะไรบ้างคะ ... ประมาณครึ่งหน้ากระดาษ รอฟังต่อนะคะ ขอบคุณค่ะ ********* Step 2 ของน้องพูห์ นะคะ (1) ที่น้องพูห์บอกว่า ...การติดต่อสื่อสารผ่านสายโทรศัพท์ จะสามารถทำได้ดีมากขึ้น แต่กลับทำให้การติดต่อแบบเผชิญหน้าแย่ลง แล้วจริงๆเวลาติดต่อทางโทรศัพท์รู้สึกมีความสุขมากกว่าการเผชิญหน้าหรือไม่ อย่างไรคะ ... และถ้าสร้างกระแสเงินสดผ่านเครือข่ายที่มีอยู่ .. อยากติดต่อทางสายโทรศัพท์ หรืออยากจะพบปะเผชิญหน้าเพื่อพูดคุยเรื่องอื่นๆจิปาถะด้วยคะ .... ประมาณครึ่งหน้ากระดาษ (2) ที่บอกว่าเป็นตัวแทนของที่บ้านในการทำสิ่งต่างๆ เช่น ไปงานต่างๆ ติดต่อธนาคาร เฝ้าไข้ เยี่ยมไข้ ฯลฯ ... ระหว่างการทำหน้าที่ดังกล่าว รู้สึกเบื่อหรือไม่, ได้เรียนรู้อะไรเพิ่มขึ้นบ้างหรือไม่, ได้เห็นอะไรเพิ่มขึ้นบ้างหรือไม่ .... ประมาณครึ่งหน้ากระดาษ (3) ช่วยเล่าว่า ..น้องพูห์เป็นคนที่ ไม่คิดมาก ก็คือ ไม่คิดจริงๆ ... เรื่องไหนบ้างคะ ที่ไม่คิดมาก ...และที่จะคิดแล้ว ก็จะบ้าคิดไป 3 วัน แล้วก็เลิกคิดอีกน่ะแหละ ... เป็นประมาณเรื่องอะไรคะ ที่คิดบ้าไป 3 วันแล้วเลิกคิด ... และโดยรวมแล้ว ไม่คิด กับคิดบ้าไป 3 วัน ... แบบไหนเยอะกว่ากัน เยอะกว่าขนาดไหนคะ ... ประมาณ 1 หน้ากระดาษ *********** เท่านี้ก่อนนะคะ ไว้มาต่ออีกทีนะคะ ... ขอบคุณค่ะ จากคุณ : คนชื่อนินจา - [ 28 ก.พ. 48 11:58:33 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ขอบคุณพี่นินจาล่วงหน้าเลยนะครับ ผมเพิ่งมาเห็น พอดีเสาร์-อาทิตย์ไม่ว่างเข้าเนต เดี๋ยวจะมาทำแบบฝึกหัดส่งพี่นะครับ หงิงหงิง ปล. พี่สาวน่ารักที่สุดเลยยยยย.... จากคุณ : สุมาเต๊กโช - [ 28 ก.พ. 48 14:47:28 ]

ความคิดเห็นที่ 52 กำลังไปทำการบ้านมาส่งนะคะ นินจา แล้วเดี๋ยวจะมาส่งค่ะ อ่านของคุณพูห์แล้วก็น่าสนใจค่ะ ชอบสไตล์การเขียนดูสดใสดีค่ะ จากคุณ : ซ้อสี่ค่ะ (คิมิเอะ-จัง) - [ 28 ก.พ. 48 21:03:25 ]

ความคิดเห็นที่ 53 เล่นmsnจนคิดเรื่องงานตัวเองฝืด คือสมองไม่วิ่งครับคิดช้าลง สมาธิสั้น ตอนนี้กำลังออบแบบงานอยู่ครับ และต้องเสนอราคาด้วย   และงานที่ทำ ประจำต้อง modifyใหม่ปรับปรุงให้ดีขึ้นตามความต้องการของลูกค้าเพราะ สินค้าไปได้ไกลขึ้นครับ แก้ไขเมื่อ 01 มี.ค. 48 14:44:58 จากคุณ : ลำชี - [ 1 มี.ค. 48 08:21:19 ]

ความคิดเห็นที่ 54 เห็นเค้าตอบกันผมก็ขอตอบมั่งนะครับพี่นินจา คำตอบอาจจะงงๆหน่อยนะครับ ผมเรียบเรียงไม่ค่อยเป็น .................................................................................................................................................... 1.  "โอกาส" กับ "ความสามารถ" คุณคิดอะไรต้องมาก่อน เพราะอะไร     - อันนี้ผมให้ความสามารถครับ เพราะถ้ามีความสามารถ เราก็สามารถสร้างโอกาสขึ้นมาเองได้ โดยที่ไม่ต้องรอคอยโอกาสครับ 2.   เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ 100% คุณคิดว่าควรให้ความสำคัญกับ "วิธีการ" และ "เป้าหมาย" แบ่งเป็นอย่างละกี่เปอร์เซ็นต์     - อย่างละ 50% ครับ ผมว่ามันสมดุลดี เพราะทั้ง 2 อย่างส่งเสริมกันตามหลักของ อิน-หยาง ครับ ขาดสิ่งหนึ่งก็ไม่สามารถมีอีกสิ่งหนึ่งได้ครับ 3.  "เงิน" กับ  "เวลา" สำหรับคุณสิ่งไหนมีค่ามากกว่ากัน เพราะเหตุใด     - เวลาครับ เวลามีค่ามากกว่าเงินในความคิดผม เวลาเป็นของที่ใช้แล้วหมดไปและไม่มีอะไรมาทดแทนได้ถ้ามันหมดไปแล้ว เพราะฉะนั้นย่อมมีมูลค่ามากในตัวของมันครับ ส่วนเงินถึงจะมีมูลค่าเหมือนกันแต่เงินก็ไม่สามารถซื้อเวลาของเราที่ใช้ไปแล้วคืนมาได้ครับ(นอกจากเราจะเอาไว้ซื้อเวลาของคนอื่นครับ) 4.    “การศึกษา"   กับ   "ทัศนคติ"   คุณให้ความสำคัญเรื่องไหนมากกว่ากัน เพราะเหตุใด     - การศึกษาก็สำคัญนะครับ แต่ทัศนคติสำคัญกว่า เพราะการมีทัศนคติที่ดีในการทำกิจกรรมใดๆก็ตามจะทำให้เราใฝ่รู้ใฝ่ศึกษาในกิจกรรมนั้นครับ 5.      ถ้าคุณมีเงิน กระแสเงินสด วัน 1,000  ล้านบาท ณ ตอนนี้ คุณจะทำอะไร (อาชีพ) คุณจะอยู่ที่ไหน และคุณจะจัดการกับเงินนั้นอย่างไร     - ผมจะทำดังนี้ครับ     5.1 นำเงิน 80%ไปตั้งบ.โฮลดิ้งครับ(แบ่งย่อยเป็น 3 Sector ครับ)          5.1.1 อสังหาริมทรัพย์ (40%)                  5.1.1.1 ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์(20%) เช่นอพาร์ทเมนท์, ตลาดสด                  5.1.1.2 พัฒนาอสังหาริมทรัพย์(20%) เช่น หมู่บ้าน, สวนเกษตร, โรงงาน          5.1.2 การลงทุน(30%)                  5.1.2.1 ลงทุนในหุ้น+ตราสารทางการเงิน(15%)                  5.1.2.2 บริษัท Leasing(10%)                  5.1.2.3 ทองคำ/เพชร/อัญมณี(5%)          5.1.3 บริการ(10%)ร่วมทุนกับบริษัทที่ให้บริการเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจข้อ 5.1.1+5.1.2                  5.1.3.1 รักษาความปลอดภัย                  5.1.3.2 กฎหมาย                  5.1.3.3 บัญชี/ภาษี     5.2 ตั้งมูลนิธิ - 15% ทำโรงทานครับเอาไว้เลี้ยงอาหารคนจนและคนยากไร้     5.3 เงินส่วนสุดท้าย 5% จะนำไปซื้อที่ดินที่เชียงใหม่(บ้านเกิดครับ)ทำสวนเกษตรพอเพียงใช้หลักการเกษตรธรรมชาติครับ+ให้ความรู้เรื่องเกษตรธรรมชาติแก่ผู้สนใจครับ(ผมอยากจะอยู่ณ.ที่ตรงนี้ครับ อาชีพหลักคือทำสวนครับ) 6. หัวข้อที่คุณมีความสุขที่จะได้สนทนานานๆโดยไม่เบื่อ... เป็นหัวข้อเกี่ยวกับอะไรบ้าง ...3 ลำดับแรก     6.1 ประสบการณ์ชีวิตครับ     6.2 การเงินการลงทุน     6.3 กีฬา โดยเฉพาะฟุตบอลครับ 7. งานอดิเรก ที่คุณทำด้วยใจรักและมีความสุขมากที่สุด มีอะไรบ้าง ...3 ลำดับแรก     7.1 เล่น + ดูฟุตบอลครับ     7.2 อ่านหนังสือ     7.3 ขับรถเล่น 8. มีอะไรบ้าง ที่คุณชอบและมักจะทำให้คนอื่นด้วยความภูมิใจและมีความสุขอย่างยิ่ง ... 3 ลำดับแรก     8.1 บอกสิ่งดีๆที่เราได้รับรู้จากการอ่านหรือการพบปะผู้คนให้คนคุ้นเคยฟัง     8.2 บอกรักคนที่เรารัก + พยายามมองหาข้อดีของคนที่เราไม่ชอบครับ(ต้องใช้ความพยายามมากๆเลย)     8.3 ตอบคำถาม+แก้ไขปัญหาของเพื่อนๆถึงแม้จะรู้บ้างไม่รู้บ้างก็จะพยายามตอบครับ 9. หากคุณต้องจากโลกนี้ไปอย่างสงบสุข ... สิ่งใดที่คุณอยากให้คนรุ่นหลังระลึกถึงผลงานที่คุณทำไว้ หรือ สิ่งที่คุณได้เป็น ... 3 ลำดับแรก     9.1 เป็นลูกกตัญญูครับ(ฝันว่าซักวันอาจได้เป็นพรีเซ็นเตอร์ชวนป๋วยปี่แป่กอตราลูกกตัญญู)     9.2 เป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจให้คนรอบข้างครับ(โดยได้รับแรงบันดาลใจจากพี่ๆหลายคนในคลับครับ)     9.3 เป็นผู้ก่อตั้งทีมฟุตบอลอาชีพของคนเชียงใหม่ครับ(อยากเห็นเชียงใหม่มีทีมบอลอาชีพ) 10. สิ่งที่ประสบความสำเร็จที่สุด ณ ตอนนี้ ที่นึกออกทันที นึกปุ๊บ คิดได้ปั๊บ คืออะไร ... 3 ลำดับแรก     10.1 เปลี่ยนทัศนคติในการมองตนเองให้ดีขึ้นได้จากที่เคยตีค่าตัวเองไว้ต่ำ+คิดว่าจะทำอะไรไม่สำเร็จเลย เป็นมองว่าตนเองก็สามารถประสบความสำเร็จได้ถ้ามีความมุ่งมั่น+ใช้ใจทำทุกสิ่ง(โดยเฉพาะที่อยากทำ) ผมมีประโยคที่ชอบพูดกับตัวเองและคนคุ้นเคยฟังว่า "หมอคนแรกไม่ได้จบแพทย์ศาสตร์ซะหน่อย วิศวกรคนแรกก็ได้จบวิศวะซะหน่อย + เศรษฐีคนแรกก็คงไม่ได้จบโท MBA เหมือนกันแล้วทำไมเราจะทำอย่างที่เค้าทำไม่ได้"     10.2 ทำให้แม่รู้สึกสบายใจเรามีงานมั่นคงทำ โดยที่ตนเองได้รับโอกาสในการเรียนรู้ - ตอนนี้ผมทำงานสินเชื่อในฝ่ายสินเชื่อก่อสร้าง+พัฒนาอสังหาริมทรัพย์อยู่ที่ธนาคารรัฐแห่งหนึ่งครับ เป็นโอกาสที่จะได้เรียนรู้ในเรื่องธุรกิจที่เราอยากทำ และทำให้แม่สบายใจด้วยครับ     10.3 ได้ตัดสินใจเรื่องสำคัญๆต่างๆของชีวิตด้วยตัวเราเองครับ ................................................................................................................................................... จบแล้วครับพี่ รอทำStepต่อไปอย่างใจจดใจจ่อครับ แก้ไขเมื่อ 01 มี.ค. 48 08:45:04 จากคุณ : กระบี่ไร้เงา - [ 1 มี.ค. 48 08:29:15 ]

ความคิดเห็นที่ 55 สวัสดีค่ะ น้องกระบี่ไร้เงา ... step 2 นะคะ (1) ลักษณะงานสินเชื่อในฝ่ายสินเชื่อก่อสร้าง+พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่น้องฯทำอยู่ ... ถ้าแบ่งงานที่ทำออกเป็นส่วนๆ (เกี่ยวกับประสานงานลูกค้า, เกี่ยวกับวิเคราห์วางแผน, เกี่ยวกับการสำรวจข้อมูลตลาด ฯลฯ) ส่วนมากเป็นงานลักษณะไหนที่ชอบ (ทำแล้วมีความสุข) และลักษณะไหนที่ไม่ชอบ  .......... ประมาณหนึ่งหน้ากระดาษ (2) น้องกระบี่ฯ ตั้งใจว่าจะบริหารการลงทุนในรูปแบบต่างๆ ด้วยตนเอง หรือจ้างมืออาชีพ หรือเป็นหุ้นส่วน .... พร้อมๆกับทำงานเกษตรธรรมชาติที่รักไปด้วย ... ตั้งใจจะบริหารการลงทุนของเงินวันละ 800 ล้านอย่างไร (40%+30%+10% ที่ระบุไว้) ............ ประมาณครึ่งหน้ากระดาษ (3) ที่น้องฯ บอกว่า ได้ตัดสินใจเรื่องสำคัญต่างๆในชีวิตด้วยตนเอง ... ที่ตัดสินใจครั้งสำคัญๆ มีอะไรบ้าง .. และที่ภูมิใจที่สุดคือเรื่องอะไร และที่ตัดสินใจแล้วผิดพลาดล้มเหลวที่สุดเป็นอย่างไร ............ ประมาณครึ่งหน้ากระดาษ ******** วันนี้เท่านนี้ก่อนนะคะ กำลังต้องไปธุระแล้วค่ะ จะมาอีกที วันพฤหัสบดี เลยนะคะ ...... ขอบคุณค่ะ จากคุณ : คนชื่อนินจา - [ 1 มี.ค. 48 09:39:17 ]

ความคิดเห็นที่ 56 มาส่งการบ้านครับ ... ผมตอบ step2 นะครับพี่นินจา .................................................................................................................................................... (1) ลักษณะงานสินเชื่อในฝ่ายสินเชื่อก่อสร้าง+พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่น้องฯทำอยู่ ... ถ้าแบ่งงานที่ทำออกเป็นส่วนๆ (เกี่ยวกับประสานงานลูกค้า, เกี่ยวกับวิเคราห์วางแผน, เกี่ยวกับการสำรวจข้อมูลตลาด ฯลฯ) ส่วนมากเป็นงานลักษณะไหนที่ชอบ (ทำแล้วมีความสุข) และลักษณะไหนที่ไม่ชอบ  .......... ประมาณหนึ่งหน้ากระดาษ - งานสินเชื่อก่อสร้างฯนี้แบ่งออกเป็น 2 ฝ่ายครับ 1.1 ฝ่ายธุรกิจสัมพันธ์ฯ – มีงานหลัก 2 อย่างครับ (ปัจจุบันผมอยู่ฝ่ายนี้) 1.1.1 งานด้านการปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า – เช่นการเจรจาต่อรองวงเงินกู้+เงื่อนไขต่างๆในสัญญากู้, การประสานงานระหว่างลูกค้ากับหน่วยงานของธนาคารที่เกี่ยวข้อง เช่นฝ่ายวิเคราะห์ฯ/สาขา/กฎหมาย, ช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับโครงการของลูกค้า(portลูกค้าที่ผมดูแลอยู่ เกือบทั้งหมดเป็นโครงการจัดสรร) 1.1.2 งานด้านเอกสาร/บันทึกอนุมัติอย่างง่าย(ที่ไม่ต้องผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการสินเชื่อ) – เช่นการเบิกเงินกู้, การปลอดจำนองชำระหนี้คืนธนาคาร, อนุญาตให้โครงการยื่นขออนุญาตแก่หน่วยงานราชการ(เช่นยืมโฉนดเฉลี่ยหนี้, ขออนุญาตจัดสรร) รวมไปถึงการจัดทำรายงานจัดอันดับความเสี่ยงของลูกค้า(Risk Rating)ในส่วนของข้อมูลทั่วไปของบริษัท+โครงการ+ด้านการตลาดของโครงการ///(งานด้านเอกสารเกือบทั้งหมดฝ่ายธุรกิจสัมพันธ์ฯจะเป็นผู้ทำครับ) 1.2 ฝ่ายวิเคราะห์ฯ – มีงานหลักดังนี้ครับ 1.2.1 จัดทำประมาณการทางการเงินของโครงการ – ทั้งโครงการที่ขอกู้ใหม่และ/หรือโครงการที่มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขต่างๆในสัญญากู้เงิน หรือมาขอขยายอายุสัญญากู้เงิน 1.2.2 จัดทำบันทึกอนุมัติ(ที่ต้องให้คณะกรรมการพิจารณาสินเชื่อเป็นผู้อนุมัติ)และงานด้านเอกสารอื่นๆบางส่วน – เช่น บันทึกอนุมัติขอวงเงินสินเชื่อ, ปรับเปลี่ยนเงื่อนไขต่างๆในสัญญากู้เงิน, จัดทำรายงานจัดอันดับความเสี่ยงของลูกค้า(Risk Rating)ในส่วนของการเงิน+การวิเคราะห์งบการเงินของโครงการ+บริษัท - งานที่ชอบ   ติดต่อลูกค้าครับมันสนุก ท้าทาย น่าตื่นเต้น เพราะมันมีสถานการณ์ต่างๆที่เปลี่ยนแปลง ต้องแก้ไข ต้องปรับปรุง ต้องตัดตรงโน้นต่อตรงนี้ เพื่อให้ทั้งธนาคาร+ลูกค้า win- win ทั้งคู่ครับ   อีกเรื่องที่ชอบคือทำประมาณการทางการเงินครับ คือมันต้องใช้จินตนาการ+ทักษะในการสื่อสารครับเพื่อจะให้ได้มาซึ่งข้อมูลที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริงที่สุดครับ - งานที่ไม่ชอบ   งานเอกสารครับ คือทักษะในการเขียนของผมไม่ค่อยดีถ้าเทียบกับด้านอื่นๆครับ คือคิดว่าตนเองด้อยในการสื่อสิ่งที่ต้องการจะบอกออกมาเป็นตัวหนังสือครับ + ไม่ค่อยรอบคอบทำให้เวลาทำงานต้องแก้ไขบ่อยๆครับ(ตอนนี้กำลังพยายามปรับปรุงข้อเสียพวกนี้อยู่ครับ) (2) น้องกระบี่ฯ ตั้งใจว่าจะบริหารการลงทุนในรูปแบบต่างๆ ด้วยตนเอง หรือจ้างมืออาชีพ หรือเป็นหุ้นส่วน .... พร้อมๆกับทำงานเกษตรธรรมชาติที่รักไปด้วย ... ตั้งใจจะบริหารการลงทุนของเงินวันละ 800 ล้านอย่างไร (40%+30%+10% ที่ระบุไว้) ............ ประมาณครึ่งหน้ากระดาษ - ตอบข้อแรกนะครับ ถ้าให้บริหารงานเองผมคงไม่ทำแน่นอนครับ คงเหลือตัวเลือกอีก 2 คือ จ้างมืออาชีพกับหาหุ้นส่วนครับ คือผมจะใช้ทั้ง 2 แบบครับ   ด้านที่พอจะมีความรู้บ้างนิดหน่อย เช่นด้านอสังหาฯ+ลงทุนผมว่าจะหาทีมมืออาชีพมาช่วยครับ โดยเฉพาะด้านกฎหมาย/ภาษี/บัญชี วางรูปแบบวางระบบแล้วก็หาMDเก่งๆที่มีแนวคิดทางการลงทุนเหมือนกันมาบริหารครับ   ส่วนด้านที่ไม่มีความรู้เลย – ธุรกิจบริการ ก็คงต้องใช้การร่วมทุนแหละครับ เพราะผมว่าถ้าไม่ถนัดก็อย่าทำเองเลยให้คนอื่นทำให้ดีกว่า ส่วนการตรวจสอบธุรกิจผมก็จะให้ทีมของผมตรวจสอบครับ - ตอบข้อสองครับ ตอนแรกผมนึกว่าเงินลงทุน 1,000 ลบ. ซะอีก พอไปอ่านคำถามพี่นินจาอีกทีไหงกลายเป็นกระแสเงินสดวันละ 1,000 ลบ. ไปได้เนี่ย แล้วอย่างงี้ผมจะบริหารเงินยังไงดีเนี่ย 1,000 ลบ. แรก คิดไปแล้ว ส่วนของที่จะเข้ามาวันต่อไปนี่เอาอย่างงี้แล้วกันครับ   ประกาศรับสมัครบุคคลที่มีความสามารถทางการเงินจากทั่วประเทศครับ โดยเราจะสร้างแบบทดสอบทางการเงินออกมาชุดหนึ่งเพื่อคิดเลือกคนครับ(เน้นแนวคิดสู่อิสรภาพทางการเงินแบบพ่อรวย) คัดมาซัก 1,000 คนครับ ใช้เวลาคัดคน 100 วัน เราจะมีกองทุนส่วนนี้ 100,000 ลบ.ครับ(ไม่รวมดอกเบี้ย) แบ่งให้คนที่เราคัดมาเท่าๆกันได้คนละ 100 ลบ. เราจะให้เค้าแข่งกันบริหารportลงทุนครับ ระยเวลา 5 ปี โดยใครสามารถทำผลตอบแทนได้สูงกว่า 50% ก็จะได้เป็นหุ้นส่วนร่วมลงทุนกับโฮลดิ้งของผมครับ(คนละ 50-50) ในธุรกิจที่เค้าลงทุนอยู่ ส่วนคนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ก็ให้ค่าจ้างปีละ 1 ล้านแล้วเอาเงินลงทุนคืนกลับมาครับ   อีก 100 วันถัดมาก็ดำเนินการจัดตั้งกองทุนครับ 100,000 ลบ. ต่อมา ลงทุนใน SET 100 (ที่กำลังจะมีครับ)   ทำ 2 อย่างนี้วนไปเรื่อยๆครับ ส่วนกองทุนครั้งต่อไปก็อาจจะเลือกนำไปลงทุนในต่างประเทศครับ ตามความเหมาะสม   ส่วนดอกผลของสิ่งที่ทำขอเอาไปตั้งมูลนิธิทั้งหมดครับ เอาไว้ช่วยคนที่ขาดแคลน แต่ผมคิดว่าถ้าทำ 2 อย่างข้างต้นไปเรื่อยๆน่าจะไม่เหลือคนจนให้ช่วยเอานะครับ (3) ที่น้องฯ บอกว่า ได้ตัดสินใจเรื่องสำคัญต่างๆในชีวิตด้วยตนเอง ... ที่ตัดสินใจครั้งสำคัญๆ มีอะไรบ้าง .. และที่ภูมิใจที่สุดคือเรื่องอะไร และที่ตัดสินใจแล้วผิดพลาดล้มเหลวที่สุดเป็นอย่างไร ............ ประมาณครึ่งหน้ากระดาษ - ผมมีการตัดสินใจครั้งที่ผมคิดว่าสำคัญและมีผลต่อชีวิตประมาณ 4 ครั้งครับ(ผมภูมิใจ 4 เรื่องนี้พอๆกันครับ) 3.1 ตัดสินใจเลือกเรียนบริหารธุรกิจแทนที่จะเป็นวิศวะฯ – เรื่องมันเกิดตอนสอบเอ็นฯครับ คือผมเอ็นฯติด คณะบริหารฯ ม.เชียงใหม่ครับ แต่ก่อนหน้านั้นผมไปสอบวิศวะฯชลประทานตามความแนะนำของลุงซึ่งทำงานอยู่ที่กรมชลฯครับ ปัญหามันเกิดตอนที่ผมสอบได้ทั้ง 2 ที่ แล้วผมต้องเลือก แล้วผมก็เลือกอย่างแรกผมไม่อยากเรียนวิศวะฯครับเพราะผมอยากเป็นนักธุรกิจมากกว่าเป็นข้าราชการ ลุงผมโกรธมากเลยไม่พูดกับผมเป็นปีเลยครับ ช่วงที่เรียนม.เชียงใหม่นี่แหละครับที่ได้อ่านหนังสือของพ่อรวย ตัดสินใจว่าจบมาต้องหางานที่ช่วยส่งเสริมให้เรารู้ในหลายๆด้านที่จำเป็นในธุรกิจครับ – บัญชี, กฎหมาย, ภาษี และเรื่องธุรกิจนั้นๆที่เราอยากทำ 3.2 ตัดสินใจมาทำงานกรุงเทพ – เรียนจบก็ทำงานบริษัทฯขนส่งแห่งหนึ่งในเชียงใหม่(บริษัทฯใหญ่มากครับอันดับ 1 ของภาคเหนือ-แต่เอ๊ะนี่มันไม่ใช่เหมือนที่เราตั้งใจว่าจะทำงานในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจที่เราอยากทำนี่)ได้เงินเดือนเริ่มต้นแค่ 6,500 ทำอยู่ 2 ปีครึ่ง ได้เงินเดือน 9 พันกว่าบาท ตัดสินใจว่าอยากลองทำอะไรที่ไม่เคยทำซักครั้ง เลยมาหางานที่กรุงเทพฯครับ(ต้องบอกก่อนว่าตั้งแต่เด็กจนเรียนจบผมอยู่ที่เชียงใหม่ตลอด 22 ปีครับ) ได้งานที่บริษัทอสังหาฯในเครือ CP (ทำอยู่ประมาณ 2 ปี) ทำงานวิเคราะห์งบการเงินของบริษัทครับ ต้องมาเช่าหอพักอยู่คนเดียว ทำทุกอย่างคนเดียว ตัดสินใจทุกเรื่องด้วยตัวเอง ได้รับประสบการณ์ชีวิตเยอะแยะ ได้ใช้ชีวิตที่ไม่เคยใช้ที่เชียงใหม่ ทำให้เราเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากเลยครับ 3.3 ตัดสินใจบวช – ช่วงที่ทำงานที่ CP ก็ได้โอกาสไปเรียนประเมินราคาทรัพย์สินที่ธรรมศาสตร์ เลยลาออกมาทำงานในบริษัทประเมินครับ ช่วงนี้ทำงาน 2 ที่ ที่ละ 3 เดือนครับ เห็นว่าเราทำงานหนักมากต้องออกไปประเมินบ้าน, คอนโด, โรงงานบ่อยๆ รายได้ 2 หมื่นกว่าๆ หักค่าใช้จ่ายแล้วมันไม่คุ้มกันเลย เลยลาออกมารับแบบฟรีแลนซ์ครับ รายได้ดีมากเลย 4 – 5 หมื่นได้ แต่เหนื่อยกว่าเดิมมาก ชักท้อทำอยู่ได้แค่ 3 เดือน โทรกลับบ้านบอกแม่จะกลับไปบวชที่เชียงใหม่ เอาหล่ะไหนๆก็ไหนๆพระธรรมอาจช่วยให้พบทางสว่างได้ว่าชีวิตเราต้องการอะไรกันแน่ ตั้งใจมาก จะบวช 1 พรรษา แม่ไม่ยอมบอกบวชแค่ 15 วันพอ กลับมาอยู่บ้านต้องหางานทำไม่งั้นจะเอาอะไรกินหล่ะโตแล้วนะ เลยได้บวชแค่ 15 วัน วัดมีเจ้าอาวาสองค์เดียวรวมพระใหม่อย่างเราก็มี 2 ที่วัดนี้จะมีธรรมเนียมชาวบ้านจะมาฟังเทศน์ทุกวันพระ ปกติหลวงพ่อจะเทศน์เป็นประจำ แต่มีวันพระสุดท้ายก่อนจะสึกหลวงพ่อให้ขึ้นไปเทศน์ให้ชาวบ้านฟังหน่อย ผมไม่รู้จะเทศน์อะไรเลยขึ้นไปเล่าประวัติตัวเองให้เค้าฟัง ช่วงที่เริ่มพูดแรกๆปากคอสั่นเลย แต่ชาวบ้านตั้งใจฟังมากเลยนะครับประทับใจมาก ตอนนั้นหน่ะไม่อยากจะสึกเลยติดใจอยากเทศน์วันพระหนหน้า แฮ่แฮ่ 3.4 ตัดสินใจหางานที่มั่นคง+ตรงกับความรู้ที่เราอยากได้รับทำ – สึกออกมาก็กลับไปทำงานประเมินอีกประมาณ 3 เดือน(ทำที่เชียงใหม่) แล้วก็ตัดสินใจอีกว่าต้องทำธุรกิจให้ได้แต่เรายังไม่พร้อมจะทำไงดียังขาดความรู้อีกเพียบเลย แม่ก็อยากให้ทำงานที่มั่นคง ไม่อยากให้ทำงานกับบริษัทฯเล็กๆ เลยสมัครงานกับแบงค์ที่ทำอยู่ปัจจุบันครับ ทำมาได้ปีกว่าแล้วตอนนี้กำลังสะสมความรู้เกี่ยวกับธุรกิจอสังหาฯอยู่ครับ แม่ก็สบายใจด้วยไม่บ่นอีกเลย เราก็สบายใจได้ 2 เด้งเลยครับ - ส่วนเรื่องที่คิดว่าล้มเหลวที่สุดในชีวิตผมคิดว่าไม่มีนะครับ ส่วนใหญ่จะเป็นระหว่างทางที่ต้องตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิตที่กล่าวมาข้างต้นแหละครับ คือมันจะมีลูกลังเลผสมความคิดของคนอื่นด้วยไงว่าทำไมไม่ทำอย่างที่เค้าคิดหล่ะ ทำไมดื้อประมาณเนี้ยครับ มีช่วงที่อ่อนแอที่สุดแล้วร้องไห้เสียใจเลยเนี่ยก็มีครับแต่ไม่รู้ว่ารวมเป็นการตัดสินใจผิดพลาดรึเปล่าครับ คือช่วงที่มาอยู่กรุงเทพครั้งแรกเนี่ยก็พอดีมีแฟนด้วยครับ เค้าก็อยู่กรุงเทพเหมือนกันรู้จักกันตอนเรียนที่เชียงใหม่ แต่ทำงานคนละที่ มาเป็นแฟนกันก็ตอนที่ผมลงมาอยู่กรุงเทพ คือเป็นแฟนกันได้ซักพักก็มีผู้ชายมาชอบเค้าครับแก่กว่าประมาณ 10 ปีได้ หมอนี่มาแบบหมอดูมืออาชีพเลยครับ ประมาณว่าผู้หญิงชอบดูดวงมาก เลยเชื่อเค้าไปเต็มๆเลย(ผู้หญิงเค้าบอกกับผมว่าอย่างงี้นะครับ) ว่าเค้าเป็นเนื้อคู่กัน เราเลยแป่วเลย แพ้เพราะดวง 555 ชอกช้ำมากครับ เลยได้ประสบการณ์มาหลายอย่างเลยหลังจากนั้น ต่อไปถ้าจะคบใครคงต้องพยายามให้มากกว่านี้ครับ ช่วงนั้นเลยพาลไปคิดว่าเราตัดสินใจผิดที่ลงมาอยู่กรุงเทพครับ แต่พอผ่านมาได้ก็รู้เลยครับว่ามันไม่ใช่การตัดสินใจผิดแน่นอน .................................................................................................................................................... เรื่องของผมก็มีแค่นี้ครับพี่นินจา ไม่รู้ว่าจะครอบคลุมที่พี่ถามทั้งหมดรึเปล่าครับ แก้ไขเมื่อ 02 มี.ค. 48 11:17:34 แก้ไขเมื่อ 02 มี.ค. 48 11:16:47 จากคุณ : กระบี่ไร้เงา - [ 2 มี.ค. 48 11:14:56 ]

ความคิดเห็นที่ 57 นินจา ซ้อส่งการบ้านทาง hotmail แล้วนะคะ ไม่อยากส่งในกระทู้ เผื่อพื้นที่ให้คนอื่นที่อยากส่งการบ้านขอ้ 1 ให้นินจาบ้าง.. แต่ถ้านินจาคิดว่าที่ซ้อตอบไปมีประโยชน์ และไม่เปลืองเนื้อที่ นินจาจะเอามาโพสต์ก็ได้นะคะ ซ้อไม่มีปัญหาอะไรค่ะ รบกวนด้วยนะคะ รอ step - อย่างใจจดใจจ่อค่ะ จากคุณ : ซ้อสี่ค่ะ (คิมิเอะ-จัง) - [ 2 มี.ค. 48 13:49:55 ]

ความคิดเห็นที่ 58 อะไรกัน ซ้อสี่ ช่วยกันลงแบ่งปันให้เพื่อนๆได้อ่านบ้างสิครับ หงิง หงิง จากคุณ : สุมาเต๊กโช - [ 2 มี.ค. 48 17:39:23 ]

ความคิดเห็นที่ 59 Step 3 นะคะ สำหรับแต่ละคน มีดังนี้ค่ะ ค่อยๆคิดนะคะ ให้ตรงกับคำถามมากที่สุด โมเดลของแต่ละคน กำลังจะออกมาแล้วค่ะ ...อิอิ... (ตอบของใครของมันนะคะ  คำถามไม่เหมือนกันค่ะ) ********* คุณ chinn ช่วยระบุว่า ก. ข้อใดที่คุณปฏิบัติอยู่ บ่อยที่สุด มากที่สุด สม่ำเสมอที่สุด เรียงลำดับ 1 – 5 จากมากไปน้อย .......... ข. ข้อใดที่คนรอบข้าง ภูมิใจ และมองว่าตัวคุณเป็นเช่นนั้น บ่อยที่สุด มากที่สุด เรียงลำดับ 1 – 5 ค. จากนั้น สิ่งใดที่คุณมีความสุขที่ได้ทำหรือได้เป็น มากที่สุด เรียงลำดับ 1 – 5 ง. คนรอบข้าง (ครอบครัว เพื่อนร่วมงาน เพื่อน คนรู้จัก ฯลฯ) ส่วนใหญ่เป็นลักษณะไหน เรียงลำดับ จากมากไปน้อย 1 - 5 (1) เป็นคนที่ไวต่อความรู้สึก (มักมีสัญชาติญาณที่ค่อนข้างถูกจังหวะและเวลา เช่น หุ้น ฯลฯ) รวมทั้งยังมีการตัดสินใจที่เฉียบไวต่อสถานการณ์ต่างๆ (2) เป็นคนที่ช่างคิด บางครั้งก็คิดวางแผนกลยุทธ์การลงทุนต่างๆ เพื่อให้สร้างมูลค่ามากที่สุดเท่าที่จะทำได้ (3) เป็นคนที่คล่องแคล่ว ติดต่อลูกค้าอยู่เป็นประจำ และลูกค้าไว้ใจเชื่อใจในตัวคุณอย่างมาก รับฟังคำแนะนำในการลงทุนเป็นอย่างดี (4) เป็นคนที่เรียบง่าย บ่อยครั้งที่มักจะอยากเก็บตัวเงียบอยู่ลำพัง เพื่อคิดพิจารณากลยุทธ์ และประเมินผลงานต่างๆของตนเอง (5) เป็นคนที่มีแรงดลใจคิดอะไรแปลกใหม่อยู่เสมอ แต่บางครั้งไม่สามารถทำให้เป็นจริงได้ เพราะมีข้อจำกัดหลายอย่าง เช่น ช่องทาง เงินทุน ทีมงาน ฯลฯ ********* คุณ กระบี่ไร้เงา ช่วยระบุว่า ก. ข้อใดที่คุณปฏิบัติอยู่ บ่อยที่สุด มากที่สุด สม่ำเสมอที่สุด เรียงลำดับ 1 – 5 จากมากไปน้อย .......... ข. ข้อใดที่คนรอบข้าง ภูมิใจ และมองว่าตัวคุณเป็นเช่นนั้น บ่อยที่สุด มากที่สุด เรียงลำดับ 1 – 5 ค. จากนั้น สิ่งใดที่คุณมีความสุขที่ได้ทำ หรือได้เป็น มากที่สุด เรียงลำดับ 1 - 5 ง. คนรอบข้าง (ครอบครัว เพื่อนร่วมงาน เพื่อน คนรู้จัก ฯลฯ) ส่วนใหญ่เป็นลักษณะไหน เรียงลำดับ จากมากไปน้อย 1 - 5 (1) เป็นคนที่ค่อนข้างควบคุมตัวเองได้ มั่นใจในความสามารถของตนเองในการแก้ปัญหาหรือตัดสินใจเรื่องต่างๆ จะคิดด้วยตนเองมากกว่าฟังจากคนรอบข้าง (2) เป็นคนที่ชอบติดต่อสัมพันธ์กับผู้อื่น (มากกว่าที่จะมานั่งเขียน) ชอบที่จะมีปฏิสัมพันธ์ สื่อสารด้วยการพูด (มากกว่าเขียน) ชอบประสานงานต่อติด (มากกว่าที่จะมาให้นั่งวิเคราะห์) คล่องแคล่ว ติดต่อลูกค้าอยู่เป็นประจำ และลูกค้าไว้ใจเชื่อใจในตัวคุณอย่างมาก รับฟังคำแนะนำในต่างๆ เป็นอย่างดี (3) เป็นคนที่มีแรงดลใจคิดอะไรแปลกใหม่อยู่เสมอ (ไอเดียเจ๋งๆ โปรเจคใหม่ๆ) แต่อาจต้องหามืออาชีพมาช่วยวิเคราะห์วางแผนกลยุทธ์ให้เกิดผลและให้ปฏิบัติได้จริงๆ   (4) เป็นคนที่เรียบง่าย บ่อยครั้งที่มักจะอยากเก็บตัวเงียบอยู่ลำพัง เพื่อคิดพิจารณากลยุทธ์ และประเมินผลงานต่างๆของตนเอง (5) เป็นคนที่ไวต่อความรู้สึก (มักมีสัญชาติญาณที่ค่อนข้างถูกจังหวะและเวลา เช่น หุ้น ฯลฯ) รวมทั้งยังมีการตัดสินใจที่เฉียบไวต่อสถานการณ์ต่างๆ มีปฏิภาณไหวพริบดีเยี่ยม เป็นที่ยกย่องสำหรับผู้ร่วมงานและลูกค้าที่รู้จัก ********* อาซ้อสี่ ช่วยระบุว่า ก. ข้อใดที่คุณปฏิบัติอยู่ บ่อยที่สุด มากที่สุด สม่ำเสมอที่สุด เรียงลำดับ 1 – 5 จากมากไปน้อย .......... ข. ข้อใดที่คนรอบข้าง ภูมิใจ และมองว่าตัวคุณเป็นเช่นนั้น บ่อยที่สุด มากที่สุด เรียงลำดับ 1 – 5 ค. จากนั้น สิ่งใดที่คุณมีความสุขที่ได้ทำ หรือได้เป็น มากที่สุด เรียงลำดับ 1 - 5 ง. คนรอบข้าง (ครอบครัว เพื่อนร่วมงาน เพื่อน คนรู้จัก ฯลฯ) ส่วนใหญ่เป็นลักษณะไหน เรียงลำดับ จากมากไปน้อย 1 - 5 (1) เป็นคนที่ตื่นตัวอยู่เสมอ ชอบติดต่อประสานงาน ชอบพูดคุยกับผู้คน มีตารางเวลาชัดเจน (สมุดบันทึกติดต่อลูกค้า) ไม่เคยสับสน ไม่เคยพลาด ประสานได้ดีเยี่ยม (ขอแค่มีคำสั่ง มีแผนการที่ชัดเจน บอกมาเป็นข้อๆ ... ก็ทำได้ทุกอย่าง เป็นอย่างดี) เป็นที่ชื่นชม (2) เป็นคนที่ไวต่อความรู้สึก (มักมีสัญชาติญาณที่ค่อนข้างถูกจังหวะและเวลา เช่น หุ้น ฯลฯ) รวมทั้งยังมีการตัดสินใจที่เฉียบไวต่อสถานการณ์ต่างๆ มีปฏิภาณไหวพริบดีเยี่ยม เป็นที่ยกย่องสำหรับผู้ร่วมงานและลูกค้าที่รู้จัก (3) เป็นคนที่ชอบติดต่อสัมพันธ์กับผู้อื่น (มากกว่าที่จะมานั่งเขียน) ชอบที่จะมีปฏิสัมพันธ์ สื่อสารด้วยการพูด (มากกว่าเขียน) ชอบประสานงานต่อติด (มากกว่าที่จะมาให้นั่งวิเคราะห์) คล่องแคล่ว ติดต่อลูกค้าอยู่เป็นประจำ และลูกค้าไว้ใจเชื่อใจในตัวคุณอย่างมาก รับฟังคำแนะนำในต่างๆ เป็นอย่างดี (4) เป็นคนที่เรียบง่าย บ่อยครั้งที่มักจะอยากเก็บตัวเงียบอยู่ลำพัง เพื่อคิดพิจารณากลยุทธ์ สร้างระบบเครือข่ายตัวเองด้วยตัวเอง และประเมินผลงานต่างๆของตนเอง (5) เป็นคนที่มีแรงดลใจคิดอะไรแปลกใหม่อยู่เสมอ (ไอเดียเจ๋งๆ โปรเจคใหม่ๆ) เพียงแต่บางครั้ง ไม่ได้สานต่อ ไม่ได้ทำให้เป็นจริงขึ้นมา แต่ในใจก็คิดว่า ... ไอเดียเรานี่ สุดยอดจริงๆ ********* คุณ พูห์ชี้ฟ้า ช่วยระบุว่า ก. ข้อใดที่คุณปฏิบัติอยู่ บ่อยที่สุด มากที่สุด สม่ำเสมอที่สุด เรียงลำดับ 1 – 5 จากมากไปน้อย .......... ข. ข้อใดที่คนรอบข้าง ภูมิใจ และมองว่าตัวคุณเป็นเช่นนั้น บ่อยที่สุด มากที่สุด เรียงลำดับ 1 – 5 ค. จากนั้น สิ่งใดที่คุณมีความสุขที่ได้ทำ หรือได้เป็น มากที่สุด เรียงลำดับ 1 – 5 ง. คนรอบข้าง (ครอบครัว เพื่อนร่วมงาน เพื่อน คนรู้จัก ฯลฯ) ส่วนใหญ่เป็นลักษณะไหน เรียงลำดับ จากมากไปน้อย 1 - 5 (1) เป็นคนที่เรียบง่าย บ่อยครั้งที่มักจะอยากเก็บตัวเงียบอยู่ลำพัง เพื่อคิดพิจารณาตัวเอง เขียนๆ อ่านๆ กับตัวเอง .. (2) เป็นคนที่ไวต่อความรู้สึก (มักมีสัญชาติญาณที่ค่อนข้างถูกจังหวะและเวลา เช่น หุ้น ฯลฯ) รวมทั้งยังมีการตัดสินใจที่เฉียบไวต่อสถานการณ์ต่างๆ มีปฏิภาณไหวพริบดีเยี่ยม เป็นที่ยกย่องสำหรับผู้ร่วมงานและลูกค้าที่รู้จัก (3) เป็นคนที่ชอบติดต่อสัมพันธ์กับผู้อื่น (มากกว่าที่จะมานั่งเขียน) ชอบที่จะมีปฏิสัมพันธ์ สื่อสารด้วยการพูด (มากกว่าเขียน) ชอบประสานงานต่อติด (มากกว่าที่จะมาให้นั่งวิเคราะห์) คล่องแคล่ว ติดต่อลูกค้าอยู่เป็นประจำ และลูกค้าไว้ใจเชื่อใจในตัวคุณอย่างมาก รับฟังคำแนะนำในต่างๆ เป็นอย่างดี (4) เป็นคนที่มีแรงดลใจคิดอะไรแปลกใหม่อยู่เสมอ (ไอเดียเจ๋งๆ โปรเจคใหม่ๆ) เพียงแต่บางครั้ง ไม่ได้สานต่อ ไม่ได้ทำให้เป็นจริงขึ้นมา แต่ในใจก็คิดว่า ... ไอเดียเรานี่ สุดยอดจริงๆ (5) เป็นคนที่ค่อนข้างควบคุมตัวเองได้ มั่นใจในความสามารถของตนเองในการแก้ปัญหาหรือตัดสินใจเรื่องต่างๆ จะคิดด้วยตนเองมากกว่าฟังจากคนรอบข้าง ********* ทั้งสี่ท่านนี้ ไว้วันไหน นัดเจอกันสักครั้งนะคะ ... เดี๋ยวดูอีกที ว่าจะสะดวกพร้อมๆกันวันไหน ... และรอฟังท่านอื่นๆเพิ่มเติม (ของตัวเอง step แรกๆ) ตามสะดวกค่ะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : คนชื่อนินจา - [ 3 มี.ค. 48 14:09:04 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ซ้อตอบแล้ว ... ข้อที่ให้เลือก ยอมรับว่าตรงใจ .. โดยเฉพาะข้อ 5  ซ้อชอบบอกตัวเองว่า ไอเดียเรานี่เจ๋งจริงๆ เจ๋งที่สุด .. ใช่เลย ขอตอบค่ะ ข้อ ก.  4-1-2-5-3 ข้อ ข.  3-1-2-5-4 ข้อ ค.  4-5-2-1-3 ข้อ ง.  1-3-5-2-4 จากคุณ : ซ้อสี่ค่ะ (คิมิเอะ-จัง) - [ 3 มี.ค. 48 15:19:15 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ตาผมตอบมั่งนะครับ .................................................................................................................................................... ข้อ ก. 3-4-1-2-5 ข้อ ข. 3-2-5-4-1 ข้อ ค. 3-2-5-1-4 ข้อ ง. 2-5-1-3-4 .................................................................................................................................................... ตอบเสร็จแล้วก็ตั้งตารอครับ จากคุณ : กระบี่ไร้เงา - [ 3 มี.ค. 48 16:18:05 ]

ความคิดเห็นที่ 62 สวัสดีค่ะอาซ้อ ... สุดยอดมากๆค่ะ (นี่ถ้าได้เจอหน้ากัน คงจะแบบว่า มีน้ำเสียงตื่นเต้นสุดๆ พร้อม กุมมืออาซ้อด้วยความตื้นตัน) เห็นฝันที่เป็นจริงของอาซ้อแล้วค่ะ ...... อาซ้อ ทำได้แน่นอนค่ะ ******* อธิบายเบื้องต้น จากโมเดลเบื้องต้นของอาซ้อ ดังนี้นะคะ ... (1) สิ่งที่จะทำให้อาซ้อมีความสุข และมีอิสรภาพ ... คือการค้นหาสิ่งใหม่ๆ (อย่างที่อาซ้อบอกว่า อยากไปเปิดหูเปิดตา, อยากลงทุนในประเทศต่างๆ ... การเปิดหูเปิดตา จะทำให้อาซ้อรุ่งโรจน์ จริงๆนะคะ ... อาซ้อ จะได้ท่องเที่ยวอย่างมีความสุข, ที่ไหนมีอะไรใหม่ ... อย่ารอช้า ถ้าไปเห็นด้วยตา ไปได้ยินด้วยหู ไปท่องเที่ยว (เวปไซต์) หรืออื่นๆ ดู ... จะทำให้มีไอเดียใหม่ๆ อีกตรึมเลยค่ะ (2) เนื่องจากอาซ้อมีแรงดลใจบางอย่างอยู่ในตัวอยู่แล้ว ... ถ้าอาซ้อจะไปอบรม (ที่อาซ้อบอกว่า ถ้ามีเวลา ก็จะไปอบรม โน่น นี่ ฯลฯ) ควรจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ การคิดพลิกแพลง, ฝึกคิดผสมผสาน ฯลฯ --> มีรายละเอียดเยอะ ไว้จะเล่าให้ฟังอีกที เช่น คนแรกที่เค้าคิดที่เปิดกระป๋อง เค้าคิดมาจากว่า จะทำอย่างไรให้เปิดกระป๋องง่ายๆ เหมือนปลอกกล้วยเข้าปาก หรือ ไปท่องเที่ยวธรรมชาติ ก็อาจทำให้อาซ้อ ค้นพบที่เปิดปิดกระเป๋า โดยเห็นไอเดีย มาจาก "หญ้าเจ้าชู้" นึกภาพที่เปิดปิดกระเป๋า หรือรองเท้าเด็กๆ ที่เปิดปิดง่ายๆ นึกออกมั้ยคะ หรือ ว่างๆ ก็มานั่งนึกเล่นๆว่า เครื่องคิดเลข กับ เก้าอี้ จะเกี่ยวพันกันได้อย่างไร กลายเป็น เก้าอี้ผู้จัดการ มีเครื่องคิดเลขเครื่องคำนวณในตัว, หรือคิดว่า กล้องถ่ายรูป กับ โทรศัพท์ มันจะผสมได้อย่างไร (ตอนนี้ เลยมีโทรศัพท์ ถ่ายรูป ส่งเมล์ ฟังเพลง ฯลฯ สารพัด) อาซ้อต้องทำได้แน่นอนค่ะ ... เวลาที่เหมาะสมสำหรับการฝึกคิดนะคะ คือช่วงเดินทาง (นั่งรถ, อยู่ในรถ) ช่วงระหว่างรอลูกค้า, รองานต่างๆ, ช่วงอาบน้ำ จะมีไอเดียดีๆออกมาค่ะ, ช่วงก่อนนอนก็ดีค่ะ จะค่อนข้างปลอดโปร่ง ฯลฯ (3) แต่เดี๋ยวก่อนนะคะ ... อาซ้อ คิดออกแล้ว ยังไม่พอค่ะ (เพราะไม่มีใครชำนาญทุกเรื่องพร้อมกัน) เนื่องจากอาซ้อ ไม่ชำนาญในการวางแผนกลยุทธ์ .... อาซ้อต้องการทีมงานตรงนี้ค่ะ  นอกจากนั้น เพื่อนรอบข้างอาซ้อ จะคล่องแคล่ว ตื่นตัวมีแล้ว สามารถรวมทีมให้มีประโยชน์ในอนาคตค่ะ .... กลุ่มนี้จะมาช่วยอาซ้อได้เป็นอย่างดีค่ะ ... นอกจากนั้น ถ้าจะหามืออาชีพมาช่วย ก็ควรจะเป็นมืออาชีพ ด้านการวางแผนกลยุทธ์ค่ะ ขอบอกว่าหาไม่ยากค่ะ ... เพราะอาซ้อรู้แล้ว ว่าอาซ้อต้องการคนประเภทไหนมาร่วมทีม และถ้าแต่ละคนได้ค้นหารูปแบบส่วนประกอบของตัวเองเจอ (อย่างที่อาซ้อเจอ) ก็ยิ่งง่ายขึ้นไปอีกค่ะ (4) นั่นคือ อาซ้อจะสามารถอยู่อย่างเรียบง่าย, ท่องโลก (ในรูปแบบต่างๆ เดินทาง, อินเตอร์เน็ท ฯลฯ) เพื่อคิดค้นสิ่งใหม่ๆ ไอเดียเจ๋งๆ ... ไม่ว่าจะเป็นไอเดียทางธุรกิจ, ไอเดียทางการลงทุน ฯลฯ แล้วหาคนวางแผนกลยุทธ์เก่งๆมาช่วย ... ส่วนทีมที่จะช่วยติดต่อประสานงานลูกค้า อาซ้อทำเองได้บางส่วน และเพื่อนๆรอบข้าง ก็มีความสามารถด้านนี้เยอะแล้ว ... และในที่สุดจะทำให้ทีมของอาซ้อมีพลังจริงๆค่ะ (5) ถ้าจะมองการลงทุน อาซ้อ จะเหมาะมากกว่า ที่จะคิดวางแผน + เพิ่มมูลค่า สินทรัพย์ (หุ้น, อสังหาฯ, ธุรกิจ ฯลฯ) เวลาอาซ้อท่องเที่ยวไป ก็ลองดูอสังหาฯ รอบตัว, ดูกิจการ (หุ้น) รอบๆตัว, นึกคิด จินตนาการ ถึงความเป็นไปของมัน (อย่างมีความสุข ระหว่างเดินทางท่องเที่ยว ท่องธรรมชาติไปด้วย) แล้วใช้ความไวต่อจังหวะเวลาที่เหมาะสมให้เป็นประโยชน์ น่าจะเหมาะสำหรับความเป็นคนเรียบง่าย, และไวต่อความรู้สึกของอาซ้อ ... ถ้าอาซ้อได้ศึกษา อสังหาฯ น่าจะเหมาะกับอาซ้อมากๆ ... อสังหาฯ จะมีช่องว่างค่อนข้างเยอะ ต้องการคนที่มีความคิดพลิกแพลง ค้นหาตลาดใหม่ๆ ลูกค้าใหม่ๆ รูปแบบใหม่ๆ ... แล้วสร้างมูลค่าเพิ่ม และสร้างกระแสเงินสดเพิ่ม ... จากนั้น รอจังหวะเวลาที่เหมาะสม ... อาจเปลี่ยน (หมุน) เป็นสินทรัพย์ที่มีค่าสูงขึ้น (ด้วนหลักปิรามิด) พร้อมกับได้ใช้ประโยชน์ของ จังหวะ และความไวในสัญชาติญาณของอาซ้อ ท่องเที่ยวไป ก็จินตนาการไป คิดๆไป ให้มีความสุขไปเลยค่ะ พร้อมกันนี้ ในการติดต่อประสานงาน (ทุกๆด้าน) สามารถร่วมทีม กับเพื่อนๆรอบข้างได้เป็นอย่างดี (เพื่อนคล่องแคล่ว, อาซ้อเป็นคนคิด อยู่แบบเรียบง่าย คิดไอเดีย แล้วหาคนช่วยวางแผน + คนสร้างระบบ + คนประสานงาน ให้เกิดขึ้นจริง) ******** ตื่นเต้นมากๆ ... อาซ้อ จะได้เป็นตัวตนของตัวเอง, ทำงานอย่างมีความสุข และมีอิสรภาพที่แท้จริง ****** นี่คือ model ชั้นล่างสุด ... ยังมีรายละเอียดต้องคุยเพิ่มอีก (พิมพ์ไม่หมดอะ มันยาว) ที่เหลืออีก ...ชั้นที่สอง (เกี่ยวกับ การเรียนรู้ ผสมผสาน ฯลฯ) และชั้นที่สาม (เกี่ยวกับ การปรับทัศนคติ ฯลฯ) ... จะนัดเจอกันอีกทีนะคะ กล่าวโดยย่อคือ ชั้นแรก ... everday-life --> action (การปฏิบัติงาน การดำรงชีพอย่างเพียรพยายาม) ชั้นที่สอง self-learning --> courage (การเรียนรู้อย่างบูรณาการในกิจการงานของตัวเองให้ดีที่สุด) ชั้นที่สาม attitude --> belife (ปรับทัศนคติที่ถูกต้อง และมุ่งสู่เป้าหมายสูงสุด) ******* อาซ้อสอบถามเพิ่มเติมได้ค่ะ ยังตื่นเต้นไม่หายเลยค่ะ ... เพราะนินจา เห็นตัวเองตั้งแต่ยังเด็กค่ะ ... จึงได้มีวันนี้ที่มีความสุขและสมดุลค่ะ พรุ่งนี้มาต่อนะคะ วันนี้เท่านี้ก่อนค่ะ ต้องไปเล่นกับลูกแล้วค่ะ แก้ไขเมื่อ 03 มี.ค. 48 17:02:20 จากคุณ : คนชื่อนินจา - [ 3 มี.ค. 48 16:53:10 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ฟังนินจาแล้วซ้อก็ตื่นเต้นไปด้วยจริงๆค่ะ .... มองเห็นภาพชัดเจนทีเดียว เยี่ยมไปเลยค่ะ นินจา ที่นินจาพูดมา ซ้อรู้สึกได้เลยว่าตรงกับตัวซ้อมากๆค่ะ ... จำที่ซ้อเคยโพสต์แบบทดสอบเรื่อง discover your passion มั้ยคะ .. รู้มั้ยคะ ตรงกับที่นินจาเขียนไว้ข้างบนเลยค่ะ คือ ซ้อชอบไปในที่ใหม่ๆ ศึกษาใหม่ๆ ที่ไม่ซ้ำซากและมีอะไรให้ไปเรื่อยๆ ... ซึ่งซ้อก็เพิ่งรู้ แต่ก็มาเพิ่มเติมกับนินจาว่า ซ้อก็เหมาะกับการลงทุนได้ด้วย เช่นหุ้น กับ อสังหา .. ซ้อดีใจจัง ตื่นเต้นมากๆ (น้ำตาปริ่ม) ขอบคุณนินจามากๆ ...เริ่มรู้สึกตัวเองชัดขึ้นจริงๆเลย แทบจะรอไม่ไหวอยากฟังว่า ซ้อต้องทำไงต่อ และจะเริ่มยังไง ดีใจจังค่ะ โชคดีจริงๆ ที่ได้เจอนินจา ฮือ ฮือ ฮือ ดีใจจัง ขอบคุณค่ะ จากคุณ : ซ้อสี่ค่ะ (คิมิเอะ-จัง) - [ 3 มี.ค. 48 21:03:16 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ถ้าอาซ้อจะไปอบรม (ที่อาซ้อบอกว่า ถ้ามีเวลา ก็จะไปอบรม โน่น นี่ ฯลฯ) ควรจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับ การคิดพลิกแพลง, ฝึกคิดผสมผสาน ฯลฯ --> ใช่เลยค่ะ .. ซ้อชอบศึกษาไคเซ็น แต่ก็ยังไม่สามารถทำอะไรออกเป็นรูปเป็นร่างได้ ลักษณะอย่างนี้มี course ให้อบรมด้วยเหรอคะ ... น่าสนใจจริงๆ เลย ซ้ออยากรู้รายละเอียดจังเลยค่ะ __________________________________________ แต่เดี๋ยวก่อนนะคะ ... อาซ้อ คิดออกแล้ว ยังไม่พอค่ะ (เพราะไม่มีใครชำนาญทุกเรื่องพร้อมกัน) เนื่องจากอาซ้อ ไม่ชำนาญในการวางแผนกลยุทธ์ .... อาซ้อต้องการทีมงานตรงนี้ค่ะ  นอกจากนั้น เพื่อนรอบข้างอาซ้อ จะคล่องแคล่ว ตื่นตัวมีแล้ว สามารถรวมทีมให้มีประโยชน์ในอนาคตค่ะ .... กลุ่มนี้จะมาช่วยอาซ้อได้เป็นอย่างดีค่ะ ... เพื่อนซ้อเป็นคนตื่นตัวก็จริงค่ะ .. แต่เขาก็มีจุดสนใจของเขาเองเหมือนกัน บางทีซ้อมีไอเดียทำ เขาก็ว่าดี แต่ไม่ได้มาช่วยอะไรค่ะ .. ตรงนี้ซ้อควรเสริมยังไงดีคะ ซ้อรู้สึกตัวเองว่า เก่งด้านแนวคิด แต่ด้านปฎิบัติลง detial มากๆ ซ้อไม่ค่อยถนัด ตรงนี้ซ้อควรแก้ไขยังไงดีคะ รบกวนนินจามาซะนาน .. เกรงใจจังค่ะ.. แย่งเวลาลูกนินจาหรือเปล่าคะ .. บอกขอบคุณครอบครัวนินจาด้วยที่ให้เวลานินจาให้เวลากับเพื่อนๆ อย่างซ้อด้วยนะคะ ขอบคุณจริงๆค่ะ จากคุณ : ซ้อสี่ค่ะ (คิมิเอะ-จัง) - [ 3 มี.ค. 48 21:43:43 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ( มาแอบลอกการบ้านครับ    แป่ววววว ) .................................... จากคุณ : เด่นศรี - [ 4 มี.ค. 48 00:19:32 ]

ความคิดเห็นที่ 66 สวัสดีค่ะทุกๆท่าน ******* อาซ้อคะ ... อาซ้อจำ rich dad ที่แบ่งคนเป็นสี่ด้าน ได้ใช่มั้ยคะ ... ซึ่ง เป้าหมายของ rich dad คือด้านขวา ที่จะคุมเกม หรือใช้ระบบและเงินทำงาน ... แต่จริงๆแล้ว ....... ทุกๆด้าน (ทุกๆคน) ที่เห็นตัวเองชัดเจน สามารถนำ "การลงทุน" ไปสวมกับด้านของตนเอง และสามารถมี "อิสระภาพที่แท้จริง" ได้ทุกคนค่ะ ... ตัวอย่างนะคะ ... ตอนนี้ ถ้าเทียบในสี่ด้าน อาซ้อ อาจมองว่า ส่วนใหญ่ อาซ้อ อยู่ด้านซ้าย ... ก็ไม่แปลกค่ะ และก็สามารถที่จะนำลงทุนไปจับ ได้กับตัวตนของเราทุกๆคนค่ะ เปรียบเสมือนว่า ... อาซ้อ อยู่ด้านซ้าย .. เพราะเป็นคนชอบคิดไอเดียเจ๋งๆ แนวคิดใหม่ๆ (ต้องคิดด้วยตัวเอง มันมาจากแรงดลใจของอาซ้อเอง ไม่ใช่มาจากคนอื่น) ... เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ... อาซ้อ ก็สามารถ ใช้ "ระบบ" และ "การลงทุน" มาสวมกับตัวตนของอาซ้อ ... พอนึกภาพออกมั้ยคะ ว่า .. การลงทุน สวมได้กับทุกคน กับทุกส่วนประกอบ ... แต่สิ่งสำคัญกว่าคือ "ต้องรู้ตัวเองให้ชัดเจน" ก่อน จึงจะ จัดองค์ประกอบได้เหมาะสม เปรียบเสมือนว่า .... อาซ้อจะเป็นคนที่บอกว่า "คิดอะไรใหม่ขึ้นมา" .... แต่คนอื่นๆ จะบอกว่า "ทำอย่างไรให้สำเร็จ" ... อีกกลุ่มหนึ่งจะบอกได้ว่า "ทำเมื่อไร" .... และอีกกลุ่ม จะบอกได้ว่า "ทำกับใคร เครือข่ายอยู่ไหน " ... ******* ถ้าอยากจะบอกตามตรงว่า ... งาน หน้าที่ ที่อาซ้อทำอยู่ปัจจุบัน อาจยังไม่ใช่ตัวตนของอาซ้อ อาซ้อคงไม่ว่าอะไรนะคะ .... อาซ้อมีความขยัน มีความเพียร ดังนั้น งานทุกอย่างที่อาซ้อรับผิดชอบ ย่อมเป็นไปด้วยดี .... เพียงแต่ "ยังไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง" .... นั่นคือ ให้อาซ้อทำโดยไม่ได้ค่าตอบแทน ก็อาจยังไม่มีความสุขเท่าที่ควร (อาจไม่ทุกข์ แต่ยังไม่สุข ผ่องใส) แต่ไม่ได้บอกว่า จะต้องย้ายงานนะคะ .... แต่หมายความว่า .... สามารถปรับแนวคิดกับงานให้ดียิ่งขึ้น รู้จุดอ่อนของตัวเอง เห็นจุดแข็งของตัวเอง .... เทียบง่ายๆ ว่างานที่ซ้อทำอยู่ ... ถ้าจะให้ดี ... อาซ้อ ต้องอยู่ฝ่าย "คิดรูปแบบของแผนประกันใหม่ๆ เอาแบบให้เลิศ เอาแบบไปคุ้มครองถึงดวงจันทร์ หรือแบบที่ครอบครัวของผู้นำประเทศต้องปิ๊ง ฯลฯ " ล้อเล่นค่ะ ..... คือ กำลังจะบอกว่า  .... นี่ต่างหาก เป็นตัวตนของอาซ้อ กับงานที่อาซ้อทำ ... นั่นคือ อาซ้อ อาบน้ำอยู่ ก็ลองคิดว่า ... จะทำรูปแบบอะไรขึ้นมา เอาแบบจ๊าบๆ เจ๋งสุดๆ ... แต่จะเป็นจริงมั้ยน้อ ... ก็ต้องให้ทีม วางกลยุทธ์มาช่วยหน่อย (เหมือนบางคน คิดรถยนต์ที่ใช้ไฟฟ้า ประหยัดพลังงาน ตั้งแต่ 100 ปีที่แล้ว ก็ยังไม่เหมาะกับยุคนั้น แต่เค้ามองไกล มองเห็นว่าอนาคตน้ำมันจะขาดแคลน ก็คิดขึ้นมาไว้ก่อน ให้คนวางกลยุทธ์มาช่วยดูว่า จะมีทิศทางอย่างไร) จากนั้น ฝ่ายประสานงาน สร้างระบบ ก็มาช่วยอาซ้อ .... ฝ่ายติดต่อสัมพันธ์ลูกค้า ... ก็มาช่วยอีกที เห็นมั้ยคะ ... ว่าเป็นไปได้อย่างไร ทีนี้ ... หากงานนี้ ยังไม่ใช่ตัวตน ก็ไม่เป็นไร .... ขอแค่ว่า ... เมื่อไร ที่จะมี "โอกาส" ได้เลือกสิ่งต่างๆ .... ขอให้ อาซ้อ ได้เลือกที่จะเป็นตัวของตัวเอง ... แค่นี้เองค่ะ นานเข้า นานเข้า ... สิ่งที่ทำอยู่ ที่ไม่เป็นตัวตนของตัวเอง ก็จะลดลง .. สิ่งใหม่ๆที่เข้ามา ก็เลือกสรรที่เหมาะกับตัวเองมากขึ้น .... จนสุดท้าย .... ทุกขณะ ตลอดเวลา ก็จะเป็น "ตัวตนของอาซ้อ" ... นะคะ ******* สำหรับเรื่องการลงทุน ... อย่างที่บอกว่า ... อาซ้อ สามารถลงทุนได้ทุกรูปแบบ เน้นว่า ทุกรูปแบบ จริงๆค่ะ เพียงแต่ ต้องเป็นแบบที่เหมาะกับตัวเอง ยกตัวอย่างนะคะ ... ถ้าเป็นหุ้น ... อาซ้อไม่เหมาะ กับการมีหุ้นมากมายหลายตัว (ที่ซ้อบอก 50 ตัว) นี่ไม่ค่อยเหมาะกับซ้อเท่าไร ... ซ้อ เหมาะกับการหา ช่องว่าง ของหุ้น แต่ละกลุ่ม (อาจเลือกกลุ่มละตัวสองตัวเท่านั้น) ... เหมาะกับการ คิดหาช่องว่างของ หุ้นแต่ละประเทศ (ประเทศละไม่กี่ตัว) .... อาจไม่จำเป็นต้องเป็นตัวเคลื่อนไหวมากที่สุด .... แต่ต้องเห็นช่องว่าง ของตัวนั้นๆ .... สำหรับ "จังหวะ และระบบ" ก็จะใช้จากสิ่งที่คนอื่นเคยคิดไว้แล้ว เอาเข้ามาสวมกับจุดเด่นของเรา ... ถ้าจะให้เลือก ... นินจากลับมองว่า ... อาซ้อ เหมาะกับการลงทุนในอสังหาฯ หรือธุรกิจ หรือทรัพย์สินทางปัญญามากๆ .... จริงๆนะคะ .... เพราะหุ้น ยังเป็นอะไรที่ ช่องว่างน้อย .... สำหรับคนที่มีไอเดียใหม่ๆ หารูปแบบใหม่ๆ จะเหมาะกับการลงทุนใน 3 อย่างที่เหลือมากกว่า .... แล้วไงต่อ ... หากลงทุน 3 อย่างที่ถนัดมากกว่าแล้ว มีเงินหมุนเหลือเฟือ ค่อยมาลงทุนในหุ้นก็ยังได้ ... นึกภาพออกมั้ยคะ เรื่องหุ้น มองง่ายๆ ... อาซ้อเป็นคนคิดสิ่งใหม่ๆได้ดี เป็นจุดเด่น ดังนั้น จะให้เทรดหุ้น หลายๆตัว คงสู้คนที่เค้ามีแผน มีกลยุทธ์ มีความไวต่อสถานการณ์ ... อาซ้อคงจะไม่สามารถทำได้อย่างที่เป้นตัวตนของตัวเอง ... หมายถึงว่า ถ้าอาซ้อไปวางแผนกลยุทธ์ ไปพยายามที่จะไวต่อสถานการณ์ มันก็จะไม่เหมือนกับคนที่เค้าทำอยู่แล้ว อย่างมีความสุขและได้ประโยชน์ ... นึกออกมั้ยคะ ******** ยาวซะแล้ว ... อีกนิดนะคะ เรื่องการอบรม ... มีหัวข้อแน่นอนค่ะ บางอย่างฝึกเองได้ด้วยค่ะ นินจามีวิธีฝึกเยอะเลยค่ะ ไว้จะเล่าให้ฟัง นอกจากยั้น ยังมีเกม สำหรับฝึกคิดโดยเฉพาะด้วยค่ะ (แต่เป็นของทีมพันธมิตรของนินจา อยู่ต่างประเทศ ... เดี๋ยวจะลองเช็คให้ดู เมืองนอกจะฝึกกันเยอะ เมืองไทย ไม่ค่อยฝึกคิดกันเท่าไร ) คนไทยหลายคน มีความเป็นนักคิดสร้างสรรค์อยู่เยอะค่ะ แต่น่าเสียดาย ที่ระบบการศึกษา ไม่ได้เสริม ไม่ได้ฝึกตรงนี้ (อันนี้ต้องยอมรับความจริง เพื่อปรับปรุงให้ลูกหลานต่อไป) ... อย่างอาซ้อ อายุล่วงเลยมา ... เพิ่งมารู้ ... แต่ก่อน ทำในสิ่งที่ไม่ได้เป็นตัวตน (เหมือนทำในสิ่งที่คนทั่วไป มักอยากให้เป็นมาตั้งนาน) .. ไม่งั้น อาจมั่งคั่งและมีความสุข ยิ่งกว่า บิล เกต ไปแล้วก็ได้ แต่เราก็ไม่เสียหายอะไร เพราะอย่างน้อย ก็ได้เรียนรู้กับทุกสิ่งที่ผ่านมา ... และที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไป ... จริงมั้ยคะ กล่าวคือ หากอาซ้อ ได้รับการสนับสนุนตัวเอง มาตั้งแต่แรก ก็จะรุ่งโรจน์มากๆค่ะ (ทุกวันนี้ก็รุ่งโรจน์ ... แต่ถ้าได้เป็นตัวตนของตัวเอง ได้เสริมสิ่งที่ตัวเองรัก ...จะได้ความสุขและสมดุลเพิ่มมาด้วย) ******* สำหรับเรื่องทีมงาน (เพื่อนอาซ้อ) ... ตรงนี้ อย่างที่บอกไว้แล้ว ... หากเค้าไม่รู้ตัวเอง (ว่าเป็นอย่างไร) ก็อาจไม่มีประโยชน์ ... การยอมรับในคุณค่าของตัวเอง จะทำให้เห็นคุณค่าของคนอื่น .... การยอมรับคุณค่าของคนอื่น จะเสริมคุณค่าในตัวเอง การเสริมกันและกัน ระหว่างตัวเองและคนอื่น ย่อมทำให้คุณค่าทั้งภายในและภายนอก ก้าวไกลและสมดุลยิ่งขึ้น ... ทีมงาน ต้องเริ่มต้นด้วย "ความจริงใจ" ก่อนค่ะ .... จึงจะเป็นทีมงานที่ดีและยั่งยืน ********* อาซ้อถามได้นะคะ ... จริงๆถ้าได้พูดคุย จะเข้าใจกว่านี้ค่ะ จะอธิบาย ขั้นตอน การปรับโครงสร้างการเงิน ของแต่ละคนให้ด้วยค่ะ .... สุดยอดมากๆค่ะ ******* กำลังจะบอกว่า ... เพิ่งได้รับงานวิจัยด่วนนิดนึงค่ะ (เพิ่งทราบเมื่อวาน) ต้องวิจัยให้เรือประมงน้ำเค็ม เกี่ยวกับผลกระทบราคาน้ำมันต่อต้นทุนน่ะค่ะ ... จะเข้ามาตอบเพิ่มเติมนะคะ (ไม่แน่ใจ แต่จะพยายามค่ะ) ถามเพิ่มเติมได้นะคะ ถามไว้ก่อน จะเข้ามาดูเรื่อยๆค่ะ ******** ขอบคุณค่ะ แก้ไขเมื่อ 04 มี.ค. 48 09:59:26 จากคุณ : คนชื่อนินจา - [ 4 มี.ค. 48 09:51:01 ]

ความคิดเห็นที่ 67 อะจึ๋ย อะจึ๋ย ... เพิ่งเห็นคำตอบของน้องกระบี่ฯ สงสัยเมื่อวานมาตอบซ้อนกัน (แต่นินจาเขียนนานกว่า) เลยไปต่อทีหลัง คือตอนเข้ามายังไม่เห็น เดี๋ยวจะมาตอบให้น้าคะ .. ****** พี่เด่นฯคะ .... นินจายินดีที่จะหาส่วนประกอบให้พี่เด่นฯ นะคะ ... (อิอิ ... ปรกติ ไม่ค่อยมา คีย์เอง ปริ๊นเอง ... พอดีว่า คำแปลจะพิมพ์สรุปมาเป็นภาษาต่างประเทศ) นินจาเลยต้องมาเขียนให้เองอะ ... พี่เด่นฯ เห็นส่วนประกอบที่ชัดเจนเมื่อไร ... พี่เด่นฯ จะไม่เคยรู้สึกอะไรอย่างนี้มาก่อนเลยค่ะ .... ลองตอบดูนะคะ .. (ไหนๆ ก็แวะมาลอกการบ้าน ... ) สำหรับพี่เด่นฯ นินจาจะส่งโมเดลและคำอธิบาย ให้ทางไปรษณีย์ค่ะ ก็รวมเป็น 5 คนนะคะ (ท่านอื่น คงไม่ได้เข้ามาแล้ว) ก็ขอสรุปที่ 5 คนก่อนนะคะ ยังไม่อยากรับปากมากกว่านี้ เพราะยังมีอีกหลายขั้นตอน ... (เหนื่อย ตอนคีย์เข้าโปรแกรม กะตอนแปลผลนี่แหละ ....อิอิ....) .... แต่ด้วยความยินดีนะคะ ... ขอว่า ตามสะดวกนะคะ ... เผื่อมีฉุกเฉินอะไร ... ก็จะมาต่อให้นะคะ .... ******* ขอบคุณค่ะ จากคุณ : คนชื่อนินจา - [ 4 มี.ค. 48 10:08:52 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ขอบคุณค่ะนินจา .. ขอเซฟไปอ่านทบทวนอีกที และจะขอถามเพิ่มเติมนะคะ ขอบคุณจากใจจริงนะคะ ใครยังไม่ทำการบ้านส่งนินจา น่าเสียดายนะคะ !! จากคุณ : ซ้อสี่ค่ะ (คิมิเอะ-จัง) - [ 4 มี.ค. 48 10:08:58 ]

ความคิดเห็นที่ 69 สวัสดีค่ะน้องกระบี่ฯ ... สุดยอดอีกคนหนึ่ง อยู่ตรงนี้นี่เอง ... เมื่อก่อนก็อาจจะมีอยู่แล้ว (เกิดมาอยู่บนโลกนี้ ก็ตั้งหลายปี แต่ถ้าไม่เห็น ก็เหมือนไม่รู้) .... เมื่อก่อนก็เป็นอยู่อย่างนี้ ..... แต่วันนี้ ถ้าเห็นได้ชัดเจน ทุกอย่างจะเริ่มเปลี่ยนไปค่ะ ... ถ้าจะเปรียบเทียบในตัวเองของน้องกระบี่ฯ แล้ว ... น้องฯ เป็นคนที่ชอบคิดสร้างสรรค์ เข้าลักษณะเป็น dreaming accelerator ... จะเห็นได้ว่า ด้านนี้ของน้องฯ เด่นกว่าด้านอื่นๆ (เชิงคุณภาพ) ...ขณะเดียวกัน ระดับความสามารถ จะค่อนข้างสูงพอสมควร (เชิงปริมาณ) ... ซึ่งตรงนี้ไม่น่าแปลกใจเลยค่ะ เพราะน้องฯ ได้ทำงาน (ตั้งแต่จบมา จนปัจจุบัน) ก็ได้ใช้ความคิดที่เป็นตัวของตัวเองสูง (แม้จะขัดแย้งกับคนรอบข้างในระยะแรก แต่สุดท้ายก็หาจุดลงตัวได้เป็นอย่างดี) นี่ถ้าน้องฯ ไม่เล่าให้ฟัง จะไม่มีวันรู้เลยนะคะเนี่ย นินจา ยังมองว่า ... ทุกๆคน มีเกร็ดชีวิตที่น่าสนใจในตัว ของทุกๆคนเลยค่ะ (ทุกคนมีที่มา มีที่ไป มีเกร็ด มีบทเรียนที่มีคุณค่ามากๆค่ะ) รวมถึงของน้องกระบี่ฯ ด้วยค่ะ ต่อนะคะ ... น้องฯ มีความเป็นตัวของตัวเองสูงพอสมควร (ยอมที่จะเปลี่ยนงาน เพื่อหาความก้าวหน้าและโอกาสใหม่ๆ) ตรงนี้เยี่ยมจริงๆค่ะ ... ขณะเดียวกัน น้องฯ จะเห็นได้ว่า ... บางอย่างที่ย้ายไป อาจไม่ดีอย่างที่คิด บางเรื่องที่คิดว่าเสียใจ (ที่บอกว่าร้องไห้) ก็อาจไม่ได้แย่อย่างที่คิด (ไม่ได้เป็นครอบครัวเดียวกัน ก็ยังเป็นเพื่อนกันได้ เพราะเรามีความรักที่มีเหตุผลบริสุทธิ์ให้กับทุกคนบนโลกนี้ .... ยังมีคนดีๆ อีกมากมายบนโลกใบนี้ ... อิอิ ... หรือน้องฯ มีแล้วก็ไม่รู้จิ ... ) จะสังเกตได้ว่า คุณสมบัติดังกล่าว (นักคิดสร้างสรรค์) ของน้องฯ จะมีมิติที่สาม (เชิงปริมาณ) มากกว่าของอาซ้อ ... เพราะน้องฯ ได้งานที่เสริมความคิดด้านนี้อยู่แล้วด้วย เป็นสิ่งช่วยส่งเสริมที่ดียิ่ง มิติที่สามนี้ ไม่มีขอบเขตจำกัด ขอว่า ต้องเรียนรู้ และปรับทัศนคติที่ถูกต้อง ก็จะพัฒนาต่อไปจนเข้าถึง "อิสรภาพที่แท้จริง" ******** โดยเปรียบเทียบในตัวเองของแต่ละคน .... (1) สำหรับน้องกระบี่ฯ จะเป็นลักษณะ นักคิดสร้างสรรค์ และนักสร้างพันธมิตร ชอบสื่อสารกับผู้คน (2) สำหรับอาซ้อ จะเป็นลักษณะ นักคิดสร้างสรรค์ และ ช่างเทคนิค ที่ชอบความเรียบง่าย ******* โดยเปรียบเทียบกับภายนอก .... (มิติที่สาม ... เชิงปริมาณ) (1) สำหรับน้องกระบี่ฯ จะมีลักษณะของตัวเองที่เด่นมาก เพราะได้สะสม ส่งเสริมประสบการณ์ของตัวเองมาบ้างแล้ว ... หากยังไม่เห็นตัวเองให้ชัด ก็อาจจะเปลี่ยนไปตามอิทธิพลของคนรอบข้าง ก็เป็นได้ ไม่แน่เหมือนกัน (2) สำหรับอาซ้อ ... โดยเปรียบเทียบกับคนอื่น อาจยังไม่เด่น ... เพราะอาซ้อ ยังไม่เคยแสดงความสามารถตรงนี้ให้ประจักษ์แจ้ง .... อาจด้วยอิทธิพล หรือความคาดหวังของคนรอบข้าง จึงทำให้ส่วนนี้ไม่ได้รับการส่งเสริม ... แต่สิ่งที่มีค่าที่อาซ้อจะได้รับคือ ... อาซ้อ จะเข้าใจคนอื่นได้มากขึ้น (อาจจะมากกว่า น้องกระบี่ฯ ด้วยซ้ำ เพราะอาซ้อ เคยสัมผัสกับงานหน้าที่ ที่ตนไม่ถนัดเท่าไร และวันข้างหน้า ถ้าหาก อาซ้อ ต้องการคนที่ถนัดในด้านดังกล่าว มาเป็นทีมงาน ... ก็จะเข้าใจคนอื่นมากขึ้น) ********** จะเห็นได้ว่า มิติที่สาม ... สามารถพัฒนา ได้อย่างไม่มีขอบเขตจำกัด ... น้องกระบี่ฯ ... ถนัดที่จะคิดสร้างสรรค์อะไรใหม่ๆ  (ตอบคำถามว่า “อะไร”) พร้อมกับ ถนัดที่จะสื่อสารกับเครือข่าย (ตอบคำถามว่า “ใคร”)  ... ส่วนคำตอบว่า “อย่างไร” และ “เมื่อไร” ... อาจต้องหาทีมเพิ่มเติม โดยเฉพาะคนที่รู้ตัวเองชัดๆว่า ตนเองมีความสามารถในด้านนั้นๆและเป็นตัวตนของตนเอง ... ยิ่งทำให้ทีม สุดยอดสุดๆๆๆ (พันธมิตรของนินจา จึงสุดยอดทุกๆคนด้วยเหตุนี้ ...) มันไม่ใช่สิ่งแปลก มันไม่ใช่สิ่งมหัศจรรย์ ... แต่มันเกิดขึ้นได้ ด้วยการปฏิบัติ การเรียนรู้ และปรับทัศนคติให้เป็นไปตามที่มันเป็น (ใครเป็นอย่างไร ก็ให้เป็นไปอย่างนั้น ใครเด่นตรงไหน ก็เสริมให้ตรงตามนั้น ฯลฯ) ********** สำหรับน้องกระบี่ฯ ... จะทำให้ก้าวหน้ามากๆ (1) ถ้าได้เพิ่ม (ขยายขีดความสามารถ) ของสิ่งที่คิดค้น หรือความสามารถในการคิดสร้างสรรค์ (2) ถ้าได้เพิ่ม (ขยายขอบเขต) ของเครือข่าย พันธมิตร ไม่ว่าจะเป็นลูกค้าหรือคนรอบข้าง ******** อย่างงานที่ทำอยู่ ถือว่า โอเคพอใช้ได้ค่ะ ... แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อย่าลืมเป้าหมายของตัวเอง .... ยกตัวอย่างนะคะ ... มีคนๆหนึ่ง ที่นินจาเคยตรวจวัดให้ ... เค้ามีลักษณะอย่างน้องกระบี่ ... หลังจากที่ได้วางแผนกันเรียบร้อย ... คนนั้น ก็ได้เลือกบริษัท เพื่อเข้าทำงานแห่งหนึ่ง .... งานที่ทำ และหน้าที่ ก็ทำอย่างครบถ้วน ขณะเดียวกัน ก็มุ่งสู่เป้าหมายของตัวเอง ... เช่น (1) ใช้เวลาว่าง นอกจากเวลางาน ในการคิดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ด้วยทรัพยากรที่มีอยู่ เช่น ได้เดินทางขับรถ, ได้ท่องโลกอินเตอร์เน็ต, ได้ไปประชุมสัมมนาต่างประเทศ, ได้เปิดหูเปิดตา ได้เห็นการลงทุนในอสังหาฯทุกรูปแบบ ... เน้นว่าทุกรูปแบบจริงๆ เช่น อสังหาฯ ของห้างสรรพสินค้า (ให้เช่าพื้นที่) อสังหาฯของเวปไซต์ (ให้เช่าพื้นที่เวปไซต์) อสังหาฯในธุรกิจ, อสังหาฯของพื้นที่สำหรับรถบ้าน (รถที่บ้าน หรือบ้านที่เป็นรถ เรียกไม่ถูกเหมือนกัน ต่างประเทศมีเยอะ) .... ฯลฯ พอนึกภาพออกมั้ยคะ พยายามยกตัวอย่างให้น้องฯ เห็นภาพ (2) ใช้เวลาว่าง นอกจากเวลางาน พูดคุยกับคู่ค้า คนที่ติดต่อด้วยทุกคน .. ตัวอย่างนะคะ ... พอทำงาน ติดต่องานเสร็จ ก็อาจจะถามพูดคุยถึงธุรกิจของตัวเรา และของคนที่คุยด้วย ... ว่าจะ ร่วมกันให้เกิดพลังได้อย่างไร ... แล้วน้องกระบี่ฯ อาจเจอในสิ่งที่ไม่เคยเจอ ... อาจได้เห็นในสิ่งที่ไม่เห็นด้วยตา ... อาจได้ยิน ในสิ่งที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน ยกตัวอย่างอีกนิด ... บางคน เค้าต้องการขออนุมัติอสังหาฯ เพื่อไปทำธุรกิจบางอย่าง และธุรกิจนั้น อาจต้องการความคิดใหม่ๆจากน้องฯ หรือ น้องฯ อาจเห็นอะไรใหม่ๆที่ช่วยแนะนำเค้าได้ ....... น้องฯ สามารถแนะนำเค้าได้ด้วยความสุข (เพราะน้องเป็นคนชอบคิด) ........ จากนั้น เค้าเริ่มเห็นความจริงใจ อาจเกิดประทับใจ จนได้ร่วมเป็นพันธมิตรกันต่อไปได้เลย ........ ฯลฯ ******* สำหรับเรื่องการลงทุน ... สำหรับน้องฯ น่าจะเหมาะมากกับ “อสังหาฯ” และ “ธุรกิจ รวมถึงทรัพย์สินทางปัญญา” .... น้องฯ ฟังดังนี้ อาจรู้สึกแปลกใจ ... เป็นเพราะน้อง ไม่คุ้นเคย กับทรัพย์สินทางปัญญา หรือธุรกิจ ... น้องจะคุ้นเคยกับหุ้นและอสังหาฯ มากกว่า ... ซึ่งอสังหาฯ ที่น้องฯ คุ้นเคยอยู่ จะเป็นประโยชน์มากๆค่ะ สำหรับหุ้น ..ก็เป็นไปได้ค่ะ เพียงแต่ หุ้น หรือตราสารทางการเงินทั้งหลาย ...ที่เหมาะกับน้องฯ น่าจะเป็นหุ้นฯ หรือตราสารทางการเงิน.. ที่มีคุณค่าแอบแฝง ... อาจอยู่ในหลืบไหนสักแห่งในโลก ... แต่ไม่ใช่เพราะตัวหุ้นนะคะ ... แต่จะเป็นเพราะ น้องฯ เห็น อะไรใหม่ๆ ที่จะเปลี่ยนพื้นฐานของหุ้นตัวนั้น ... ต้องเห็นก่อนคนอื่น อาจยังไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นวันนี้ แต่เห็นก่อนแล้ว ... เป็นต้น .... นึกภาพออกมั้ยคะ ********* สำหรับความฝันของน้องฯ สามารถเป็นจริงได้แน่นอนค่ะ น้องกระบี่ฯ ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของทีมฟุตบอลอาชีพของจังหวัดเชียงใหม่ ทีมฟุตบอลนี้ ... จะมีการลงทุนในอสังหาฯ และธุรกิจ ได้อีกด้วย .... ทีมฟุตบอลนี้ จะเป็นผู้ให้เช่า พื้นที่โฆษณาสปอนเซอร์ ให้กับสินค้าต่างๆทั่วโลก ... เพราะทีมฟุตบอลนี้จะโกอินเตอร์ ... ทีมนี้ จึงได้รับผลตอบแทนจากการให้เช่าพื้นที่โฆษณา มาบำรุงดูแลนักฟุตบอล ... พร้อมกันนี้ การให้เช่าพื้นที่ อาจสามารถหมุนเวียนเงินทุน ผ่านตลาดตราสารทางการเงินหรือหุ้นรูปแบบต่างๆ ประเทศต่างๆ ได้อีกด้วย ... จากนั้นมีการสร้างภาพลักษณ์ (image builder) ของทีมฟุตบอล ให้เกิดสินค้าต่อเนื่องขึ้นมาอีก ... สินค้า มีทั้งแบบรูปธรรม และนามธรรม ประโยชน์และคุณค่าใช้สอย หลากหลาย ให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับชีวิตของคนทุกคนให้ได้เป็นอย่างดี ฯลฯ เพ้อไว้เท่านี้ก่อนนะคะ (จริงมีอีกยาว เล่าให้ฟัง ก็คงประมาณ 2-3 วัน อะ แค่เรื่องทีมฟุตบอลนะ...อิอิ...) น้องกระบี่ฯ ผู้เป็นเจ้าของ ... เป็นแค่คนคิดสร้างสรรค์ และหาเครือข่าย ... โดยเฉพาะคนที่มีจุดเด่นด้านเครือข่าย ก็ยิ่งแผ่ไปไพศาล ... จากนั้น มืออาชีพ ที่น้องฯ จะหา ก็ควรเป็นมืออาชีพ ในด้าน “การคิดระบบ วางแผน” ... และ “การวางยุทธศาสตร์” ของความคิดสร้างสรรค์ที่น้องมี ให้ใช้ประโยชน์จากเครือข่ายที่มีอยู่ .... เท่านี้ก่อนนะคะ ....... ลองถามได้ค่ะ อยากถามอะไร ก็ทิ้งคำถามไว้นะคะ ปกติ จะว่างกันวันไหนคะ ถามไว้ก่อน (พี่ยังไม่ว่างอะ แต่ถามไว้ก่อน) ขอบคุณค่ะ ******** จากคุณ : คนชื่อนินจา - [ 4 มี.ค. 48 13:46:37 ]

ความคิดเห็นที่ 70 สวัสดีค่ะอาซ้อ ... อาซ้อ อ่านคำแนะนำที่นินจาเขียนไว้ให้ของน้องกระบี่ไร้เงา ด้วยนะคะ .. บังเอิญ ว่ามีบางส่วนคาบเกี่ยวกันค่ะ ..... อาจมีประโยชน์ได้เห็นมุมมองมากขึ้นค่ะ ****** ขอบคุณค่ะ จากคุณ : คนชื่อนินจา - [ 4 มี.ค. 48 13:51:40 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ขอบคุณพี่นินจามากครับ ที่ช่วยชี้แนะ ช่วยทำให้ผมเห็นตัวเองชัดขึ้น .................................................................................................................................................... ผมจะไม่รอโอกาสอีกแล้วครับ แต่จะสร้างมันขึ้นมาและหาทีมที่ลงตัว หาคนที่จะมาเสริมในสิ่งที่ผมขาดให้ได้ครับ .................................................................................................................................................... ว่าแต่พี่ช่วยอธิบาย "อย่างไร" และ "เมื่อไหร่" ให้ผมเพิ่มอีกนิดได้มั้ยครับ ว่าผมต้องหาคนแบบไหน มาช่วยกันสร้างสิ่งที่ผมคิดให้เป็นจริงครับ .................................................................................................................................................... ขอบคุณมากครับ ปล. ปกติผมจะว่าง เสาร์ - อาทิตย์ ครับ แต่ สามารถพักร้อนได้อีกหลายวันครับ ถ้าพี่นินจา นัดวันไหนก็สะดวกครับ แต่คงต้องบอกล่วงหน้าซักอาทิตย์ครับ จะได้เคลียร์คิว แก้ไขเมื่อ 04 มี.ค. 48 16:42:17 จากคุณ : กระบี่ไร้เงา - [ 4 มี.ค. 48 14:35:57 ]

ความคิดเห็นที่ 72 แต่หมายความว่า .... สามารถปรับแนวคิดกับงานให้ดียิ่งขึ้น รู้จุดอ่อนของตัวเอง เห็นจุดแข็งของตัวเอง .... เทียบง่ายๆ ว่างานที่ซ้อทำอยู่ ... ถ้าจะให้ดี ... อาซ้อ ต้องอยู่ฝ่าย "คิดรูปแบบของแผนประกันใหม่ๆ เอาแบบให้เลิศ เอาแบบไปคุ้มครองถึงดวงจันทร์ หรือแบบที่ครอบครัวของผู้นำประเทศต้องปิ๊ง ฯลฯ " ล้อเล่นค่ะ ___________________________________ นินจา รู้มั้ยคะว่า สิ่งที่นินจาพูดนั้น ตรงใจซ้อมากๆ  ซ้อก็เคยคิดแบบนั้นจริงๆ นะคะ แต่ไมถึงกับระดับผู้นำประเทศต้องปิ๊งหรอกค่ะ อิอิ ในแง่เรื่องหุ้น ซ้อก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ คือ มุ่งเน้นมองหาช่องว่างของหุ้นมากกว่า ..จะเทรดเยอะๆ เพราะซ้อชอบแบบเจาะลึกมากกว่าจริงๆ ด้วย แต่ถามนินจาหน่อยค่ะ คือ ซ้อมองว่า สิ่งใหม่ๆ ที่เป็นนวัตกรรม หรือ สิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ ปัจจุบันมีเยอะมากๆ จนถึงจุดหนึ่ง .. อะไรที่จำเป็นในโลก ก็ได้เกิดขึ้นมาหมดแล้ว และของในโลกก็มีมากมายเหลือเกิน .. อย่างนี้ของใหม่ๆ ยังเป็นที่ต้องการอยู่หรือคะ ยังมีช่องเหลือให้พัฒนาหรือคะ และการที่โลกเราเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้นทุกวัน ของที่ใหม่ๆ ออกมา แป๊ปเดียวก็โดนก็อปปี้แล้ว .. วงจรสั้นมาก ซึ่งซ้อมองว่าไม่คุ้มกับขั้นตอนกระบวนการผลิตที่ใช้เวลา และ ก็ถูก copy ในเวลาอันสั้น คือ ซ้อเคยรู้ตัวเองแบบที่นินจามองซ้อค่ะ .. แต่ด้วยคำถามด้านบน 2 ข้อ ทำให้ซ้อชะงัก และเปลี่ยนตัวเองให้เป็นมนุษย์เงินเดือนเหมือนเดิมต่อไปน่ะค่ะ .. เลยอยากให้นินจาช่วยลองอธิบายความคิดนินจาให้ซ้อเพิ่มเติมจุดนี้ค่ะ ซ้อชอบมากเรื่องการอบรมให้คิด .. รอนินจาแนะนำค่ะ นินจาไม่ต้องห่วงนะคะ ทำงานวิจัยให้เสร็จก่อนค่ะ อย่างนั้นเร่งด่วนกว่ากันเยอะค่ะ ของซ้อรอได้ .. นินจาทำงานอย่างนี้ ได้บุญมากนะคะ ซ้อขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ แก้ไขเมื่อ 04 มี.ค. 48 20:55:45 จากคุณ : ซ้อสี่ค่ะ (คิมิเอะ-จัง) - [ 4 มี.ค. 48 20:40:43 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ได้เข้าไปอ่านในส่วนของคุณกระบี่ไร้เงาแล้ว .... ดูมีความหนักแน่น มีความชัดเจน และเป็นภาคจับต้องได้มากกว่าซ้อเยอะเลยค่ะ โดยเฉพาะคำยืนยันที่หนักแน่นที่จะเริ่มต้นแล้ว โดยจะสร้างโอกาสขึ้นมาเอง ... ซ้อยินดีด้วยนะคะ และเอาใจช่วยให้สำเร็จด้วยค่ะ ขอบคุณนินจาที่เป็นช่างทำแว่นตาให้ค่ะ .. รู้ว่าคงเหนื่อย และใช้เวลามาก .. แต่อยากบอกว่า ภาษาที่นินจาใช้ในการอธิบาย หรือ ที่ใช้ในการบอกเล่า ทำให้ภาพชัดขึ้นมากๆ ค่ะ ... เหมือน ใส่แว่นที่มีเลนส์ขยาย ทำให้ภาพชัดขึ้น และคมขึ้นค่ะ ... ชัดเจนดีค่ะ ซ้อเองก็คงสะดวกวันเสาร์ และวันอาทิตย์เหมือนกันค่ะ .. แต่ช่วงนี้เนื่องจากมีน้อง ก็ค่อนข้างพักมากกว่า ดังนั้นวันธรรมดาก็พอว่างค่ะ .. แต่ก็อยากให้นัดล่วงหน้าเหมือนกันค่ะ เราสองคนคลาดกันหลายรอบแล้ว .. คราวนี้คงได้เจอกันสักที ดีใจจังค่ะ แก้ไขเมื่อ 04 มี.ค. 48 20:54:54 จากคุณ : ซ้อสี่ค่ะ (คิมิเอะ-จัง) - [ 4 มี.ค. 48 20:53:49 ]

ความคิดเห็นที่ 74 สวัสดีครับพี่นินจา ผมขอส่งคำตอบให้พี่นินจานะครับ 1)2-4-5-3-1 2)2-3-5-4-1 3)4-2-5-3-1 4)3-4-1-5-2 รบกวนพี่นินจาด้วยครับ จากคุณ : chinn - [ 5 มี.ค. 48 11:05:25 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ชอบอ่านความคิดเห็นคุณ CHINN จังเลยค่ะ อิอิ ขอบคุณที่เอาประสบการณ์มาแชร์ให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับ นักลงทุนหน้าใหม่อย่างอีชั้น จากคุณ : nong Di - [ 5 มี.ค. 48 12:06:47 A:203.118.82.175 X: TicketID:011307 ]

ความคิดเห็นที่ 76 มาอ่านทวนอีกรอบครับ แต่  ..... ยังไม่ค่อยเข้าใจ  ข้อ 16.  ( เนื้อไม้ )   ( แย่จังเลยเนอะ ) แต่  ยังไม่รู้ว่าจะตั้งคำถามอย่างไรครับ     เพราะยังไม่ค่อยเข้าใจ ( อย่าเพิ่งเบื่อนะครับ   ........  แป่ว  ตะแหน่ว  หงิงหงิง ) ( อ่านทวนอีกสักพัก   น่าจะได้คำถามที่ดีขึ้นครับ ) ....................... จากคุณ : เด่นศรี - [ 5 มี.ค. 48 12:27:37 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ******** 1.  "โอกาส" กับ "ความสามารถ" คุณคิดอะไรต้องมาก่อน เพราะอะไร ผมขอตอบว่า ความสามารถครับผม เพราะผมมองว่า โอกาสนั้นมาเรื่อยๆ แต่ถ้าไม่มีความสามารถไว้คอยรอโอกาส ไม่ก็สามารถใช้โอกาสนั้นให้เกิดประโยชน์ได้ อีกอย่างความสามารถ ถ้ามีมากพอก็จะสร้างโอกาสได้ด้วยครับ 2.   เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ 100% คุณคิดว่าควรให้ความสำคัญกับ "วิธีการ" และ "เป้าหมาย" แบ่งเป็นอย่างละกี่เปอร์เซ็นต์ ผมให้เป้าหมาย 100% ครับ เมื่อเรามุ่งมั่นในเป้าหมาย 100% เต็มแล้ว เดี๋ยววิธีการจะมาเองครับ 3.  "เงิน" กับ  "เวลา" สำหรับคุณสิ่งไหนมีค่ามากกว่ากัน เพราะเหตุใด เวลาครับผม เพราะเวลาสำหรับชีวิตเรามีน้อยลงทุกๆวัน แต่เงินเดี๋ยวมันก็มาเดี๋ยวมันก็ไปครับ 4.    “การศึกษา"   กับ   "ทัศนคติ"   คุณให้ความสำคัญเรื่องไหนมากกว่ากัน เพราะเหตุใด ผมมองว่าทัศนคติครับผม เพราะว่าการศึกษาแค่ให้ความรู้กับเรา แต่ไม่สามารถทำให้เราประสบความสำเร็จได้ การที่จะประสบความสำเร็จได้ ต้องใช้ทัศนคติเป็นหลักครับ 5.      ถ้าคุณมีเงิน กระแสเงินสด วัน 1,000  ล้านบาท ณ ตอนนี้ คุณจะทำอะไร (อาชีพ) คุณจะอยู่ที่ไหน และคุณจะจัดการกับเงินนั้นอย่างไร ถ้าผมมีกระแสเงินสดมากขนาดนี้ ... ผมจะเป็นนักการเมืองครับผม ... จะทำงานเพื่อพัฒนาประเทศชาติต่อไปครับ... ผมจะไปสร้างบ้านพักอยู่บนเขาแถวภาคเหนือครับ เพราะเป็นคนชอบอากาศหนาวครับ อิอิ เงินนั้นผมจะแบ่งไปมรดกก่อนเลยตั้งแต่แรกว่าจะให้ครอบครัวเท่าไหร่ ที่เหลือผมจะเอาไปตั้งมูลนิธิ คมจักร เพื่อให้การสนับสนุนด้านการศึกษาและให้โอกาสแก่คนที่มีความสามารถ โดยจะจัดเป็นรางวัล มีการประกวดแข่งขันตีความหนังสือ ชิงทุนการศึกษาประจำปี โดยให้อ่านหนังสือ ที่ผมคิดแล้วว่าดี เพื่อทดสอบว่าใครสมควรจะเป็นผู้รับทุน โดยจะส่งให้เรียนจึงถึงที่สุด นอกจากนี้ผมจะจัดตั้ง college ของตัวเอง สอนเรื่องที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน แต่ไม่มีสอนในห้องเรียน แบบเรื่องปรัชญาและการเงินส่วนบุคคลแบบที่พวกเราเรียนกัน ส่วนเงินที่เหลือจะเอาไปเป็นทุนในการทำงานด้านการเมืองครับ เพื่อมีส่วนร่วมในการพัฒนา ประเทศและระบบการศึกษาต่อไปครับผม 6. หัวข้อที่คุณมีความสุขที่จะได้สนทนานานๆโดยไม่เบื่อ... เป็นหัวข้อเกี่ยวกับอะไรบ้าง ...3 ลำดับแรก - หนังครับ ... Hollywood ครับผม - การเงินและการลงทุน เศรษฐกิจและการเมือง อะไรทำนองนั้นครับ - เรื่องปรัชญาในการดำเนินชีวิตและแนวคิดต่างๆครับ 7. งานอดิเรก ที่คุณทำด้วยใจรักและมีความสุขมากที่สุด มีอะไรบ้าง ...3 ลำดับแรก - ดูหนังครับ - อ่านหนังสือครับ - เล่นหมากรุกครับ 8. มีอะไรบ้าง ที่คุณชอบและมักจะทำให้คนอื่นด้วยความภูมิใจและมีความสุขอย่างยิ่ง ... 3 ลำดับแรก - การได้ใช้คำพูดให้กำลังใจหรือแนะนำหนังสือให้คนอื่น เพื่อช่วยให้เขาแก้ปัญหาต่างๆ หรือมีชีวิตที่ดีขึ้นได้ - การสอนอะไรที่มันสำคัญๆ ให้กับคนอื่นแล้วเขาสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ครับ - การที่สามารถทำให้คนอื่นยิ้มและหัวเราะได้ครับ 9. หากคุณต้องจากโลกนี้ไปอย่างสงบสุข ... สิ่งใดที่คุณอยากให้คนรุ่นหลังระลึกถึงผลงานที่คุณทำไว้ หรือ สิ่งที่คุณได้เป็น ... 3 ลำดับแรก - ได้เชื่อว่าเป็นบุคคลที่สามารถสร้างความเจริญให้กลับประเทศชาติได้อย่างแท้จริง มีส่วนช่วยให้ไทย กลายมาเป็นประเทศมหาอำนาจประเทศหนึ่งของโลกได้ - ได้เชื่อว่าเป็น พ่อ พี่ เพื่อน และเจ้านาย ที่ดีของทุกๆคนที่อยู่รอบตัวเรา - เป็นคนที่มีส่วนช่วย สร้างแรงบันดาลใจและส่งเสริมให้ผู้อื่นประสบความสำเร็จอย่างมากมาย (แบบว่าลูกศิษย์ลูกหาเต็มไปหมด) 10. สิ่งที่ประสบความสำเร็จที่สุด ณ ตอนนี้ ที่นึกออกทันที นึกปุ๊บ คิดได้ปั๊บ คืออะไร ... 3 ลำดับแรก - การได้ทำงานที่ Maersk ในตำแหน่งผู้บริหารฝึกหัด - การที่กล้าตัดสินใจลาออกจาก Maersk มาทำธุรกิจส่วนตัวโดยที่มีแต่คนรอบข้างคิดคัดค้าน - การที่ได้มาเจอกับคลับอิสรภาพทางการเงิน มันเหมือนจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญในชีวิต ที่ผมมองหามานานเหลือเกิน ********* แก้ไขเมื่อ 05 มี.ค. 48 23:39:14 จากคุณ : สุมาเต๊กโช - [ 5 มี.ค. 48 22:46:09 ]

ความคิดเห็นที่ 78 จะรอพี่สาวมาตอบนะครับ หงิงหงิง... ส่งมาช้าหน่อย แหะแหะ ... ...ไม่ต้องรีบนะครับพี่ ถ้างานยุ่ง ... ผมรอได้ครับ อิอิ เป็นห่วงพี่สาว กลัวจะยุ่งอ่ะครับ คิดถึง คิดถึง อยากเจอพี่สาวอีกไวไว ... หงิง หงิง จากคุณ : สุมาเต๊กโช - [ 5 มี.ค. 48 22:53:09 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ว้า... มาช้าไปเยอะเลยล่ะ กะจะมาตอบคำถามสิบข้อแรก... แต่พี่นินจาจะรับแค่ 5 คนเองอะ เศร้า... จากคุณ : noopiglet - [ 5 มี.ค. 48 23:07:21 ]

ความคิดเห็นที่ 80 บางครั้งความสามารถก็ไม่เกี่ยว... เมื่อโอกาสมาถึง .. ก็ต้องรีบคว้าไว้ก่อน อิอิ คุณ noopiglet ไม่เป็นไรมั้งคะ .. ทำมาส่งไปก่อน ถ้านินจาว่าง คงช่วยดูให้ค่ะ.. เห็น "โฉม" นักการเมืองหน้าใหม่อีกคนแล้วนะ น้องจอม ... ว่าแต่จะลงพรรคไหนเหรอจ๊ะ..พรรคประชาธุรกิจ พรรคเดียวกับน้องเด่นป่าว อิอิ น้องเด่น ได้ลองอ่าน "เนื้อไม้" จาก คห. 22 และ 31 หรือยังจ๊ะ คิดว่ายังสงสัยตรงไหน ลองตั้งคำถามดูก็ได้จ้ะ.. มีผู้รู้คอยช่วยกันถกอยู่แล้วแหละ รอนินจาด้วยคน... อยากรู้ว่าจะไปอบรมที่ไหน อย่างไร..etc. ขอบคุณค่ะ !!!! แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 48 06:59:00 จากคุณ : ซ้อสี่ค่ะ (คิมิเอะ-จัง) - [ 6 มี.ค. 48 06:56:47 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ขอเข้ามาส่งการบ้านทั้ง 2 step เลยนะคะ (รู้สึกว่ามาช้าจริงๆ เลยนะเนี่ย แต่ว่ามาช้ายังดีกว่าไม่มานะคะ) Step 2 เลยละกัน เพื่อความรวดเร็ว (1) ที่น้องพูห์บอกว่า ...การติดต่อสื่อสารผ่านสายโทรศัพท์ จะสามารถทำได้ดีมากขึ้น แต่กลับทำให้การติดต่อแบบเผชิญหน้าแย่ลง แล้วจริงๆเวลาติดต่อทางโทรศัพท์รู้สึกมีความสุขมากกว่าการเผชิญหน้าหรือไม่ อย่างไรคะ ... และถ้าสร้างกระแสเงินสดผ่านเครือข่ายที่มีอยู่ .. อยากติดต่อทางสายโทรศัพท์ หรืออยากจะพบปะเผชิญหน้าเพื่อพูดคุยเรื่องอื่นๆจิปาถะด้วยคะ .... ประมาณครึ่งหน้ากระดาษ ---> พูห์กลับมาคิดทบทวนเรื่องนี้ว่า เมื่อการติดต่อผ่านสายโทรศัพท์ดีขึ้น แล้วทำไมการติดต่อแบบเผชิญหน้าแย่ลงนั้น พูห์คิดไปใน 2 ทางคือ 1. ที่ว่าการติดต่อผ่านโทรศัพท์ดีขึ้นนั้น เป็นเพราะว่า พูห์เปรียบเทียบตัวเองตอนเพิ่งเริ่มต้นทำงานใหม่ๆ กับ ณ ปัจจุบัน (ผ่านมาจะครบ 1 ปีแล้ว) ที่ว่า ปัจจุบันนั้นสามารถแก้ปัญหาต่างๆ ให้กับลูกค้าและเซลล์ในบริษัทได้ตรงจุดรวดเร็ว และชัดเจนค่ะ ที่น่าปลื้มคือ มีลูกค้าหลายคนที่พูดออกมาว่า ดีใจจังที่เจอคุณพูห์ จะถามอะไรสักหน่อย...  แต่ช่วงแรกๆ นั้น ลูกค้าจะไม่เชื่อใจเราสักเท่าไหร่ เพราะ เราใหม่ และเสียงก็เด็กมากๆ ด้วยอะค่ะ 2. ที่คิดว่าการติดต่อแบบเผชิญหน้าแย่ลงนั้น เป็นเพราะว่า วันๆ นึง พูห์ต้องคุยกับลูกค้า มากกว่า 100 สาย  คือ พูห์ทำงานเป็น supply and customer handling คือสินค้าของบริษัทต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศทั้งหมด และพูห์ก็เป็นหนึ่งในผู้สั่งของเข้ามา และก็เป็นคนขายของให้กับลูกค้าอะค่ะ เพียงแต่ว่า ไม่ใช่เซลล์เต็มตัวเพราะว่าไม่ต้องทำยอดให้ถึงเป้า และการคุยกับลูกค้าก็คือ การเช็คสินค้า หาสินค้า กะระยะเวลาขนส่ง และให้ข้อมูลทางเทคนิคอย่างง่ายๆ ให้กับลูกค้าด้วยอะค่ะ รวมถึง เป็นโอเปอร์เรเตอร์ด้วยค่ะ สรุปว่า ทำเกือบทุกอย่างในบริษัทอะค่ะ ทำให้ 8 ชั่วโมงในเวลางาน พูดผ่านโทรศัพท์ประมาณ 70 เปอร์เซ็น ..... เลยไม่ค่อยได้คุยกันตรงๆ เผชิญหน้าสักเท่าไหร่ เลยรู้สึกว่า การติดต่อแบบเผชิญหน้ามันไม่ค่อยคุ้นเคยนัก อะค่ะ (อิอิ ยังไม่ได้ตอบคำถาม ก็เขียนไปครึ่งหน้ากระดาษแล้วค่ะ ถือว่าเป็นการปูทางละกันนะคะ) ที่ถามว่า เวลาติดต่อทางโทรศัพท์รู้สึกมีความสุขมากกว่าการเผชิญหน้าหรือไม่ อย่างไร...  และถ้าสร้างกระแสเงินสดผ่านเครือข่ายที่มีอยู่ .. อยากติดต่อทางสายโทรศัพท์ หรืออยากจะพบปะเผชิญหน้าเพื่อพูดคุยเรื่องอื่นๆจิปาถะด้วยคะ .... ณ ตอนนี้ อาจจะรู้สึกมั่นใจในการติดต่อทางโทรศัพท์มากกว่าค่ะ เพราะว่า ในการค้นหาข้อมูลในการตอบคำถาม บางทีต้องค้นหนังสือหลายเล่ม เค้าก็ไม่เห็นถึงความยุ่งเหยิงของเราอะค่ะ อิอิ แต่ถ้าเรื่องมีความสุขแล้ว ก็ขึ้นกับว่า คนที่เราติดต่อด้วยเป็นใคร ถ้าเป็นลูกค้าในบริษัท ทางโทรศัพท์ก็มีความสุขกว่า คือเคยได้พบลูกค้าบ้าง นานๆ ครั้ง ก็พอแล้วค่ะ ส่วนถ้าเป็นคนที่เรารู้จักคุ้นเคย การพบหน้ากันก็จะให้ความสุขมากกว่า มากๆ เลยค่ะ เพราะการเจอกัน จะให้ความรู้สึกถึงการสัมผัส เข้าถึงได้น่ะค่ะ ส่วนที่ 2 ถ้าสร้างกระแสเงินสดผ่านเครือข่ายที่มีอยู่ อยากติดต่อทางโทรศัพท์หรือเผชิญหน้า คงต้องมีทั้ง 2 แบบ ผสมผสานกันไป คือ การติดต่อทั้ง 2 แบบ ก็มีข้อดีแตกต่างกัน ถ้าเครือข่ายนั้นอยู่ไกลๆ กันทั้งนั้น ไม่สะดวกในการนัดพบกันบ่อยๆ การติดต่อผ่านโทรศัพท์ก็อาจจะทำให้เกิดความสะดวก รวดเร็วกว่า เพราะการพูดคุยกันก็ทำให้เราสามารถปรึกษา แบ่งปันประสบการณ์ หรือความรู้ได้เหมือนกัน แต่ก็ต้องผสมกับการมาพบปะกันด้วยเป็นระยะๆ เพราะว่า การมาเผชิญหน้ากันนั้น ทำให้การพูดคุย มีความต่อเนื่อง หลากหลายได้มากกว่าค่ะ (พอตอบเข้าเรื่องจริงๆ ก็ตอบได้ไม่เยอะอะค่ะ แหะ แหะ) (2) ที่บอกว่าเป็นตัวแทนของที่บ้านในการทำสิ่งต่างๆ เช่น ไปงานต่างๆ ติดต่อธนาคาร เฝ้าไข้ เยี่ยมไข้ ฯลฯ ... ระหว่างการทำหน้าที่ดังกล่าว รู้สึกเบื่อหรือไม่, ได้เรียนรู้อะไรเพิ่มขึ้นบ้างหรือไม่, ได้เห็นอะไรเพิ่มขึ้นบ้างหรือไม่ .... ต้องบอกว่า 95 เปอร์เซ็นเป็นการกระทำด้วยความภูมิใจ และเต็มใจมากๆ เลยค่ะ ส่วนอีก 5 เปอร์เซ็นนั้น อาจจะเป็นช่วงที่พูห์ก็ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ แต่ก็เป็นคนที่ไม่ค่อยสะดวกน้อยที่สุด (คือคนอื่นๆ ยุ่งกว่าเยอะอะค่ะ) จึงตอบได้ว่าไม่ได้รู้สึกเบื่อ และได้เรียนรู้หลายๆ อย่างอาจจะดูเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็เป็นส่วนผสมส่วนหนึ่งที่ทำให้พูห์เป็นพูห์แบบนี้ในปัจจุบัน ขอแบ่งตอบตามนี้ค่ะ 1. ทำให้พูห์ต้องแบ่งเวลาในการจัดการเรื่องต่างๆ ให้ทันเวลา และรวดเร็วที่สุด (คนอื่นอาจคิดว่า มันไม่น่าจะยากเลย) คือ บางทีอาจต้องไปหลายๆ ที่ในวันเดียว พูห์ก็ต้องคิดแล้วว่าจะต้องไปที่ไหน หรือว่าต้องเริ่มทำอะไรก่อนหลัง ซึ่งพูห์ต้องทำแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ อะค่ะ (ตอนเด็กๆ ก็อาจจะคิดแบบเด็กๆ แต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดีเสมอ) และทุกๆ ที่ต้องทำอะไร ก็มักจะได้อะไรเพิ่มขึ้นมาเสมอ ไม่มากก็น้อยค่ะ เช่น ทำไมไม่ทำอันนี้ก่อน หรือว่า ทำแบบนี้ไม่ดีกว่าหรอ? (แบบว่าคอยถามตัวเองอะค่ะ) 2. ทำให้พูห์เป็นคนที่ง่ายๆ คือ เข้ากับคนได้ง่าย เข้าใจอะไรได้ง่าย (บางทีก็จะเป็นพวกจินตนาการเอง คิดไปเองด้วยอะค่ะ) จนทุกๆ คนมักจะให้ความไว้วางใจเป็นพิเศษ 3. ทำให้พูห์จะมีความเป็นเด็ก + ผู้ใหญ่ปนๆ กันไป คือที่เป็นเด็ก เพราะว่าพูห์เป็นน้องคนเล็ก ก็คงโดนเลี้ยงแบบลูกคนเล็กมาตลอดจนทำให้มีบุคลิกของลูกคนเล็ก 100 เปอร์เซ็น (คือทุกๆ คนลงความเห็นเลยอะค่ะ) แต่ก็จะมีความเป็นผู้ใหญ่ไปในตัว ในด้านความคิด ความรับผิดชอบ เป็นต้น (ตอนเด็กๆ นะคะ บางอย่างรู้สึกว่า มันยากเกินตัวเราสามารถทำได้ แต่ก็ต้องทำให้สำเร็จเพราะได้รับมอบหมายมาแล้ว อยู่ๆ จะเลิกก็กลัวที่บ้านมากกว่า ก็เลยต้องทำๆ ไปให้ได้) รวมๆ ก็เท่านี้ละกันค่ะ แต่จริงๆ เขียนเล่าแล้วยาว...... (3) ช่วยเล่าว่า ..น้องพูห์เป็นคนที่ ไม่คิดมาก ก็คือ ไม่คิดจริงๆ ... เรื่องไหนบ้างคะ ที่ไม่คิดมาก ...และที่จะคิดแล้ว ก็จะบ้าคิดไป 3 วัน แล้วก็เลิกคิดอีกน่ะแหละ ... เป็นประมาณเรื่องอะไรคะ ที่คิดบ้าไป 3 วันแล้วเลิกคิด ... และโดยรวมแล้ว ไม่คิด กับคิดบ้าไป 3 วัน ... แบบไหนเยอะกว่ากัน เยอะกว่าขนาดไหนคะ ... ที่ว่าเป็นคนที่ไม่คิดมาก ก็คือ ถ้าเราบอกว่า ไม่เป็นไร ก็คือไม่เป็นไรจริงๆ (เริ่มงง) คือถ้ามีคนมาทำความเดือดร้อนให้พูห์ ไม่ว่าจะเล็กน้อย หรือว่าหนักหนาสาหัสแล้วไม่ทำให้พูห์ไปทำให้คนอื่นเดือนร้อนต่อแล้วล่ะก็ คุยกันเข้าใจ ก็จบเรื่องกันไปจริงๆ ค่ะ คือว่า ถ้าพูห์เดือดร้อนคนเดียว แล้วพูห์สามารถจัดการหรือแก้ปัญหาได้ ก็ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ เช่น ตอนเรียนมหาวิทยาลัย พูห์จะมีสมุดจดอยู่วิชานึงที่เป็นความภาคภูมิใจมาก (ต้องบอกก่อนว่าพูห์จะไม่ค่อยมีสมุดเป็นของตัวเองอะค่ะ) วิชานี้จดได้รวมเป็น 3 เล่ม คือ จดในห้องเรียนแล้วก็มีมาสรุปเขียนเองในแต่ละกราฟ แต่ละบทด้วย รวมทั้งยืมของเพื่อนมาจดให้ได้ข้อมูลที่สมบูรณ์ ฯลฯ และแล้วพอใกล้สอบ ก็มีเพื่อนมายืมสมุดของพูห์ไปถ่ายเอกสาร แล้วทำหาย.... ต้นฉบับหาย ไม่มีสำเนา เอิ๊กๆๆ พูห์ก็เห็นว่าเพื่อนน่ะกลุ้มใจอยู่แล้วกว่าจะมาบอกเราได้ ก็แค่ให้เค้าไปหาเล็กเชอร์ของคนอื่นที่ดีๆ หน่อยถ่ายเอกสารมาคืนให้ก็พอ ให้เรามีอ่านอะค่ะ ไม่โกรธเพื่อนด้วยจริงๆ นะคะ ซึ่งจริงๆ อย่างเรื่องนี้เนี่ย ลืมไปแล้ว แต่เพิ่งคุยกะเพื่อน เพื่อนเลยเตือนความจำให้ก็เลยเอามายกตัวอย่างให้ฟังอะค่ะ ส่วนเรื่องที่จะคิด แล้วบ้าคิดไป 3 วัน แล้วก็เลิกคิดอีกในที่สุด ก็จะเป็นพวกเรื่องที่พูห์ไปทำความเดือดร้อนให้คนอื่น แล้วทำให้ต้องยุ่งยากกันหลายทอด หรือว่า เป็นเรื่องที่พูห์ทำผิดพลาดไป แล้วไม่ได้แก้ไขให้ถูกต้องอะค่ะ ก็จะคิดมากไปหลายวัน แล้วก็จะช่างมัน หรือว่า มันก็ผ่านไปด้วยดีแล้วก็จบ เช่น ตอนที่ทำงานได้ระยะนึง  พูห์ทำออร์เดอร์ให้ลูกค้า แล้วระบุเลขที่ใบขอซื้อสินค้าผิด ประมาณว่า จริงๆ มันเป็น *****H  แต่พูห์ ระบุเป็น *****I คือเขียนตัวเลขถูกหมด แต่ว่าผิดที่ตัวต่อท้ายเพราะแฟกซ์มาแล้วมันตัดพอดีเลยเข้าใจผิด 1 เดือนผ่านไปลูกค้าตามของเลยที่เลยกำหนดส่ง พี่อีกคนเห็นว่าเลขที่ในขอซื้อคนละอันกันก็ทำบิลอันใหม่ออกไป 3 เดือนถัดมา มีปัญหาเรื่องการเก็บเช็ค คือ ลูกค้าจ่ายเงินแต่ของบิลอันใหม่ แต่ของพูห์ เค้าบอกว่าไม่ได้รับของ แล้วก็หาเอกสารไม่เจอ ทั้งใบเสร็จ กับใบส่งของ ส่วนทางบริษัทเราก็ยืนยันว่าส่งไปแล้ว สรุปของหายระหว่างทาง แล้วพี่ๆ เค้าก็สรุปว่า ให้เซลล์เป็นคนออกเงิน แล้วก็ยกเลิกบิลให้กับลูกค้า ตอนนั้นพูห์เครียดเลย รู้สึกว่า ทำให้เซลล์ต้องรับผิดชอบทั้งๆ ที่เค้าไม่ได้ทำอะไรผิดเลย (ใจจริงพูห์อยากออกเงินเองด้วยซ้ำ แต่พี่ๆ เค้าก็บอกว่าไม่เป็นไร นิดหน่อยเอง) แล้วสุดทายก็หาของเจอ พูห์ก็เลยโล่ง ... (ไม่รู้ว่าจะอ่านเข้าใจหรือเปล่า ไม่งั้นเรื่องมันจะยาวมั่กๆ อะค่ะ) โดยรวมแล้ว เรื่องที่ไม่คิดอะไรจะมากกว่าเยอะมั่กๆ เทียบเป็นเปอร์เซ็นก็อาจจะ 95 กับ 5 เปอร์เซ็น เพราะพูห์คิดแล้วว่า เรื่องบางเรื่องคิดไปก็เท่านั้น ไม่ได้ทำให้ตัวเราดีขึ้นเลย ก็ให้รับรู้ แล้วก็จบไป ต่อไป ก็ระวังให้มากขึ้น ก็น่าจะเป็นบทเรียนที่ดีแล้ว เรื่องราวก็คงจะมีแค่เท่านี้อะค่ะ Step 3 ก็ตอบว่า ก. 1-2-5-4-3 ข. 3-2-4-5-1 ค. 4-2-1-5-3 ง. 3-5-4-2-1 รบกวนขอคำชี้แนะด้วยค่ะ (ได้อยู่ในรายชื่อทั้งทีอะค่ะ) พี่นินจาพอมีเวลาก็ค่อยให้คำตอบก็ได้ค่ะ แต่ก็รอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ ถ้ามีการนัดพบกันจริงๆ รบกวนของเป็นช่วงหลังเดือนมีนานะคะ เพราะถ้าเป็นช่วงเดือนมีนาก็เศร้าเลยอะค่ะ ขอบคุณนะคะ และขอบคุณทุกๆ คนด้วยค่ะ จากคุณ : พูห์ชี้ฟ้า - [ 6 มี.ค. 48 23:34:39 ]

ความคิดเห็นที่ 82 เย่ๆ ซ้อสี่บอกว่าให้ตอบมาก่อน หวังว่าพี่นินจาจะช่วยดูให้ด้วยนะคะ... งั้นก็ขอตอบเลยนะคะ 1.  "โอกาส" กับ "ความสามารถ" คุณคิดอะไรต้องมาก่อน เพราะอะไร ** คิดว่า.. ความสามารถมาก่อนโอกาส เพราะถ้าหากมีความสามารถแล้ว เราสามารถมองหรือคิดหาโอกาสใหม่ๆ ได้ 2.   เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ 100% คุณคิดว่าควรให้ความสำคัญกับ "วิธีการ" และ "เป้าหมาย" แบ่งเป็นอย่างละกี่เปอร์เซ็นต์ ** เป้าหมายเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เรารู้ว่าเราต้องการทำเพื่อให้ได้อะไร (รู้ว่าผลลัพธ์สุดท้ายคืออะไร) แต่ในขณะเดียวกัน วิธีการก็มีความสำคัญ เพราะเป็นแนวทางที่ทำให้ได้ผลลัพธ์ตามเป้าหมาย บางครั้งเป้าหมายดูเหมือนจะไม่ยาก แต่วิธีการนั้น กว่าจะทำให้ได้มาตามเป้าหมายนั้นยากเหลือเกิน ด้วยเหตุผลต่างๆ นานา... ฉะนั้น.. คิดว่าให้ความสำคัญกับ เป้าหมาย 60% และวิธีการ 40% ค่ะ 3.  "เงิน" กับ  "เวลา" สำหรับคุณสิ่งไหนมีค่ามากกว่ากัน เพราะเหตุใด ** "เวลา" มีค่ามากกว่า "เงิน" เนื่องจาก ต้องใช้ "เวลา" ในการศึกษา ค้นคว้า คิด... เพื่อให้ได้สิ่งต่างๆ ที่ต้องการอย่างมีประสิทธิภาพ และก่อให้เกิดประสิทธิผล และเวลายังเป็นสิ่งที่ใช้แล้วหมดไป ในขณะที่ "เงิน" ไม่สามารถตอบแทน หรือให้เราได้ทุกอย่างที่ต้องการ จริงอยู่ว่า บางครั้งเราก็จำเป็นต้องใช้เงินเพื่อแลกกับของบางอย่างมา แต่เงินก็เป็นสิ่งที่หาใหม่ได้ 4.    “การศึกษา"   กับ   "ทัศนคติ"   คุณให้ความสำคัญเรื่องไหนมากกว่ากัน เพราะเหตุใด ** ทัศนคติ สำคัญมากกว่าการศึกษา ทัศนคติแสดงถึงมุมมอง ความคิดในเรื่องต่างๆ เป็นได้ทั้งทางบวก และทางลบ เราสามารถศึกษาเมื่อไร อย่างไรก็ได้ ไม่มีวันสิ้นสุดค่ะ เช่น ถ้าเรามีทัศนคติที่ดี คิดว่า การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญ เราก็จะให้เวลากับการศึกษา... เช่น.. แต่ก่อนแต่ไร พิกเล็ตจะคิดว่า การลงทุน เล่นหุ้นเป็นความเสี่ยง.. แต่หลังจากได้เปิดโลกทัศน์ใหม่ เปลี่ยนทัศนคติใหม่แล้ว... ตอนนี้ก็เลยเริ่มหันมาศึกษาเรื่องการลงทุนแล้วอะ.. แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่ไม่เคยคิดชอบเลยก็ตาม จิงๆ นาเนี่ย แต่ตอนนี้เริ่มรู้สึกว่า การลงทุนเป็นอะไรที่ท้าทาย น่าสนใจมากเลยล่ะ 5.      ถ้าคุณมีเงิน กระแสเงินสด วัน 1,000  ล้านบาท ณ ตอนนี้ คุณจะทำอะไร (อาชีพ) คุณจะอยู่ที่ไหน และคุณจะจัดการกับเงินนั้นอย่างไร ** อืม... อันนี้ยากจัง ปกติเป็นคนไม่ค่อยคิดถึงเรื่องเงินมากเลยนะเนี่ย.. เคยคิดแต่ว่าจะทำงานที่ทำแล้วมีความสุข แต่เงินก็มีเท่าไรก็ได้ แค่ให้พอใช้จ่าย มีเหลือเก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉินก็พอ  แต่เพิ่งจะมาปรับทัศนคติในเรื่องเกี่ยวกับเงินๆ การลงทุน ได้ไม่นานเท่าไรนัก เพิ่งรู้จักคำว่า กระแสเงินสด ก็เพิ่งไม่นานนี้เอง แหะ แหะ... ที่ผ่านมารู้จักแค่คำว่างบกระแสเงินสด ของทางบัญชี แต่ไม่ได้เข้าใจลึกซึ้งอะ เอาเป็นว่า ถ้ามีกระแสเงินสดวันละ 1000 ล้าน จะทำอาชีพ.. สิ่งที่ทำแล้วมีความสุข (ไม่เกี่ยงเรื่องรายได้) ที่อยู่.. อยู่กับครอบครัว...อยากทำอะไรก็ได้ ทดแทนบุญคุณผู้มีพระคุณทั้งหลาย... ทำบุญ ทำกุศล ช่วยเหลือคนที่เค้าต้องการความช่วยเหลือ จัดการกับเงินโดย.. ทำให้เงินสร้างกระแสเงินสดมากขึ้นไปอีก จะได้เอาไปทำบุญ กุศล เพิ่ม แล้วก็เอาไปสร้างกระแสเงินสดเพิ่มอีก... 6. หัวข้อที่คุณมีความสุขที่จะได้สนทนานานๆโดยไม่เบื่อ... เป็นหัวข้อเกี่ยวกับอะไรบ้าง ...3 ลำดับแรก ** 1. เรื่องเกี่ยวกับครอบครัว... คนที่เรารัก และเป็นห่วง ความเป็นอยู่ ทุกข์ สุข ของสมาชิกในครอบครัว... 2. เรื่องเกี่ยวกับเทคโนโลยี สารสนเทศ ข่าวสารบ้านเมืองทั้งในและนอกประเทศ (ไม่กี่ประเทศ..เช่น.. ตอนนี้ก็สนใจ ไทย อังกฤษ อเมริกา จีน) แต่เนื่องจาก.. ถ้าเป็นข่าวสารบ้านเมืองไทยแล้วเนี่ย.. ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ฟัง จากญาติ เพื่อน เพราะไม่ค่อยได้อ่านหนังสือพิมพ์เอง ส่วนใหญ่จะดูโทรทัศน์ ฟังวิทยุ (แบบว่าปวดตาอะนะ นั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์มาทั้งวัน) 3. เรื่องเกี่ยวกับบันเทิง ส่วนใหญ่เป็นภาพยนตร์ ละคร.. คุยถึงเนื้อเรื่อง แนวคิด สาระที่ได้ แต่เป็นคนที่ไม่จำชื่อของตัวละครเลยอะ.. ไม่รู้ทำไม จะจำดาราเด่นๆ ได้ไม่กี่คนเอง (ไม่ค่อยได้ฟังเพลง) ตอนนี้เพิ่มเรื่องการลงทุนด้วย เริ่มสนใจเกี่ยวกับการลงทุนแล้วล่ะค่ะ 7. งานอดิเรก ที่คุณทำด้วยใจรักและมีความสุขมากที่สุด มีอะไรบ้าง ...3 ลำดับแรก ** 1. อ่านหนังสือ... ที่อยากอ่าน และรู้สึกว่า มีคุณค่า และควรค่าแก่การอ่าน.. ตอนนี้มีสิ่งที่อยากอ่านอยู่มากๆๆๆ แต่ว่า.. เวลาซึ่งเป็นสิ่งมีค่ามากๆ กลับมีไม่มากพอ เลยต้องค่อยๆ อ่านต่อไป 2. ดูหนัง (แบบว่ามีสาระ ได้คติ ได้ข้อคิด แต่ไม่เอาหนังโหด) 3. ถ้ามีโอกาส ก็อยากไปเที่ยวตามที่ต่างๆ แปลกใหม่ เพื่อหาประสบการณ์ 8. มีอะไรบ้าง ที่คุณชอบและมักจะทำให้คนอื่นด้วยความภูมิใจและมีความสุขอย่างยิ่ง ... 3 ลำดับแรก ** 1. ปกติจะรู้สึกมีความสุขมาก กับการได้ช่วยเหลือครอบครัว หรือคนอื่น ในการทำงานต่างๆ แม้ว่าจะเป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ก็ยังดี.. รู้สึกว่า ได้มีส่วนร่วม และทำให้คนอื่นมีความสุข (แม้ว่า บางครั้ง ตัวเองก็จะแย่อยู่เหมือนกัน แต่ก็ทำให้ดีที่สุดอะนะ) 2. ตอนนี้อยู่ไกลอะ อยากช่วยเหลือพ่อแม่ด้วยแรงกายก็ทำไม่ได้ ทำได้ก็คือให้กำลังใจไปทางโทรศัพท์ หรือติดต่อสื่อสารด้วยวิธีอื่นๆ เช่น email หาคนที่เรารัก และเป็นห่วง พ่อแม่ พี่น้อง ญาติ เพื่อน เพื่อถามข่าวคราวสารทุกข์สุกดิบ รู้สึกเป็นสุขมาก ที่ได้โทรไปหาคนที่บ้าน (อยู่กันหลายบ้านอีกตะหาก) พ่อ แม่ พี่ (พี่นี่หาตัวได้ยากมากหน่อย เลยต้องสื่อสารด้วยวิธีอื่น) และก็น้อง  อย่างน้อยก็สัปดาห์ละครั้ง (แบบว่า.. คุยเหมือนอยู่บ้านเดียวกัน.. ทั้งที่อยู่คนละทวีป จนเพื่อนๆ งงว่าทำไมคุยได้นานจริงๆ แหะ แหะ... คือว่าคิดแล้วว่า.. อย่างน้อยโทรไปคุยกะพ่อ แม่ เล่าๆ บ่นๆ แม้ว่า พ่อกะแม่จะเหนื่อยแค่ไหน ท่านก็มีความสุขที่เราโทรไปหา.. อิอิ.. ส่วนน้องเนี่ย.. โทรไปป่วน... แล้วมีความสุข เอิ๊กๆๆ 3. เป็นที่ปรับทุกข์ให้เพื่อน จริงๆ คือ เป็นผู้ฟังมากกว่าอะนะ ... 9. หากคุณต้องจากโลกนี้ไปอย่างสงบสุข ... สิ่งใดที่คุณอยากให้คนรุ่นหลังระลึกถึงผลงานที่คุณทำไว้ หรือ สิ่งที่คุณได้เป็น ... 3 ลำดับแรก ** 1. เป็นคนไม่เห็นแก่ตัว 2. มีความพยายาม... ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่โน่น.. 3. อดทน อดกลั้น 10. สิ่งที่ประสบความสำเร็จที่สุด ณ ตอนนี้ ที่นึกออกทันที นึกปุ๊บ คิดได้ปั๊บ คืออะไร ... 3 ลำดับแรก ** ว้า.. ชีวิตเรียบง่ายมาเกือบตลอด ไม่ค่อยมีอะไรผาดโผนเท่าไรนักเลย... 1. เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ ทำให้พ่อ แม่ ภาคภูมิใจมาได้ในระดับหนึ่งแล้ว.. เฮ้อ.. ยังเหลืออีก.. อย่างน้อยก็ได้รับราชการอย่างที่พ่อแม่ต้องการ แล้วก็เรียนต่อป. เอก (อย่างที่พ่อแม่ต้องการอีกเช่นกัน..) ตอนนี้ก็เหลือแต่ว่า.. เรียนให้จบให้ได้... 2. เรื่องการศึกษา... ตัดสินใจแน่วแน่ แล้ว(ต้อง)ทำให้ได้... ครั้งหนึ่งหลังจากเรียนจบ ป.ตรี ก็เรียน ป.โทต่อเลย.. ก็สอบเข้าได้เรียนป.โทอยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในไทย เรียนนอกเวลาทำงาน (พูดถึงที่นี่ก็สอบเข้ายาก แต่ก็ยังสอบผ่านเข้ามาได้ --> ภูมิใจอีกแล้ว)  ตอนนั้นเรียนเนื้อหาครบหมดแล้ว เรียนเยอะกว่าชาวบ้าน เพราะด้วยความอยากรู้เยอะ.. แต่ก็ยังได้คะแนนเป็นที่สองของ class นั้น --> แอบภูมิใจอีก... ทีนี้เหลือทำ thesis แต่เนื่องจากเล็งเห็นแล้วว่าถ้ายังคงทำ thesis ต่อที่นี่ มีหวังได้สี่หรือห้าปีจบแน่ๆ เพราะอาจารย์ที่ปรึกษาโหดมาก งานที่ออกมาต้องดีเลิศ (ซึ่ง..เพื่อนๆ ส่วนใหญ่ที่เรียนตอนนั้น ก็สี่ ห้า ปีจบกันทั้งนั้น) ตอนนั้นก็ทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย (อาจไม่ใช่สาระสำคัญมาก  แต่ตอนนั้นก็รู้สึกเหนื่อยเหมือนกัน) พอดีได้ข่าวจากเพื่อนเรื่องทุนก.พ. (ปกติไม่เคยสนใจที่จะเรียนต่อต่างประเทศเล้ย คิดแต่ว่า เรียนในเมืองไทยก็ได้ เหมือนๆ กัน จริงๆ นะเนี่ย) เลย (แอบ เพราะไม่ให้พ่อกะแม่รู้) คิดๆ กับพี่แล้วก็ตัดสินใจแน่วแน่ว่า.. จะต้องสอบชิงทุนไปเรียนต่อเมืองนอกให้ได้  แต่ทีนี้ต้องเลิกเรียนป.โท จากที่นี่ด้วย (ทั้งที่เหลือแต่วิทยานิพนธ์ -->  แอบเสียดายเหมือนกัน) เพราะถ้าจะให้ได้ทุน ต้องใช้เวลาที่มีมาฝึกภาษาอังกฤษอย่างเร่งด่วน...เพราะภาษาอังกฤษห่วยอะ แต่แล้วในที่สุดก็สอบทุนมาจนได้.. --> ภูิมิใจๆ แต่แล้วปัญหาที่ตามมาอีกก็คือ.. พ่อกะแม่ไม่เข้าใจ ไม่อยากให้ไปเรียนเมืองนอก และที่สำคัญไม่อยากให้เป็นคนล้มเลิกอะไรง่ายๆ แต่จิงๆ ตอนโน้นคิดๆ (กับพี่) แล้วว่า การไปเรียนต่อเมืองนอกมีข้อดีมากกว่าข้อเสีย ข้อเสียคือ เรียนไม่จบ ป.โทที่ไทย.. แต่ข้อดีคือ ได้เรียนจบแน่ๆ ภายในปีที่กำหนด ไม่ปีนึงก็สองปี (เพราะว่าได้ทุนอะ ถ้าไม่จบคงมีปัญหาแน่ๆ) ได้ฝึกภาษา (เพราะตอนนั้นเล็งเห็นแล้วว่า ภาษาอังกฤษนี่สำคัญ แต่ถ้าไม่มีอะไรมาบังคับ คงไม่ตั้งใจฝึกฝนอย่างจริงจัง) ซึ่งพอได้มาเรียนที่นี่แล้ว ก็เลยพยายามฝึกฝนภาษาอังกฤษให้ได้มากที่สุด เพราะอุตส่าห์ได้มาถึงถิ่นเจ้าของภาษาแล้ว... ได้ประสบการณ์ชีวิตแปลกใหม่ (ที่ถ้าให้ลงทุนเงินด้วยตนเอง คงไม่ทำอยู่แล้ว แหะ แหะ .. ไม่มีตังค์อะ)... ซึ่งก็ได้ผลจริงๆ พอมาอยู่ที่นี่ ทำให้ต้องทำอะไรด้วยตัวเองทุกอย่าง รู้สึกว่าเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น (จิงๆ ก็เป็นผู้ใหญ่แล้วอะนะ) รวมทั้งแก้ปัญหาต่างๆ อย่างมีวิจารณญาณ และก็ประพฤติตนเป็นคนดี ไม่ทำอะไรออกนอกลู่นอกทาง ให้ที่บ้านต้องเป็นห่วง... สุดท้าย.. หลังจากเรียนโทจบ เนื่องจากพ่อกะแม่ก็อยากให้เรียนต่อ... ตอนโน้นก็คิดแล้วคิดอีก ใจนึงก็อยากกลับไปทำงานดีก่า.. อีกใจก็ยังอยากได้ประสบการณ์ที่นี่มากขึ้น เพราะเรียนโทปีเดียว ยังได้อะไรไม่เยอะ ภาษาอังกฤษก็ยังดีขึ้นไม่เยอะ.. สุดท้ายก็ดั้นด้นขอทุนเรียนต่อ ป.เอก (เพราะทุนมาให้แค่เรียนป.โท) (แม้ว่าตอนนี้ก็รู้สึกเครียดและเหนื่อย.. บางทีก็ท้อ คิดว่าน่าจะกลับไปทำงานดีก่านะเนี่ย มาทรมานตัวเองทำไม... แต่ไหนๆ ก็ตัดสินใจเรียนต่อแล้ว..ก็จะเรียนให้จบให้ได้ และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิตที่นี่ให้ได้มากที่สุดอะนะ) ซึ่งก็ภูมิใจและมีความสุขอีกเช่นกัน สรุปคือ ตัดสินใจไม่ผิดที่เลิกเรียนโทที่ไทย แล้วมาเรียนต่อที่เมืองนอก... สู้ต่อไป.. 3. เป็นคนดีของสังคม... ไม่ได้เอาเปรียบใคร โดยไร้เหตุผลที่ดี แต่ถ้ามีใครมาเอาเปรียบ มากเกินไป (โดยไม่มีเหตุผลที่ดี) ล่ะก็... ครั้งแรก ถือว่าไม่รู้..ให้อภัย.. ครั้งที่สอง อาจเผลอ..ก็ยังให้อภัย... แต่ถ้ามีครั้งที่สามอีกล่ะก็....ฮึ่มๆๆ ********* เฮ้อ... บ่นจนยาว แต่สาระสำคัญมีไม่เยอะ (เอ๊ะ หรือไม่มีเลยหว่า.. ขอกลับไปหาอีกที)... เรื่องงานที่ผ่านมาก็ไม่มีไรน่าตื่นเต้นเลย... แต่เรียนจบกลับไปคงมีแล้วล่ะ เพราะทุกคนคาดหวังอยู่ เอิ๊กๆๆ ใครจะรู้บ้างว่า เรียนเอก ไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่อง แต่รู้แค่เรื่องใดเรื่องหนึ่งที่เล็กมากๆๆๆ เท่านั้น เฮ้อ... พี่นินจาจะหาสาระสำคัญเจอมั่งมั้ยเนี่ย.. ยังไงก็รบกวนพี่นินจาด้วยนะคะ ไว้พี่นินจาว่างๆ ค่อยตอบก็ได้นา...ไม่รีบๆ (แต่อย่าลืมละกัน)... เพราะเป็นคนที่หาตัวเองยังไม่ค่อยจะเจอเลยล่ะค่ะ... กะลังพยายามอยอะนะู่ ขอบคุณมากค่า..   แก้ไขเมื่อ 07 มี.ค. 48 07:23:12 จากคุณ : noopiglet - [ 7 มี.ค. 48 06:40:55 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ตอบพี่สี่ครับ    ( เรื่องเนื้อไม้ ) อ่านความเห็นทั้งสองแล้วครับ   แต่ยังไม่เข้าใจครับก็เลยมารบกวนถามต่อ  ( แบบว่า  มันเหมือนยังรู้สึกติดในใจว่า   ....  ไม่เข้าใจยังงัยก็ม่ายรู้ครับ     ) ................................. หงิง หงิง จากคุณ : เด่นศรี - [ 7 มี.ค. 48 07:36:10 ]

ความคิดเห็นที่ 84 สวัสดีค่ะทุกๆท่าน น้องกระบี่คะ ที่น้องบอกว่า "ผมจะไม่รอโอกาสอีกแล้วครับ แต่จะสร้างมันขึ้นมาและหาทีมที่ลงตัว หาคนที่จะมาเสริมในสิ่งที่ผมขาดให้ได้ครับ" ********* สุดยอดมากๆค่ะ (รับรู้ได้ถึงน้ำเสียง และ ความตั้งใจจริงๆค่ะ) ********** สำหรับคำว่า  "อย่างไร" และ "เมื่อไหร่"  .... น้องกระบี่ จะกระจ่างชัดมากขึ้น ในวันที่นัดคุยกันค่ะ (พูดให้ฟังจะง่ายกว่าเยอะค่ะ) แต่ระหว่างนี้ น้องกระบี่ฯ ลองหาหนังสือเกี่ยวกับ การฝึกความคิด, จิตวิทยา, CRM ศึกษาเพิ่มเติมก่อนก็ได้ค่ะ ....... น้องกระบี่ฯ จะเห็นภาพได้ง่ายกว่าคนอื่นๆ เพราะมีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับความถนัดของตัวเองมาอยู่แล้วด้วย ... น้องกระบี่ฯ เคยเขียนแผนธุรกิจมั้ยคะ ถ้าไม่เคยเขียน อย่างน้อยก็ต้องเคยเห็นแน่นอน โดยเฉพาะฝ่ายงานที่ทำอยู่ ........ คือ อยากให้น้องกระบี่ฯ ลองร่าง แผนชีวิต (และธุรกิจ) ของตัวเอง อย่างคร่าวๆดูนะคะ แผนชีวิต ประกอบด้วย ทุกอย่าง เหมือนกับแผนธุรกิจน่ะค่ะ แต่ปรับให้เข้ากับชีวิต และธุรกิจของตนเองและครอบครัว ....... อย่าลืม "ตั้งชื่อ แผนให้กับชีวิตตัวเอง" ไว้ด้วยนะคะ จากคุณ : คนชื่อนินจา - [ 7 มี.ค. 48 15:18:45 ]

ความคิดเห็นที่ 85 สวัสดีค่ะอาซ้อ ... อาซ้อ อย่าให้สิ่งที่อาซ้อเห็น มาจำกัด "ความคิดของอาซ้อ" เป็นอันขาดนะคะ ที่อาซ้อมองว่า สิ่งใหม่ๆ ที่เป็นนวัตกรรม หรือ สิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ ปัจจุบันมีเยอะมากๆ จนถึงจุดหนึ่ง .. อะไรที่จำเป็นในโลก ก็ได้เกิดขึ้นมาหมดแล้ว และของในโลกก็มีมากมายเหลือเกิน .. อย่างนี้ของใหม่ๆ ยังเป็นที่ต้องการอยู่หรือคะ ยังมีช่องเหลือให้พัฒนาหรือคะ ********** อาซ้อลองตอบคำถามของนินจานะคะ "ว่าสินค้าใหม่ๆที่มียอดขายสูงสุด มีวัตถุดิบคืออะไรบ้าง" "บริการใหม่ๆที่ได้รับความนิยมสูงสุด มีวัตถุดิบจากอะไรบ้าง" "การที่โลกเราเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้นทุกวัน ของที่ใหม่ๆ ออกมา มีวัตถุดิบคืออะไรบ้าง" "วงจรสินค้าและบริการใหม่ๆต่างๆ ที่มีวงจรสั้นมากๆ ใช้อุปกรณ์หรือเครื่องมืออะไรในการแก้ไขได้บ้าง" ลองตอบดูก่อนนะคะ เดี๋ยวจะมาต่อให้ ********* สำหรับที่อาซ้อเคยรู้ตัวเอง .. แต่ด้วยคำถามด้านบน 2 ข้อ ทำให้ซ้อชะงัก และเปลี่ยนตัวเองให้เป็นมนุษย์เงินเดือนเหมือนเดิมต่อไปน่ะค่ะ .. ******* นินจาขอบอกว่า "คำถามของอาซ้อ มันตั้งมาด้วยความเห็นที่ยังไม่ถูกต้อง" ... น่ะค่ะ นินจาหมายถึงว่า ... มันไม่ถูกตั้งแต่ตอนตั้งคำถาม แน่นอน คำตอบก็ย่อมผิดเพี้ยนไปเป็นธรรมดา ยังไม่ทันจะไปให้คำตอบเลยค่ะ ... แต่ต้องตั้งคำถามให้ถูกต้องก่อนค่ะ พอนึกภาพออกมั้ยคะ ******** อาซ้อชอบมากเรื่องการอบรมให้คิด .. รอนินจาแนะนำค่ะ ******* อันนี้ ได้เลยค่ะ .... แล้วอาซ้อจะไม่มีวันเบื่อเลยค่ะ เพราะมันคือตัวตนของอาซ้อ มันมีความสุขทุกขณะ นอกจากจะได้อิสรภาพทางการเงินแล้ว ยังได้อิสรภาพอย่างแท้จริงด้วยค่ะ ******** อาซ้อคะ ... รบกวน อาซ้อ ประสานงานน้องๆทั้งห้าให้ด้วยนะคะ (อาซ้อ, น้องกระบี่ฯ น้องชิน น้องจอม น้องพูห์) น้องพิกเล็ต เดี๋ยวส่งให้ทางเมล์นะคะ (น้องอยู่อังกฤษ ใช่ปะ) ลองนัดว่าจะมาเจอกันอย่างไรดี ถ้าแวะมาบ้านโป่งจะสะดวกกันมั้ยคะ อาจนัดเจอกันก่อนที่กรุงเทพฯ แล้วนั่งมารถคันเดียวกันก็ได้ค่ะ .... ดีมั้ยคะ เดี๋ยวจะพาไปทานอาหารอร่อยๆ ....อิอิ.... (จะได้คุยมั้ยเนี่ย มัวแต่กินเพลิน) ถ้านัดวันธรรมดา นินจาว่างทุกวันค่ะ หรือวันเสาร์ก็ได้ (ยกเว้นอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์) ค่ะ เป็นเดือนเมษายนก็ได้ค่ะ ... หรือนัดกันได้วันไหน แล้วมา confirm อีกที ก็ได้ค่ะ จากคุณ : คนชื่อนินจา - [ 7 มี.ค. 48 15:32:22 ]

ความคิดเห็นที่ 86 สวัสดีค่ะน้อง chinn สำหรับน้องชิน ต้องขอแสดงความยินดีด้วยเช่นกันค่ะ สิ่งที่น้องฯ ปฏิบัติอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องการลงทุน คิดว่า น้องฯค่อนข้างมีความสุขอยู่แล้วมากๆกับสิ่งที่เป็นอยู่ ......... น่าดีใจจริงๆค่ะ แม้ว่า ความคาดหวังจากคนรอบข้างจะเป็นอย่างไร แต่น้องฯ ก็ยังมีความมั่นใจและสามารถทำในสิ่งที่ตัวเองรักและมีความสุข จึงไม่แปลกใจเลยที่น้องฯ บอกว่า แม้จะมีรายได้วันละ พันล้านบาท น้องฯ ก็จะยังทำงานอย่างที่ทำอยู่ .... ตรงนี้ น้อยคนนักที่จะเป็นอย่างนี้นะคะ นั่นคือ หากน้อง มีอิสรภาพอย่างแท้จริงเมื่อไร (ไม่ว่า จะด้วยวิธีใดๆ ซึ่ง มีวิธีการแน่นอนค่ะ บอกได้เลย ว่ามีแน่นอน) น้องก็ยังทำงานปัจจุบัน และตอบแทนสังคมต่อไป ... จากการที่น้องฯ เป็นคนที่ติดตามข่าวสารสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา และเป็นคนชอบวางแผนกลยุทธ์ ... น้องฯ จึงมีความสามารถสูงในด้านการ "การวางแผนกลยุทธ์" ในขณะเดียวกัน โดยเปรียบเทียบ (เชิงปริมาณ) กับคนอื่น น้องฯ จะมีมิติด้าน "การหาจังหวะเวลา" มากกว่าคนอื่น (แม้จะไม่มากที่สุดโดยเปรียบเทียบกับตัวน้องฯ เอง ก็ตาม) ******** สำหรับการลงทุน .. ของน้องฯ ถ้าเป็นหุ้นหรือตราสารทางการเงิน ก็จะเหมาะมากๆ ไม่ว่าจะเป็นในประเทศหรือต่างประเทศ ... เพียงแต่ น้องฯ ต้องวางแผนฯ ต้องสร้างระบบที่ดี สิ่งที่น้องฯ จะเพิ่มมูลค่าให้กับ การลงทุนของน้องฯ ก็คือการสร้างระบบ .... เงินลงทุนของน้องฯ ที่มีอยู่ จะเป็น "ผลการเรียนที่ดี" ของน้องฯ ดังนั้น .... น้องฯ ต้องนึกและวางแผนตั้งแต่วันนี้ ว่าจะทำให้เกิด "ผลการเรียน หรืองบการเงิน" ที่ดีได้อย่างไร .... ความสามารถของน้องฯ บวกกับ ผลการเรียนที่ดี .... จะเป็นสิ่งที่ดึงดูดเงินลงทุนอย่างมหาศาล ให้มีอยู่ในระบบของน้องฯ (1) ระบบของน้องฯ จะทำหน้าที่ทดแรงและหมุนเงินให้มากขึ้น (2) ระบบและผลการเรียนที่ผ่านมา ... จะเป็นตัวดึงดูดปริมาณเงินให้เข้ามาสู่ระบบได้เป็นอย่างดี (3) ผลการเรียนที่ดี ต้องมีการวางแผน เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย น้องฯ พอนึกภาพออกมั้ยคะ ว่าคนที่มีเงินจำนวนมากๆ จะมาดูผลการเรียนของน้อง แล้วตัดสินใจลงทุนได้อย่างไร ... ต้องทำตรงนั้นให้ได้ (4) ความสามารถในการเข้าใจสถายการณ์ที่เป็นไปบนโลกนี้ จะช่วยให้น้องเห็นฤดูกาล เห็นจังหวะ เวลา ต่างๆ จังหวะรอบฤดูกาลใหญ่ๆ .... (5) สิ่งที่น้องฯ จะตอบคำถามคือ "อย่างไร" และ "เมื่อไร ของวัฏจักรรอบใหญ่" โดยหาพันธมิตร ที่สามารถ ใช้ "สัญชาติญาณ" รู้จักหวะในรอบเล็กๆ มาเสริมวัฏจักรรอบใหญ่ๆ (นึกภาพออกมั้ยคะ) ... และหาพันธมิตร ที่ "เห็นช่องว่างแอบแฝงในตัวหุ้น" เพื่อมาเสริมกับระบบที่ดีของน้องฯ.... สำหรับที่มาของเงิน น้องหาได้ไม่ยากเลยค่ะ จากพันธมิตร ที่ "มีเครือข่าย connection" จะช่วยตรงนี้ได้เยอะมากๆค่ะ (6) นอกการลงทุนในหุ้น หรือตราสารทางการเงิน แล้ว ... การลงทุนในอสังหาฯ หรือธุรกิจอื่นๆ ยังสามารถทำได้เช่นกัน โดยเฉพาะในส่วนของการสร้างระบบ .... สร้างมูลค่าเพิ่ม .... มีหลายคนนะคะ ที่เค้าชอบคิดค้นอะไรใหม่ๆ ธุรกิจใหม่ๆ อสังหาฯใหม่ๆ กลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ช่องว่างการลงทุนในประเทศใหม่ๆ หรือช่องว่างของอสังหาฯหรือธุรกิจที่แอบแฝงอยู่ คนกลุ่มนี้ เก่งตรงนี้ แต่เค้าไม่เก่งการสร้าง "ระบบ" และอาจจะไม่มีความสามารถมากพอ เกี่ยวกับ "สถานการณ์เศรษฐกิจ สถานการณ์ปัจจุยัน สถานการณ์ทั่วโลก" ซึ่งน้องชิน เก่งตรงนี้มาก ********* สุดยอดมากๆค่ะ ถ้าเป็นไปได้เริ่มเลยนะคะ "ผลการเรียนที่ดี" และ "การสร้างระบบอย่างมีกลยุทธ์" ********* ขอบอกว่า ฝันของน้องเป็นจริงแน่นอนค่ะ .... น้องเป็นคนร่ำรวยและมั่งคั่ง โดยเพียงมาจากคนธรรมดาคนหนึ่ง ที่มีเป้าหมาย ที่มีการวางแผน และได้ตอบแทนสังคมอย่างเหมาะสม ที่สำคัญ วันที่น้องประสบความสำเร็จ น้องก็สามารถนำรายได้บางส่วนมารณรงค์ ต่อต้าน ให้ความรู้ เกี่ยวกับอบายมุขทั้งหลาย ว่าเป็นสิ่งไม่ดีอย่างไร ... และก็จะเป็นผู้มั่งคั่งที่ไม่ได้เริ่มต้นจากการเป็นลูกของคนร่ำรวย ทำได้แน่นอนค่ะ ******** ถามเพิ่มเติมได้นะคะ ปกติน้องชิน สะดวกวันไหนคะ ไว้น้ดรวมๆกัน 5 คน แล้วไว้มาเจอกันทีนึงนะคะ ******** ขอบคุณค่ะ แก้ไขเมื่อ 07 มี.ค. 48 16:07:04 จากคุณ : คนชื่อนินจา - [ 7 มี.ค. 48 16:00:49 ]

ความคิดเห็นที่ 87 สวัสดีค่ะ น้องจอม และน้องพิกเล็ต ... ****** ยังยินดีรับฟังคนอื่นๆนะคะ เพียงแต่ อาจช้าหน่อยน่ะค่ะ ******** step 2 น้องสุมาเต็กโชนะคะ (1) ที่น้องบอกว่า "ผมจะเป็นนักการเมืองครับผม ... จะทำงานเพื่อพัฒนาประเทศชาติต่อไป.. และจะไปสร้างบ้านพักอยู่บนเขาแถวภาคเหนือครับ เพราะเป็นคนชอบอากาศหนาว" ........ ลองช่วยอธิบายว่าจะบริหาร จัดการอย่างไรให้สมดุลคะ .......... ประมาณครึ่งหน้ากระดาษ (2) น้องจะบริหารเงินรายได้วันละ 1000 ล้านบาทอย่างไรบ้างคะ (อสังหาฯ หุ้น ธุรกิจ ฯลฯ) รวมถึงมูลนิธีคมจักรของน้องด้วยค่ะ ..... ประมาณหนึ่งหน้ากระดาษ (3) หลังจากมีอิสรภาพแล้ว ....หากน้องฯไม่ได้เป็นนักการเมือง น้องจอม จะทำงานการเมือง (แม้เบื้องหลัง) หรือจะทำงานอะไรบ้างคะ ที่มีความสุขที่สุด (ทำโดยไม่ต้องการเงินเดือน) ..... ประมาณ 1 หน้ากระดาษ ******** step 2 ของน้องพิกเล็กนะคะ รู้สึกว่า ชีวิตของพิกเล็ตจะดูเรียบง่ายจริงๆค่ะ น่ายินดีมากๆค่ะ ที่พิกเล็ตยังตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท พิกเล็ตก้าวหน้า (ด้านการเรียน และอื่นๆ) แต่ก็ไม่ประมาท น่ารักมากๆค่ะ พิกเล็ตตอบเพิ่มดังนี้นะคะ (1) หลังจากพิกเล็ตใช้ทุนราชการครบแล้ว (เช่น ทำงานระยะเวลากี่เท่าของที่ไปเรียนฯลฯ) และถ้าตอนนั้น พอดี๊ พอดี พิกเล็ตมีอิสรภาพแล้ว .... พิกเล็ตตั้งใจจะทำงานอะไรต่อไปคะ ...... ประมาณ ครึ่งหน้ากระดาษ (2) พิกเล็ตบอกว่า ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องการลงทุน ... แล้วพิกเงินวันละ 1000 ล้านบาท พิกเล็ต จะทำอย่างไรคะ .... จะเน้นเจาะจงเรื่องประเภทต่างๆของการลงทุนหรือไม่คะ (อสังหาฯ หุ้น ธุรกิจ ฯลฯ) หรือจะเน้นเจาะจงขั้นต่ำของผลตอบแทน (ขอขั้นต่ำเท่านั้นเท่านี้ แต่ลงทุนอะไรก็ได้) ...... แบบไหนดีคะ ..... ประมาณ ครึ่งหน้ากระดาษ (3) ระหว่างการพูดกับการเขียน (ภาษาไทย) ชอบอันไหนมากกว่ากันคะ...... ระหว่างการอ่านเอง กับฟังบรรยาย (ภาษาไทย) ชอบแบบไหนกว่ากันคะ ..... ประมาณครึ่งหน้า (4) พิกเล็ตบอกว่า ชอบคุยเรื่องเทคโนโลยีใหม่ๆ พิกเล็ตชอบแนวไหนคะ แนวคิดค้นเองใหม่ๆ หรือทำความเข้าใจกับเทคโนโลยีใหม่ๆที่เกิดขึ้น ........ ประมาณครึ่งหน้ากระดาษ ******** ของน้องพูห์ พรุ่งนี้ มาตอบให้นะคะ ******* สำหรับการตอบจะผ่อนไปนิดนึงนะคะ แบบว่า รีบมาพิมพ์ หงึกๆๆๆๆ แล้วก็ต้องรีบไปทำงานต่อค่ะ .... ยังไงเคลียร์งานเสร็จแล้ว จะมาสุดเหวี่ยงอีกทีค่ะ เอิ๊กๆๆๆๆ ... ให้มันส์ตามเพลงไปเลยค่ะ ******* จากคุณ : คนชื่อนินจา - [ 7 มี.ค. 48 16:29:28 ]

ความคิดเห็นที่ 88 ขอบคุณค่ะ นินจาที่ถึงแม้งานจะยุ่ง ก็ยังมีใจนึกถึงเพื่อนๆ.. นับถือค่ะ เพื่อนๆค่ะ น้องกระบี่ฯ น้องชิน น้องจอม น้องพูห์ ช่วยแสดงความคิดเห็นกันนะคะ 1.ว่างกันวันไหน .. เน้นเป็นวันเสาร์กันดีมั้ยคะ  (เสาร์ที่ 9, 23).. เลือกมาได้ 1 วันค่ะ 2. จะไปหานินจากันได้อย่างไร สะดวกไปที่บ้านโป่งกันมั้ยคะ.. และถ้าสะดวกเราจะไปกันอย่างไร (นัดเจอกันก่อน.. เช่ารถตู้ไป) หรือ อย่างไรดี.. ของซ้อยังไงก็ได้ .. รอฟังความเห็นจากทุกคนนะคะ.. อยากให้สรุปกันได้ภายในอาทิตย์นี้นะคะ จากคุณ : ซ้อสี่ค่ะ (คิมิเอะ-จัง) - [ 7 มี.ค. 48 17:48:27 ]

ความคิดเห็นที่ 89 เดือนไหนครับพี่ เดือนนี้เสาร์ที่ 19 ไม่ว่างครับ เดือนหน้า เสาร์-อาทิตย์ที่ 2-3 ไม่ว่างครับ และอาทิตย์ถัดไปก็คงไม่ว่างครับ อิอิ จากคุณ : สุมาเต๊กโช - [ 7 มี.ค. 48 22:55:21 ]

ความคิดเห็นที่ 90 คุณเด่นศรีครับ ขอต่อเรื่องไม้อีกนิดนะครับ รบกวนคุณเด่นศรี อ่าน rich dad เล่มแรก หน้า 58-60 อีกรอบนะครับ ยังไงมาถกกันอีกครั้งนะครับ ขอบคุณที่ไม่ปล่อยให้หมายผ่านเลยไป ................................. จากคุณ : ฯกาเย - [ 7 มี.ค. 48 23:39:01 A:61.91.215.154 X: TicketID:051115 ]

ความคิดเห็นที่ 91 ผมว่างตลอดครับซ้อฯ แต่ต้องบอกล่วงหน้านิดนึงครับ ต้องไปเคลียร์คนแถวบ้านครับ vbvb จากคุณ : กระบี่ไร้เงา - [ 8 มี.ค. 48 07:53:24 ]

ความคิดเห็นที่ 92 ขอบคุณครับพี่ ฯกาเย   .................................... นั่นหมายถึงว่า   ความหมายของเนื้อไม้  จะมี  2  แบบ  คือ ถ้าตามความเห็นของคุณนินจา  ( คห. ที่  22 )  และ ของพี่สี่  ( คห. ที่ 31 ) มีความหมายถึง    ....  การรู้ถึงความสามารถ  ของตัวเราเอง    ใช่หรือเปล่าเอ่ย ..................................... แต่ถ้าจาก  คำแนะนำของพี่  ฯกาเย  ( คห. ที่ 90 )     ใช่หมายถึง   ....  โอกาส ..... (  คือสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น  แต่เรามองเห็น  (  เมื่อเห็นและเข้าใจมันแล้ว     เราจะเห็นและนำมันมาใช้ได้ตลอดชีวิต ) )  ......  หรือเปล่าครับ ......................................... เริ่มมองเห็นอะไรเป็นชิ้นเป็นอันขึ้นบ้างแล้วครับ  ( แป่วววว  ) ขอบคุณครับ เด่นศรี  ( ยิ้ม ) จากคุณ : เด่นศรี - [ 8 มี.ค. 48 08:47:00 ]

ความคิดเห็นที่ 93 step 2 ของน้องพิกเล็กนะคะ รู้สึกว่า ชีวิตของพิกเล็ตจะดูเรียบง่ายจริงๆค่ะ น่ายินดีมากๆค่ะ ที่พิกเล็ตยังตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท พิกเล็ตก้าวหน้า (ด้านการเรียน และอื่นๆ) แต่ก็ไม่ประมาท น่ารักมากๆค่ะ พิกเล็ตตอบเพิ่มดังนี้นะคะ (1) หลังจากพิกเล็ตใช้ทุนราชการครบแล้ว (เช่น ทำงานระยะเวลากี่เท่าของที่ไปเรียนฯลฯ) และถ้าตอนนั้น พอดี๊ พอดี พิกเล็ตมีอิสรภาพแล้ว .... พิกเล็ตตั้งใจจะทำงานอะไรต่อไปคะ ...... ประมาณ ครึ่งหน้ากระดาษ ** โอ... ขอบอกตามตรงเลยว่า.. ไม่เคยคิดอะไรแบบนี้มาก่อนเลยนาเนี่ย.. (แย่จัง) กว่าจะคิด แล้วเขียนออกมาได้ ใช้เวลานานมากกกกกกกก.... ที่คิดได้ตอนนี้ คือ ถ้าพิกเล็ตมีอิสรภาพแล้ว.. อยากทำทั้งงานที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ โดยการเอาความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ทางด้านคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่ (เพราะตอนนี้รู้อยู่ด้านเดียวอะ) มาประยุกต์ใช้ให้ได้มากที่สุด แต่ในขณะเดียวกัน ก็อยากทำอะไรที่เป็นอิสระ ไม่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ด้วย  อยากลงทุน มีกิจการของตัวเอง ที่ตัวเองเป็นด้านขวา (ของงานสี่ประเภท จาก Rich dad’s series) ด้วยอะ (ตอนนี้ก็พยายามหาความรู้ ทางด้านอื่นที่ไม่ใช่คอมพิวเตอร์อยู่ด้วย แต่ยังได้มาไม่ค่อยเยอะ.. ต้องค่อยๆ สะสมเป็นการด่วนอะนะ) อยากมีเวลาอ่านหนังสือเยอะ ๆ (อยากรู้เยอะๆ เหมือนพี่นินจาด้วยอะ) ลักษณะของงานที่ทำ อยากทำงานที่ค่อนข้างเป็นอิสระ สอน อบรม ให้คำแนะนำ เป็นที่ปรึกษา เป็นนักวิจัย พบปะผู้คน แลกเปลี่ยนความรู้ ประสบการณ์  (เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยกลัวที่จะพบปะผู้คนมากเหมือนเมื่อก่อนแล้ว.. ฮี่ๆๆ แต่ก่อนจะไม่ค่อยกล้าพบปะคนแปลกหน้า แต่เดี๋ยวนี้... เริ่มปรับตัวได้) งานที่ทำ... จะรับราชการ (ต่อ) หรือไม่ นี่ยังไม่ได้คิด (ถ้าที่ทำงานเดิมดูลักษณะงานแล้วไม่ท้าทาย  ไม่ได้ใช้ความรู้ที่มีอย่างเต็มที่ ทำไปแล้วไม่ได้ประสบการณ์ หรือทักษะ ความรู้เพิ่มเติม สรุปคือ.. ไม่ได้พัฒนาตัวเอง ก็คงจรลี...) แบบว่า อยากมีเวลา (ซึ่งตอนนี้รู้สึกว่า มีค่ามากๆๆๆๆๆ...) ให้ตัวเองเยอะๆ ด้วย มีเวลาทำสิ่งที่อยากจะทำ อยู่กับครอบครัว.. หาประสบการณ์เพิ่มเติม ไป conference, seminar ที่เราสนใจ พักผ่อน ท่องเที่ยว มีเวลาออกกำลังกาย  ตอนนี้ได้พบแล้วว่า.. การได้พบปะผู้คน แลกเปลี่ยนความรู้นี่มีประโยชน์จริงๆ (เพิ่งจะรู้สึก ก็ตอนเรียนเนี่ยอะนะ... รู้สึกเลยว่า โลกนี้กว้างใหญ่มาก แต่ละคนก็มีแนวคิด ประสบการณ์ที่แตกต่างกันไป ส่วนตัวพิกเล็ตเองแล้วที่ผ่านมา รู้สึกว่าไม่ค่อยมีอะไรตื่นตาตื่นใจมาก แต่ตอนนี้ค่อยๆ พาตัวเองท่องสู่โลกกว้าง... ช่างท้าทายตัวเองจริงๆ ตอบตรงคำถามมั้ยหว่า??... ** (2) พิกเล็ตบอกว่า ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องการลงทุน ... แล้วเงินวันละ 1000 ล้านบาท พิกเล็ต จะทำอย่างไรคะ .... จะเน้นเจาะจงเรื่องประเภทต่างๆของการลงทุนหรือไม่คะ (อสังหาฯ หุ้น ธุรกิจ ฯลฯ) หรือจะเน้นเจาะจงขั้นต่ำของผลตอบแทน (ขอขั้นต่ำเท่านั้นเท่านี้ แต่ลงทุนอะไรก็ได้) ...... แบบไหนดีคะ ..... ประมาณ ครึ่งหน้ากระดาษ ** โห... ยากอีกแล้ว... ไม่เคยคิดมาก่อนอีกจริงๆ ... เงิน 1000 ล้านบาท นี่เป็นกระแสเงินสดแล้วใช่ป่าวคะ คือ หมายถึง... หักค่าใช้จ่ายทั้งหลายออกหมดแล้ว.. ใช่ป่าวคะ? ถ้าใช่ก็จะแบ่งส่วนหนึ่งใหญ่ๆ ให้พ่อ แม่ (ประมาณว่า พ่อแม่ไม่ต้องทำงานอีกแล้วอะ) ให้พ่อ แม่ไม่ต้องห่วงเรื่องเงินแล้ว.. ให้มีเวลาท่องเที่ยว พักผ่อน อ่านหนังสือ มีเวลาให้ตัวเองมากขึ้น  รวมทั้งแบ่งให้ผู้ที่มีพระคุณทั้งหลาย... ตอบแทนบุญคุณให้ได้มากที่สุด  ทำบุญตามสมควร  รวมๆ แล้ว สัก 30%  ที่เหลือจากนี้ เอาไปลงทุนแบบที่ไม่เสี่ยง คือยังไงก็ได้ ไม่ขาดทุน เงินส่วนนี้ไม่หายไปแน่นอน มีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อีก 50%  ให้เกิดกระแสเงินสดเพิ่มขึ้นต่อไป (ออกลูกออกหลานออกเหลน... ไปเรื่อยๆ) 20% ที่เหลือ เอาไปทดลอง...สิ่งที่อยากค่ะ ตอนนี้ยังไม่สามารถเจาะจงได้อะค่ะ ว่า จะลงทุนอะไรดี.. ขอศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมก่อนนะคะ ว่ามีอะไรที่สามารถลงทุนได้บ้าง แต่ละอย่างมีวิธีการต่างกันอย่างไร ว่าแต่ว่า... หาความรู้เหล่านี้ได้จากไหนอะคะ? ขอคำแนะนำค่ะ เงินขั้นต่ำของผลตอบแทนเนี่ย.. ก็ยังตัดสินใจไม่ได้เลยล่ะค่ะ (แย่จัง ไม่รู้สักอย่าง) รู้แต่ว่า.. ให้เงินนี้สามารถทำงาน ทำเงินเพิ่มขึ้นอีกได้เรื่อยๆๆ... ** (3) ระหว่างการพูดกับการเขียน (ภาษาไทย) ชอบอันไหนมากกว่ากันคะ...... ระหว่างการอ่านเอง กับฟังบรรยาย (ภาษาไทย) ชอบแบบไหนกว่ากันคะ ..... ประมาณครึ่งหน้า ** พูดกับเขียน... แล้วแต่ว่าใช้ในโอกาสไหนอะค่ะ ถ้าเป็นแบบที่ต้องใช้ความคิด รวบรวมความคิดก่อน ก็ขอเป็นเขียนค่ะ เพราะตอนนี้รู้สึกว่า จะเป็นคนคิดช้า.. คิดไม่ค่อยเป็นระบบอะค่ะ ต้องใช้เวลานาน เพื่อประมวลผล แล้วก็เขียนออกมา แต่ถ้าพูดเรื่องที่รู้อยู่แล้ว ก็ง่ายดี แหะ แหะ .. เพราะบางครั้งก็รู้สึกว่า การเขียนนี่ยากมาก ในการใช้คำพูดให้สละสลวย... กว่าจะได้ใจความ อ่านเอง กับฟังบรรยาย.. ชอบอ่านเองก่อนอะค่ะ เพราะ (อีกแล้ว)... เป็นคนคิดช้าอะค่ะ เลยขออ่านก่อน แล้วค่อยๆ คิดตาม ถ้าอ่านแล้วไม่เข้าใจ ยัง (แอบ) กลับ ไปอ่านในส่วนที่อ่านผ่านมาแล้วได้อีกด้วย... แต่ในขณะที่ถ้าฟังบรรยายเนี่ย อาจจะฟังแล้วคิดตามไม่ค่อยทัน แล้วมันก็เลย..ไปเลย...  แต่ถ้าอ่านแล้วเข้าใจแล้ว ได้ไปคุยแลกเปลี่ยนความคิดกะคนอื่น ก็จะดียิ่งขึ้น เอ.. แต่ถ้าฟังบรรยาย.. ก็จะดีตรงที่สามารถโต้ตอบได้เลย ไม่เข้าใจอะไร ก็สามารถถามได้ มีการโต้ตอบกันเดี๋ยวนั้นได้เลย ก็ดีอะค่ะ สรุปว่า.. ถ้าให้เวลาอ่านเองก่อน แล้วไปแลกเปลี่ยนความเห็น ถามสิ่งที่ไม่เข้าใจกับคนอื่นได้ ก็จะยิ่งดีค่ะ ** (4) พิกเล็ตบอกว่า ชอบคุยเรื่องเทคโนโลยีใหม่ๆ พิกเล็ตชอบแนวไหนคะ แนวคิดค้นเองใหม่ๆ หรือทำความเข้าใจกับเทคโนโลยีใหม่ๆที่เกิดขึ้น ........ ประมาณครึ่งหน้ากระดาษ ** แหะ แหะ ... ตอนนี้เป็นคนไม่ค่อยคิดอะไรใหม่ๆ เองเลยอะ.. ณ ตอนนี้ชอบทำความเข้าใจกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น แล้วก็มาคุยกันว่า เทคโนโลยีเหล่านี้คืออะไร มีหน้าที่การทำงาน ประโยชน์ สำหรับทำอะไรได้บ้าง มีอะไรที่เราเกี่ยวข้องอยู่ หรือสามารถที่จะนำเทคโนโลยีนี้มาทำประโยชน์ให้เราได้บ้างหรือไม่ คิดๆๆๆ ... แล้วก็คิดต่ออีกหน่อยว่า... แล้วเราจะสามารถเอาเทคโนโลยีนี้ มาทำอย่างไร เพื่อให้เกิดสิ่งที่ดีขึ้นในสภาพแวดล้อมที่เราอยู่ (แค่คิดอะนะ แต่ไม่รู้หรอกว่า จะทำยังไง และส่วนใหญ่ พอคิดได้แล้ว... ก็ปลง.. เพราะเทคโนโลยีที่เดิ้นๆ เนี่ย... กว่าจะมาถึงไทย... ก็คงอีกนาน อย่างตอนนี้ที่เรียนอยู่ที่อังกฤษเนี่ย ได้เห็นอะไรแปลกใหม่ และส่วนใหญ่ก็เป็นสิ่งที่ดี สร้างสรรค์ ก่อประโยชน์ ที่คุ้มค่า... ที่น่านแหละ กว่าจะได้ใช้ในเมืองไทย คงต้องใช้เวลา... ) แล้วสุดท้าย.. ก็คิดว่า ทำไมเค้าถึงคิดได้หว่า (แล้วทำไมเราไม่คิดให้ได้มั่งเนี่ย) ** ปกติเป็นคนไม่ค่อยแสดงความเห็นเลยนะเนี่ย.. อันนี้ไม่เยอะ แต่กว่าจะตอบเสร็จใช้เวลานานมาก แหะ แหะ... ดีจัง.. ได้ลับสมองตัวเองอะ... ว่าแต่ว่า... ตอบตรงคำถามมั้ยอะคะ?? ขอคำแนะนำ... ถ้าพี่นินจาว่างค่อยตอบก็ได้นา... มะรีบๆๆ แต่อย่าลืมก็พอ.. อิอิ... ขอบคุณมั่กๆๆๆ ค่า   จากคุณ : noopiglet - [ 8 มี.ค. 48 09:22:43 ]

ความคิดเห็นที่ 94 สวัสดีค่ะทุกๆท่าน ********* สวัสดีพี่กาเยฯ ด้วยค่ะ .... พี่กาเยฯ ช่วยเปิดเมล์ด้วยนะคะ ******* สวัสดีค่ะพี่เด่นฯ ... พี่เด่นฯ คิดๆๆๆ เรื่องที่นินจาเคยถามว่า "ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ดิสเคาท์สโตร์  (เช่น บิ๊กซี โลตัส แมคโคร).... มีรายได้หลักจากอะไรบ้าง"  และ "ใช้พลังทวีของการลงทุนหลายรูปแบบอย่างไรบ้าง" สิ่งที่คนทั่วไปเห็น .......... จะเป็นแค่เปลือกไม้ ถ้าพี่เด่นฯคิดออก ......... นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งของ "เนื้อไม้" ค่ะพี่ พี่เด่นฯ คิดมาได้อย่างไรบ้าง มาแชร์กันนะคะ ******** ขอบคุณค่ะ จากคุณ : คนชื่อนินจา - [ 8 มี.ค. 48 09:31:54 ]

ความคิดเห็นที่ 95 พี่นินจา... ขอไร้สาระ (อีกแล้ว) แต่ก่อนแต่ไร.. เป็นคนไม่ค่อยคิด (หรือว่าสิ้นคิดหว่า.. เอิ๊ก)... พิกเล็ตอยากบอกว่า ตอนนี้พิกเล็ตคิดว่า.. ทัศนคติสำคัญจิงๆ เลยอะ สภาพแวดล้อมที่พิกเล็ตเรียนอยู่นี่อะ คนไทยส่วนใหญ่ที่เจอเนี่ย..ก็เป็นนักเรียนทุนที่มาเรียนป.เอก กัน คนส่วนใหญ่ จะทำงานพิเศษกันถ้วนหน้า ประมาณทำงานร้านอาหารไทยอะค่ะ... เค้าคิดกันว่า เรียนจบกลับไปเนี่ย.. เงินเดือนราชการนิดเดียว (ก็นิดเดียวจิงๆอะนะ) เลยขอทำงานพิเศษเก็บเงินที่ประเทศนี้ให้ได้เยอะๆๆ (แบบว่า กลับไปตั้งตัวได้เลย) แต่เค้าก็เก่งกันอะนะ สามารถเรียนไป แล้วก็ทำงานได้เยอะ ( 3-5 คืน ต่อสัปดาห์) ส่วนพิกเล็ตเนี่ย.. เนื่องจากเป็นคนต้องใช้ความพยายามอย่างมาก.. คิดแต่ว่า.. อืม.. เรามาที่ต่างประเทศ เราก็ควรจะเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่เราไม่สามารถหาได้ในเมืองไทยให้ได้มากที่สุด (แต่เงินก็ยังหาได้ที่เมืองไทยอะนะ) แหะ แหะ ... เลยไม่ค่อยได้ทำงานพิเศษเลยอะ มีแต่เงินออก ไม่ค่อยมีเงินเข้า จนบางครั้งได้ยินเพื่อน พี่ๆ เค้าคุยกัน ก็ละอายใจบ้าง ว่า เอ๊ะ ไมคนอื่นเค้าได้เงินเก็บเพิ่มอีกกันเยอะแยะ แต่เราไม่ทำบ้างหว่า.. ฉะนั้น ตอนนี้พิกเล็ตทำงานพิเศษนิดนึง พอให้มีประสบการณ์ของงานที่นี่... และใช้เวลาว่างในการเพิ่มพูนความรู้ทางด้านการเงิน การลงทุน แบกหนังสือมาจากไทยเพียบ อ่านไปได้บ้างแล้วอะค่ะ แต่คิดว่าต้องอ่านซ้ำหลายๆรอบหน่อย แอบไปหาหนังสือภาษาอังกฤษมาอ่านเพิ่มได้บ้าง (พัฒนาภาษาอังกฤษด้วยอะ) ... เฮ้อ.. บ่นไรหว่า.. อ้อ. จะบอกว่า พิกเล็ตละอายใจ..ที่มะค่อยมีตังค์เก็บเพิ่มได้เยอะแยะเหมือนคนอื่นๆ ที่นี่ได้อะ แต่อย่างน้อยตอนนี้พิกเล็ตมีตังค์เก็บเยอะเหลือพอที่สามารถให้พ่อกะแม่มาเที่ยวที่นี่ได้แล้วนา.. พิกเล็ตจะออกค่าใช้จ่ายให้หมดเลย.. ภูมิใจจิงๆ รอแต่เมื่อไรพ่อกะแม่จามาเที่ยว ฮี่ๆๆ... โอกาส กับความสามารถ สำหรับพิกเล็ตมันมาไม่พร้อมกันอะ... ที่ผ่านมา บางครั้ง โอกาสมา แต่พิกเล็ตไม่มีความสามารถ คือว่า.. บางทีก็กลัวอะ ทัศนคติต่อความสามารถของตัวเองไม่ดีพอ แต่ตอนนี้ก็เปลี่ยนทัศนคติแล้ว คิดแต่ว่า พิกเล็ตจะต้องทำให้ได้ (แต่ต้องพยายามเยอะมากอะนะ ก็ยอม) บางที.. มีความสามารถ แต่ก็ไม่สามารถสร้างโอกาสเองได้ในสภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่ ส่วนโอกาสก็ไม่ลอยมาให้ไขว่คว้าซักที... เฮ้อ.. ฟุ้งซ่านอะ.. พี่นินจาสู้ๆ นะ... ไปนอนดีก่า.. ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : noopiglet - [ 8 มี.ค. 48 10:29:53 ]

ความคิดเห็นที่ 96 ขอคิดด้วยคนนะครับ เรื่องของการมองเห็นเนื้อไม้ ไม่ใช่แค่เพียงเปลือกไม้ คล้ายกับเรื่องที่ เจ้าของ McDonald บอกว่าธุรกิจที่แท้จริงของ Mc ไม่ใช่ขายแฮมเบอร์เกอร์ แต่เป็น อสังหาริมทรัพย์ ใช่รึเปล่าครับ ................................................................................................ งั้นเราก็ต้องคิดว่า ธุรกิจ ซุเปอร์เซ็นเตอร์ + ดิสเคาท์สโตร์ จริงๆแล้วมีรายได้หลักจากอะไร ใช่ไหมครับ ............................................................................................... ผมเดาว่า  จะใช่การให้เช่าพื้นที่ขายสินค้ารึเปล่าครับ .............................................................................................. ไม่ค่อยแน่ใจนะครับ ......................................................................................... ส่วนเรื่องพลังทวีของการลงทุนหลายรูปแบบนี่ ก็ถ้ามีธุรกิจหลายๆรูปแบบมาเช่าพื้นที่ได้ก็จะก่อให้เกิดกำลังซื้อมากมายมหาศาลครับ เช่น มีธุรกิจธนาคาร ให้บริการสินเชื่อ โรงหนัง อาหาร บริการอื่นๆ ฯลฯ ทุกๆธุรกิจเกื้อกูลกันก็เลยก่อให้เกิดพลังทวีครับ ........................................................................................... ใช่รึเปล่าต้องรอ พี่ฯกาเยฯ พี่เด่นฯ พี่นินจา และพี่ๆท่านอื่นมาช่วยชี้แนะด้วยครับ จากคุณ : กระบี่ไร้เงา - [ 8 มี.ค. 48 10:32:41 ]

ความคิดเห็นที่ 97 สวัสดีค่ะน้องกระบี่ฯ ... คำตอบของน้องกระบี่ฯ ตอบคล้ายๆกับที่พี่เด่นฯ และพี่บ๊อบ ตอบเลยค่ะ .... และเข้าใจว่า คนทั่วๆไป ก็คิดเช่นนี้ น้องกระบี่ฯ ตอบไม่ผิด แต่ยังไม่ใช่เนื้อไม้ค่ะ ... รอคิดต่ออีกหน่อยนะคะ .... ปล. พี่เด่นฯ คิดต่อได้อย่างไร แล้วมาแลกเปลี่ยนด้วยนะคะ .... แล้วนินจา จะมาเล่าให้ฟังค่ะ ขอบคุณค่ะ ที่ทุกท่านให้ความสำคัญกับการคิด ... (ประโยชน์สูงสุด ต่อตัวท่านเอง ไม่ใช่ นินจา ค่ะ) จากคุณ : คนชื่อนินจา - [ 8 มี.ค. 48 10:37:03 ]

ความคิดเห็นที่ 98 ซ้อขอตอบบ้างนะคะ หะแรก ก็คิดเหมือน กระบี่ไร้เงาค่ะ .. ว่าน่าจะค่าเช่าพื้นที่ขายสินค้า .. แต่ถ้าไม่ใช่ ซ้อว่า น่าจะเป็นค่าแรกเข้า และค่าขายพื้นที่โฆษณาลงในแผ่นพับค่ะ .. เพราะเพื่อนซ้อเคยอยู่ที่ Top เขาบอกอย่างนั้น สำหรับพลังทวีในการลงทุนหลายรูปแบบ ซ้อมองว่า การที่เรารวบรวมของหลายอย่างที่คนต้องซื้ออยู่แล้ว มาวางที่เดียวกัน ทำให้ช่วยดึงดูดให้คนมาห้างมากขึ้น .. และการที่คนเป็นจำนวนมากมาที่ห้างฯ นั่นแหละ เป็นพลังทวี ที่ช่วยดึงดูดให้ธุรกิจต่างๆ อยากมาตั้ง อยากเอาของมาขาย และอยากมาให้บริการ เพื่อจับลูกค้าจำนวนมากนั้น .. ห้างฯ ก็ไม่ต้องทำอะไร ไม่ต้องตกแต่งพื้นที่เช่าอะไรเพื่อบริการลูกค้าเอง .. ก็ขายพื้นที่ให้คนอื่นๆ มาทำ และเก็บแต่ค่าเช่าที่ค่ะ รอฟังคำเฉลยด้วยคนค่ะ จากคุณ : ซ้อสี่ค่ะ (คิมิเอะ-จัง) - [ 8 มี.ค. 48 10:46:21 ]

ความคิดเห็นที่ 99 กลับมาอ่านอีกรอบ คำตอบแรกไม่ถูก คิดอีกรอบได้คำตอบคล้ายๆซ้อฯเลยครับ ว่าน่าจะเป็นการโฆษณานะ แต่ยังไม่กล้าสรุป สงสัยผมต้องลองเปิดหางบการเงินของบริษัทพวกนี้มาดูซะหน่อย หรือไม่เย็นนี้ สงสัยผมต้องไปเดินห้างฯซะแล้วสิ เผื่อจะเจอคำตอบก็ได้ครับ vbvb แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 48 10:53:40 จากคุณ : กระบี่ไร้เงา - [ 8 มี.ค. 48 10:53:07 ]

ความคิดเห็นที่ 100 สวัสดีค่ะนินจา อาซ้อ อย่าให้สิ่งที่อาซ้อเห็น มาจำกัด "ความคิดของอาซ้อ" เป็นอันขาดนะคะ ______________________________ ซ้อจะลองมองใหม่นะคะ _______________________________ อาซ้อลองตอบคำถามของนินจานะคะ "ว่าสินค้าใหม่ๆที่มียอดขายสูงสุด มีวัตถุดิบคืออะไรบ้าง" สินค้าใหม่ๆที่มียอดขายสูงสุด .. ถ้านึกตอนนี้ก็คือ มือถือค่ะ .. เพราะคนเปลี่ยนกันบ่อยมาก วัตถุดิบคืออะไร .. ถ้าพูดถึงวัตถุดิบทั้วไป คิดว่า ก็ไม่มีอะไร มีพลาสติก มีแผ่นsim มีตัวแป้น แต่ถ้าจะตอบนินจา ว่าวัตถุดิบในความหมายของนินจาคืออะไร .. น่าจะเป็น design รูปแบบ, ฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า นน.เบา และข้อมูล อะไรประมาณนี้ค่ะ "บริการใหม่ๆที่ได้รับความนิยมสูงสุด มีวัตถุดิบจากอะไรบ้าง" บริการใหม่ๆ ที่ได้รับความนิยมในตอนนี้ที่ซ้อคิดออกก็คือ การโหลดเพลง โหลดรูป โหลดริงโทน หรือ แม้แต่การส่ง sms  ตอบชิงรางวัล ส่วนวัตถุดิบ ก็น่าจะเป็น ผลการวิจัยถึงพฤติกรรมผู้บริโภค ความคิดสร้างสรร และการต่อยอดค่ะ "การที่โลกเราเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้นทุกวัน ของที่ใหม่ๆ ออกมา มีวัตถุดิบคืออะไรบ้าง" ถ้าให้ซ้อคิดถึงของที่ใหม่ๆที่ออกมา ซ้อนึกถึง หุ่นยนต์ค่ะ .. วัตถุดิบก็น่าจะเป็น ระบบต่างๆ ที่ทำให้หุ่นยนต์ทำท่าทางต่างๆ ได้เพิ่มขึ้น "วงจรสินค้าและบริการใหม่ๆต่างๆ ที่มีวงจรสั้นมากๆ ใช้อุปกรณ์หรือเครื่องมืออะไรในการแก้ไขได้บ้าง" -การจดลิขสิทธิ์ หรือ สิทธิบัตร หรือเปล่าคะ -การ differentiation .. การทำให้แตกต่างมากยิ่งขึ้นหรือเปล่าคะ -และการลดต้นทุนการผลิตเพื่อต่อสู้ นึกไม่ออกแล้วค่ะ.. กล่าวโดยสรุปคือ .. วัตถุดิบทุกอย่าง ใช้เหมือนเดิม แต่ความคิดในการใช้วัตถุดิบเหล่านั้นต่างหากที่ทำให้เกิดสินค้าและบริการใหม่ๆ .. ที่ถึงแม้ว่ามีวงจรสั้น ก็มีทางแก้ไขได้ด้วย รบกวนนินจาตรวจนะคะ ********* สำหรับที่อาซ้อเคยรู้ตัวเอง .. แต่ด้วยคำถามด้านบน 2 ข้อ ทำให้ซ้อชะงัก และเปลี่ยนตัวเองให้เป็นมนุษย์เงินเดือนเหมือนเดิมต่อไปน่ะค่ะ .. ******* นินจาขอบอกว่า "คำถามของอาซ้อ มันตั้งมาด้วยความเห็นที่ยังไม่ถูกต้อง" ... น่ะค่ะ นินจาหมายถึงว่า ... มันไม่ถูกตั้งแต่ตอนตั้งคำถาม แน่นอน คำตอบก็ย่อมผิดเพี้ยนไปเป็นธรรมดา ยังไม่ทันจะไปให้คำตอบเลยค่ะ ... แต่ต้องตั้งคำถามให้ถูกต้องก่อนค่ะ พอนึกภาพออกมั้ยคะ ******** อาซ้อชอบมากเรื่องการอบรมให้คิด .. รอนินจาแนะนำค่ะ ******* อันนี้ ได้เลยค่ะ .... แล้วอาซ้อจะไม่มีวันเบื่อเลยค่ะ เพราะมันคือตัวตนของอาซ้อ มันมีความสุขทุกขณะ นอกจากจะได้อิสรภาพทางการเงินแล้ว ยังได้อิสรภาพอย่างแท้จริงด้วยค่ะ ******** อาซ้อคะ ... รบกวน อาซ้อ ประสานงานน้องๆทั้งห้าให้ด้วยนะคะ (อาซ้อ, น้องกระบี่ฯ น้องชิน น้องจอม น้องพูห์) น้องพิกเล็ต เดี๋ยวส่งให้ทางเมล์นะคะ (น้องอยู่อังกฤษ ใช่ปะ) จากคุณ : ซ้อสี่ค่ะ (คิมิเอะ-จัง) - [ 8 มี.ค. 48 11:00:29 ]

ความคิดเห็นที่ 101 ตอนนี้ซ้อกับ กระบี่ไร้เงา สะดวกทุกเวลา แต่ต้องนัดล่วงหน้า ส่วนน้องจอมลองบอกมาว่า วันไหนที่สะดวก กำหนดมาเลย จะได้เป็นวันหลักๆ ที่นัดเจอกัน ดีมั้ยคะ แล้วเสนอวิธีไหนที่จะไปกันบ้าง .. อิอิ หรือ ไปเจอกันวันที่พี่บ็อบไปอัดรายการกันมั้ย พรุ่งนี้แล้วนา .. สงสัยนินจาจะเข้ากรุงเทพฯวันนั้น ..idea นี้เจ๋งมั้ย .. เยี่ยมมั้ย อิอิ จากคุณ : ซ้อสี่ค่ะ (คิมิเอะ-จัง) - [ 8 มี.ค. 48 11:02:49 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ตอบพี่นินจาครับ ขอบคุณมากๆเลยครับ สำหรับข้อคิดเเละคำแนะนำ ที่ลึกซึ้งและมีประโยชน์ ทำให้ผมได้มุมมองเพิ่มมากขึ้นเยอะเลยครับ เด๋วผมขออ่านหลายๆรอบ (จะได้เข้าใจจริงๆ) ช่วงนี้หลังเลิกงานผมว่างทุกวันครับ ถ้าพี่จะนัด meeting เรียกผมไปด้วยนะครับ อีก2เดือนข้างหน้า ผมจะเริ่มต้นเรียน ปริญญาโท ด้านอสังหา แต่ตอนนี้ว่างมากๆครับ ปล.ขออ่านอีกหลายๆรอบ แล้วถ้าคิดไม่ไหวจิงๆ คงต้อง รบกวนถามพี่นินจานะครับ จากคุณ : chinn - [ 8 มี.ค. 48 11:15:33 ]

ความคิดเห็นที่ 103 สวัสดีค่ะทุกๆท่าน น้องพิกเล็ตเยี่ยมจริงๆค่ะ ที่ ...โอกาส กับ ความสามารถ บางครั้งไม่ได้มาพร้อมกัน ... มันเป็นเพราะตัวพิกเล็ตเองใช่มั้ยคะ หรือว่าอะไร ถ้ามันเป็นเพราะพิกเล็ต ... แบบนี้ แก้ง่ายมากที่สุดในโลกเลยค่ะ ... เพราะเปลี่ยนความคิด การกระทำเปลี่ยน ... เปลี่ยนความคิด โอกาสและความสามารถ ก็จะเกิดประโยชน์ (จะว่าไป โอกาส มันก็มีของมันอยู่แล้วจริงๆนะ) สำหรับเรื่องการทำงานพิเศษ ถ้าพิกเล็ตทำงานเพื่อให้ได้เงินอย่างเดียว (แบบเพื่อนบางคน) ก็จะเป็นการแลกเปลี่ยน ที่มีค่าน้อยมากๆๆๆๆๆ จริงๆค่ะ พิกเล็ต ตั้งเป้าหมายเพื่อการเรียนรู้ และหาประสบการณ์ ส่วนเรื่องได้เงินพิเศษเป็นส่วนเสริม ... ตรงนี้ ประสบการณ์เหล่านี้ ... จะไปสร้างรายได้ได้อีกมหาศาลค่ะ จะสร้างความสุขได้นอกจากรายได้ จะสร้างเวลาให้มีคุณค่า จะสามารถสร้างสรรค์สิ่งดีสำหรับสังคมต่อไปด้วยค่ะ ********** สวัสดีค่ะน้องกระบี่ฯ และอาซ้อ และพี่เด่นฯ สำหรับเรื่อง ดิสเคาท์สโตร์ + ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ... นินจายกตัวอย่างนี้ เพราะทุกคนรู้จัก ทุกคนเคยเห็น ทุกคนเคยได้ยิน จึงเป็นกรณีศึกษาที่ดีมากๆ เพิ่มคำใบ้ให้อีกนิดนะคะ (1) สิ่งที่คนเห็นด้วยตา มักไม่ใช่เนื้อไม้ .... สิ่งที่เป็นเนื้อไม้ มักจะไม่เห็นด้วยตาเปล่า (2) พลังทวีในการลงทุนรูปแบบต่างๆ ถ้าเป็นรูปแบบที่ต่างกัน ยิ่งมากเท่าไร พลังจะมากขึ้นเท่านั้น ... นั่นคือ  ธนาคารกับสินเชื่อ, โรงหนัง กับ ร้านอาหาร ... หรือ อพาร์ทเม้นท์ กับร้านให้เช่าวิดีโอ ในอพาร์ทเม้นท์ ... ฯลฯ พลังทวีจะน้อย ก็ส่งเสริมกัน แต่ยังมีแบบและรูปแบบอื่นๆที่มีพลังทวี ยิ่งกว่านี้ อีกเยอะค่ะ ลองคิดนะคะ .... ถ้าเห็นเมื่อไร อะไรก็ขวางไม่อยู่แล้วค่ะ ********** สวัสดีค่ะน้องชิน .... สำหรับ ความสามารถและตัวตนของน้องชิน ... โดยส่วนตัวแล้ว คิดว่า ไม่ผิดที่เลือกเรียนโทด้านอสังหาฯ ธุรกิจอสังหาฯ เป็นอะไรที่ช่องว่างเยอะมากๆๆๆๆ เป็นธุรกิจ ที่สามารถวางแผนกลยุทธ์ได้อย่างดี มันอยู่รอบๆตัว มันสร้างมูลค่าเพิ่มได้อย่างมหาศาลจริงๆค่ะ ... อย่าลืมว่า ... สำหรับ "ระบบที่ดี" ต้องมีประกอบกับ "ผลการเรียน" หรืองบการเงินที่ดีด้วย ... จงสร้างฐานตั้งแต่วันนี้ แล้วจะไม่มีคำว่าเสียใจค่ะ (ถ้าเห็นเป้าหมายแล้ว) ******* สวัสดีค่ะอาซ้อ ... วัตถุดิบ หรือ ปัจจัยการผลิต สำหรับสินค้าและโรงงานต่างๆ ทั้งที่ขายดีที่สุดในโลก และที่ยอดนิยมที่สุด ทั้งที่เป็นวัตถุดิบ ที่จะไม่ต้องไปกังวลกับเรื่องใดๆในโลก อีกต่อไป ฯลฯ มีอยู่ในตัวอาซ้อค่ะ ... นั่นคือ "สมอง" ค่ะ .... เป็นปัจจัยการผลิต เป็นวัตถุดิบ ที่มีน้ำหนัก ประมาณกิโลกว่าๆเท่านั้นเองค่ะ แล้วอาซ้อจะกังวล อย่างอื่นอีกทำไม ... จริงมั้ยคะ อาซ้อ ต้องถามตัวเองแล้วค่ะว่า วันนี้ อาซ้อ ใช้ศักยภาพของสมอง เต็มที่แล้วหรือยัง วันนี้ อาซ้อ บริหารจัดการ สมอง ได้มีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผลหรือยัง ฯลฯ และคำถามอีกมากมาย ******* อาซ้อคะ สำหรับเรื่องนัดพบ .... อาจนัดกัน วันไหนก็ได้ เดือนเมษายน ดีมั้ยคะ (เห็นพูห์บอกว่า มีนาคมไม่ว่าง) .... เรื่องแผนที่ ไม่มีปัญหา มาไม่ยาก .... อาจนัดเจอกันที่ไหนกันก่อน แล้วนั่งรถมาด้วยกันก็ได้นะคะ หรือว่า จะนั่งรถตู้ตรงเมอร์รี่คิง (บอกว่า มาบ้านโป่ง) มาคันเดียวกันก็ดีนะคะ หรือตามสะดวกค่ะ (แถวเซ็นทรัลปิ่นเกล้าฯ) ประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ แล้วนินจา จะไปรับเมื่อถึงบ้านโป่งค่ะ หรือว่ายังไงคะ ตกลงได้ยังไงแล้วบอกนินจาด้วยนะคะ ดูแล้ว วันเสาร์ น่าจะว่างกันทุกคน หรือว่าไงกันคะ พรุ่งนี้ นินจาไปไม่ได้แล้วค่ะ เพิ่งมีคิวด่วนตะกี๊เองค่ะอาซ้อ เลยอดไปเชียร์ตัวต่อตัวเลยค่ะ ********* ขอบคุณทุกท่านค่ะ แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 48 13:06:18 จากคุณ : คนชื่อนินจา - [ 8 มี.ค. 48 13:02:04 ]

ความคิดเห็นที่ 104 สำหรับน้องชินนะคะ .... ลองคิดเพิ่มนะคะ (นินจา อยากให้น้องชินได้รับประโยชน์จากการเรียนครั้งนี้ให้มากที่สุด เหมือนกับที่นินจา ได้รับประโยชน์มหาศาล จากทุกๆเรื่องที่มีการวางแผน) (1) น้องชิน ต้องการอะไรบ้าง จากหลักสูตรนี้คะ (2) น้องชิน จะให้เวลากับสิ่งไหนมากที่สุด กับการเรียนครั้งนี้คะ (3) คำถามอื่นๆ น้องชินลองตั้งคำถาม และหาคำตอบไว้ด้วยนะคะ ... แล้วมาแชร์กันค่ะ .... ด้วยความปรารถนาดีมากๆค่ะ จากคุณ : คนชื่อนินจา - [ 8 มี.ค. 48 13:21:59 ]

ความคิดเห็นที่ 105 สวัสดีค่ะอาซ้อ ... แวบมาต่อให้นิดนึงค่ะ (อยากจะพยายามถ่ายทอดสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้มากที่สุด ... แหะ แหะ ... มันมาก จนไม่รู้จะบรรยายให้หมดได้อย่างไร .... เลยเป็นที่มาว่า .... อยากจะอธิบายให้คิดเป็น และให้รู้จักเรียนรู้ด้วยตนเอง เพราะมันจะติดตัวคนที่ได้รับไปตลอด ...อิอิ...) นินจามองว่า นี่คือโอกาสทอง ของอาซ้อแล้วนะคะ อาซ้อกำลังมีน้อง กำลังผ่อนคลายจากงานที่เร่งด่วนประจำวันให้เหลือเบาลง  ....... อาซ้อ จะได้มีเวลา วางแผนให้กับตัวเอง (อาซ้อ วางแผน ประกัน หรืออื่นๆ ให้กับคนอื่นมามากแล้ว) ถึงเวลาที่อาซ้อ จะให้เวลา กับตัวเองและลูก และให้เวลากับเป้าหมายและการวางแผนมากขึ้น ช่วงนี้ อาซ้อ อยากฝึกคิด ... นอกจากจะได้ที่อาซ้อแล้ว ... ยังได้กับน้องในท้องด้วยนะคะ เซลล์สมองของเด็ก กำลังเริ่มแบ่งตัวแล้วค่ะ .... เด็กที่ได้รับการกระตุ้นและปลูกฝังอย่างเหมาะสม จะทำให้มีการแตกแขนงของเส้นใยสมอง (dendrite) มากมายมหาศาล และช่วงอายุที่สำคัญ ก็คือ ช่วงแรกของชีวิตนะคะ (ปฏิสนธิ ถึง 3 ขวบ) เส้นใยสมอง ยิ่งแตกแขนงมาก จะเกิดจุดเชื่อมต่อ (synapses) ขึ้นอย่างมาก ซึ่งมีผลต่อการทำงานของสมองที่มีประสิทธิภาพ กล่าวคือ อาซ้อ (มีสมองเท่าไร ก็เท่านั้น เพราะผ่านวัย golden year ของการสร้างสมองมาแล้ว ตอนนี้ ถ้าจะเพิ่ม ก็เพิ่มไม่เยอะ) จึงไม่ต้องไปให้ความสนใจกับ การแตกแขนงของเซลล์สมอง .... แต่หันมาให้ความสนใจกับ "ศักยภาพของสมอง" การบริหารจัดการ "สมองที่มีอยู่แล้ว" ให้มีประโยชน์สูงสุด สำหรับการฝึกของอาซ้อ ... ก็จะช่วยเสริมให้ น้องในท้อง ... สามารถมีพื้นฐานของเซลล์สมองที่ดี ทั้งยังได้ฝึกให้มีศักยภาพและประสิทธิภาพไปในตัว ... น้องในท้อง จึงได้ประโยชน์ มากมายทวีคูณ ******* สรุปว่า อายุเกินกว่า 10 ขวบนี่ หันมาฝึกศักยภาพและประสิทธิภาพของสมองดีกว่า ได้ประโยชน์มากกว่า อายุต่ำกว่านี้ .... ยิ่งฝึกทั้งสองด้าน (กระตุ้นเส้นใยสมอง + ฝึกประสิทธิภาพและศักยภาพ) ก็จะส่งเสริมกันและกัน (โดยเฉพาะช่วงที่อยู่ในครรภ์ จนถึง สองขวบปีแรกของเด็กทุกคน) ****** ฝึกศักยภาพ --> ทำให้เส้นใยสมอง แตกแขนง เส้นใยสมองแตกแขนง --> ทำให้การทำงานสมองมีประสิทธิภาพมากขึ้น --> ศักยภาพมากขึ้น ศักยภาพมากขึ้น --> ทำให้เส้นใยสมอง แตกแขนง เส้นใยสมองแตกแขนง --> ทำให้การทำงานสมองมีประสิทธิภาพมากขึ้น --> ศักยภาพมากขึ้น วนไปเรื่อยๆ ... สุดยอดจริงๆค่ะ ****** อาซ้อ จะมีความสุขกับปัจจุบันก็ตอนนี้ล่ะค่ะ อาซ้อได้ฝึกคิดสร้างสรรค์ พร้อมกันนี้ ได้สร้างฐานให้กับลูกน้อยอีกด้วย ... ให้อาซ้อ ฝึกคิดฟรีๆ ยังทำเลยใช่มั้ยคะ เพราะอาซ้อได้ความสุข ลูกน้อยก็เติบโต พัฒนาการดี ฯลฯ การให้ความรู้ ให้ธรรมะ ให้รู้จักคิดเป็น ทำเป็น แก้ปัญหาได้ .... เป็นสมบัติที่มีค่ายิ่งกว่า มรดก ร้อย พัน หมื่น ล้าน เลยนะคะ เงินทองมีได้ ก็หมดได้ ... ความรู้ ความคิด (ทัศนคติ) การเรียนรู้ จึงสำคัญมากๆ ... ******* เท่านี้ก่อนนะคะ ต้องไปแล้วค่ะ ไว้แวะมาใหม่ (ไม่รู้เมื่อไร) ขอบคุณค่ะ แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 48 13:45:23 จากคุณ : คนชื่อนินจา - [ 8 มี.ค. 48 13:40:45 ]

ความคิดเห็นที่ 106 อ่านแล้วอดขอตอบด้วยไม่ได้ อิอิ........ สำหรับเรื่อง discount store .... ผมมองว่าพลังทวีที่แท้จริงของเขาก็คือคนซื้อครับ เขาสามารถนำคนจำนวนมหาศาลให้ไปเดินในห้างของเขาได้ พฤติกรรมของผู้บริโภคจะเริ่มเคยชิน และติดใจการซื้อสินค้าที่นั่น หลังจากนั้น เขาจะเอาสินค้า consumer product ของเขามาขายแข่ง กับ supplier ของเขาเอง เพราะตอนนี้เขามีลูกค้าอยู่ในมือแล้วนี่ (ฉันอยากขายอะไรมันก็เรื่องของฉัน) ภาษา marketing เรียก umbrella brand .... อย่างเช่นแชมพูยอดฮิต เราจะพบแชมพูของห้างนั้นเอง package คล้ายกันมาก (เรียกว่า product line เดียวกัน sectment เดียวกัน) มาวางขายติดกันในราคาที่ต่ำกว่านิดหน่อย ..... ขายของคนอื่น เขาก็ได้กำไรมหาศาลแล้ว นี่ขายสินค้าที่เป็น umbrella brand ของตัวเองแล้ว กำไรมหาศาล โดยที่เขาไม่ต้องโฆษณาเลย เพราะ 1. บริษัทที่เขาของมาขาย โฆษณาสินค้าใน line นั้นๆให้แล้ว 2. เขาวางติดกันเลย .... แต่ราคาถูกกว่าเรียกว่าท้าชน.... คนมาห้างด้วยความตั้งใจจะซื้อสินค้าบางอย่างกลับไป ก็ในเมื่อมันเหมือนกัน แต่ราคาถูกกว่า .... เขาจะขายของได้เยอะมาก ********************************** สรุปว่า พลังทวีแรกของก็คือ ฐานลูกค้าที่มหาศาล และ distrubution channel ที่ทรงพลังครับ พลังทวีที่สอง ก็คือ อำนาจในการต่อรองที่ทำให้ตัวเอง มีมาร์จิ้นสูงกว่าคู่แข่ง (ผลมากจากพลังทวีแรก) พลังทวีที่สาม คือ เทคนิคการทำ umbrella brand เพื่อ ขายสินค้าของตัวเอง แบบหน้าด้านๆ (ที่ผมพูดว่าหน้าด้านๆ เพราะว่าถ้าเพื่อนๆได้เป็นเห็นแล้วจะร้องอ๋อ) แบบว่า package ลวดลาย สรรพคุณ ลอกกันแบบหน้าด้านๆ เพียงแต่เปลี่นรยี่ห้อเป็นของเขาเอง แล้วก็ตัดราคา.... ********************************** ตอบมายืดยาว ไม่รู้จะถูกรึเปล่า อิอิ รบกวนพี่สาวแสนดี ช่วยชี้แจ้งแถลงไข ด้วยขะรับ หงิง หงิง จากคุณ : สุมาเต๊กโช - [ 8 มี.ค. 48 14:16:51 ]

ความคิดเห็นที่ 107 มาตามหาเนื้อไม้ด้วยครับ จากคุณ : ยิ้ม (ลำชี) - [ 8 มี.ค. 48 16:00:32 ]

ความคิดเห็นที่ 108 ผมอยากจะตอบเรื่อง สโตร์ครับ   แต่ .....   ไม่กล้าตอบครับ  ( แป่ววววว ) เพราะว่า  ผมเองยังไม่ได้เข้าไปสัมผัสกับธุรกิจขนาดนี้เลยครับ   ก็เลยไม่กล้าเดาครับ   ( ถ้าให้ตอบ ก็คงเป็นคำตอบเดียวกันกับที่เพื่อน ๆ ได้ตอบมาแล้วครับ ) ................................... ขอเวลาคิดก่อนนะครับ     เพราะยังมองไม่เห็นเลยครับในสิ่งที่คุณนินจา พยายามบอกใบ้ครับ ................................. เพราะเท่าที่ผ่านมา   ผมเองเพิ่งเป็นเพียงธุรกิจส่วนตัวเล็ก ๆ     จึงยังมองไม่ออกว่า    การเป็นเจ้าของระบบธุรกิจเต็มรูปแบบนั้น   เค้ามุ่งอะไร   สร้างอะไร   ใช้กลไกอะไร  และ  มีอะไรเป็นตัวหนุนการเคลื่อนของกระแสเงิน ...................................... อยู่ ๆ  ผมก็กระโดดข้ามมาอยู่ด้านลงทุนเลย    ก็เลยขาดหายไปในส่วนของสิ่งที่น่าจะได้รับรู้ ................................ ก็เลยต้องมาตาม   ลอกข้อสอบก่อนครับ  ( แป่ววววว    ...  ไม่ได้พูดเล่นนะครับ   มาลอกจริง ๆ  ) ................................. คิดว่า     ถ้าสักวันได้เห็นคำตอบแล้ว    ผมจะสามารถนำมันมาใช้ได้อย่างแน่นอนครับ     แต่ตอนนี้  .....  ขอเลื่อนเวลาส่งการบ้านก่อนนะครับ .................................... เด่นศรี  ครับ จากคุณ : เด่นศรี - [ 9 มี.ค. 48 02:17:09 ]

ความคิดเห็นที่ 109 ไปแอบระดมความเห็นจากเพื่อนๆมาครับ ............................................................................................. ได้ความเห็นที่น่าสนใจมา 2 อย่างครับคือ ขายสินค้าที่เป็นproductของตัวเอง(ที่คุณสุมาเต็กโชตอบไปแล้ว) .............................................................................................. กับ ออกบัตรเครดิตของตัวเองเพื่อให้ลูกค้าซื้อสินค้าเป็นเงินเชื่อแล้วได้รายได้จากดอกเบี้ยครับ ........................................................................................ ผมว่าอย่างหลังน่าสนใจนะครับ แต่ไม่รู้ว่าจะถูกรึเปล่า ต้องรอให้พี่นินจามาเฉลยแล้วครับ ส่วนช่วงนี้ขอตัวไปคิดต่ออีกครับ เผื่อได้ไอเดียเพิ่มครับ ............................................................................................... จากคุณ : กระบี่ไร้เงา - [ 9 มี.ค. 48 09:38:50 ]

ความคิดเห็นที่ 110 สวัสดีค่ะทุกๆท่าน พี่เด่นฯคะ ..... การที่พี่เด่นฯ ไม่คุ้นเคยหรือไม่สัมผัสกับธุรกิจนี้ พี่เด่นฯ มองว่าเป็นจุดด้อย .... แต่จริงๆอาจเป็นจุดเด่นก็ได้นะคะ ...... พี่เด่นฯ มีพื้นฐานที่ดีอยู่แล้ว การที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน (รูปแบบใด รูปแบบหนึ่ง) อาจทำให้  "เห็น" อะไรที่แตกต่าง ก็ได้ค่ะ .... พี่เด่นฯ อย่ายึดติดนะคะ .... อย่ายึดว่า ... จะเห็นจากที่เห็นด้วยตา จะรู้จากที่สัมผัส (สิ่งต้องกาย) .... สำหรับธุรกิจเล็กๆของพี่เด่นฯ ที่พี่เด่นฯกล่าวถึง ...... นินจา มองเห็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ตามมาแล้วค่ะ .... ที่บอกว่า ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่พูดถึงอิสรภาพทางการเงินอย่างเดียวนะคะ ... นินจาหมายถึงว่า ... ร้านขายยาเล็กๆ จะสร้างอิสรภาพทั้งทางการเงินและทางอื่นๆให้ได้อย่างไร และยังกระทำเพื่อสมดุล พร้อมทั้งตอบแทนสังคมได้อย่างยั่งยืนอีกด้วยค่ะ ******** สวัสดีค่ะน้องกระบี่ฯ ที่น้องระดมความคิดจากเพื่อนๆมา เป็นสิ่งที่เยี่ยมยอดมากๆค่ะ สรุปได้ดีมากๆค่ะ (แม้จะยังไม่ คลิ้ก แต่ใกล้เข้าไปอีกนิดแล้วค่ะ) ที่บอกว่าใกล้ แต่ยังไม่ใช่คือ ประเด็นที่น้องฯ พูดถึง "การออกบัตรเครดิตของตัวเองเพื่อให้ลูกค้าซื้อสินค้าเป็นเงินเชื่อแล้วได้รายได้จากดอกเบี้ยครับ" ..... ขอบคุณน้องกระบี่ฯ ที่นำความเห็นมาแชร์กับเพื่อนๆนะคะ ยังไงยังรอฟังต่อนะคะ .... ******** แล้วจะมาคุยต่อค่ะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : คนชื่อนินจา - [ 9 มี.ค. 48 10:14:33 ]

ความคิดเห็นที่ 111 มาแจมตอบคับ นอกจากโลตัสจะมีรายได้จากค่าเช่าพื้นที่  ค่าขายสินค้าแล้ว  น่าจะมีรายได้อื่นๆ ที่แฝงอยู่ข้างหลัง ดังนี้คับ 1. รายได้ตัวแรกที่ผมมอง คือ  ค่าโฆษณา  หรือเปล่าคับ ไม่ว่าจะขายได้มากไม่ได้มาก  ไม่ว่าจะเก็บค่าเช่าพื้นที่ได้คุ้มหรือไม่  โลตัสก็ยังมีรายได้จากค่าโฆษณาสินค้าที่เขาเก็บในรูปแบบค่าตั้งกอง  ค่าหัวชั้น  โฆษณา ณ จุดแคชเชียร์   2.  รายได้ค่าดอกเบี้ยในการลงทุนอะไรก็ได้  เพราะเงินหมุนของโลตัสมีเป็นล้านล้านบาท  คงได้ดอกเบี้ยหนึ่งวันพอที่จะกำไรเป็นเนื้อเป็นหนังคุ้มค่าแน่นอนคับ กล่าวคือ  เขายอมเสียเงินสร้างพื้นที่ใหญ่โต  ยอมซื้อของมาขายในราคาต่ำมากๆ ( เชื่อว่าช่วงแข่งขันสูงต้องขาดทุนแน่ๆ  ในบางรายการ ) ก็เพื่อทำให้เกิด Transaction ทางการเงินมหาศาล  เพื่อเขาจะได้เอาเงินไปเก็งกำไร หาดอกเบี้ย หรืออื่นๆ อ่ะคับ  เพราะกำไรของสินค้าเทียบกับปริมาณเงินที่หมุนเวียนของโลตัสต่อวัน  เทียบกันไม่ได้อยู่แล้ว  จริงไหมคับ  อ้อ ลืมเรื่องเงินกู้ที่เป็นผลพลอยได้จาก Transaction การเงินที่มหาศาลนี้ไปเลย แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 48 11:42:05 แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 48 11:41:18 แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 48 10:40:50 จากคุณ : คนติดค้างการบ้านคนหนึ่ง (หนุ่มน้อย ณ บาบิโลน) - [ 9 มี.ค. 48 10:38:27 ]

ความคิดเห็นที่ 112 สวัสดีครับพี่นินจา (1) น้องชิน ต้องการอะไรบ้าง จากหลักสูตรนี้คะ? ตอนเเรกที่เรียนเพราะพ่อแม่ต้องการให้เรียนจบสูง เสียดายตังค์เหมือนกัน เพราะโดยส่วนตัวเป็นคนอ่าน หนังสือเองอยู่แล้ว และสนใจอะไรก็จะไปหาอ่านเอง ยิ่งยุคนี้หาข้อมูลง่ายมากๆเลยครับ หนังสือดีๆก็มีเยอะมากเลยครับ ผมชอบการลงทุนครับ เลยอ่านหนังสือแนวการลงทุนค่อนข้างมาก เลยตัดสินใจไม่เรียน MBA ครับ เพราะคิดว่าหาอ่านเองได้ ที่สนใจเรียนอสังหา เพราะคิดว่าตัวเองอ่อนด้านภาษา ด้านกฏหมาย  และเรื่องทริคละเอียดอ่อนเล็กน้อยๆ เลย หวังว่า  การเรียนต่อด้านอสังหา จะเปิดมุมมอง การลงทุน และ การใส่ใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆของสิ่งต่างๆได้ดีขึ้น ครับ  รวมทั้งต่อยอดการลงทุนในอนาคตครับ ที่คิดไว้ กระแสเงินสด หมุนไปหมุนมาเกื้อหนุนกันได้ ถ้าวางแผนดีๆ เลยเลือกเรียนด้านนี้ครับ (2) น้องชิน จะให้เวลากับสิ่งไหนมากที่สุด กับการเรียนครั้ง นี้คะ ที่อยากลงทุนเวลาด้วยที่สุดคือ case study ครับ คือคุย กับ คนที่ทำจิงๆ เลย อยากได้idea พวกนั้นมากๆ เลย อย่างเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา พอฟัง พี่แมนที่ทำ อสังหา พูด ถึงธุรกิจของเขา ทำให้เราเห็นว่า ธุรกิจอสังหา ถ้า มองเห็นทาง การลงทุนในอสังหาแทบไม่ต้องใช้เงินทุน เลย ขอบคุณพี่เขามากๆเลยครับ (3) คำถามอื่นๆ น้องชินลองตั้งคำถาม และหาคำตอบไว้ ด้วยนะคะ ... แล้วมาแชร์กันค่ะ .... คำถามนะครับ คือทุกวันนี้ผมยังไม่ค่อยมั่นใจว่า เหมาะสมที่จะ ต่อยอดการลงทุนมาทางอสังหาริมทรัพย์ ไหม เพราะผมไม่เก่งเรื่องการจัดการกับ ผู้คน ผมกังวลว่า ถ้าจะเก็บค่าเช่า เราจะไม่กล้าทวง เพราะ สงสาร หรือใจ อ่อน ถ้าจะขายก็ เป็นคน ต่อง่าย แบบว่า อะๆ ให้ไปเหอะ อะไรแนวๆนี้อะครับ รวมทั้ง ผมลงทุนในหุ้นมาตลอด เลย กังวลว่า ถ้าลงทุนในอะไรที่สภาพคล่องต่ำ จะทนไหวไหม แล้ว ถ้าลงทุนในอสังหา ก็ไม่รู้ว่า ชีวิตมันจะไป คนละคุ้งคนละแควกะที่ชอบหรือเปล่า ซึ่งคำตอบก็คงบอกว่า ยังไม่ทราบได้ เพราะยังมีความรู้ ความเข้าใจในอสังหาธุรกิจไม่มากพอ แต่คิดว่า จะเรียนไป ก่อน เพราะ คิดว่าอสังหาเอาไปประยุกต์ใช้กับอะไรได้ต้อง หลายอย่างอยู่แล้วครับ (ไม่ได้ก็จะทำให้ได้ครับ ^_^) จากคุณ : chinn - [ 9 มี.ค. 48 16:07:57 ]

ความคิดเห็นที่ 113 เข้ามาขอบคุณครับ ซึ่งไม่รู้ว่ามันจะเพียงพอหรือไม่ มันอาจจะเป็นพลังทวีจากคำถามที่ดีคำถามหนึ่ง บวกกับพลังทวีของความตั้งใจของทุกๆท่านที่เข้ามาร่วมกัน จากคุณ : utto - [ 9 มี.ค. 48 22:52:18 A:203.146.58.129 X: TicketID:054446 ]

ความคิดเห็นที่ 114 เมื่อคืนเอากลับไปฝันเลยครับ คำถามของพี่นินจายากจริงๆ ถ้าประโยคที่ว่า "การออกบัตรเครดิตของตัวเองเพื่อให้ลูกค้าซื้อสินค้าเป็นเงินเชื่อแล้วได้รายได้จากดอกเบี้ยครับ" ..... เกือบใช่ แต่ยังไม่คลิ้ก ผมก็ได้ความคิดมาจากในฝันอีกอย่างนึงครับ ไม่รู้ว่าตอบแล้วมันจะไกลออกไปกว่าเดิมรึเปล่า คืออย่างงี้ครับ ธุรกิจประเภทนี้จะได้เครดิตการค้าระยะยาวจาก Suppliers ขนาดใหญ่ (น่าจะประมาณ 2-3 เดือน ไม่แน่ใจครับ) ส่วนตัวเองก็เก็บค่าสินค้าเป็นเงินสดหรือให้เครดิตระยะสั้นกว่ากับลูกค้าที่มาซื้อสินค้าครับ ทำให้สามารถนำเงินส่วนนี้ไปหมุนลงทุนระยะสั้นๆได้ครับ ไม่รู้ว่ามันใกล้เข้ามารึเปล่า หรือ ห่างออกไปอีกครับ แต่ก็จะพยายามคิดอีกครับ ยิ่งคิดยิ่งสนุก+ยิ่งรู้ว่าเรายังไม่รู้อะไรอีกเยอะแยะเลย จากคุณ : กระบี่ไร้เงา - [ 10 มี.ค. 48 08:12:32 ]

ความคิดเห็นที่ 115 ซ้อไปคิดแล้วก็เห็นเหมือน คุณกระบี่ไร้เงาค่ะ.. แต่คิดว่าฐานบัตรเครดิตของโลตัส ไม่น่าจะเยอะมากนะคะ ไม่น่าถือเป็นรายได้หลักได้เลยแหละ.. ถ้าใช่ ก็ถือว่าไม่น่าเชื่อเลย อือ ซ้อสี่ค่ะ จากคุณ : ซ้อสี่ค่ะ (คิมิเอะ-จัง) - [ 10 มี.ค. 48 11:13:12 ]

ความคิดเห็นที่ 116 มาลอกการบ้านต่อครับ   แต่ .... ยังไม่ใครให้ลอกเลย   ( แง๊  แง๊  แง๊ ) ........................ ขอถามคำใบ้เพิ่มเติมนะครับ หากว่า  ผมทำธุรกิจส่วนตัว ( ขายยา )ขนาดเล็กอยู่     แต่คิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะเลิกทำงาน ก็เลยต้องการที่จะเลิกขายยา    โดยการเปิดร้านยาเพิ่ม  แล้วจ้างคนอื่นมาดูแล    มาคุมร้าน ผมจะแก้ปัญหา และวางระบบอย่างไรครับ  เพื่อป้องกันการทุจริตจากเพื่อนร่วมงาน  หรือจากผู้ร่วมลงทุน ........................ ขอคำใบ้ด้วยนะครับ      ....   แป่วววววววว  ตะแหน่วววว  หงิง หงิงงงงงงง ............................. แล้วผมจะพยายามโยงเข้าหาโลตัส  บิ๊กซีให้ได้ครับว่า  คำตอบมันคืออะไร แต่ตอนนี้   ....  ตายังพร่า ๆ  อยู่เลยครับ  ( ยิ้ม ) เด่นศรี  ครับ จากคุณ : เด่นศรี - [ 11 มี.ค. 48 13:51:56 ]

ความคิดเห็นที่ 117 อันดับแรก พี่สี่ว่า ต้องคัดสรรคนที่จะมาทำงานด้วยกับเรา หรือ ผู้ร่วมลงทุนว่าเขามีจริยธรรมหรือเปล่า ... ถ้าเป็นองค์กรใหญ่ๆ โดยปกติจะส่งพนักงานไปอบรมธรรมะเป็นประจำปีละครั้ง .. ให้เขามีสำนึกที่ดี โดยเกิดจากตัวเขาเองก่อน แต่เรื่องการวางระบบป้องกัน ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำควบคู่กับไปด้วย ว่าแต่น้องเด่นฯ น่าจะระบุปัญหาออกมาได้เป็นข้อๆ หรือเป็นเรื่องๆ ว่ามีเรื่องอะไรบ้าง จะได้เห็นแนวทางชัดเจนขึ้น "คำตอบที่ดีขึ้น.. อยู่ที่คำถามที่ดีชึ้น" "คำถามที่ดีขึ้น .. น่าจะเป็นคำถามที่ชัดเจนขึ้น" หรือเปล่าน๊า จากคุณ : ซ้อสี่ค่ะ (คิมิเอะ-จัง) - [ 13 มี.ค. 48 08:32:53 ]

ความคิดเห็นที่ 118 ขอบคุณครับพี่สี่ ( แต่เดี๋ยวผมค่อยถามขึ้นกระทู้ใหม่เลยดีกว่านะครับ  เพราะอยากให้กระทู้นี้  เป็นเกี่ยวกับบททดสอบที่เพื่อน ๆ  ต้องทำส่งนินจาครับ ) (  เนื้อหากระทู้จะได้ไม่สับสนกันครับ   ( ยิ้ม )) ........................ เด่นศรี   ครับ จากคุณ : เด่นศรี - [ 13 มี.ค. 48 19:07:08 ]

ความคิดเห็นที่ 119 "ขนาด" ของคำถาม............. จะบ่งบอก........... "ขนาด" ของคำตอบด้วยครับ ซ้อสี่................. ..............................(ยิ้ม)ครับ จากคุณ : ฯกาเย - [ 13 มี.ค. 48 23:52:18 A:61.91.151.205 X: TicketID:051115 ]

ความคิดเห็นที่ 120 ขอบคุณค่ะพี่กาเยฯ จากคุณ : ซ้อสี่ค่ะ (คิมิเอะ-จัง) - [ 14 มี.ค. 48 12:21:32 ]

ความคิดเห็นที่ 121 สวัสดีค่ะทุกๆท่าน ขอบคุณทุกๆท่านมากๆค่ะ ******* มาชื่นชมน้องกระบี่ฯ ด้วยค่ะ .... ดีใจมากที่ได้ยินคำว่า "ได้คำตอบจากในฝัน" ..... สำหรับจิ๊กชอว์ ของน้องกระบี่ฯ (ความเห็นหลังสุดของน้องกระบี่ฯ) และคำตอบของเพื่อนๆทุกๆคนที่ร่วมเสนอความเห็น .... จะทำให้เห็นอะไรชัดยิ่งขึ้น .... ถึงตรงนี้ ขออนุญาตถามให้คิดเพิ่มเติมว่า .... สิ่งที่ได้จากการลงทุนรูปแบบต่างๆของดิสเคาท์สโตร์+ซูเปอร์เซ็นเตอร์ .... "เป็นคำตอบ จากคำถามอะไร" .... คิดได้เมื่อไร จะไม่ผิดหวัง ... จะเข้าใจเด่นชัดกับ ตัวอย่างที่ดี ตัวอย่างหนึ่งของ คำว่า "เนื้อไม้" และ "พลังทวีในการลงทุนรูปแบบต่างๆที่ไม่ต้องเริ่มต้นด้วยเงิน" ปล. ขออนุญาตให้สรุปให้ฟังวันที่พบกันนะคะ (ไม่สามารถเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรไว้ในที่นี้) ********* คำถามต่อมา ... ลองคิดเล่นๆนะคะ ท่านมีความเห็นอย่างไรกับคำกล่าวที่ว่า "เราตรวจสอบ สินค้ามากกว่า 8,000 รายการ ทุกสัปดาห์ให้ท่านมั่นใจได้ว่า สินค้าเราถูกจริงๆ" หรือคำกล่าวที่ว่า "หากเจอสินค้าราคาถูกกว่า เรายินดีคืนเงินให้ท่านสิบเท่าของส่วนต่าง" ฯลฯ ******** รอฟังคำตอบนะคะ ...... ตื่นเต้นจังค่ะ ******** แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 48 22:48:12 จากคุณ : คนชื่อนินจา - [ 14 มี.ค. 48 19:44:19 ]

ความคิดเห็นที่ 122 ช่วงนี้ยุ่งนิดหน่อย ... แต่มีความสุขมากๆกับงานวิจัยที่ทำ ... แหะ แหะ ชอบจริงๆค่ะ ..... ****** มิตติ้งในคลับฯ ช่วงนี้ คงไปแจมไม่ได้ ... แง แง ... แก้ไขเมื่อ 14 มี.ค. 48 22:43:59 จากคุณ : คนชื่อนินจา - [ 14 มี.ค. 48 19:52:54 ]

ความคิดเห็นที่ 123 การบ้านยาก  ยาก  อีกแล้ว ............................. ปีนี้  จะได้เลื่อนชั้นขึ้น  ป. 2  หรือเปล่าเนี่ยะ จากคุณ : เด่นศรี - [ 15 มี.ค. 48 00:41:59 ]

ความคิดเห็นที่ 124 แวะมาทักทายนิดค่ะ ระหว่างรอไอเดียจากเพื่อนๆสมาชิก ... พี่เด่นฯอยู่ ป.2 แล้วนินจาจะอยู่ป.ไหนล่ะคะ (ป.โป่ง ดีกว่า ...อิอิ....) ***** ยุ่งขนาดไหน ก็ไม่ลืมที่จะอ่านหนังสือทุกวัน (อ่านไป คิดไป จดไป) ... แล้วก็ได้สิ่งดีๆทุกวัน เมื่อคืนนี้ค่ะ อ่านพลังแห่งสติจบรอบที่สาม .... สุดยอดมากๆค่ะ จึงขอใช้เนื้อที่ กล่าวขอบคุณอย่างสูง แด่พี่ฯกาเย มา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ******** พี่กาเย ผ่านมา โปรดได้รับคำขอบคุณอย่างสูงจากนินจาด้วยนะคะ ช่วงนี้ ใช้ yahoomail ไม่ได้ ... เป็นกันบ้างมั้ยคะ ... หรือเป็นกับนินจาคนเดียวเอ่ย .... ******** ขอตัวก่อนนะคะ แล้วจะแวะมาบ่อยๆ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : คนชื่อนินจา - [ 15 มี.ค. 48 17:14:14 ]

ความคิดเห็นที่ 125 หวัดดีค่ะ นินจา .. เพลินใหญ่เลย กับการทำงานวิจัย .. ดีใจด้วยค่ะ ซ้อขอลองแสดงความเห็นคำถามที่นินจาถามเล่นๆ นะคะ ท่านมีความเห็นอย่างไรกับคำกล่าวที่ว่า "เราตรวจสอบ สินค้ามากกว่า 8,000 รายการ ทุกสัปดาห์ให้ท่านมั่นใจได้ว่า สินค้าเราถูกจริงๆ" หรือคำกล่าวที่ว่า "หากเจอสินค้าราคาถูกกว่า เรายินดีคืนเงินให้ท่านสิบเท่าของส่วนต่าง" ซ้อว่า คำพูดนี้เป็นจิตวิทยาที่ทำให้ลูกค้ามั่นใจในเรื่องการตรวจสอบราคาของทางบริษัทฯ ว่ามีประสิทธิภาพ และราคาถูกกว่าแน่นอน คือ ลูกค้าไม่ต้องไปเดินเช็คเองหรอก เรารู้ว่าเสียเวลา เราตรวจสอบให้เองเลย.. ทุกรายการ ทุกสัปดาห์ ไม่ต้องห่วง .. สำหรับอีกข้อนึง .. ก็เป็นจิตวิทยาเหมือนกัน เหมือนการรับประกันสินค้าในสินค้าทุกอย่าง .. อันนี้เป็นพื้นฐานความมั่นใจที่ทางบริษัทให้กับลูกค้าค่ะ .. แต่จริงๆ แล้ว เนื่องจากลูกค้าเชื่อถือข้อความแรกแล้ว ข้อความนี้ก็ช่วยเสริมให้ลูกค้ายิ่งมั่นใจมากขึ้น และ ไม่ตรวจเช็คราคา ลูกค้าส่วนใหญ่เมื่อมั่นใจแล้ว ก็ซื้อของที่ดิสเคาน์สโตร์นั้น และก็กลับไปเช็คราคากับที่อื่นน้อยมากค่ะ อันนี้ซ้อว่า มันยังเป็นเปลือกไม้อยู่ แต่แนะนำด้วยนะคะ จากคุณ : ซ้อสี่ค่ะ (คิมิเอะ-จัง) - [ 16 มี.ค. 48 11:10:43 ]

ความคิดเห็นที่ 126 แฮ่ เข้ามาอ่านแล้วครับ เดี๋ยวผมกลับมาตอบคำถามพี่นินจานะครับ ขอเอาไปคิดก่อนครับ เอ๊ะหรือว่าลอกการบ้านซ้อฯดีนะ จากคุณ : กระบี่ไร้เงา - [ 16 มี.ค. 48 11:29:15 ]

ความคิดเห็นที่ 127 ตอบคำถามพี่นินจา คห. 121 ครับ พี่นินจาถาม --- สิ่งที่ได้จากการลงทุนรูปแบบต่างๆของดิสเคาท์สโตร์+ซูเปอร์เซ็นเตอร์ .... "เป็นคำตอบ จากคำถามอะไร" .... ผมตอบ --- คำตอบที่ดีขึ้นมาจากคำถามที่ดีขึ้นใช่ไหมครับ ผมพยายามคิดแล้วคิดอีกก็คิดได้ไม่ลึกเท่าที่อยากจะให้เป็น เอาเป็นว่าลองตอบดูก่อนนะครับ ถูกผิดอย่างไรพี่แก้ให้ด้วยครับ ผมคิดว่าน่าจะเป็นคำตอบจากคำถามที่ว่า "เราจะสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าเป้าหมายให้ได้มากที่สุดอย่างไร โดยบริษัทได้ประโยชน์สูงสุดด้วย"   พี่นินจาถาม --- คำถามต่อมา ... ลองคิดเล่นๆนะคะ ท่านมีความเห็นอย่างไรกับคำกล่าวที่ว่า "เราตรวจสอบ สินค้ามากกว่า 8,000 รายการ ทุกสัปดาห์ให้ท่านมั่นใจได้ว่า สินค้าเราถูกจริงๆ" หรือคำกล่าวที่ว่า "หากเจอสินค้าราคาถูกกว่า เรายินดีคืนเงินให้ท่านสิบเท่าของส่วนต่าง" ฯลฯ ผมตอบ --- คล้ายๆพี่ซ้อสี่ ครับ แต่คิดว่าเป็นการทำให้ลูกค้าตายใจ ลดการตรวจสอบสินค้าว่าถูกหรือแพงกว่าที่อื่นอย่างไร + ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าเร็วขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากเชื่อว่าราคาสินค้าถูกกว่าที่อื่น สรุป ช่วยเร่งให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าให้เร็วขึ้น โดยอาศัยความเชื่อครับ ...... ปล. รอให้พี่ๆเพื่อนๆทุกท่านช่วยชี้แนะด้วยครับ ขอบคุณครับ ..... แก้ไขเมื่อ 17 มี.ค. 48 08:53:17 แก้ไขเมื่อ 17 มี.ค. 48 08:52:39 จากคุณ : กระบี่ไร้เงา - [ 17 มี.ค. 48 08:51:43 ]

ความคิดเห็นที่ 128 มาลอกการบ้านพี่สี่กับคุณ กระบี่ไร้เงา  ครับ   ............................... ( แป่ว  วววววววว ) ........................................ หมายถึงว่า  ทางห้างเค้ากำลังเพิ่มมูลค่าให้แก่ตัวเค้าเองหรือเปล่าครับ    โดยการตรวจสอบถึงความต้องการของลูกค้า  แล้วนำความต้องการนั้นออกมาสื่อ และ เสนอให้ลูกค้าเห็นครับ .................................... มีใครให้ลอกอีกมั้ยครับเนี่ยะ   ....................................... จากคุณ : เด่นศรี - [ 17 มี.ค. 48 10:48:28 ]

ความคิดเห็นที่ 129 ภูมิใจจัง คุณเด่นศรีมาลอกคำตอบ อิอิ ระวังสอบตกนะครับ เพราะผม มั่วเอา พยายามตอบไปเรื่อยๆ เผื่อฟลุ๊ก ถ้าไม่ถูก เดี๋ยวพี่นินจาก็มาใบ้เพิ่ม(หวังว่านะครับ) ................... จากคุณ : กระบี่ไร้เงา - [ 17 มี.ค. 48 11:47:16 ]

ความคิดเห็นที่ 130 สวัสดีทุกๆท่านค่ะ ... แวะมาแป๊บ ******* สรุปเบื้องต้นได้ว่า อาซ้อคิดว่า คำพูดนี้เป็นจิตวิทยาที่ทำให้ลูกค้ามั่นใจในเรื่องการตรวจสอบราคาของทางบริษัทฯ ว่ามีประสิทธิภาพ และราคาถูกกว่าแน่นอน คือ ลูกค้าไม่ต้องไปเดินเช็คเองหรอก เรารู้ว่าเสียเวลา เราตรวจสอบให้เองเลย.. ทุกรายการ ทุกสัปดาห์ ไม่ต้องห่วง น้องกระบี่ฯ คิดว่าเป็นการทำให้ลูกค้าตายใจ ลดการตรวจสอบสินค้าว่าถูกหรือแพงกว่าที่อื่นอย่างไร + ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าเร็วขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากเชื่อว่าราคาสินค้าถูกกว่าที่อื่น สรุป ช่วยเร่งให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าให้เร็วขึ้น โดยอาศัยความเชื่อครับ พี่เด่นฯ มีความเห็นว่า ทางห้างเค้ากำลังเพิ่มมูลค่าให้แก่ตัวเค้าเองหรือเปล่าครับ    โดยการตรวจสอบถึงความต้องการของลูกค้า  แล้วนำความต้องการนั้นออกมาสื่อ และ เสนอให้ลูกค้าเห็นครับ *********** เหล่านี้คือ "ความต้องการ และ ความเชื่อ" ของผู้บริโภค ... แต่จะมีผู้บริโภคสักกี่คน ที่ทราบว่า "ข้อเท็จจริง" เป็นอย่างไร ....... และยิ่งน้อยมากๆๆ ที่คิดจะ "ค้นหาข้อเท็จจริง" ... ว่าเป็นอย่างไร ******* สินค้าถูกจริงหรือไม่ ...... มีผู้บริโภคคนไหนจะตรวจสอบ 8,000 รายการ ...... แล้วจริงๆสินค้าทั้งหมด มีอยู่กี่รายการ ...... แล้ว 8,000 รายการนั้น ราคาถูกจริงหรือไม่ ....... แล้วนอกจาก 8,000 รายการนั้น ราคาเป็นอย่างไร ...... ******** ลองคิดเล่นๆนะคะ เดี๋ยวมาต่อให้ค่ะ .... เริ่มสนุกหรือยังคะ ...... ขอบคุณค่ะ จากคุณ : คนชื่อนินจา - [ 17 มี.ค. 48 15:53:13 ]